คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : 16 ll Hot Chocolate and Pudding
16
Hot Chocolate
and Pudding
สำหรับเด็กอายุสิบเอ็ดปี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าการที่จะได้ขึ้นรถไฟด่วนฮอกวอตส์เพื่อเดินทางไปโรงเรียนได้อีกแล้ว
บนชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ มีรถไฟเป็นรถจักรไอน้ำสีแดงสด กำลังพ่นควันอยู่บนชานชาลาซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาด้วยพ่อมด
แม่มดที่มาส่งลูกๆ ขึ้นรถไฟ
“พวกลูกไม่ลืมอะไรกันแล้วนะ แม่ย้ำหลายครั้งแล้วว่ายังไงปีนี้ก็จะไม่ส่งอะไรตามหลังไปที่ฮอกวอตส์เด็ดขาด” มอลลี่ไล่สายตามอง
ลูกๆ ของเธอทั้งห้าคนหลังเพอร์ซี่ รอนและจินนี่ยกหีบใส่ของขึ้นไปไว้บนรถไฟแล้วกลับมารวมกันอีกครั้งเพื่อร่ำลาพ่อกับแม่
ส่วนเฟร็ดกับจอร์จมัวเอ้อระเหยไม่ยอมเอาสัมภาระไปเก็บเลยต้องหิ้วติดตัวมาด้วย
“ผมว่าจอร์จลืมหูเอาไว้ที่บ้านฮะแม่”
เฟร็ดเหล่ตามองฝาแฝดของเขา “เขาไม่ได้ฟังอะไรที่แม่พูดเลย”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ! จอร์จ!
ลูกฟังแม่อยู่หรือเปล่า”
“ปล่อยเขาเถอะที่รัก คงมองหาเพื่อนอยู่ล่ะมั้ง”
อาเธอร์จับบ่าเธอเบาๆ เพื่อให้ใจเย็นลง
มอลลี่พยักหน้าก่อนจูบลูกๆ ทุกคนเรียงตามอายุพร้อมด้วยกอดอีกหนึ่งที
“รักษาตัวด้วยนะจ๊ะ โดยเฉพาะเฟร็ดกับจอร์จ ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าเที่ยวไปก่อเรื่องจนต้องมีจดหมายมาถึงบ้านอีก ไม่อย่างนั้นนับวัน
รอปิดเทอมมาไล่โนมได้เลย!”
เธอหันไปเน้นย้ำกับลูกชายตัวแสบเป็นรอบที่สามของวัน
“มาแล้ว!” จู่ๆ จอร์จก็โพล่งขึ้นมาทำเอาจินนี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ สะดุ้ง เฟร็ดที่ตัวสูงเลยหัวน้องสาวและเด็กตัวเล็กๆ ที่แออัดกันอยู่ใน
ชานชาลาชะเง้อมองตามสายตาจอร์จ มีเด็กสาวผมบลอนด์ตัวเล็กเดินมาพร้อมกับพ่อมดร่างผอมผู้มีผมยาวสีขาว เขาถือกระดาษปึกหนึ่ง
มาในมือด้วย
เฟร็ดกำลังจะโบกมือส่งสัญญาณตามจอร์จ แต่ดันเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยกับเซโนฟิเลียสซะก่อน เขาเซไปด้านข้างเพราะลูกพ่อมดคนหนึ่ง
...ที่พวกเขาเห็นชัดเจนว่าเป็นลูเซียส มัลฟอย พ่อของเดรโกที่ตั้งใจเดินชนเขา กระดาษปึกใหญ่ในมือเขาพลันร่วงเกลื่อนเต็มพื้น
ทว่าสองพ่อลูกมัลฟอยก็ไม่ที่ท่าว่าจะเอ่ยคำขอโทษหรือแสดงน้ำใจด้วยการช่วยเก็บ พวกเขาทำเพียงแค่หันไปมองและยิ้มอย่างดูแคลน
แล้วเดินต่ออย่างไม่รู้สึกผิด
“น่ารังเกียจที่สุด” มอลลี่ขมวดคิ้ว เธอไม่แปลกใจเลย คนที่จะทำแบบนั้นได้มีเพียงครอบครัวมัลฟอยเท่านั้นแหละ เพียงเสี้ยววินาที
ที่เธอกำลังจะบ่นต่อ ในสายตาพลันเห็นเด็กผู้ชายผมแดงสองคนวิ่งไปช่วยเด็กหญิงตัวน้อยกับพ่อของเธอเก็บกระดาษขึ้นมา
“นั่นเฟร็ดกับจอร์จนี่
-- ไปกันไวชะมัด” รอนพูดพลางเดินไปทางนั้นบ้าง โดยมีแม่กับพ่อของเขาตามมาด้วย
“ขอบใจนะ” เซโนฟิเลียสรับกระดาษจากมือเด็กชายตัวสูงมาเก็บใส่กระเป่า และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเด็กที่มีน้ำใจทั้งสองก็เจอกับ
ชายผมสีแดงเพลิงที่เขาจำได้แม่น
“สวัสดีฮะคุณเลิฟกู๊ด” ฝาแฝดพูดพร้อมกัน แต่มีคนนึงที่สายตาไม่ได้มองเขาเลย
“สวัสดี...”
“สวัสดีค่ะ คุณเลิฟกู๊ด” เสียงแหลมของมอลลี่แทรกมาจากทางด้านหลัง เธอกับอาเธอร์เข้ามาจับมือทักทายเซโนฟิเลียสด้วยสีหน้า
ยิ้มแย้ม
“สวัสดีครับคุณวีสลีย์ ลูกๆ ของคุณมีน้ำใจมาก ต้องสอนพวกเขามาดีมากแน่ๆ” แม้จะชื่นชมจากในจริง แต่เซโนฟิเลียสก็พูดด้วย
น้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์เพราะหนึ่งในสองคนนั้นมีหนึ่งคนที่ลูน่าของเขาพูดถึงตลอดปิดเทอม
“จะดีกว่านี้ถ้าพวกเขาไม่ขยันหาเรื่องมาให้ทุกวันนะคะ นี่เฟร็ด แล้วก็ จอร์จค่ะ” เธอแนะนำลูกชายทีละคน “แสบไปหน่อยแต่ก็
เป็นเด็กดี”
“ครับ ลูน่าก็บอกเอาไว้แบบนั้น เธอพูดถึงพวกเขาบ่อยทีเดียวตลอดปิดเทอม
เธอโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆ อย่างพวกเขา”
มอลลี่ยิ้มแป้นที่นานๆ จะได้รับคำชมดีๆ เกี่ยวกับลูกชายตัวแสบสองคนนี้บ้าง เซโนฟิเลียสปรายตามองฝาแฝดผมแดงที่ยืนฉีกยิ้มกว้าง
แต่กลับมีคนนึงที่ยิ้มกว้างมากกว่าปกติ แม้จะตาแทบปิดแต่เขากลับรับรู้ได้ถึงสายตาฉ่ำเยิ้มที่ฉายแววออกมา เขาชำเลืองมองตามสายตา
คู่นั้นก็เห็นว่าส่งมาให้ลูกสาวของเขา แถมลูน่าลูกรักก็ยิ้มตอบกลับไปแบบไม่หวงรอยยิ้มเลยสักนิด
เซโนฟิเลียสกระแอมไอหนักๆ เพื่อดึงความสนใจ “ขอบใจพวกเธอที่ช่วยดูแลลูน่านะ” เขาพูดกับฝาแฝดวีสลีย์ ก่อนตั้งใจเจาะจงสบตา
กับคนที่ส่งยิ้มหวานให้ลูน่าเป็นพิเศษ “ฝากดูแลลูน่าในฐานะที่เป็นเพื่อนกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา
แต่ช่างเป็นยิ้มที่ทำเอาจอร์จขนลุกซู่และไม่กล้าสบตากับเขาอีกเลย
“รถไฟจะออกแล้วล่ะ” มอลลี่บอกหลังมองดูนาฬิกาที่บอกว่าอีกสามนาทีจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ราวกับเป็นเสียงระฆังช่วยชีวิตจอร์จ
ที่ยิ้มแห้งขึ้นเรื่อยๆ เพราะเซโนฟิเลียสไม่ยอมละสายตาจากเขาเลย
“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูกรัก” เซโนฟิเลียสลูบหัวลูกสาวพลางดึงเข้ามากอด
“ดูแลตัวเอง ดูแลน้องให้ดีนะ เข้าใจไหม” มอลลี่กำชับกับฝาแฝด ก่อนหันมาเจอลูน่าที่เพิ่งลากับเซโนฟิเลียสเสร็จ ด้วยความเอ็นดู
และรับรู้เรื่องแพนโดรา แม่ของเด็กสาวมาตลอด เธอเลยอ้าแขนแล้วกอดลูน่าอย่างอ่อนโยนพลางลูบผมเหมือนกับที่ทำกับลูกๆ
ของเธอทุกคน “โชคดีนะจ๊ะ ถ้าเฟร็ดกับจอร์จแกล้งอะไรล่ะก็ บอกจินนี่หรือไม่ก็เขียนจดหมายส่งมาบอกกันได้เลยนะ”
⭐
เมื่อขึ้นมาบนรถไฟ ทุกคนต่างแยกกันไปกับเพื่อนตัวเอง รอนเดินแยกไปกับแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ เข้าไปนั่งในห้องห้องหนึ่งที่มีพวกเพื่อน
ปีเดียวกันนั่งอยู่ จินนี่ไปนั่งกับเพื่อนบ้านกริฟฟินดอร์ ส่วนเพอร์ซี่แยกไปที่ตู้ของพรีเฟ็ค แต่ปีนี้เขาไปในฐานะประธานนักเรียนหลังได้รับ
จดหมายจากฮอกวอตส์เมื่อสัปดาห์ก่อนเปิดเทอม
เมื่อพี่น้องวีสลีย์แยกย้ายกันไปคนละทางก็เหลือคู่หูเฟร็ดจอร์จ พ่วงด้วยลูน่าที่ยืนเคว้งคว้างอยู่ตรงทางเดินพร้อมด้วยหีบใบใหญ่อีกใบ
เพราะยังหาห้องว่างไม่ได้ เฟร็ดเดินนำพลางมองลอดช่องกระจกดูแต่ละห้องว่ามีห้องว่างบ้างไหม ลูน่าคอยมองหามาเรียแต่ก็ยังไม่เจอสักที
จอร์จเดินตามหลังทั้งสองอย่างสบายอารมณ์ ตราบใดที่ลูน่ายังหามาเรียไม่เจอ
เขาก็ยังพอมีเวลาอีกนิดให้ได้อยู่ด้วยกัน
กระทั่งเดินผ่านไปห้าตู้ เฟร็ดก็ร้องอย่างดีใจที่ในที่สุดก็เจอห้องว่างแล้ว เขาเลื่อนเปิดประตูเตรียมเหวี่ยงหีบอันหนึกอึ้งเข้าไปในห้อง
ทว่ากลับมีเด็กผู้ชายตัวเล็กผมสีทรายวิ่งออกมาจากห้องนั้น ทำเอาเฟร็ดเผลอสบถออกมาและทำหีบตกทับเท้าตัวเอง มันจะไม่เป็นไรเลย
ถ้าหากหีบใบนั้นไม่หนักอึ้งเพราะเต็มไปด้วยของเล่น และของทดลองอีกเพียบที่เขาขนมาด้วยจนกินพื้นที่ไปเกือบค่อนกระเป๋า
ดูท่าแล้วปีนี้ฮอกวอตส์คงไม่สงบอีกเหมือนเคย...
ลูน่ามองด้วยความตกใจก่อนเปลี่ยนเป็นความเป็นห่วง เธอเดินไปหาเฟร็ดที่นั่งกุมเท้าตัวเองแต่แล้วเด็กคนนั้นที่วิ่งไม่ดูทางก็ชนเธอ
เข้าอีกคนจนเซไปด้านข้าง ในวินาทีที่คนผมบลอนด์กำลังจะล้มไปอีกคน จอร์จก็เข้ามาประชิดตัวทางด้านหลังพอดีพลางใช้มือข้างที่ว่าง
ข้างเดียวดันหลังให้เธอกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
“เฮ้ ระวังหน่อยเจ้าหนู!” จอร์จหันไปตะโกนไล่หลังเด็กปีหนึ่งที่คงตื่นเต้นจนเกินเหตุ เลยวิ่งไปทั่วรถไฟจนทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้
“เธอไม่เป็นอะไรนะ”
“ค่ะ
...ขอบคุณนะคะ” ลูน่าส่งยิ้มบางๆ มาให้พลางกระชับมือที่ถือหีบแล้วเดินต่อ
“เป็นยังไงบ้างเฟร็ดดี้”
จอร์จถามฝาแฝดคนพี่ที่ยังนั่งยองๆ อยู่กับพื้น
“ก็เจ็บน่ะสิถามได้” เฟร็ดนั่งลูบเท้าตัวเองป้อยๆ เพราะหีบนี่ก็หนักไม่ใช่เล่น จอร์จช่วยยกหีบของเขาเข้าไปในห้องว่าง ขณะที่ลูน่าช่วย
ดึงให้เขาลุกขึ้นมา
จอร์จมองดูเฟร็ดเดินกะเผลกเข้ามาในห้องโดยมีลูน่าคอยช่วยระวังให้ เกิดความอิจฉาเล็กๆ และมีคำถามผุดขึ้นในหัวขึ้นมาทันที
ถ้าหากคนที่โดนกระเป๋าทับเป็นเขา นังหนูจะทำยังไงหนอ...
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเฟร็ดไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะวิ่งเล่นไปทั่วเหมือนปีอื่น เพราะอาการปวดตุบๆ ที่เท้ายังไม่หายดี สิ่งที่ทำได้เพื่อให้ลืม
ความเจ็บก็คือ ...นอน เฟร็ดนอนหลับอ้าปากหวอพิงกระจกหน้าต่างมาได้ราวสิบนาทีแล้ว จอร์จที่นั่งอยู่ข้างกันก็เอาแต่แอบมองเด็กสาว
ผมบลอนด์ที่นั่งตรงข้ามกัน ลูน่าอ่านเดอะควิบเบลอร์ฉบับล่าสุดและวันนี้เธอก็ยังคงอ่านกลับหัวเหมือนอย่างเคย ถ้าหากทำได้เขาอยาก
นั่งมองอย่างนี้ทุกปีคอยดูนังหนูของเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกอยากเด็กลงกว่านี้อีกนิด ปีนี้เขาอยู่ปีห้าแล้ว ขณะที่ลูน่าเพิ่งอยู่ปีสองเอง อย่างน้อยแค่เพียงสักปีเดียว
เขาก็มีเวลาได้เห็นเธอที่ฮอกวอตส์เพิ่มขึ้นแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็มีหลายครั้งทีเดียวที่เขาเคยคิดตอนปิดเทอมว่าอยากเด็กกว่านี้
ไม่รู้ว่าเขาเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเห็นดวงตากลมแป๋วจ้องเขาตาไม่กะพริบ
“คุณวีสลีย์คะ
ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้” ลูน่าปิดนิตยสารวางลงบนตัก “ฉันลองใช้ก้อนหินที่คุณให้มาตอนไปตรอกไดแอกอนแล้วนะคะ”
หัวใจจอร์จเต้นโครมครามขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาเคยทดลองมาก่อนก็จริงแต่ก็ไม่แน่ใจว่าที่ให้ลูน่าไปมันได้ผลไหม
ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอคิดยังไงกับมัน เธอจะชอบมันไหมหรือคิดว่ามันไร้ประโยชน์ เขาคิดเรื่องพวกนี้ไม่หยุดตั้งแต่วินาทีแรกที่ให้กับเธอไป
“มันอาจดูธรรมดาไปหน่อย
...ฉันคิดว่าอย่างนั้น” จอร์จพูดเสียงค่อยพลางยกมือจับท้ายทอยเพราะไม่รู้ว่าจะเอามือไปวางไว้ตรงไหนดี
ลูน่าส่ายหัวทันที “มันวิเศษมากต่างหาก ไม่มีอะไรดีไปกว่าได้นอนมองดวงดาวระยิบระยับที่อยู่เต็มเพดานห้องนอนอีกแล้ว”
เด็กสาวเลื่อนสายตามองเพดานราวกับหลุดเข้าไปในความฝันแล้วกลับมามองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตื่นเต้น “ฉันชอบมากเลย
--จริงๆ นะ ขอบคุณที่ให้มานะคะ ตั้งแต่คืนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นลูกค้าประจำของคุณเลย ฉันอาจหมดตัวได้เลยล่ะ คุณจะขายเมื่อไร
เหรอ?”
“เธอไม่หมดตัวหรอก
นังหนู ความจริง...ฉันไม่ได้คิดว่าจะขายมันน่ะ”
สีหน้าผิดหวังฉายขึ้นบนใบหน้าเด็กสาว “ทำไมถึงไม่ขายล่ะคะ ฉันมั่นใจว่าต้องขายดีแน่ๆ”
“เพราะขั้นตอนมันค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อย แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะขายแต่แรกอยู่แล้วด้วย แต่ถ้าเธอชอบ ฉันยินดีเสกให้ฟรีๆ -- เวลา
เดินไปห้องโถงใหญ่เธอจะได้ไม่เดินเหม่อจนชนโต๊ะเหมือนเมื่อปีที่แล้วอีก”
ลูน่าผุดยิ้มเมื่อนึกย้อนไปถึงเมื่อวันแรกที่ก้าวเท้าเข้าสู่ฮอกวอตส์ ท่าทางของเธอในสายตาคนอื่นมันคงดูน่าขันไม่น้อย
จอร์จรีบเสริมขึ้นมาทันที “แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันตลกหรอกนะ”
“คุณจะคิดว่ามันตลกก็ได้ ฉันเองยังนึกขำตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก็ชินซะแล้วล่ะ เดินชนนู่นนี่บ่อย ฉันจำได้ วันนั้นถ้าคุณไม่ช่วยฉัน
แล้วเตือนสติว่าให้มองทาง ฉันก็คงจะชนกับเพื่อนคนข้างหน้าเข้า --ฉันดีใจที่ได้รู้จักคุณนะ”
ลูน่าฉีกยิ้มกว้างทำเอาจอร์จนั่งตัวแข็งทื่อ จู่ๆ นังหนูก็พูดออกมาตรงๆ แบบนั้น เหมือนถูกร่ายคาถาโจมตีเข้าที่หัวใจอย่างไม่ปราณี
แค่เธอบอกว่าดีใจที่ได้รู้จัก ตัวเขาก็แทบลอยแล้ว... นี่เขาจะหัวใจวายตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะ!
เมื่อความมืดเข้ามาปกคลุม โคมไฟในตู้รถไฟก็เปิดสว่างขึ้น เฟร็ดกับจอร์จใช้เวลาที่เหลืออีกน้อยนิดก่อนถึงชานชาลา สอนคาถา
ที่น่าจะจำเป็นสำหรับลูน่าเล็กๆ น้อยๆ เผื่อเอาไว้ใช้ยามจำเป็น เพราะจากที่พวกเขารู้จักในตลอดปีที่ผ่านมา เด็กสาวไม่ใช้นักเรียนประเภทที่
อยู่ในกฎระเบียบหรือเคร่งครัดเหมือนอย่างเฮอร์ไมโอนี่
วิธีเอาตัวรอดจากฟิลช์จึงถือเป็นสิ่งสำคัญและพวกเขาก็พบลูกศิษย์คนแรกแล้ว...
การเดินทางอันแสนยาวนานตลอดทั้งวันจบลง ฝาแฝดวีสลีย์ก้าวลงชานชาลา สูดอากาศเอากลิ่นต้นสนที่เรียงรายอยู่ข้างทางลงไป
ทางทะเลสาบเข้าเต็มปอด แล้วเดินออกไปสู่ถนนมืดๆ นอกสถานีฮอกส์มี้ดพร้อมกับลูน่าและน้องๆ ของพวกเขา เมื่อมาถึงรถม้าที่ไม่มี
ม้าลากเหมือนอย่างเคย พวกเขาก็เป็นอันต้องแปลกใจเมื่อเห็นลูน่าเดินไปหาความว่างเปล่าหน้ารถม้าแล้วส่งเสียงทักทายเสียงใส “สวัสดี!”
รอนส่งสายตาหาเพื่อนทั้งสองที่กำลังยืนมองความว่างเปล่าสลับกับลูน่าไปมา ก่อนดึงแขนเสื้อแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ให้เดินตามไปขึ้น
รถม้าคันข้างหน้าที่มีเพียงเนวิลล์นั่งอยู่
ผิดกับจอร์จและเฟร็ด
เขาดูสนอกสนใจไม่น้อย ด้วยความสงสัยเลยเดินตามไปดูบ้างแต่ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี กระทั่งมีเสียงของจอร์ดันดังขึ้น
“เฮ้ มัวยืนทำอะไรกันอยู่ รีบขึ้นมาเร็วเข้า ฉันไม่อยากนั่งไปกับพวกมัลฟอยนะ” เขาชำเลืองไปมองกลุ่มของมัลฟอยที่กำลังแกล้ง
เด็กปีหนึ่งข้างหลัง
“ไปกันเถอะ
นังหนู” จอร์จบอกพลางหลีกทางให้ลูน่าเดินขึ้นรถไปก่อน
ตลอดทางที่นั่งรถม้า สายตาจอร์จจ้องไปข้างหน้ารถอย่างไม่วางตา เขารู้ว่าลูน่าในสายตาคนอื่นนั้นเป็นคนแปลกประหลาด
คิดไม่เหมือนคนอื่น แต่ครั้งนี้กลับเป็นเขาเสียเองที่รู้สึกแปลกใจ ต่อให้เพ่งมองเท่าไรก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของตัวที่ลากรถ ...หรือไอ้เจ้ารถม้า
ที่เขานั่งตั้งแต่ปีสองจะมีม้าอยู่จริงๆ
?
⭐
“ยินดีต้อนรับ” ดัมเบิลดอร์เอ่ยหลังพิธีการคัดสรรนักเรียนใหม่เข้าประจำบ้านของตัวเองจบลง แสงเทียนทอแสงวับแวมต้องเคราของเขา
“ขอต้อนรับสู่อีกปีหนึ่งที่ฮอกวอตส์ ในคืนนี้มีเรื่องที่จะประกาศให้ได้ทราบโดยทั่วกันสองสามเรื่องก่อนที่พวกเธอจะมัวเมาไปกับอาหารชั้นเลิศ
ของเรา”
เขากระแอมแล้วพูดต่อ “เรื่องแรกฉันรู้สึกดีใจที่ได้ต้อนรับอาจารย์คนใหม่ของเราถึงสองท่านด้วยกัน ท่านแรกคือ ศาสตราจารย์ลูปิน
ที่กรุณามาสอนแทนในตำแหน่งอาจารย์ประจำวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด แทนศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตที่จะไม่อยู่ชั่วคราวเพราะเขา
มีหน้าที่หน้าที่อันอึ้งกำลังรอความช่วยเหลือจากเขาอยู่
เขาฝากให้บอกด้วยว่าจะมีหนังสือเล่มใหม่ออกแน่นอน”
“โธ่ ไม่นะ
นึกว่าจะได้เรียนกับเขาซะอีก” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างเสียดาย
“เรารู้กันตั้งนานแล้ว”
รอนกระซิบ “ลืมบอกเธอไปแน่ะ”
“ไม่มีข่าวไหนดีเท่านี้มาก่อน วันวาเลนไทน์เราไม่ต้องกินน้ำฟักทองสีชมพูอีกแล้ว” เชมัสหันมาบอกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขผิดกับ
เฮอร์ไมโอนี่ที่มองตาเขียวใส่เขา
“เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้วย่ะ
ศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตน่ะเก่งจะตาย ไปช่วยแค่วันเดียวก็เสร็จแล้ว”
“แต่ฉันว่าพ่อมดที่จัดการแค่พิกซี่ก็ยังทำไม่ได้อย่างเขา ต่อให้หมดปีก็ยังไม่กลับหรอก น่าเสียดายนะ” รอนพูด แสร้งทำหน้าเสียใจ
หากหมดปีแล้วศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตยังไม่กลับมา
แฮร์รี่ยกมือขึ้นห้ามเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจะอ้าปากเถียงรอนกลับ
“อย่าเพิ่งเถียงกัน ฟังศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดต่อเถอะ”
“และอาจารย์ท่านที่สอง ต้องขอบอกก่อนว่าฉันเสียใจที่จะต้องบอกพวกเธอว่า ศาสตราจารย์เคทเทิลเบิร์น อาจารย์ประจำวิชา
การดูแลสัตว์วิเศษของเราได้เกษียณอายุลงเมื่อปลายปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันยินดีที่จะประกาศว่าอาจารย์คนใหม่ของเราไม่ใช่ใครที่ไหน
เขาก็คือ
รูเบอัส แฮกริด เขายอมตกลงรับสอนวิชานี้นอกเหนือจากหน้าที่ผู้ดูแลสัตว์”
มีเสียงปรบมืออย่างดีใจดังกึกก้องกว่าตอนประกาศชื่อศาสตราจารย์ลูปิน โดยเฉพาะโต๊ะของบ้านกริฟฟินดอร์ ลูน่าเองก็ร่วมปรบมือ
อย่างดีใจไปกับบ้านกริฟฟินดอร์ด้วยเพราะคิดว่าแฮกริดใจดีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนอื่นในบ้านเรเวนคลอพูดกัน
⭐
กลางดึกในคืนนั้น ระหว่างที่นักเรียนคนอื่นนอนหลับอุตุในเตียงของตัวเองเพราะงานเลี้ยงที่มีอาหารตระการตาดูดพลังงานพวกเขา
ไปจนหมด กลับมีนักเรียนบางกลุ่มที่ยังมีพลังเหลือสำหรับออกมานอกหอคอยประจำบ้าน
หนึ่งในนั้นคือ เด็กสาวจากบ้านเรเวนคลอ เธอมาถึงงานเลี้ยงในเวลาที่ใกล้เลิกเต็มทีเพราะมัวไปคุยเล่นกับเธสตรอลทำให้คืนนี้เธอ
ท้องร้องจนนอนไม่หลับ
โดยไม่รู้เลยว่าตอนช่วงหัวค่ำมีเด็กชายจากบ้านกริฟฟินดอร์คอยมองหาตลอดพิธีคัดสรรเพราะเป็นห่วง
ลูน่าเดินกลับมาทางเดิมหลังแอบไปขอทาร์ตฟักทองจากโรงครัวมาได้สามชิ้น ดวงตากลมหรี่ตาเพ่งมองกลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลในความมืด
เห็นเด็กนักเรียนสี่คนถูกฟิลช์
ภารโรงของโรงเรียนจับได้ว่าลุกออกจากเตียงมาเตร็ดเตร่ในปราสาทซึ่งเธอรู้ได้ในทันทีว่าเป็นใคร
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นเรอะ ยังเร็วไปร้อยปีไอ้หนู” ฟิลช์หัวเราะชอบใจที่จับฝาแฝดจอมแสบพร้อมน้องชายผมแดงและเพื่อนคนดังของ
กริฟฟินดอร์ได้ตั้งแต่วันแรก โดยมีพีฟส์ลอยตัวหัวเราะเยาะเย้ยเหนือหัวพวกเขาพร้อมไม้เท้าในมือที่เตรียมเอามาแกล้งโยนใส่เด็กนักเรียน
ให้ตกใจเล่น
เฟร็ดไม่ได้สนใจคำพูดฟิลช์และเริ่มพูดเรื่องที่อยากพูด “เราว่าจะพูดกับคุณอยู่เชียว เรื่องที่ตกลงกันไว้ว่าจะไม่ส่งจดหมายเมื่อคืนก่อน
ปิดเทอมที่แล้ว”
จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย
“ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่รักษาสัญญากันนี่”
“เหอะ!
ทำมาเป็นพูดดี ฉันส่งไปเพราะฉันคิดได้น่ะสิ
ว่ายังไงเด็กแสบอย่างพวกเธอคงป่าวประกาศไปทั่วแล้วว่าฉันเป็น...ช่างเถอะ”
“เรายังไม่ได้บอกใครเลยนะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
รอนเงยหน้าถามเฟร็ด
“เขาเป็นสควิป” เฟร็ดตอบอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ในเมื่อฟิลช์คิดแบบนั้นเขาก็ทำให้มันเป็นจริงซะก็สิ้นเรื่อง ทำเอารอนมองเขาอย่าง
ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
ก่อนจะเข้าใจได้ว่าทำไมฟิลช์ถึงได้เกลียดเด็กนักเรียนนักหนา
ฟิลช์โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงพลางบอกจะทำโทษอย่างหนัก
“ก็คุณไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ก่อนเองนี่ฮะ
เพราะงั้นเรื่องที่คุณเป็น...”
“เงียบนะ!! เลิกพล่ามแล้วตามลงมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะพาลงไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัล! พวกเธอเก่งไม่ออกแน่ ไม่ว่ายังไงคืนนี้
ก็ไม่มีใครมาช่วยได้อีกแล้วล่ะ”
ฟิลช์พูดยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆ เกิดเสียงอึกทึกคึกโครมเหมือนของร่วงที่ชั้นล่าง เขาเดินเงอะงะไปเกาะราวบันไดชะโงกหน้ามอง
แล้วตะโกนเสียงก้องปราสาท “พีฟส์!!”
“เจ้าโง่!”
พีฟส์ส่งเสียงจากด้านหลังของเขา “ฉันอยู่นี่แล้วจะไปทำเสียงนั่นได้ยังไง”
ฟิลช์หันขวับกลับมามองเด็กทั้งสี่ทันที
แต่พวกเขาทั้งหมดส่ายหัวพร้อมชูมือให้ดูว่าไม่มีไม้กายสิทธิ์
“งั้นตามมาได้แล้ว!”
ฟิลช์บอกด้วยความหงุดหงิดกว่าเก่า
เด็กบ้านกริฟฟินดอร์เดินคอตกตามฟิลช์ไป หากเป็นห้องทำงานของเขาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นศาสตราจารย์มักกอนนากัล
พวกเขาต้องถูกกักบริเวณและหักคะแนนทั้งที่ยังไม่ได้ทำผิดกฎอะไรร้ายแรงนอกจากแค่เดินออกจากหอพัก
⭐
เมื่อรู้ว่าที่ทำไปนั้นไม่ได้ผล ลูน่าเลยคิดหาวิธีอื่น เด็กสาวถือไม้กายสิทธิ์ในมือ ขยับปากพึมพำเบาๆ ก่อนจะมีหนูสีขาวตัวเล็กนับสิบ
วิ่งไปหาคนกลุ่มนั้น
คุณนายนอร์ริส แมวของฟิลช์มีดวงตาเป็นประกายวิบวับ มันวิ่งตามหนูพวกนั้นไป ไม่ฟังเสียงเจ้านายอย่างฟิลช์ที่ร้องห้าม
ฟิลช์วิ่งตามแมวของเขาไปโดยทิ้งเฟร็ด จอร์จ รอนและแฮร์รี่ยืนมองตามตาปริบๆ
จอร์จเหลียวมองดูรอบตัว อยู่ดีๆ หนูพวกนี้จะโผล่มาเป็นสิบได้ยังไงถ้าไม่มีใครเสกมันขึ้นมา “นั่นนังหนูนี่” เขาร้องบอกสามคนที่เหลือ
แล้ววิ่งไปหาลูน่าในห้องว่างห้องหนึ่งเพื่อหลบฟิลช์เผื่อว่าเขาจะย้อนกลับมา
พวกเขาทั้งสี่มองดูรอบห้องว่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ก่อนมองดูแม่มดตัวเล็กที่ช่วยพวกเขาในคืนนี้
“ฝีมือเธอหรือ --เมื่อกี้นี้น่ะ” รอนถามพลางมองไม้กายสิทธิ์ในมือลูน่า
เธอพยักหน้ารับหนึ่งที “ร้ายกาจ!” เขามองเธอด้วยแววตาชื่นชม
เฟร็ดปรบมือเบาๆ
“เป็นไงล่ะ ลูกศิษย์พวกเรา ไม่เสียแรงที่สอนตอนนั่งรถไฟมา”
“สอนให้เสกหนูเนี่ยน่ะเหรอฮะ”
แฮร์รี่เอียงคอถาม
“ใช่แล้ว”
จอร์จยืดอกรับอย่างภูมิใจ “เขาเรียกว่าวิชาเอาตัวรอด(จากฟิลช์)”
“ไม่เห็นสอนฉันบ้างเลย”
“นายอยู่ปีสามแล้วนะ รอน ฉันจำได้ว่าปีที่แล้วนายต้องเคยเรียนคาถานี้
นอกเสียจากนายจะหลับในชั่วโมงเรียน”
“อย่ามากล่าวหากันน่า ...ว่าแต่เธอออกมาทำอะไรนอกหอนอนน่ะลูน่า” รอนพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขางีบหลับไปจริงๆ
ในคาบเรียนวิชาคาถาเมื่อปีก่อน
“อ๋อ -- ว่าจะมาขอพุดดิ้งจากโรงครัวน่ะ แต่ว่ามันหมดแล้วเลยได้ทาร์ตฟักทองมาแทน” ลูน่าโชว์ให้พวกเขาดูทาร์ตฟักทองในมือ
อย่างเสียดายนิดๆ
ถ้าเป็นพุดดิ้งเธอคงยิ้มออกกว่านี้
รอนมองดูทาร์ตฟักทองชิ้นเล็กสามชิ้น “เชื่อเขาเลย เธอออกมาเสี่ยงให้ถูกจับได้เพื่อขนมสามชิ้นเนี่ยนะ”
“ยังไงก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยนะ เธอจะกินด้วยไหม” ลูน่ายื่นมือไปทางพวกเขา เฟร็ด จอร์จและแฮร์รี่ยืนนิ่งไม่ยอมรับมาเพราะกลัวว่า
ลูน่าที่ลงทุนออกมาจากหอจะไม่อิ่ม ขณะที่รอนยื่นมือมารับไปอย่างยินดี
ในระหว่างที่รอนกำลังเคี้ยวทาร์ตฟักทองตุ้ยๆ ก็มีเสียงดังกุกกักมาจากกำแพงด้านหลังพวกเขา แฮร์รี่ใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้ไปทางต้นเสียง
กำแพงว่างเปล่าข้างหลังที่ควรจะเป็นแค่กำแพงกลับขยับและเปิดออกเหมือนประตู พ่อมดชราเจ้าของแว่นตารูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
เดินออกมาจากความมืดนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและร้องอย่างดีใจ
“ใกล้กว่าทางเดิมเยอะเลยแฮะ” ทันใดนั้นเขาก็เห็นเด็กๆ ยืนมองเขาอย่างตกตะลึง “พวกเธอมาทำอะไรกัน เลี้ยงฉลองหรือ”
ดัมเบิลดอร์ลดสายตาลงมอง เห็นทาร์ตฟักทองในมือลูน่าเข้าพอดี
“เอ่อ ...พวกเราหิวกันนิดหน่อยน่ะฮะ แต่พวกเรากำลังจะกลับกันแล้ว” แฮร์รี่รีบบอกพร้อมส่งสายตาเป็นนัยให้ทุกคน
“แล้วแค่นั้นพออิ่มเหรอ -- ก็อย่างว่าถ้าท้องหิวขึ้นมาล่ะก็นอนไม่ค่อยจะหลับหรอก จริงไหม อ้อ ฉันกำลังจะลงไปเอาช็อกโกแลตร้อน
ข้างล่างพอดี จะไปด้วยกันไหม เวลากินคู่กับพุดดิ้งน่ะ
เข้ากันดีเชียวล่ะ”
“แต่ว่าพวกเอลฟ์บอกว่าพุดดิ้งหมดแล้วนะคะ”
“เหรอ
-- แต่ฉันว่าน่าจะยังมีซ่อนอยู่อีกสักห้าหกชิ้นนะ” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างมั่นใจ
เด็กบ้านกริฟฟินดอร์มองส่งสายตากันไปมาอย่างลังเล แต่จอร์จเห็นดวงตากลมแป๋วคู่นั้นเป็นประกายหลังได้ยินอาจารย์ใหญ่พูดด้วย
ความมั่นใจว่าต้องมีพุดดิ้งเหลืออยู่แน่นอน
“พวกเราขอไปด้วยนะฮะ”
จอร์จรีบบอก เขาคิดว่ามันไม่เสียหายอะไร
อีกอย่างน้องชายของเขาก็แย่งทาร์ตของลูน่ามากินไปแล้วด้วย
“งั้นก็ตามมาเลย!”
จอร์จกับลูน่าเดินตามออกไป แฮร์รี่เบิกตากว้างมองเฟร็ดเป็นเชิงถามในฐานะที่เขาเป็นพี่ใหญ่ในนี้ เฟร็ดไม่ตอบ ทำเพียงแค่ยักไหล่
แล้วเดินตามจอร์จลงบันไดไป
“อันที่จริง มันก็ไม่แย่เท่าไรหรอก” รอนว่า “ได้กินตอนดึกโดยที่ไม่ต้องแอบน่ะเจ๋งไปเลย นายว่าไหม”
⭐
ภายในโรงครัว บนโต๊ะไม้ยาวหน้าเตาผิงมีดัมเบิลดอร์กับเด็กนักเรียนอีกห้าคนนั่งอยู่ พร้อมแก้วใส่ช็อกโกแลตร้อนหอมละมุน
และพุดดิ้งสีสวยรสชาติหวานอมเปรี้ยวอยู่ตรงหน้าของแต่ละคน
“เมื่อคราวก่อนฉันเคยมากับเด็กบ้านฮัฟเฟิลพัฟหนนึง สลิธีรินก็ด้วย มิสเตอร์แครบ กับมิสเตอร์กอยล์” ดัมเบิลดอร์เห็นเด็กๆ มองกัน
อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ฉันเป็นอาจารย์ใหญ่ คงไม่ดีเท่าไรถ้าหากลำเอียงให้บ้านใดบ้านหนึ่งใช่ไหมล่ะ” เขาว่าพลางยกแก้วช็อกโกแลตร้อน
ขึ้นดื่ม หลับตาพริ้มด้วยใบหน้ามีความสุข
“ศาสตราจารย์จะหักคะแนนพวกเราไหมฮะ”
แฮร์รี่ยกแก้วมาถือไว้นานแล้ว แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้
“ไม่หรอก พวกเธอเพิ่งจะมาถึงฮอกวอตส์วันแรก ยังไม่ทันได้เริ่มเรียนด้วยซ้ำ
จะไปเอาคะแนนจากไหนมาหักกันล่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแฮร์รี่ก็โล่งใจขึ้นมาได้บ้างแล้วเริ่มลิ้มรสชาติช็อกโกแลตอุ่นๆ
“อร่อยจัง...”
ลูน่าพูดเสียงฝันๆ
หลังจากได้ลองกินช็อกโกแลตร้อนกับพุดดิ้งพร้อมกันตามคำแนะนำของดัมเบิลดอร์
เขาหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นปฏิกิริยาของลูน่า ก่อนเริ่มหาเรื่องมาพูดคุยกับเด็กๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายกันมากกว่าที่จะมานั่งเกร็ง
กันแบบนี้ “ปิดเทอมหน้าร้อนไปคุณนายวีสลีย์จัดการยังไงกับพวกเธอบ้าง เรื่องจดหมายน่ะ”
“แม่บ่นพวกเราตลอดทั้งวันเลยฮะ”
เฟร็ดรีบกลืนพุดดิ้งแล้วตอบ
จอร์จวางแก้วแล้วพูดเสริม
“แล้วก็ทั้งคืน”
“ตื่นมาก็ยังบ่น”
“ตอนกินอาหารก็ไม่เว้น”
“แม่ให้พวกเราไปไล่โนมด้วย”
“มียั้วเยี้ยไปหมด” จอร์จทำท่าขนลุกขนพองเมื่อนึกถึงพวกโนมที่เขาไล่ออกไปจากสวน
เมื่อพูดถึงโนม รอนที่กำลังมีความสุขกับพุดดิ้งยังอดร่วมวงด้วยไม่ได้ “ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าโนมอีกแล้ว พวกมันดื้อมากเลยฮะ เฟร็ดกับ
จอร์จลากผมให้ไปไล่ด้วย”
“นายก็ไปขับรถด้วยกันนี่ครั้งนั้นน่ะ
พูดอย่างกับว่าตัวเองไม่มีความผิดงั้นล่ะ” เฟร็ดแย้ง
ขณะที่แฮร์รี่นั่งกินไปเงียบๆ ลูน่าก็เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินทุกคนพูดเรื่องโนม
“แต่พ่อบอกว่าพวกโนมวิเศษมากเลยนะ!”
ดัมเบิลดอร์พยักหน้าเห็นด้วย “แม่ของฉันก็เคยบอกเอาไว้แบบนั้น ตอนเด็กๆ น่ะ --รู้ไหม ฉันเคยโดนกัดหนนึง เต้นรำไปทั่วบ้านเลย
น้องสาวกับน้องชายกลัวฉันไปเป็นเดือน”
“เฟร็ดก็เคยโดนฮะ”
รอนเล่าบ้าง “เขานั่งเรียบร้อยทั้งวัน
แม่บอกว่าให้พวกผมไปกล่อมพวกโนมให้มากัดอีกทีตอนที่ฤทธิ์หมดไปแล้ว”
เฟร็ดมองรอนอย่างงุนงง
“ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อน แม่บอกแบบนั้นจริงเหรอ”
“ใช่
แถมยังบอกอีกด้วยว่าฤทธิ์น่าจะอยู่นานหน่อยๆ
เวลามาโรงเรียน จดหมายจากพวกนายจะได้ลดๆ ลงบ้าง”
“เมื่อปีที่แล้วได้กี่ฉบับกันล่ะ”
“สิบเจ็ดฮะ”
“สิบแปดต่างหาก
รวมของฟิลช์ด้วย”
“...ตาคนขี้โกงนั่น”
เฟร็ดบ่นกับตัวเองเบาๆ เพื่อไม่ให้ดัมเบิลดอร์ได้ยิน แต่หารู้ไม่ว่าเขาได้ยินชัดกว่าใคร
“พูดถึงอาร์กัส --เขามาฟ้องให้ฟังทั้งวัน ทุกชั่วโมง ทุกครั้งที่เจอหน้ากันเลยล่ะ เรื่องที่ห้องทำงานของเขาเป็นสีรุ้งนั่นน่ะ จะว่าไปแล้ว
มันก็สวยดีออกนะ”
“ผมก็คิดอย่างนั้นฮะ แต่ฟิลช์ก็เขียนจดหมายไปให้แม่จนได้”
“งั้นหรอกเรอะ เรื่องนั้นฉันไม่รู้เรื่องนะ” ดัมเบิลดอร์พูดพลางเติมช็อกโกแลต “มีเรื่องนึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ สมัยเรียนฉันไม่ชอบอาจารย์
คนนึง เขาใจร้ายแถมยังเข้มงวดกับทุกอย่าง จามในห้องก็ไม่ได้ เรื่องอย่างนั้นใครมันจะไปห้ามได้กันล่ะ ...ครั้งนึงเคยถูกกักบริเวณเพราะ
หายใจดังเกินไปด้วย แล้วฉันทำยังไงรู้ไหม --ดอกไม้ไฟฟิลิบัสเตอร์ไง ห้องทำงานของเขาเป็นสีรุ้งสวยเชียวล่ะ แต่วันรุ่งขึ้นกลับรู้สึกว่าตัวเอง
ทำผิดมหันต์ เขาชอบอกชอบใจใหญ่ ปล่อยให้เป็นสีรุ้งอย่างนั้นจนเขาเกษียณอายุไปนั่นแหละ”
หากใครได้มาเห็นคงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์กำลังคุยอย่างถูกคอกับเด็กแสบของโรงเรียนถึงวีรกรรม
ที่ก่อขึ้นในโรงเรียนสมัยอดีต แฮร์รี่กับรอนนึกสงสัยว่าตอนที่ดัมเบิลดอร์เรียนอยู่ที่นี่ ฮอกวอตส์จะเป็นยังไง บางทีอาจเหมือนเฟร็ดกับจอร์จ
ถึงได้เข้าใจและรู้แผนของฝาแฝดผมแดงดีขนาดนี้
เวลาเริ่มดึกขึ้นเรื่อยๆ แต่บทสนทนาในคืนนั้นยังคงดำเนินต่ออย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ผู้ชายห้าคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
ขณะที่เด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวนั่งเงียบกินพุดดิ้งอย่างมีความสุข ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ฉายแววดีใจเหมือนได้ของเล่นถูกใจชิ้นใหม่
ราวกับว่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากช็อกโกแลตร้อนกับพุดดิ้ง
และเพราะอย่างนี้เอง เธอถึงไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเป็นยังไง จอร์จชำเลืองมองเด็กสาวข้างตัวในตอนที่เฟร็ดกำลังหันไปคุยกับแฮร์รี่
และรอน พลางเอื้อมมือจับผมสีบลอนด์ที่กำลังจะจุ่มลงไปในแก้วทัดหูให้ ในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งเห็นอะไรบางอย่าง คนผมแดงสะกิดไหล่
ลูน่าเบาๆ แล้วชี้มุมปากเธอที่เปื้อนช็อกโกแลตอยู่
เขาไม่ได้เป็นคนมือไวแล้ว หลังได้เห็นช็อกโกแลตแล้วก็ทำเอานึกย้อนไปถึงที่ตรอกไดแอกอนวันนั้น วันนี้เลยแค่ชี้ให้ดู ลูน่ายกมือเช็ด
ตามที่บอก แล้วใช้สายตาถามว่าหมดหรือยัง จอร์จพยักหน้าเมื่อเห็นว่าเธอเช็ดออกหมดแล้ว ทว่าเธอกลับชี้มาที่เขาด้วยเหมือนกัน
แต่จอร์จเช็ดไม่โดนตรงที่เปื้อนสักที
มือเล็กๆ เลยเอื้อมมาเช็ดออกให้แล้วหันไปกินพุดดิ้งต่ออย่างไม่คิดอะไร
เพราะคนที่คิดแทนให้แล้วคือคนผมแดงที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน จอร์จหลุบตาลงมองมือตัวเองที่กุมแก้วเอาไว้บนโต๊ะ เขาอมยิ้มและพยายาม
อย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองฉีกยิ้มออกมาต่อหน้าทุกคนโดยเฉพาะดัมเบิลดอร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา
แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ดัมเบิลดอร์จะไม่เห็น ดวงตาหลังแว่นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเห็นการกระทำทุกอย่างตั้งแต่จอร์จแอบมอง
จับผมทัดหู ชี้บอกลูน่าว่ามีช็อกโกแลตติดปาก ลูน่ายกมือเช็ดมุมปากให้ หรือแม้กระทั่งตอนที่เด็กหนุ่มเขินจนหน้าแดงก็ล้วนอยู่ในสายตา
ของเขาหมด รวมถึงการแสดงออกทุกอย่างตั้งแต่เข้ามาในโรงครัว ที่ต่อให้เป็นรุ่นน้องหรือเพื่อนที่สนิทกันขนาดไหนก็คงไม่มีทางที่จะดูแลดี
ขนาดนี้ ดัมเบิลดอร์ยิ้มอย่างรู้ทันก่อนกระแอมไอแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“เอ้อ --คิดซะว่าฉันไม่เห็นอะไรก็แล้วกันนะ”
จอร์จเหลือบตาขึ้นมองดัมเบิลดอร์ที่ขยิบตาให้เขาแล้วเหล่มองไปทางลูน่าเพื่อบอกเป็นนัยว่าเขารู้หมดแล้ว...
⭐
- Talk -
ขนาดดัมเบิลดอร์ยังรู้ก็ไม่ต้องกลัวคนอื่นจะไม่รู้แล้วล่ะค่ะ อีกไม่นานคงจะรู้กันถ้วนหน้าแล้วล่ะ แต่ช่วงนี้คงให้ดูแลกันไปเรื่อยๆ ก่อน
ยังแสดงออกมากไม่ได้เพราะคุณพ่อของน้องยังหวงอยู่ >_<
ส่วนฝาแฝดนี่ แค่มาโรงเรียนวันแรกก็ถูกจับได้แล้ว โชคดีที่สอนวิชาการเอาตัวรอด(จากฟิลช์)เอาไว้ก่อนและลูกศิษย์คนนี้ก็ได้มาช่วย
ทันเวลาพอดีอย่างกับทั้งคู่คิดเอาไว้แล้ว ไม่รู้ว่าสอนให้น้องเอาตัวรอดหรือสอนน้องให้มาช่วยพวกเขาเอาตัวรอดออกมาได้กันแน่นะคะ 555
ความคิดเห็น