ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #18 : 18 ll Tell me the true

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      216
      28 ก.ย. 62


    18


    Tell me the true



     


                กิจวัตรประจำวันอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่งเพิ่มมาในปีนี้ของจอร์จนอกจากหาอะไรสนุกๆ ทำ ให้โดนหักคะแนนเล่นๆ คือการมานั่งรอคอย

    อย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์แต่เช้าเพื่อคอยดูว่าวันนี้ทรงผมของลูน่าจะเป็นยังไง

                

              เพดานเวทมนตร์ในห้องโถงใหญ่ของเช้าวันนี้มีเมฆครึ้ม ดูอึมครึมชวนให้รู้สึกหดหู่ แต่ฝาแฝดวีสลีย์ยังคงร่าเริงตลอดเวลาในทุกสภาพ

    อากาศ โดยเฉพาะจอร์จที่เดินทักทายคนอื่นไปทั่วตลอดทางเดินมาห้องโถงใหญ่ ผิดกับนักเรียนชั้นปีห้าคนอื่นที่เริ่มจริงจังกับเรื่องเรียน

    มากขึ้นเพราะปีนี้พวกเขาต้องสอบ ว.พ.ร.ส.

                

              อาหารเช้าหลากหลายชนิดวางเต็มโต๊ะจนเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี ขณะที่เฟร็ดกำลังคิดอย่างหนักว่าจะกินอะไรให้คุ้มที่สุด 

    นั่นกลับไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับจอร์จ เขาหยิบอะไรได้ก็กินอันนั้นระหว่างที่นั่งเท้าคางและสายตาก็มองเด็กสาวบ้านเรเวนคลอไปด้วย

                

              ดูเหมือนมาเรียจะกลายเป็นช่างทำผมประจำตัวลูน่าไปแล้ว ทุกเช้าเธอจะมีความสุขอยู่กับการจัดการผมหนารุงรังสีบลอนด์

    ของเพื่อนสนิทให้เป็นทรง และยิ้มอย่างภูมิใจกับผลงานตัวเองเมื่อผมที่ดูรกเป็นระเบียบมากขึ้น วันนี้มาเรียรวบผมลูน่าขึ้นเป็นทรงหางม้า

    แล้วถักเปียยาวลงมา ผูกด้วยโบว์เส้นเล็กสีน้ำเงินเข้ากับสีเสื้อคลุม


              “มองอะไรน่ะ” เฟร็ดเอียงตัวเข้าหาแฝดคนน้องของเขาที่นั่งเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พลางทอดสายตามองตามทิศทางที่จอร์จมองไป

                

              สายตาจอร์จเหลือบขึ้นข้างบนทันที “มองเพดาน ไม่ได้เห็นมาตั้งสองเดือน คิดถึงจะแย่”

                

              “ท้องฟ้าเนี่ยนะ” เฟร็ดเงยหน้ามองดูบ้างแล้วค้างอยู่อย่างนั้น “แค่ชะโงกหน้าออกจากบ้านมองท้องฟ้าก็เห็นแล้วไหม ท้องฟ้าน่ะ”

                

              “มันไม่เหมือนกันนะ รู้ไหม” จอร์จบอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนได้ยินเสียงกลุ่มน้องชายของเขากำลังพูดเรื่องลูน่าลอยมาเข้าหูพอดี

                

              “วันนี้ถักเปียเดียวล่ะ” รอนพูดพลางยกศอกกระทุ้งสีข้างแซวเชมัสที่เอาแต่มองคนผมบลอนด์บ้านเรเวนคลอตาหวานเยิ้ม


              “จะกี่เปียหรือทรงไหนฉันก็ชอบหมดแหละ” เชมัสบอกกับรอนก่อนเอื้อมมือหยิบแก้วพร้อมด้วยรอยยิ้ม ก่อนชะงักเพราะนึกอะไรขึ้นได้ 

    เขาก้มหน้ามองน้ำในแก้วและดมกลิ่นให้แน่ใจว่าไม่ใช่โคลนหรือน้ำมันพืช เมื่อแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยก็ดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

    โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสายตาจากรุ่นพี่บ้านเดียวกันกำลังจ้องเขาเขม็ง ไม่รู้ว่าเชมัสควรจะดีใจดีไหมที่ตัวเองสามารถทำให้จอร์จ

    ละสายตาจากลูน่ามามองเขาแทนแบบนี้ได้

                

              เชมัสเห็นลูน่ากับมาเรียลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเตรียมตัวไปเรียนคาบแรกก็รีบกระดกนมในแก้วที่เพิ่งเติมใหม่จนหมด คิดจะลุกตามไป 

    ทว่าเท้ากลับไม่ยอมขยับได้อย่างใจคิด

                 

              “พวกฉันไปก่อนนะ” เฟร็ดลุกขึ้นบอกกับพวกปีสามที่ยังนั่งเฉิ่มจนใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วก่อนเดินผ่านไป ตามด้วยจอร์จ

    ที่เดินตามกันมาติดๆ เขายกมือขึ้นตบบ่าเชมัสสองสามทีแล้วเดินไปหาลูน่าที่กำลังจะออกจากห้องโถงใหญ่

                

              “มัวนั่งทำอะไรอยู่ล่ะ เชมัส นายบอกจะไปทักลูน่าไม่ใช่เหรอ” รอนกระซิบถามพลางพยักพเยิดไปทางคนตัวเล็กตรงประตู

                

              “ก็อยากจะไป แต่ฉันไปไม่ได้”

                

              “หมายความว่าไง ไม่มีใครรั้งนายไว้สักหน่อย” ดีนเลิกคิ้วถาม

                

              “ไม่มีใครรั้ง แต่รองเท้าฉันเนี่ยแหละที่รั้งฉันเอาไว้”

                

              แฮร์รี่กับรอนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก้มตัวลงมองใต้โต๊ะ เห็นยางเหลวๆ สีเขียวอยู่ตรงที่เชมัสเหยียบพอดี

                

              “นายก็ถอดรองเท้าแล้วใช้มือดึงรองเท้าออกสิ” รอนเสนอ แค่เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็คิดไม่ได้!

               

              เชมัสก้มลงแก้เชือกผูกรองเท้าตามคำแนะนำแล้วโน้มตัวดึงรองเท้า ต่อให้กระชากก็แล้ว ใช้เท้ายันเก้าอี้ก็แล้ว แต่ดึงเท่าไรก็ดึงไม่ออก 

                

              “จะหัวเราะกันอีกนานไหม มาช่วยกันหน่อย ฉันไม่อยากเดินเท้าเปล่าไปเรียนนะ!”

                

              รอน แฮร์รี่และดีนหยุดหัวเราะพลางลุกมาช่วยดึงอีกแรง ส่วนเนวิลล์ยืนเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ เพราะคิดว่ามีคนช่วยเยอะพอแล้ว

    กับรองเท้าแค่คู่เดียว

                

              แต่ใครจะไปคิดว่ารองเท้าแค่คู่เดียวของเชมัสมันจะดึงออกยากเย็นขนาดนี้ กระทั่งพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางนี้ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น

    นอกจากฝาแฝดผมแดงสักคนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้

                

              “ทำไมถึงได้ขี้ลืมแบบนี้นะ” จอร์จบ่นกับตัวเอง แล้วหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้มาพาดบ่า “ยังอยู่นี่กันอีก? พวกนายกำลังจะสาย

    แล้วนะ”


              “อยากไปจะแย่อยู่แล้ว” รอนบอกพลางใช้หลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ไม่รู้ใครเล่นพิเรนทร์ รองเท้าเชมัสติดหนึบอยู่กับพื้น 

    ดึงยังไงก็ไม่ยอมออก นายช่วยหน่อยสิ”


              “อยากช่วยนะ แต่ฉันไม่มีเวลาแล้ว พยายามเข้าล่ะ!” จอร์จเดินมาตบบ่าให้กำลังใจเจ้าของรองเท้ากับรอน แล้วเดินออกจากตรงนั้น

    พลางเก็บไม้กายสิทธิ์เข้ากระเป๋าเสื้อคลุม ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นบนหน้าของเขา


              “เอาเถอะ ลองอีกสักครั้ง ถ้าครั้งนี้ดึงไม่ออกพวกนายต้องถอดรองเท้าเดินเป็นเพื่อนฉันนะ”

                

              “เรื่องอะไร ยังไงครั้งนี้ก็ต้องออกอยู่แล้ว” ดีนถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมพร้อม

                

              เชมัสจับรองเท้าตัวเองเอาไว้แน่นพลางนับเลขบอกเพื่อนอีกสามคนที่จับแขนเขาอยู่อีกที

                

              “เอาล่ะนะ หนึ่ง สอง สา...!!”

                

              ยังไม่ทันนับถึงสามดี ร่างเชมัสที่ออกแรงดึงเต็มที่ก็หงายหลังออกมาพร้อมกับรองเท้าในมือ ทำเอารอน แฮร์รี่แล้วก็ดีนล้มคะมำไปกอง

    อยู่ที่พื้นด้วยกันกับเขา เกิดเสียงโอดโอยไปตามๆ กัน ขณะที่เชมัสจ้องรองเท้าในมืออย่างงุนงง           

                

              “ฉันว่าลูน่าของนายมีคนจองแล้วล่ะ สามครั้งแล้วนะที่นายพูดถึงเด็กคนนั้นแล้วเกิดเรื่อง” เนวิลล์เดินมาช่วยแฮร์รี่ที่ถูกทับอยู่ล่างสุด

    ให้ลุกขึ้นพลางพูดถึงข้อสันนิษฐานที่เขาคิด

                

              “ไม่ใช่หรอก นี่ต้องเป็นฝีมือพีฟส์แน่ เมื่อวันเปิดเทอมฉันเพิ่งไปทะเลาะกับเจ้าผีนั่นมา” เชมัสปัดความคิดเห็นของเนวิลล์ตกไป 

    เพราะคิดฝังใจมาตั้งแต่คราวที่กินน้ำมันพืชเพราะเห็นพีฟส์หัวเราะเยาะเย้ยเขา



              ปกติในห้องน้ำหญิงอันเป็นที่พักพิงเปรียบเสมือนบ้านของเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญจะไม่ค่อยมีใครมาแบบเป็นมิตรเท่าไรนัก 

    ยกเว้นลูน่าที่เป็นเหมือนเพื่อนคลายเหงาของเธอ และน้อยคนนักที่วิญญาญจอมคร่ำครวญคนนี้จะเอ็นดูใครสักคนเหมือนเป็นน้องสาวตัวเอง

                

              แต่แล้วเมื่อสองสามวันที่ผ่านมากลับมีนักเรียนสามคนบ้านกริฟฟินดอร์เข้ามาใช้ที่ของเธอสำหรับปรุงน้ำยาสรรพรส โดยไม่ยอมบอก

    เหตุผลด้วยว่าทำไมถึงมาปรุงยาที่ยุ่งยากขนาดนี้ที่นี่

                

              ถึงอย่างนั้นเมอร์เทิลก็ไม่ออกปากไล่คนกลุ่มนั้นไปเพราะหนึ่งในนั้นมีคนที่เธอชอบอยู่ ...แฮร์รี่ พอตเตอร์ และวันนี้เขาก็อยู่ด้วย 

    เพียงแต่เธอไม่เห็นเด็กหญิงคนผมฟูที่พวกเขาเรียกกันว่า เฮอร์ไมโอนี่ กับเด็กชายผมแดงตระกูลวีสลีย์


              “อ้าว เธอมาหาฉันเหรอ แฮร์รี่” เมอร์เทิลส่งตาเป็นประกายให้เด็กชายผมดำดูยุ่งเหยิงที่เดินเข้ามาคนเดียว


              “เอ่อ...อีกเดี๋ยวคนอื่นก็ตามมาแล้วล่ะ เมื่อกี้ผมได้ยินคุณพูดว่าลูน่า ใช่ไหม? ตอนแรกน่ะ”


              “อ้อ ใช่ ปกติลูน่าจะมาคุยเป็นเพื่อนฉัน หล่อนเป็นเด็กดีนะ ไม่ขว้างปาอะไรใส่ฉันสักครั้งเดียวแถมมานั่งคุยกับฉันได้เป็นชั่วโมงๆ 

    --เธอรู้จักกันหรือเปล่า กับลูน่าน่ะ”


              “ฮะ เธอเป็นเพื่อนของผม...” เสียงแฮร์รี่แผ่วลง เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ข้างนอก “เมอร์เทิล คุณอย่าบอกพวกเขานะว่าผมมาแล้ว 

    เราพนันกันไว้ ถ้าใครมาถึงคนสุดท้ายต้องทำการบ้านวิชาปรุงยาให้คนมาก่อน ผมอยากแกล้งพวกนั้นให้ดีใจเก้อสักหน่อย” เขารีบอธิบาย

    เหตุผลแล้ววิ่งเหยาะๆ อย่างระมัดระวังไปหลบในห้องน้ำแคบๆ ห้องหนึ่ง


              แฮร์รี่ยิ้มขำเมื่อนึกถึงใบหน้ารอนกำลังดีใจที่ตัวเองไม่ใช่คนสุดท้าย แต่แล้วเมื่อลองฟังจังหวะการก้าวเดินกลับไม่คุ้นเอาเสียเลย 

    ฟังดูเหมือนกับคนคนนั้นกระโดดกระหย็องกระแหย็งมามากกว่า


              “สวัสดีค่ะ เมอร์เทิล” เสียงนิ่มฟังดูฝันๆ พูดขึ้นพร้อมเสียงประตูที่ปิดตามหลังเธอ

                

              แฮร์รี่รู้ได้ในทันทีว่าเป็นเด็กสาวบ้านเรเวนคลอจากน้ำเสียงฝันๆ ของเธอ และช่วงนี้ชื่อของเธอก็โผล่ออกมาบ่อยทีเดียวในบทสนทนา

    ระหว่างเขากับรูมเมทอีกสี่คนที่นอนห้องเดียวกัน บางทีถ้าเป็นเชมัสอาจพุ่งออกไปทักแล้วก็ได้ แต่เผอิญว่าเขาไม่ใช่

                

              แฮร์รี่ยืนอยู่เงียบๆ ในห้องส้วมเล็กๆ ที่ทั้งชื้นและไม่น่าเรียกตัวเองว่าห้องน้ำ เขายืนฟังเมอร์เทิลคุยกับลูน่ามาได้สักพักแล้ว 

    ดูเหมือนตอนนี้การรอคอยรอนกับเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป เมื่อได้ฟังเสียงนุ่มนิ่มฟังสบายหูเล่าเรื่องที่ได้เจอมาตลอดสัปดาห์นี้ 

    ซึ่งน่าสนใจทีเดียวที่ได้รู้ว่าฝาแฝดจอมแสบแห่งบ้านกริฟฟินดอร์หรืออาจเรียกไว้ว่าแสบที่สุดในฮอกวอตส์จะแอบมีมุมอ่อนโยนกับเขาด้วย

    โดยเฉพาะจอร์จ

                

              หากเป็นไปได้เขาอยากยืนฟังอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องที่รอนต้องแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองแน่เมื่อได้ฟัง

                

              ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งอยากรู้ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะรู้ตัวดีว่ามันเสียมารยาท จนมาถึงคำถามของเมอร์เทิลที่ทำเอาเขาชะงักเพราะไม่คาดคิดมาก่อน

                

              “เธอชอบแฮร์รี่หรือเปล่า” เสียงแหลมของเมอร์เทิลถามลูน่า ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่แต่แฮร์รี่ก็รอฟังคำตอบจนแทบลืมหายใจ


              โชคไม่เข้าข้าง ที่จู่ๆ จมูกเขารู้สึกคันยุบยิบขึ้นมาซะอย่างนั้น แฮร์รี่ยกมือบีบจมูกตัวเองเอาไว้...ก่อนจะจามออกมาเสียงดังลั่นห้องน้ำ 

    ไม่ถึงสิบวินาที ประตูห้องส้วมที่แง้มเอาไว้พลันเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ


              “สวัสดีแฮร์รี่”


              คนผมดำนึกโกรธตัวเองที่มาจามเอาในเวลาอย่างนื้ เขายกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขินพลางเงยหน้ามอง ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแวว

    ดีใจที่ได้เจอเพื่อนมากกว่าโกรธที่เห็นผู้ชายอย่างเขาอยู่ที่นี่และแอบฟังพวกเธอคุยกันเสียอีก “สะ--สวัสดีลูน่า เธอ เอ่อ... เข้ามาได้ยังไง”

                

              “ก็ที่นี่ห้องน้ำหญิง”

                

              “อ้อ ใช่ ถูกของเธอ ฉันไม่น่าถามแปลกๆ”


              “แต่ก็ไม่เคยมีใครมาใช้หรอกนะ -- เมอร์เทิลบอกแบบนั้น วันนี้เธอก็มาคุยกับเมอร์เทิลด้วยเหมือนกันเหรอ”


              “อะ..เอ้อ..ใช่ ใช่แล้ว”

              “งั้นเชิญตามสบาย ฉันจะออกไปแล้วล่ะ” ลูน่าหันไปโบกมือลาเมอร์เทิลแล้วเดินออกไปโดยไม่รอให้แฮร์รี่ได้พูดอะไรต่อ


              “เฮ้ --ฉันไปด้วย” แฮร์รี่ไม่มัวรอให้เมอร์เทิลรั้งเขาให้อยู่ที่นี่เลยวิ่งตามออกมา  ต่อให้ทำการบ้านแทนสองคนนั้นก็ยังดีกว่าอยู่กับ

    วิญญาณสาวสองต่อสองโดยที่ไม่รู้ว่ารอนกับเฮอร์ไมโอนี่จะมาเมื่อไร

                

              แฮร์รี่ไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้ายังไงดี เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเจอลูน่ายืนคุยอยู่กับฝาแฝดวีสลีย์ มีสายตาจากหนึ่งในสองคนนั้น

    ที่ส่งมาราวกับจะถามว่าทำไมถึงออกมาจากที่เดียวกันแบบนี้

                

              “เขาก็มาคุยกับเมอร์เทิลด้วยเหมือนกันน่ะ” เด็กสาวผมบลอนด์บอกอย่างเนือยๆ เมื่อเห็นทุกคนเอาแต่ยืนเงียบก่อนเดินไปหามาเรีย

    ที่กำลังเดินมาหาเธอ

                

              แล้วสถานการณ์ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนก็จบลงตอนที่รอนเดินมาอย่างร่าเริงแล้วกอดคอแฮร์รี่ให้เดินไปห้องโถงใหญ่สำหรับ

    อาหารเย็นโดยลืมที่นัดกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้ว...



              หลายวันต่อมา คนที่ไม่น่าจะมีความจำเป็นอะไรให้มาที่ห้องน้ำร้างแห่งนี้อย่างจอร์จกลับโผล่มาหลังเลิกเรียนตัวคนเดียว 

    จากที่เห็นลูน่ากับแฮร์รี่ออกมาจากห้องน้ำด้วยกันวันนั้น ถึงจะรู้ว่ามันไม่มีอะไรแต่ใจก็อดคิดไม่ได้


              “นี่เห็นเป็นห้องน้ำชายกันหรือไงยะ ถึงได้โผล่มารายวันกันแบบนี้!” เสียงหวีดแหลมของเมอร์เทิลดังขึ้นทันทีที่เธอเห็นว่า

    มีเด็กนักเรียนชายเข้ามารบกวนเธออีกแล้ว


              “คืองี้ --ฉันมีเรื่องอยากถามเธอนิดหน่อย”


              “คงไม่ได้ถามว่าจะจีบลูน่ายังไงดีใช่ไหม”


              “เปล่า...” คนผมแดงรีบตอบ ก่อนชะงักราวสามวินาที “พูดแบบนี้แสดงว่ามีคนเคยถามแล้วเหรอ”


              “ไม่ -- รู้ -- สิ ...ตกลงเธอมีเรื่องอะไร”


              “คือฉันแค่อยากถามเธอ...เมื่อหลายวันก่อน เอ่อ... มีคนมาคุยกับเธอใช่ไหม สองคน ตอนเย็น...”


              “แฮร์รี่กับลูน่าน่ะเหรอ”


              “ใช่ ฉันอยากรู้ว่า เอ่อ...”


              “อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ ถึงฉันจะเป็นผีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเวลาให้เธอได้ทั้งวันนะ”


              “ก็มัน...จะเริ่มยังไงดี แบบว่าสองคนชายหญิงอยู่ด้วยกัน...จะว่ายังไงดีล่ะ”


              เมอร์เทิลกลอกตาไปมาพลางยกมือเท้าเอว “ฉันเข้าใจแล้ว เธอคิดว่าสองคนนั้นเข้ามาพลอดรักกันงั้นหรือ? ที่นี่มีฉันอยู่นะ 

    จะไปมีเรื่องอะไรอย่างนั้นได้ยังไง ลูน่าน่ะไม่ได้ชอบแฮร์รี่หรอก ฉันถามมาแล้ว ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ เขาออกจะหล่อ”


              “แล้วฉันล่ะ” จอร์จหลุดปากถามความเห็นบ้าง


              “ก็หล่อ แต่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของฉัน”


              “ฉันไม่ได้ถามผู้ชายในอุดมคติของเธอสักหน่อย”


              “แล้วจะให้ฉันคิดแทนลูน่าเหรอ” เมอร์เทิลหรี่ตามองอย่างจับพิรุธ “ถูกลูน่าปฏิเสธมางั้นสิ”


              “ฉันไม่ได้ถูกปฏิเสธ อีกอย่างฉันยังไม่ได้บอกว่าให้เธอคิดแทนใครเลยนะ”


              “ถึงฉันจะเป็นนักเรียนที่เด็กกว่าเธอแต่ฉันก็อยู่มานานกว่าเธอนะ ถ้าชอบล่ะก็ ฉันแนะนำให้เธอรีบบอกไปซะดีกว่า”


             “แล้วถ้าเกิดลูน่า..ไม่ใช่ลูน่า แต่เป็นคนอื่นน่ะ ...ฉันทำใจไม่ได้ ถ้าเธอคนนั้นไม่ได้ชอบฉันแบบเดียวกับที่ฉันคิดขึ้นมาแล้วตีตัวออกห่าง”


              “งั้นก็ถามซะสิ จะเก็บความรู้สึกเอาไว้รอให้มีคนมาคาบไปก่อนหรือ”


              “แต่เธอยังเด็ก”


              “เธออยู่ปีไหน หมายถึงเธอน่ะ ไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้น”


              “ฉันเหรอ -- ปีห้า”


              “แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ปีอะไร”


              “สอง”


              “ลูน่าล่ะสิ”


              “ก็บอกว่าไม่ใช่!”


              “อ้าว ก็เห็นวาเลนไทน์ปีที่แล้วเธอยังเขียนจดหมายให้ลูน่าอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”


              จอร์จมองเมอร์เทิลพูดสบายๆ ผิดกับเขาที่หน้าร้อนผ่าวเพราะถูกจี้จุด เกือบลืมไปแล้วว่าตอนนั้นเข้ามาเขียนจดหมายในนี้และผีสาวนี่

    คงแอบอ่านไปหมดแล้ว คนผมแดงยืดหลังตรงพยายามเก็บอาการทั้งที่รู้ว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ “ไม่ใช่” 


              “งั้นเหรอ ว้า --ถ้าเป็นลูน่าล่ะก็ฉันมีอะไรจะบอกเธอซะหน่อย แต่เมื่อกี้บอกว่าไม่ใช่นี่เนอะ”


              ร่างโปร่งแสงของเมอร์เทิลล่องลอยกำลังจะกลับลงคอห่าน ทิ้งคำพูดให้คนอยากรู้แล้วก็จากไปอย่างคนเจ้าเล่ห์


              แต่คนอย่างจอร์จ วีสลีย์ไม่มีทางหลงกลตื้นๆ แบบนี้อยู่แล้ว เขาเชิดหน้าขึ้นแล้วถามอย่างไม่ใส่ใจนัก...


              “เธอมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ”


              เมอร์เทิลหยุดอยู่ตรงประตูห้องน้ำแล้วหันหลังกลับพร้อมรอยยิ้ม “แต่เธอบอกว่าไม่ใช่ลูน่านี่”


              “อย่าเล่นตัวนักได้ไหม บอกมาเถอะ”


              “ก็ได้ เมื่อไม่กี่วันก่อน มีเด็กผู้ชายคนนึงเข้ามาคุยกับฉัน น่าจะอยู่ปีสาม เขารู้ว่าลูน่ามาคุยเป็นเพื่อนฉันบ่อยๆ...”


              “แล้วไงต่อ”  


              “อย่าขัดสิ! ผู้ชายคนนั้นถามว่าจะจีบลูน่ายังไงดี--”


              “คนคนนั้นเป็นใคร” จอร์จถามเสียงเรียบ


              “ไม่รู้สิ”


              “เชมัสหรือเปล่า”

         

                “ฉันไม่รู้จักชื่อเขา”


              “แฮร์รี่หรือเปล่า”


              “อาจจะใช่” เมอร์ยิ้มด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท “หรืออาจจะไม่ อ้อ เขาคนนั้นผมสีบลอนด์ล่ะ เอ...หรือผมสีดำกันนะ”


              “อยู่กริฟฟินดอร์หรือเปล่า”


              เมอร์เทิลทำท่าครุ่นคิด “ไม่ใช่สลิธีริน”

                

              “แสดงว่าเธอรู้นี่ อย่ากวนกันเลยน่า”

        

              “ทำไมถึงได้อยากรู้นักนะ --จอร์จ”

                

              “รู้ได้ไงว่าฉันชื่ออะไร แต่โทษที ฉันเฟร็ด”

                

              “อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย ฉันมีวิธีดูของฉันว่าใครเป็นใคร มีคนบอกฉันมา”

        

              “ใครบอกเธอกัน?”                                               

                

              “เธอต้องบอกฉันก่อน ถ้าเธอตอบฉันมาตามตรงว่าคนที่เธอชอบคือใคร ฉันถึงจะบอก”

                

              จอร์จหลบตาเมอร์เทิลอย่างห้ามไม่ได้ก่อนตอบเสียงค่อย “เธอก็เห็นที่ฉันเขียนจดหมายเมื่อปีที่แล้วแล้วนี่”

                

              “ยอมรับแล้วสินะ”

                

              “ตกลงคนคนนั้นเป็นใคร แล้วก็คนที่บอกเธอเรื่องแยกฉันกับเฟร็ดคงเป็นน้องชายฉันใช่ไหมล่ะ รอนน่ะ”

                

              “เปล่า ลูน่าบอกฉันต่างหาก” จู่ๆ เมอร์เทิลก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนชนิดที่จอร์จยังตามไม่ทัน “พูดก็พูดเถอะ ฉันว่าลูน่าเริ่มติดนิสัย

    ชอบแหกกฎจากเธอแล้วนะ”

                

              “ถ้าพูดถึงเรื่องที่เสกคาถาผูกขาใส่มัลฟอยล่ะก็...”

                

              “เรื่องนั้นฉันรู้ แต่ที่ฉันจะบอกคือตอนดึกๆ ลูน่าชอบออกนอกหอคอยเรเวนคลอบ่อยๆ ...ไปที่หอคอยดูดาว บอกว่าเวลาได้เห็นดาว

    แล้วจะนอนหลับ อยู่ที่หอก็ไม่กล้าเปิดม่านกลัวเพื่อนคนอื่นจะว่า -- แต่มันอันตราย รู้ไหม เห็นทีฉันต้องบอกให้ลูน่าอยู่ห่างจากเธอซะล่ะมั้ง”

                

              “นังหนู หมายถึงลูน่าน่ะ ไม่เชื่อเธอหรอก คราวหลังถ้าลูน่าไปที่หอคอยอีกฉันจะไปเป็นเพื่อนเอง”

                

              “นี่เธอชอบลูน่าขนาดนี้เลยหรือ”

                

              “เรื่องของฉันน่า”

                

              “อือ งั้นฉันบอกอะไรอีกสักนิดคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง ...ลูน่าพูดถึงเธอให้ฉันฟังบ่อยนะ เมื่อคืนก่อนก็เพิ่งเล่าให้ฟังว่าเธอให้

    ก้อนหินสีดำมา ใช่ไหม? ...ฉันไม่รู้หรอกว่ามันวิเศษยังไง แต่เธอน่าจะได้เห็นสักครั้ง แววตาตอนที่เล่าให้ฉันฟังวิบวับเชียวล่ะ บอกว่าชอบมาก

    ฉันล่ะนึกอิจฉาที่มีคนทำอะไรแบบนั้นให้ ...แต่อย่างฉันหวังจะมีประสบการณ์แบบนั้นบ้างคงเปล่าประโยชน์” วิญญาณสาวถอนหายใจ

                

              “เธอคงไม่ได้พูดโกหกใช่ไหม ที่บอกว่าพูดถึงฉัน”


              “แน่อยู่แล้วสิยะ ฉันล่ะเบื่อที่ชื่อเธอโผล่มาให้ฉันได้ยินทุกครั้งที่เจอกันเลย แต่ก็นะ ลูน่าบอกว่ามีความสุขแล้วก็สนุกเวลาอยู่กับเธอ

    แค่นี้แหละที่ฉันอยากบอก”


              “นังหนูบอกแบบนั้นจริงเหรอ” จอร์จตาเป็นประกายด้วยความดีใจจนเมอร์เทิลต้องเบือนหน้าหนี

                

              “เธอนี่เป็นเอามากแล้วนะ ถ้าเกิดลูน่าไม่ได้ชอบเธอมากกว่าเพื่อนไม่ร้องไห้เป็นปีเลยเหรอเนี่ย -- ลูน่าบอกกับฉันแบบนั้น แต่ฉันไม่รู้

    ว่าคิดกับเธอแบบไหน” เมอร์เทิลพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้แค่นี้ แถมไม่ตอบคำถามที่ยังค้างคา ก่อนลอยลงโถส้วมไปอย่างเงียบเชียบ

    ไม่เหมือนทุกครั้งที่จะแกล้งลงไปแรงๆ ให้น้ำกระเซ็นมาเปื้อน



              เพราะคำพูดกำกวมของเมอร์เทิลเรื่องมีคนมาถามว่าจะจีบนังหนูของเขายังไงดี ทำเอาเขาร้อนใจอยากรู้ตัวคนนั้นให้ได้ หลังเลิกเรียน

    จอร์จเลยดึงตัวแฮร์รี่ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาถามในห้องว่างห้องหนึ่งแล้วทิ้งให้รอนกับเฟร็ดยืนเล่นของเล่นกันอยู่สองคนข้างนอก


              “ฉันขอถามแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะแฮร์รี่ แล้วนายก็ตอบฉันมาตามตรงด้วย” จอร์จยื่นมือจับบ่าแฮร์รี่เอาไว้แน่น เผื่อเขาคิดจะหนี


              “ฮะ -- ถ้าผมตอบได้” แฮร์รี่ตอบแม้ยังงงๆ เหมือนคนถูกลักพาตัวมา เขามองคนตัวสูงกว่าอย่างพินิจพิจารณา สีหน้าจอมแสบ

    อย่างจอร์จในตอนนี้กลับไม่มีแววขี้เล่นเลยสักนิด เลยคิดไปเองก่อนแล้วว่าต้องเป็นเรื่องที่จริงจังอาจถึงขั้นคอขาดบาดตายแน่ๆ


              “ไม่มีถ้า แฮร์รี่ นายต้องตอบ ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะไม่ช่วยหวดลูกบลัดเจอร์ที่ไล่ล่านายในเกมควิดดิชแน่”


              “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะฮะ”


              “นายชอบนังหนูหรือเปล่า -- ลูน่าน่ะ”


              แฮร์รี่ยืนอึ้งกับคำถามที่ถูกถาม “ฮะ เขาตอบแบบทีเล่นทีจริงแต่พอเห็นคนตรงหน้าไม่เล่นกับเขาด้วยเลยรีบพูดเสริม แบบเพื่อน”  


              เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่นพอกลับมาจากรุ่นน้อง คนผมแดงก็ลดมือปล่อยจากบ่าทันที “งั้นก็เป็นคนอื่นงั้นสิ”


              “คุณชอบลูน่าใช่ไหม” ทีนี้แฮร์รี่เป็นฝ่ายต้อนบ้าง เขาเดินไปยืนขวางประตูเอาไว้ “--ผมคิดว่านมของรอนกับเชมัสวันนั้นเป็นฝีมือ

    ของคุณ เรื่องเมื่อเช้านี้ก็ด้วย คุณชอบลูน่าใช่ไหมฮะ แค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็ได้ ผมจะถือว่าคุณไม่ได้บอกผม  ใช่หรือเปล่าฮะ”


              จอร์จพยักหน้ายอมรับอย่างช่วยไม่ได้ “นายอย่าบอกใครนะ”


              แฮร์รี่ยิ้มแฉ่งทันที “ปิดสนิทเลยฮะ!


              แฮร์รี่รับปากก็จริง ทว่าเขาบอกไม่หมดว่าจินนี่ เฮอร์ไมโอนี่ดูออกตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังไม่ปักใจเชื่อทั้งที่ระแคะระคาย

    เรื่องความเป็นห่วงเป็นใยของบีตเตอร์ในทีมที่มีต่อเด็กสาวต่างบ้านตั้งแต่เมื่อตอนที่ไปตรอกไดแอกอนครั้งล่าสุดแล้ว 

    กระทั่งได้คำตอบมากับตาตัวเอง ยกเว้นก็แต่เฟร็ดกับรอนเนี่ยแหละที่ไม่เคยสังเกตหรือเอะใจเลยสักนิด



              ช่วงเวลาอาหารเย็น รอนกับเฟร็ดถูกฟิลช์เรียกตัวให้ไปเก็บซากของเล่นที่สองคนนั้นเล่นกันเอาไว้ระหว่างเดินมาห้องโถงใหญ่

    และเป็นช่วงที่จอร์จดึงตัวแฮร์รี่ไปคุยพอดิบพอดี ทั้งคู่เลยรอดตัวไป


              ระหว่างที่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย อยู่ดีๆ เชมัสก็พูดขึ้นมาลอยๆ “นี่ ถ้าพวกนายยังแซวฉันไม่หยุด ฉันว่าฉันชักจะเริ่มชอบขึ้นมาจริงๆ 

    แล้วนะ” 

         

                “ใคร?” ดีนถามอย่างอยากรู้


              “ก็ลูนะ....อื้อ!” ยังไม่ทันจะได้ตอบ ปากเชมัสก็ถูกยัดด้วยน่องไก่โดยฝีมือแฮร์รี่

                

              “เห็นนายดูอยากกิน แต่นายหยิบไม่ถึง ใช่ไหม”


              เชมัสขมวดคิ้วพลางจับน่องไก่ออกจากปาก ขยับกรามที่เมื่อกี้แฮร์รี่ยัดเข้ามาซะเต็มแรงเหมือนหวังดีประสงค์ร้าย “ขอบใจ แต่ส่งให้ดีๆ

    หน่อยก็ได้เพื่อน” เขาวางน่องไก่ลงในจานแล้วหันไปคุยกับดีนต่อ เมื่อกี้ฉันบอกว่าลู...”


              “เอ้อ เมื่อตอนเข้ามานายจะเล่าเรื่องอะไรนะ” แฮร์รี่เห็นเชมัสกำลังจะหาเรื่องใส่ตัวอีกเลยรีบถามคำถามอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น 

    เพราะจอร์จเองก็นั่งอยู่ไม่ไกล เขาต้องได้ยินที่เชมัสพูดแน่ รายนั้นรู้คาถาสำหรับแกล้งคนนับไม่ถ้วน แฮร์รี่ไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย


              “อ้อ เรื่องคุณยายทวดของฉัน” เชมัสยอมคล้อยตามและเปลี่ยนเรื่องคุยได้ในที่สุด แฮร์รี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเขาก็

    ไม่ต้องคอยระวังว่าจะมีน้ำสีดำหรือน้ำมันพุ่งออกจากปากเชมัส หรือต้องช่วยดึงรองเท้าที่ติดหนึบอยู่กับพื้นอีกแล้ว

                

              โล่งใจได้ไม่นาน ร่างเล็กดูล่องลอยกลับเดินมาทางโต๊ะกริฟฟินดอร์ซะอย่างนั้น แฮร์รี่ชำเลืองมองดูเชมัสที่กำลังจัดทรงผมตัวเอง

    และมองดูเด็กสาวบ้านเรเวนคลอที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ...ก่อนเดินผ่านไปแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าจอร์จ


              ลูน่ายื่นสมุดบันทึกเล่มหนึ่งคืนให้เจ้าของ “เมอร์เทิลบอกว่าคุณลืมเอาไว้น่ะ”

        

              จอร์จมองดูสมุดในมือ มันเป็นเล่มที่เขาเอาไว้ใช้สำหรับจดไอเดียสินค้าใหม่ และไม่รู้ตัวเลยว่าไปลืมวางทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไร 

    “ขอบใจนะ นังหนู” จอร์จยิ้มกว้าง พลางคิดในใจว่าดีซะอีกที่ลืม ไม่อย่างนั้นลูน่าคงไม่เดินมาหาเขาถึงที่แบบนี้หรอก 

    ทว่ากลับมีเสียงทักมาจากข้างๆ ทำเอาหุบยิ้มแทบไม่ทัน


              “สายัญสวัสดิ์ ลูน่า” เชมัสตะโกนทักข้ามหัวเนวิลล์ที่นั่งอยู่ข้างกัน ส่วนแฮร์รี่ที่นั่งตรงข้ามคาบซี่โครงแกะอบค้างไปแล้ว 

    ขยับเพียงลูกตาที่กลอกไปมา มองสลับระหว่างจอร์จ ลูน่า และเชมัส แล้วกะพริบตาปริบๆ

              

              “สายัญสวัสดิ์ค่ะ” ลูน่ายิ้มตอบกลับมาให้เชมัส แต่ก็แค่นั้นเพราะหลังจากนั้นเด็กสาวผมบลอนด์ก็หันไปพูดกับจอร์จต่อโดยไม่ได้สนใจ

    เชมัสอีกเลย


              เนวิลล์กับดีนทำหน้าที่เพื่อนที่ดี พวกเขาตบบ่าเชมัสคนละข้างพร้อมส่งสายตาให้กำลังใจอย่างรู้งาน มองดูลูน่าที่ไม่ได้สนใจจะมอง

    กลุ่มพวกเขาเลยสักนิด


               “เมื่อวันก่อนเมอร์เทิลบอกว่า ให้ลองกินพุดดิ้งพร้อมกับไก่ทอดดู” ลูน่าลดเสียงที่ฟังดูนุ่มนิ่มลงระหว่างพูดกับจอร์จจะได้ไม่รบกวน

    คนอื่นด้วยแววตาเป็นประกาย  

                

              “จริงเหรอ” จอร์จถามกลับพลางโน้มตัวเข้าใกล้คนผมบลอนด์อีกนิดเพราะอยากฟังเสียงเล็กๆ นั่นให้ชัดๆ


              “ค่ะ” เด็กสาวตอบอย่างกระตือรือร้น “เมื่อวานนี้ฉันลองดูแล้ว มันเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ เลยมาบอกคุณด้วยเผื่อว่าคุณจะชอบ”

                

              “แล้วมีคนอื่นลองหรือยัง”

                

              ลูน่าส่ายหัวเบาๆ ก่อนตอบเสียงค่อยอย่างเสียดายนิดๆ “คนอื่นคงจะหัวเราะเยาะ” 

                

              แต่หารู้ไม่ว่าหัวใจของเด็กแสบคนนี้กำลังเต้นอย่างลิงโลดที่นังหนูเลือกที่จะบอกเขา แม้จะเป็นเรื่องกินก็ตาม “แล้วฉันจะลองกิน

    ตามที่เธอบอกดูนะ”

                

              ลูน่ายิ้มรับพร้อมพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะบ้านเรเวนคลอ ทิ้งให้จอร์จนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียวจนไม่เป็นอันกินอะไร 

    เลยตั้งใจว่าจะรอเฟร็ดมาแล้วค่อยกินพร้อมกัน ระหว่างนี้ก็นั่งมองลูน่าไปพลางๆ เป็นอาหารตาและอาหารใจไปก่อน

                

              กลุ่มเด็กชายปีสามอย่างแฮร์รี่ เชมัส ดีนและเนวิลล์เลื่อนสายตากลับมามองกันภายในกลุ่ม

                

              เชมัสโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วกระซิบถามแฮร์รี่ “เรื่องตอนเช้าสองสามวันมานี้ฉันคิดมาตลอดว่าทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือพีฟส์ 

    ...หรือจริงๆแล้วเป็นฝีมือเขา” เด็กชายชำเลืองมองจอร์จแล้วหันกลับมาก็เห็นแฮร์รี่ยักคิ้วตอบ เชมัสเบิกตากว้างขึ้นไปอีกเป็นเชิงถาม

    เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง และคราวนี้แฮร์รี่ถึงกับถอนใจแล้วพยักหน้าช้าๆ

                

              และดูเหมือนจะเข้าใจกันอยู่สองคน เพราะตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้าเนวิลล์กับดีน “พวกนายพูดเรื่องอะไรกัน”

                

              เชมัสกลืนน้ำลายลงคอ ไม่สนใจคำถามของเนวิลล์เลยสักนิด “เออนี่” เขาจงใจพูดให้เสียงดังกว่าปกติ “...พวกนายเห็นนาตาลี 

    เด็กปีหนึ่งบ้านเรเวนคลอไหม ฉันว่าน่ารักดีนะ คนที่ตัวเล็กๆ ตาโตๆ ดูสดใส ผมสีบลอนด์...มะ...ไม่ใช่ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนๆ คนนั้นน่ะ 

    พวกนายคิดเหมือนฉันไหม คิดใช่ไหม”

                

              แฮร์รี่รีบพยักหน้าเออออตามน้ำแล้วส่งสายตาอย่างมีนัยบอกให้พวกเนวิลล์กับดีนพยักหน้าด้วย ทั้งคู่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ยอมเออออ

    ตามน้ำแบบงงๆ


              ดีนเอียงตัวกระซิบถามเชมัสด้วยความข้องใจและความอยากรู้ “คนไหนเหรอ นาตาลี ฉันไม่เห็นเคยได้ยินชื่อ”


              “เคยก็แปลกแล้ว ...มันมีจริงซะที่ไหนกันเล่า”



    - Talk -


              เริ่มรู้เพิ่มกันทีละคนสองคนแทบทุกตอนแบบนี้ อีกหน่อยก็รู้กันทั้งโรงเรียนจริงๆ ละ 5555 ไม่รู้ว่าแอบชอบยังไงให้คนอื่นรู้

    แต่สาวที่แอบชอบกลับไม่รู้ตัวก็ไม่รู้นะคะ แต่ที่รู้ๆ ก็คือต่อไปนี้เชมัสจะปลอดภัยแล้วนะเออ แฮร์รี่ไม่ได้ผิดสัญญานะคะ แค่ถือคติว่า ถ้าไม่พูด

    ก็เท่ากับไม่ได้บอก ก็เลยยักคิ้วกับพยักหน้าแทน และสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดนี้ นาตาลีไม่มีอยู่จริงนะคะทุกคน~~~


    *แจ้งไว้ล่วงหน้าก่อนเลยนะคะเผื่อว่าเราหายไปนานกว่าปกติ ว่าเราไม่ได้เทแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะคีย์บอร์ดมันรวนจากการแช่น้ำ 1 วัน

    เต็มๆ (แมวทำน้ำหกใส่ค่ะ T^T)และบางปุ่มก็ยังพิมพ์ไม่ติด ทำให้ใช้เวลาพิมพ์นานกว่าปกตินิดนึง แต่ถ้าหากว่าเราหายไปไม่เกิน 1 อาทิตย์

    ก็แสดงว่าใช้ได้ปกติแล้ว หรือไม่ก็ใช้ทั้งที่พิมพ์ติดบ้างไม่ติดบ้างจนชินแล้วนะคะ ~


              สุดท้ายจริงๆ ละ เราจะทิ้งท้ายด้วยแฟนอาร์ตรูปนี้ที่คุณ toythoyy  วาดมาให้นะคะ ขอบคุณอีกครั้งน้า เราชอบมากจริงๆ 

    น้องน่ารักมากกก เรายิ้มแก้มแตกแล้วว > < // รูปนี้เป็นตอนที่มีแข่งควิดดิชที่น้องให้เชมัสเขียนหน้าเพื่อไปเชียร์กริฟฟินดอร์นะคะ 

    ถ้าเผื่อใครจำไม่ได้...ก็ย้อนกลับไปอ่านใหม่อีกสักรอบเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำกันสักหน่อยเนอะ >_<



     

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×