คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : 17 ll 20 Points
17
20 Points
จอร์จคิดว่าเช้าวันแรกของการเรียนเริ่มต้นได้ดีทีเดียว ตารางเรียนของปีห้าส่งตรงจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลถึงมือเขากับเฟร็ด
ทันทีที่นั่งลงที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ในห้องโถงใหญ่ตอนช่วงเวลากินอาหารเช้า
แม้วิชาแรกที่จะได้เรียนนั้นชวนหดหู่แค่ไหนก็ตาม อย่างวิชาปรุงยาของศาสตราจารย์สเนป แต่จอร์จก็ยังร่าเริงได้เสมอ
คนผมแดงเลิกสนใจตารางเรียนและเสียงโอดครวญของเฟร็ดกับลีเรื่องตารางเรียนใหม่แล้วหันไปสนใจเด็กสาวผมบลอนด์บ้านเรเวนคลอ
เวลาได้มองอะไรแบบนี้ช่างชุ่มชื่นหัวใจเสียจริง! จอร์จใช้มือข้างขวาตักข้าวโอ๊ตผสมนมเข้าปาก อีกข้างยกขึ้นเท้าคางมองลูน่า
เด็กสาวกำลังนั่งให้มาเรียจัดการกับผมอันยุ่งเหยิงและยาวจรดเอวของเธอ ขณะที่แก้มขาวซีดของนังหนูบวมตุ่ยเพราะพุดดิ้ง เหมือนกับ
กระต่ายสีขาวเวลามีอาหารเต็มปากและเคี้ยวตุ้ยๆ
ชวนให้มันเขี้ยวจนอยากบีบแก้มแรงๆ สักที หรือไม่ก็ขอแค่ได้จิ้มแก้มเบาๆ
ก็พอแล้ว...
เพียงชั่วพริบตาเดียว ผมสีบลอนด์ที่ค่อนข้างดูรกรุงรังก็ดูเรียบร้อยทันตาเห็น มาเรียแบ่งผมหนาๆ ของลูน่าออกเป็นสองช่อซ้ายขวา
และแบ่งแต่ละข้างเป็นสามช่อก่อนถักเปียยาวลงมาอย่างเป็นระเบียบแล้วรัดด้วยยางรัดผมสีฟ้า ใบหน้าเล็กๆ ของลูน่าดูเด่นและสดใสขึ้นมา
เมื่อไม่มีผมมาบดบังอย่างที่เคยเป็น เด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์อย่างเขาอยากจะร่ำไห้กับตัวเอง ลำพังปกติเขาก็แทบละสายตาจากคนตัวเล็ก
ที่ดูล่องลอยนั่นไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่านอกจากจะอยากนั่งมองให้นานที่สุด
ก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นให้ตัวเองอีกแล้ว
...เธอเอาฉันไปเป็นของเธอเลยเถอะ นังหนู!!
ราวกับมีกระแสจิตส่งไปถึงลูน่า เธอเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวโอ๊ตผสมนมที่กินหลังพุดดิ้งและดวงตากลมโตนั้นสบตากับจอร์จเข้าพอดี
เด็กสาวยิ้มแป้นเป็นการทักทายจากโต๊ะเรเวนคลอส่งถึงโต๊ะกริฟฟินดอร์ที่มีบ้านสลิธีรินคั่นกลางระหว่างพวกเขา
จอร์จยิ้มตอบอย่างไม่ลังเล และค้างอยู่อย่างนั้นจนเฟร็ดหันมาเห็นเข้า แฝคคนพี่ชะโงกหน้ามองบ้าง เมื่อเห็นลูกศิษย์คนแรก
และคนเดียวที่ช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อคืน เฟร็ดก็โบกมือและยิ้มไปให้บ้าง
ทำเอากลุ่มเด็กปีสามที่นั่งอยู่ข้างกันหันไปมองตาม
“น่ารักดีนะ” เชมัสหันกลับมากระซิบกับพวกรอน แฮร์รี่แล้วก็เนวิลล์ “เธอดูแปลกๆ ก็จริง แต่ถ้าตัดเรื่องดูล่องลอยนั่น ฉันว่ามีคนตาม
จีบหลายคนแน่”
จอร์จหูผึ่งและเอียงตัวไปทางปีสามอย่างสนใจใคร่รู้
ต่อให้เสียงนั้นเบาจนดูเหมือนกระซิบแต่คนผมแดงก็ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ
“ฉันว่าหนึ่งในนั้นก็ต้องมีนายด้วยแน่ๆ
เชมัส” รอนโน้มตัวไปพูดและหยิบแซนด์วิชจากกลางโต๊ะมากินอีกชิ้น
“นายคิดงั้นเหรอ”
“ฮื่อ” รอนส่งเสียงตอบในลำคอระหว่างที่ในปากเต็มไปด้วยแซนด์วิชคำโตที่กัดไป
เชมัสยักคิ้วแล้วยิ้มมุมปาก “ก็คงอย่างนั้นมั้ง”
มันเป็นเรื่องปกติก็จริง ที่นักเรียนชายจะพูดถึงนักหญิงต่างบ้าน ว่าน่ารักบ้างล่ะ สวยบ้างล่ะ หรือดูมีเสน่ห์จนอยากจีบ หรือแม้กระทั่ง
ผู้หญิงเองก็มีพูดถึงฝ่ายชายด้วยเหมือนกัน แต่มันจะไม่ปกติก็ตรงที่คนถูกพูดถึงคือ ลูน่า ที่จอร์จตามประคบประหงมมาเป็นปีเนี่ยแหละ
เจ้าเด็กพวกนี้จะพูดถึงใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่นังหนูของเขา!
(ถึงจะคิดเอาเองว่าเธอเป็นของเขาก็ตาม)
จอร์จแอบหยิบไม้กายสิทธิ์จากกระเป๋าเสื้อคลุม ชี้ไปยังแก้วน้ำของเชมัสพร้อมขยับปากร่ายคาถาพึมพำเบาๆ และที่แก้วของรอน
อีกแก้วด้วยความเอ็นดูก่อนหันมาสนใจกับชามตรงหน้าแล้วต่อด้วยไข่ดาวอีกหนึ่งฟอง
หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
“แหวะ!!” เชมัสและรอนที่ยกแก้วขึ้นดื่มพร้อมกันพ่นน้ำสีดำกระเด็นออกมาเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็กนักเรียนที่อยู่รอบข้างลุกหนีกันไปหมด
แฮร์รี่ไหวตัวทันยกชามของตัวเองหลบออกมาได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่ชามของเนวิลล์กับดีนยังวางอยู่ที่เดิมและรับน้ำจากปากเชมัสเข้าไป
เต็มๆ
“อย่างกับน้ำโคลนแน่ะ!” รอนขมวดคิ้วจ้องเข้าไปในแก้วที่ไม่เหลือเค้านมจืดสีขาวอีกแล้ว คนผมแดงหันมองรอบทิศอย่างจับผิดว่าใคร
เป็นคนทำ คนคนนั้นจะต้องกำลังแอบหัวเราะอยู่แน่ๆ แต่แล้วก็ไม่เจอสักคน แม้กระทั่งมัลฟอยคู่ปรับก็ดูจะสนุกสนานไปกับการโม้ของตัวเอง
ที่โต๊ะสลิธีรินอยู่
“อยากเตะสักป้าบใจจะขาด อย่าให้รู้นะว่าใครแอบเสกใส่แก้วของฉัน”
⭐
ระหว่างช่วงพักคาบเช้า ลูน่าเดินมารอจินนี่ตรงระเบียงทางเดินเพื่อเดินไปเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ในคาบต่อไปด้วยกัน
นักเรียนเรเวนคลอปีสามในปีนี้ส่วนใหญ่จะเรียนกับกริฟฟินดอร์ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย
เด็กสาวผมบลอนด์ยืนเกาะระเบียงเหม่อมองทะเลสาบและท้องฟ้าสีฟ้าสดใสอย่างฝันๆ ราวกับตัวเองกำลังโผบินไปอย่างอิสระ
ในตอนนั้นเอง สัตว์ตัวใหญ่รูปร่างประหลาดสีเทาโผบินข้ามทะเลสาบผ่านเข้ามาในสายตาด้วยท่าทางสง่างาม ทั้งลำตัว ขาหลังและ
หางเหมือนกับม้า แต่มีขาหน้า ปีก กับหัวเหมือนนกอินทรียักษ์ ก่อนลูน่าจะสังเกตเห็นว่าบนหลังของมันมีคนนั่งอยู่และรู้ได้ในทันทีว่าเป็น
แฮร์รี่
“สวยจัง...” ลูน่าตกอยู่ในห้วงความฝัน สายตาไล่มองตามฮิปโปกริฟฟ์บินผ่านจากหน้าต่างฝั่งนี้ไปยังอีกฟากหนึ่ง
“ร้ายกาจ” น้ำเสียงแฝงความขี้เล่นดังขึ้นจากฝั่งซ้ายของเธอ “นั่นแฮร์รี่ใช่ไหม” เฟร็ดหันไปถามน้องชายฝาแฝดของเขา
แต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา
จอร์จเข้ามายืนประกบทางฝั่งขวาของเด็กสาว “พวกฉันยังไม่เคยขี่มันเลยสักครั้ง”
เขาบอกพลางมองตามด้วยความอิจฉาเล็กๆ
เวลาฮิปโปกริฟฟ์บินโฉบไปทางไหน ดวงตาทั้งสามคู่ก็เลื่อนมองตามไปในทิศทางเดียวกันจนดูคล้ายกับแมวเวลาจ้องของเล่น
ที่มันล่อตาล่อใจให้เข้าไปตะปบ
เมื่อฮิปโปกริฟฟ์บินกลับเข้าไปในป่าก็หมดเวลาแห่งความตื่นตาตื่นใจ ทว่าทั้งสามกลับยังยืนอ้อยอิ่งราวกับว่าจะมีตัวอื่นบินมาอีก
แต่ต่อให้ผ่านไปอีกหลายนาทีก็ไม่มีตัวอะไรโผล่มาอีกเลย
จะมีก็แต่เสียงโหวกเหวกโวยวายของเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งที่ดังมาแต่ไกล...
พวกเขาละสายตาจากทะเลสาบกลับมามองระเบียงทางเดินในปราสาท เห็นแฮกริดอุ้มใครบางคนที่สวมเสื้อคลุมบ้านสลิธีริน
กับมีผมสีบลอนด์เดินเข้ามา
“โอ้ย! ฉันต้องตายแน่ๆ คอยดูนะ --แกกับเจ้าไก่ยักษ์อัปลักษณ์บ้าเลือดนั่นต้องเจอดีแน่” แฮกริดทำเป็นหูทวนลมไม่ฟังคนที่อุ้มมา
เมื่อเดินผ่านตรงที่พวกลูน่ายืนอยู่ เสียงโอดครวญนั้นเงียบลงทันที เขาบอกให้แฮกริดปล่อยตัวเขาลงเพราะอยากเดินไปห้องพยาบาลเอง
ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปก็ยังไม่วายหันมาหาเด็กสาวบ้านเรเวนคลอ “มองอะไรเลิฟกู๊ด!” ก่อนจะเดินหายเข้าไปที่ห้องพยาบาล
“เกิดอะไรขึ้นเหรอแฮกริด” เฟร็ดถามแฮกริดที่เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“มัลฟอยถูกฮิปโปกริฟข่วนเพราะไปดูถูกมันน่ะ ขอย้ำ --แค่ข่วน ตอนแรกฉันตกใจแทบแย่เลย รู้ไหม แต่ก็เห็นกันอยู่โต้งๆ ว่าสำออย
เมื่อกี้ตอนเดินมายังโอดโอยอย่างกับจะตายอยู่แท้ๆ สงสัยคงมีใครที่ไม่อยากให้เห็นว่าตัวเองอ่อนแอล่ะมั้ง ดีๆ จะได้มีคนเชื่อฉันบ้างว่าบัคบีค
ไม่ได้คิดจะฆ่าเขา
...บัคบีคคือชื่อของฮิปโปกริฟฟ์ตัวนั้นน่ะ”
แฮกริดบอกลาก่อนเดินตามเข้าไปในห้องพยาบาลเพื่อคอยยืนกำกับไม่ให้มัลฟอยบอกเกินจริง
ไม่งั้นมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
กว่าจินนี่จะเดินมาถึงก็มีเสียงระฆังดังขึ้นพอดี บอกให้รู้ว่าพวกที่กำลังเดินเอ้อระเหยอยู่ตามระเบียงทางเดินกำลังจะไปเข้าเรียนสาย
เด็กสาวสองคนบอกลาฝาแฝดผมแดงและออกวิ่งให้เร็วที่สุดเพราะพวกเธอต้องวิ่งไปเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ตรงเรือนกระจกที่อยู่นอก
ปราสาท
วันนี้นักเรียนปีสามบ้านกริฟฟินดอร์และเรเวนคลอได้เรียนวิธีการย้ายกระถางให้ต้นแมนเดรกด้วยภาคปฏิบัติ
ลูน่ามีความสุขไม่น้อย ระหว่างเปลี่ยนกระถาง เธอดึงมันขึ้นมา ชูเอาไว้อย่างนั้นและพูดคุยกับเจ้าแมนเดรกตัวน้อยอย่างสนุกสนาน
ราวกับสื่อสารกันรู้เรื่อง และเธอก็เสร็จเป็นคนสุดท้ายในชั้นเรียน ขณะที่คนอื่นเปลี่ยนกระถางให้เสร็จหมดแล้ว เพราะเธอมัวแต่ถามไถ่
ถึงสภาพความเป็นอยู่ในกระถางเก่ากับแมนเดรกในมือแม้ว่าจะไม่ได้ยินอะไรเลยเพราะใส่ที่ปิดหูเอาไว้
เมื่อหมดคาบ ลูน่าถูกศาสตราจารย์สเปราต์เรียกให้ไปหา ไม่ใช่เพื่อต่อว่าแต่เป็นการวานให้เด็กสาวเอายาไปให้มาดามพอมฟรีย์
แทนเธอที่ต้องอยู่ตรวจดูแต่ละกระถางว่านักเรียนใส่ดินเพื่อให้ความอบอุ่นกับแมนเดรกอันแสนมีค่าของเธอดีพอไหม
ลูน่าเดินเข้าห้องพยาบาลมาคนเดียวและรู้ได้ในทันทีว่ายาในมือนี้จะใช้กับใคร
“คุณเลิฟกู๊ด
ช่วยประคองแขนคุณมัลฟอยเอาไว้ทีได้ไหม ฉันต้องไปผสมยานี่ก่อน”
ไม่มีเวลาให้คนผมบลอนด์ได้ปฏิเสธ
มาดามพอมฟรีย์จับมือลูน่าให้ช่วยประคองแขนเด็กชายแล้วเธอก็เดินหายออกไปจากห้อง
ลูน่ายอมทำตามที่เธอบอก แค่ช่วยประคอง และเธอไม่ได้มีหน้าที่ถามไถ่อาการคนที่หัวเราะเยาะเธอกับพ่อตรงชานชาลาเมื่อวานนี้
เลยยืนเงียบไม่ปริปากพูดอะไร
“ไม่มีเรียนรึไง เวลานี้ต้องอยู่ในห้องเรียนนี่”
มัลฟอยถามลูน่าด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“อันที่จริงมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น
ถ้าศาสตราจารย์สเปราต์ไม่บอกให้ฉันเอายามาให้มาดามพอมฟรีย์ที่นี่”
“เหอะ!
งั้นเหรอ ตอนนี้เธอเอายามาแล้วก็ปล่อยแขนฉันซะสิ
ฉันไม่อยากติดเชื้อเพี้ยนเหมือนเธอหรอกนะ”
ได้ยินมัลฟอยพูดอย่างนั้นลูน่าก็ไม่อยากขัดใจเขา และมาดามพอมฟรีย์ก็ได้ยินด้วยทุกคำ เธอพยักหน้าให้ ลูน่าเลยปล่อยแขน
ที่ช่วยประคองอย่างไม่ใส่ใจนักและไม่ได้สนใจด้วยว่าเขาจะแสร้งทำว่าเจ็บมากก็ตาม
“เธอไปเรียนเถอะ
ทางนี้ฉันจัดการต่อเอง” มาดามพอมฟรีย์วางยาลงบนโต๊ะข้างเตียง พลางหันมองมัลฟอยอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
⭐
“มันสวยมากเลย ฮิปโปกริฟฟ์น่ะ” ลูน่าพูดอย่างตื่นเต้นกับแฮร์รี่แถวๆ โต๊ะกริฟฟินดอร์ในช่วงเวลาพักกลางวัน
และฟังเขาเล่าประสบการณ์แสนวิเศษตอนที่ได้ขี่หลังบัคบีคอย่างมีความสุขเหมือนกับตอนที่เขาได้ขี่ไม้กวาดในการแข่งขันควิดดิช
ยามที่ได้ฟังแฮร์รี่เล่า ดวงตากลมโตก็เป็นประกายเหมือนมีดวงดาวระยิบระยับในนั้น
ขณะที่แววตาจอร์จนั้นไม่ได้มีความอิจฉาแฮร์รี่ที่ได้ขี่ฮิปโปกริฟฟ์อีกแล้ว มีเพียงความเอ็นดูที่มีให้ลูน่า เขาเข้าใจดีว่านังหนูจะตาเป็น
ประกายทุกครั้งที่ได้พูดถึงสัตว์วิเศษ เมื่อแฮร์รี่หันไปคุยกับคอลิน ลูน่าก็หันมาพูดกับจอร์จต่อราวกับติดลมและหยุดพูดถึงฮิปโปกริฟฟ์ไม่ได้
ซึ่งเขาทำหน้าที่ผู้ฟังได้อย่างไม่ติดขัดแถมยังตื่นเต้นไปด้วยกันกับเธอยิ่งทำให้ลูน่ารู้สึกสนุกที่ได้พูดกับเขาและยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก
⭐
ใกล้หมดช่วงพักกลางวัน ลูน่าเดินออกจากห้องโถงใหญ่พร้อมกับมาเรีย และจินนี่เพราะมีเรียนด้วยกันอีกหนึ่งคาบในตอนบ่าย
“ดูเหมาะสมกันดีนี่ คนชอบก่อปัญหากับคนเพี้ยน”
มัลฟอยเดินออกจากห้องว่างห้องหนึ่งพร้อมกับแครบและกอยล์ที่เดินตามออกมาอย่างกับเป็นองครักษ์ประจำตัวเขา ที่แขนข้างขวา
ของเขาปิดผ้าผันแผลเต็มทั้งแขนและมีผ้าสีขาวห้อยคล้องคอไว้ ทว่าคนที่เขาพูดด้วยกลับเมินและไม่แม้แต่จะมองเขาสักนิด
มัลฟอยเดาะลิ้นอย่างขัดใจที่เห็นลูน่าเดินผ่านเขาไป
“ฉันพูดกับเธออยู่นะเลิฟกู๊ด หูหนวกหรือไง!”
ลูน่าไม่ได้มีท่าทีตกใจกับเสียงตะคอกที่จงใจหาเรื่องนั่น เธอทำเพียงหันกลับมามองช้าๆ
แล้วถามเสียงเรียบ
“คุณมีอะไรกับฉันงั้นเหรอ?”
มัลฟอยแสยะยิ้มพลางก้าวเข้าหาเธอ
“เปล่า แค่อยากชื่นชมที่เธอหาแฟนได้เหมาะกับเธอดี จอร์จ วีสลีย์นั่นน่ะ”
“เราไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“งั้นเธอก็ชอบเขาล่ะสิ -- ไม่ยักรู้ว่าคนฉลาดบ้านเรเวนคลอจะมีรสนิยมชอบยาจก” มัลฟอยพูดถากถางพลางเอามือข้างซ้ายล้วงกระเป๋า
กางเกงอย่างวางมาด
จินนี่หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ เธออ้าปากจะเถียงมัลฟอยที่กำลังพูดถึงครอบครัวของเธออยู่
แต่ลูน่ากลับเถียงแทนซะก่อน
“อย่าพูดถึงเขาแบบนั้นนะ”
ดวงตาสีฟ้าซีดจ้องเด็กบ้านสลิธีรินเขม็ง
“ดูสิ เธอโกรธแทนด้วย เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอชอบ” ดวงตามัลฟอยหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ “เอ๊ะ หรือว่าคำที่บอกว่าเรเวนคลอฉลาดเป็นแค่
นิทานหลอกเด็ก ว่าไหมแครบ กอยล์”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณมีปัญหาอะไรกับฉัน แต่ถึงฉันจะรู้สึกอะไรยังไงกับใครมันก็เรื่องของฉันและถึงฉันจะชอบคุณวีสลีย์แล้วคุณเดือดร้อน
อะไรอย่างนั้นหรือ?”
“เธอชอบลูน่าล่ะสิ
ถึงได้มายุ่งกับลูน่านัก” จินนี่ได้ทีก็พูดเสริมลูน่าด้วยอีกคน แต่เป็นประโยคที่ลูน่าไม่เคยคาดคิดเอาไว้เลยสักนิด
“ไม่มีใครขอความเห็นเธอยัยผมแดง หรือเธอจะปฏิเสธว่าครอบครัวของเธอไม่ใช่ยาจก? -- แล้วก็ขอให้เข้าใจใหม่ด้วย อย่างฉันน่ะหรือ
จะชอบยัยเด็กเพี้ยนนี่ ไม่มีวันซะหรอก พวกเรเวนคลอนี่มีแต่เพี้ยนๆ กันทั้งนั้น -- กริฟฟินดอร์นี่ก็เหมือนกัน ...กล้าหาญงั้นเหรอ เฮอะ!
ฉันว่าอ่อนปวกเปียกล่ะสิไม่ว่า”
พูดถึงกริฟฟินดอร์ กลุ่มนักเรียนบ้านนี้ก็เดินมาทางด้านหลังของมัลฟอยพอดี และบังเอิญเป็นคู่ปรับตลอดกาลตั้งแต่ปีหนึ่งซะด้วย
แถมพวกนั้นได้ยินชัดเจนทุกคำที่ออกจากปากเด็กบ้านสลิธีริน
แฮร์รี่ เชมัส ดีน และเนวิลล์ กำลังจะเข้ามาถามว่า ‘มีปัญหาอะไรกับกริฟฟินดอร์นักหรือไง’ ส่วนรอนจะเข้ามาถามว่า
‘เป็นวีสลีย์แล้วมันหนักจมูกนายหรือ?’ แต่ก็ถูกประธานนักเรียนอย่างเพอร์ซี่ยกแขนเข้ามาขวางเอาไว้
“ในฐานะประธาน
ฉันขอสั่งให้ทุกคนไม่เข้าไปยุ่งตรงนั้น”
รอนหันไปหาพี่ชายตัวเอง “นายเรียนเยอะจนสมองเบลอลืมว่าตัวเองนามสกุลวีสลีย์ไปแล้วหรือไง มัลฟอยกำลังว่ากริฟฟินดอร์
ว่าพวกเราอยู่นะ”
“ใช่”
เชมัสรีบเสริม “เรื่องอะไรจะให้ผู้หญิงเรเวนคลอตัวเล็กๆ รับหน้าคนเดียว”
“เราไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ก็ได้
แค่มือเปล่าก็พอถมถืด”
“ฉันบอกว่ายังไงก็ช่วยทำตามด้วย ในฐานะพี่ชายของนาย และประธานนักเรียน” เขาย้ำอีกครั้ง “ลืมไปแล้วเหรอว่าเด็กคนนั้น
อยู่กับใครบ่อยสุด”
เพอร์ซี่ชำเลืองตามองตามเสียงฝีเท้าสองสามคนที่กำลังวิ่งมาทางนี้ ไม่ถึงสิบวินาทีคนผมแดงสองคนก็โผล่มาจากตรงหัวมุม
พร้อมด้วยเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ชื่อคอลินวิ่งตามมาด้วย ดูเหมือนคอลินจะดูหอบมากที่สุดคงเพราะเขานี่เองที่วิ่งไปบอกน้องชายฝาแฝด
จอมแสบของเขา
ลูน่าเหลือทนแล้ว เธอฟังคำพูดให้ร้ายของมัลฟอยที่พ่นออกมาไม่หยุด ทำให้เธออยากออกจากตรงนี้ไปให้พ้นๆ เด็กสาวดึงไม้กายสิทธิ์
ที่เสียบไว้ข้างหู ชี้ไปทางมัลฟอยและร่ายคาถาใส่เขา “โลโคมอเตอร์
มอร์ติส”
ประธานนักเรียนพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงล้มตึงลงไปกับพื้นก็ดังขึ้น ขาสองข้างของมัลฟอยแนบติดกันด้วยคำสาปผูกขา
เขาล้มหน้าคะมำลงไปกับพื้นโดยมีแครบและกอยล์มองอย่างอึ้งๆ
ลูน่าหันหลังให้พวกเขา เตรียมตัวไปห้องเรียนของวิชาต่อไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะยัยสติเฟื่อง!!” มัลฟอยตะโกนไล่ตามหลังมา “เธอมีสิทธิ์อะไรมาร่ายคาถาใส่ฉัน! ...โธ่เว้ย!” เขาพลิกตัวนอนหงาย
ดิ้นเร่าๆ ให้แครบหรือกอยล์ช่วยแก้คำสาปให้เพราะอายที่นักเรียนคนอื่นเห็น แต่เพราะไม่มีใครรู้คาถาแก้คำสาปสักคน
แถมลูน่าก็ไม่สนใจเขาอีกเลยก็ยิ่งทำให้มัลฟอยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตวัดตามองพวกนักเรียนที่กำลังขำอยู่
เพอร์ซี่ที่ยืนหันหลังให้ได้ยินเด็กสาวบ้านเรเวนคลอร่ายคาถาและรู้ว่าเป็นคาถาอะไร เพื่อให้พูดได้เต็มปากว่าเขามองไม่เห็นเหตุการณ์
อะไรทั้งสิ้น เขาเลยไม่หันกลับไปมอง
พลางต้อนนักเรียนให้เข้าห้องเรียนก่อนจะเดินลงบันไดไปยังคุกใต้ดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เนวิลล์เดินกล้าๆ กลัวๆ ไปหาคนที่ยังนอนอยู่ตรงพื้น ตอนนี้มัลฟอยแขนเจ็บแถมขาก็ติดกันด้วยคาถาที่มัลฟอยเคยใช้กับเขา
ตอนปีหนึ่ง ซึ่งมันฝังใจเขามาจนถึงปีสาม เขาเดินไปยืนใกล้ๆ แล้วก้มลงพูดกับคนผมบลอนด์ “ไปนอนทำอะไรตรงนั้นล่ะ มัลฟอย”
“รอให้ฉันหลุดออกไปได้ก่อนเถอะ
เจ้าสมองกลวง!!” มัลฟอยตะคอกเสียงดังใส่เนวิลล์
⭐
จินนี่เดินตามลูน่ามาเงียบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเพื่อนตัวเล็กคนนี้โมโห ทั้งที่ปกติต่อให้ใครว่าอะไร ลูน่าจะไม่เก็บมันมาใส่ใจ
และร่าเริงได้เสมอ
แต่แล้วเมื่อเดินผ่านห้องหนึ่ง เสียงโทนต่ำชวนขนลุกก็พูดขึ้น “เธอคงไม่มีข้อแก้ตัวสินะว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎ มิสเลิฟกู๊ด”
ลูน่าหันมองต้นเสียงเห็นศาสตราจารย์สเนปส่งยิ้มเย็นมาให้ “เธอคงรู้กฎระเบียบของโรงเรียนนะ ว่าห้ามใช้เวทมนตร์ทุกประเภท
ในบริเวณระเบียงทางเดิน แถมนี่ยังเป็นคำสาป”
จินนี่เดินมายืนข้างลูน่าทันที
“แต่ศาสตราจารย์คะ มัลฟอยเขา...” เธอคิดจะแย้งแทนเพื่อนแต่สเนปกลับไม่ฟังเธอสักนิด
“หักคะแนนเรเวนคลอยี่สิบคะแนน” สเนปบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “และถ้าเธอคิดจะช่วยให้เพื่อนพ้นผิดล่ะก็ฉันจะหักคะแนน
กริฟฟินดอร์ด้วย”
จินนี่อ้าปากค้าง
คิดจะตอบโต้แต่กลับไม่มีเสียงออกมาเพราะแววตาแข็งกร้าวคู่นั้นกำลังจ้องมายังเธอและลูน่า
จอร์จกับเฟร็ดเข้ามายืนข้างหลัง จับบ่าจินนี่แล้วก้มลงพูดกับเธอแบบตั้งใจให้สเนปได้ยิน “แค่ยี่สิบคะแนน ให้เขาหักไปเถอะ จะได้รู้ว่า
ความลำเอียงที่แท้จริงมันเป็นยังไง
คะแนนแค่นั้นพี่ค่อยหาให้เธอใหม่ตอนแข่งควิดดิชยังได้”
เกิดเสียงฮือฮาตามระเบียงทางเดิน เสียงนั้นมาจากเด็กบ้านกริฟฟินดอร์และเป็นไปในทางสนับสนุนฝาแฝดวีสลีย์
สเนปตวาดสั่งให้เงียบ “หักกริฟฟินดอร์ยี่สิบห้าคะแนน” เขาพูดอย่างไม่มีความลังเลอยู่ในน้ำเสียงนั้น ก่อนสะบัดชายเสื้อคลุม
เดินจากไป
นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ไม่เครียดอะไรอยู่แล้ว ต่อให้โดนหักคะแนนแต่แลกมาด้วยการเห็นมัลฟอยถูกคำสาปผูกขาก็ถือว่าคุ้มแล้ว
แม้กระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในกฎระเบียบเสมอยังรู้สึกดีกับสิ่งที่ลูน่าทำไปด้วยซ้ำเพราะคำว่า ‘เลือดสีโคลน’ ของเขายังคงฝังใจเธอมาถึง
ทุกวันนี้
แต่สำหรับบ้านเรเวนคลอนั้นไม่ใช่ ลูน่าแอบกังวลอยู่ในใจที่เธอทำให้บ้านเสียคะแนนตั้งยี่สิบคะแนน แต่พอกลับถึงห้องนั่งเล่นรวม
ที่หอคอย
เธอกลับได้รับคำชมจากคนในบ้านและไม่มีใครคิดโทษเธอเลยสักนิดที่สาปมัลฟอย
⭐
เช้าวันรุ่งขึ้น อันที่จริงวันนี้ไม่ควรจะมีเมลล์มาส่ง ทว่าในห้องโถงใหญ่กลับมีนกฮูกแคระสีขาวบินโฉบเข้ามาวนเวียนอยู่แถวโต๊ะเรเวนคลอ
ก่อนมันจะบินลงที่โต๊ะเรเวนคลอและใช้ขาป้อมๆ เดินมาหาเด็กสาวผมบลอนด์
ลูน่ายื่นมือหยิบจดหมายสีม่วงออกจากจะงอยปากน้อยๆ ของนกฮูกด้วยอาการหวั่นวิตกอยู่ลึกๆ เพราะซองจดหมายไม่เหมือนกับที่
พ่อของเธอใช้เป็นประจำ บวกกับท่าทีแปลกๆ ของฟลัฟฟี่ นกฮูกของเธอ ปกติมันจะเข้ามาคลอเคลียอย่างออดอ้อนแล้วบินออกไป
แต่วันนี้กลับยืนจ้องเธอนิ่งไม่ยอมขยับตัวราวกับอยากอยู่เพื่อให้กำลังใจ
เธอรู้ดีว่าเมื่อวานนี้หลังเกิดเรื่อง นอกจากจะถูกหักคะแนนและถูกกักบริเวณ ศาสตราจารย์สเนปยังส่งจดหมายรายงานพฤติกรรม
ของเธอไปที่บ้าน ทั้งที่ความผิดไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นและนั่นก็เป็นจดหมายฉบับแรกที่พ่อของเธอจะได้รับจากฮอกวอตส์
มีเสียงหัวเราะดังมาจากโต๊ะสลิธีริน ไม่พ้นพวกของมัลฟอยและพาร์กินสัน เด็กชายผมบลอนด์นั่งตัวตรงเพื่อที่จะได้เห็นเหตุการณ์
สำคัญชัดๆ
“พนันได้เลยว่าต้องเป็นจดหมายกัมปนาทจากพ่อของเธอแน่ๆ
ยัยสติเฟื่อง!”
ในเวลานี้จุดสนใจในห้องโถงใหญ่คงหนีไม่พ้นเด็กสาวตัวเล็กบ้านเรเวนคลอ นักเรียนบ้านอื่นๆ ส่งสายตาเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
ไม่ได้คิดจะหัวเราะไปกับพวกมัลฟอย
โดยเฉพาะกริฟฟินดอร์ที่พร้อมใจกันนั่งอยู่เฉยๆ และจะไม่หัวเราะเยาะหากลูน่าได้จดหมายกัมปนาท
ในมือของจอร์จและเฟร็ดมีดอกไม้ไฟฟิลิบัสเตอร์อยู่หนึ่งกำมือใหญ่ๆ เตรียมพร้อมเอาไว้ ถ้าเธอได้จดหมายกัมปนาทจริงอย่างที่
มัลฟอยพูด พวกเขาจะจุดมันโยนไปทั่วห้องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
ทว่าจอร์ดันยื่นมือมาขวางไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองเอาไว้
“ฉันว่าสีไม่เหมือนจดหมายกัมปนาทนะ”
ภายในห้องโถงใหญ่เงียบกริบเมื่อเห็นควันกรุ่นออกมาแต่ลูน่ากลับได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ เด็กสาวกลั้นใจแกะครั่งสีแดง
บนซองออก มีเสียงดังราวกับระเบิดออกจากจดหมายทำเอาเธอเผลอปล่อยมันหลุดมือ เมื่อกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง จดหมายก็เริ่มส่งเสียง
ด้วยเสียงหัวเราะร่วนที่เธอจำได้แม่นว่าเป็นเสียงพ่อของเธอเอง
. . . . . . . . . . . . .
“ สมควรแล้วล่ะที่คนอย่างนั้นจะถูกสั่งสอนซะบ้าง แค่คำสาปผูกขายังน้อยไปด้วยซ้ำ หนูเก่งมากลูน่าลูกรัก ถ้ามีคนมาพูดจาไม่ดี
ใส่ลูกหรือเพื่อนของลูกอีก พ่ออนุญาตให้สาปได้เลย! และจะไม่ว่าสักนิดต่อให้มีจดหมายตามมาอีกเป็นพรวนก็เถอะ
ใช้ชีวิตที่โรงเรียนให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยนะลูก!!
ปล. อย่าให้ขนมปังกับเจ้าฟลัฟฟี่นะ
ช่วงนี้มันท้องผูก ”
. . . . . . . . . . . . .
แล้วจดหมายฉบับนี้ก็ทำลายตัวเองทิ้งด้วยการฉีกออกเป็นชิ้นๆ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนปลิวลงบนโต๊ะ
อย่างแผ่วเบา
ดวงตากลมโตเลื่อนมองฟลัฟฟี่ ที่แท้ต้นเหตุที่มีท่าทีแปลกไปก็เพราะแบบนี้เอง เจ้าก้อนขนสีขาวเขินม้วนจนตัวหดเล็กลงไปอีกที่รู้ว่า
นักเรียนแถวนั้นได้ยินกันหมดแล้วว่ามันท้องผูก
ลูน่าหยิบผักจากในจานของเธอชูขึ้น
“กินไหม”
ฟลัฟฟี่เดินเตาะแตะเข้ามาหาอย่างเคอะเขิน จะงอยปากน้อยๆ งับผักไปคาบไว้ในปากก่อนเอาหัวมาคลอเคลียมือเจ้าของ
แล้วบินจากไป...
ไม่มีอะไรสะใจไปกว่านี้อีกแล้ว สายตาทุกคนต่างจับจ้องไปที่มัลฟอย เขาโกรธจนหน้าแดงที่มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด จอร์จยิ้มที่ได้เห็น
ภาพนี้
ไม่ใช่แค่เขาเพราะทั้งโต๊ะกริฟฟินดอร์ และนักเรียนบ้านอื่นที่เคยโดนมัลฟอยแกล้งหรือพูดจาร้ายๆ
ใส่ต่างก็รู้สึกสะใจไม่แพ้กัน
“เป็นพ่อที่เจ๋งชะมัด”
รอนยังมองจดหมายที่กลายเป็นกลีบดอกไม้อยู่อย่างนั้นด้วยแววตาเลื่อมใส แฮร์รี่
ดีนและเนวิลล์พยักหน้าเห็นด้วย
เชมัสตบบ่ารอนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ขอบใจที่ชมพ่อตาในอนาคตของฉันนะ”
และแล้วในเช้าวันนั้น เพราะคำพูดจากปากเชมัสก็เป็นอันทำให้เขาต้องดื่มน้ำมันพืช แทนที่จะได้ดื่มนม...
“ใครทำฟะ!?!?”
⭐
- Talk -
ตอนนี้เดรโกมีโจทก์เยอะไปหน่อย โดยเฉพาะน้องน้อยปีหนึ่งที่โดนแกล้งตั้งแต่วันแรก ยิ่งเดรโกว่ากระทบกริฟฟินดอร์กับเรเวนคลอ
ด้วยแล้ว เลือดรักบ้านก็พุ่งพล่านไม่มีใครว่าเลยสักคนที่โดนหักคะแนน แถมยังได้รับคำชมอย่างล้นหลามอีกต่างหาก...
ไม่ต้องบอกก็คงเดากันออกใช่มั้ยคะว่าใครเป็นคนทำให้เชมัสดื่มน้ำมันพืช? 555
ปล. ขอถามอีกนิดสำหรับรีดที่กดติดตามนะคะ ว่าพอเราอัพแล้วมันขึ้นแจ้งเตือนมั้ย? หรือว่าเงียบกริบไม่มีแจ้งเตือนอะไรเลย
ความคิดเห็น