ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #15 : 15 ll Diagon Alley

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.11K
      214
      15 ก.ย. 62


    15


    Diagon Alley



     

                แม้แสงแดดในหน้าร้อนจะแผดเผาจนแทบละลายเมื่อก้าวเท้าออกจากประตูบ้าน แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่คิดว่ามันช่างแสนวิเศษ 

    และคนกลุ่มนั้นก็เป็นเจ้าของบ้านหน้าตาแปลกประหลาดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาห่างไกลจากผู้คน ...ครอบครัวเลิฟกู๊ด 


              สองพ่อลูกเลิฟกู๊ดยังคงมีแก่ใจออกมานั่งจิบชายามบ่ายที่โต๊ะไม้ในสวน ทอดสายตามองไกลออกไปทางตีนเขาที่มีลำธารสายเล็ก

    ทอเป็นประกาย มีต้นแอปเปิ้ลแก่ๆ ช่วยกรองแสงแดดไม่ให้สองพ่อลูกสายตาเสียไปซะก่อน บนโต๊ะมีควันลอยฉุยขึ้นจากชาสีม่วงอ่อนๆ 

    ในแก้ว ทั้งที่ดื่มชาร้อนในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว แต่ทั้งคู่ก็ยังมีความสุขและนั่งหัวเราะได้จนสุดเสียงโดยไม่กลัวว่าจะมีใครมาว่า 


              “ลูน่าลูกรัก” เจ้าของผมยาวประบ่าสีขาววางแก้วชาในมือลง ขณะสายตาจับจ้องไปยังจดหมายในมือลูกสาวที่เขาเห็นเธออ่านมัน

    เป็นรอบที่สามได้แล้วในวันนี้

                

              “คะ?”


              “ใครคือจอร์จ วีสลีย์น่ะลูก เมื่อเช้านี้เขาส่งจดหมายมาอีกแล้วใช่ไหม” เซโนฟิเลียสบุ้ยคางไปทางจดหมายในมือลูน่า หลังอ่านชื่อ

    บนซองจดหมาย มันถูกเขียนด้วยลายมือที่เขาจำได้ขึ้นใจแล้ว


              “ค่ะ เขาเป็นพี่ชายของจินนี่ค่ะพ่อ”


              “แล้วเขามีธุระอะไรถึงได้ส่งมาแทบทุกวันอย่างนี้ล่ะ”

                

              “เราคุยกันเรื่องที่ฮอกวอตส์ เขาเขียนมาเล่าให้ฟังด้วยว่าตอนปีสองเขาได้เรียนเรื่องอะไรบ้างแล้วก็เรื่องสัตว์วิเศษ ก่อนหน้านี้เราคุยกัน

    เรื่องพิกมี่พัฟ อ้อ ปีนี้หนูจะได้เรียนเรื่องพิกซี่ด้วยนะ เขาบอกว่ามันร้ายกาจมากทีเดียว แต่หนูว่ามันน่าสนุกดี --คุณวีสลีย์เป็นคนที่น่าทึ่งมาก

    เลยค่ะ เขาเชื่อว่ามีนาร์เกิ้ลอยู่จริงๆ ด้วย เขาอ่านเดอะควิบเบลอร์ด้วยนะ เมื่อตอนที่ขึ้นรถไฟกลับมาเรานั่งคุยกันถึงคอลัมน์อักษรรูนโบราณ

    เป็นชั่วโมงเลย อ้อ เขาคือคนที่เข็นรถเข็นมาให้หนูวันนั้นไงคะ”

                

              เซโนฟิเลียสวางแก้วชาสีเหลืองลงบนโต๊ะหลังจิบไปอีกหนึ่งอึก วางมือประสานกันบนโต๊ะ มองลูกสาวตัวเล็กนั่งยิ้มแป้นเวลาพูดถึง

    เด็กชายผมแดงที่เขาเจอเมื่อสองเดือนก่อน “เขาจีบลูกหรือเปล่า”

                

             เสียงเจื้อยแจ้วนั้นเงียบลงทันที ดวงตากลมโตสีฟ้าซีดเลื่อนมาสบตากับผู้เป็นพ่อ ลูน่ากะพริบตาปริบๆ จ้องกลับก่อนตอบอย่างไม่ลังเล

                

              “เปล่าค่ะ”

                

              “อย่างนั้นหรอกหรือ” เขาพยักหน้า โน้มตัวเข้าหาลูกสาวอีกนิดเพื่อจะได้มองเห็นท่าทีลูน่าชัดๆ “เขาเป็นคนแบบไหน”

                

              เด็กสาวส่งเสียงครางในลำคออย่างใช้ความคิด หลุบตาลงมองจดหมายในมือที่เพิ่งอ่านจบ “เขาใจดีกับหนูมากเลยค่ะ 

    คอยช่วยหนูหลายครั้ง เคยไปส่งที่หอคอยเรเวนคลอเวลาหนูเรียนดูดาวตอนดึกด้วย อ้อ แล้วก็ในเกมควิดดิช เขากับฝาแฝดอีกคน

    เป็นบีตเตอร์ของทีมบ้านกริฟฟินดอร์ เก่งมากด้วยค่ะ ตีไม่เคยพลาดสักลูก!” ลูน่าพูดอย่างตื่นเต้นและเลื่อมใส ในใจรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้ว

    ที่เชียร์เขา เธอจำได้แม่นตอนที่เห็นจอร์จตีลูกบลัดเจอร์กระเด็นไปไกลจนออกนอกสนามไปหลายเมตรเพื่อป้องกันไม่ให้โดนคนในทีม


              เซโนฟิเลียสหรี่ตาลง ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เขาเพิ่งเคยเห็นลูน่าพูดเรื่องเพื่อนผู้ชายเป็นต่อยหอยก็ครั้งนี้ครั้งแรก ดูท่าลูกสาวของเขาจะดู

    ติดอกติดใจพ่อเด็กผมแดงซะจริง ตั้งแต่ปิดเทอมมานอกจากชื่อจินนี่ แล้วก็มาเรีย ก็มีชื่อที่อยู่บนซองจดหมายนี่แหละที่ลูน่าพูดถึงบ่อยสุด 

    ส่วนชื่ออื่นเขาพอจำได้บ้างประปราย เห็นทีในฐานะพ่อคงต้องทำความรู้จักกับเพื่อนของลูกสาวซะหน่อยแล้ว


              “ครั้งหน้าแนะนำให้พ่อรู้จักบ้างนะ วันนั้นยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรเลย”


              “ได้สิคะ” ลูน่าตอบแบบไม่มีอะไรแอบแฝง เด็กสาวยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิมเสียอีกที่พ่อของเธออยากรู้จักเพื่อนๆ ที่ฮอกวอตส์

                

              “ดีเลย พ่อจะได้รู้จักเพื่อนหนูบ้าง”

                

              “หนูคิดว่าพ่อต้องชอบเขาค่ะ เขาดูสนิทกับพวกโนมที่บ้านด้วย เขียนมาในจดหมายบอกว่าต่อให้พวกโนมจะเดินทางไปเที่ยว

    นานแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายมันก็จะกลับมาอยู่ในสวนที่บ้านเหมือนเดิม” ลูน่ายกเนื้อหาบางส่วนในจดหมายมาเล่าอย่างไม่ติดขัด 

    ที่ว่าพวกโนมจะกลับมาอยู่บ้านวีสลีย์น่ะจริง เพียงแต่จอร์จไม่ได้เขียนบอกชัดเจนว่าที่พวกโนมเดินทางไปไกลน่ะเป็นเพราะพวกเขา

    เหวี่ยงมันออกไปเองต่างหาก


              “โนมงั้นหรือ? วิเศษไปเลย! -- ว่าแต่ลูน่าลูกรัก กับพ่อหนุ่มคนนั้นน่ะ เป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะ” เซโนฟิเลียสจงใจเน้นย้ำ

    คำว่าเพื่อนกับลูกสาวคนเดียวของเขา ลูน่าตัวน้อยเพิ่งจะอายุสิบสองเอง การมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายอายุสิบห้านี่ทำเอาคนเป็นพ่อหวั่นใจ

    ไม่น้อย กลัวว่าเด็กผู้ชายปีโตกว่าจะแอบคิดไม่ซื่อกับลูน่าของเขา


              ....คิดจะจีบลูน่าลูกรักของฉันงั้นหรือ ยังเร็วไปสิบปี!!



              เช้าวันศุกร์ เป็นวันที่ครอบครัวเลิฟกู๊ดกับวีสลีย์จะเดินทางไปตรอกไดแอกอนเพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนสำหรับปีการศึกษาใหม่

                

              วันนี้จอร์จทำตัวเป็นเด็กดี ตื่นแต่เช้า จัดการตัวเองให้เรียบร้อยเสร็จก่อนคนอื่นตั้งแต่รอนยังไม่ลุกออกจากเตียงด้วยซ้ำ

                

              “ตื่นได้แล้วเจ้าเด็กขี้เซา!” จอร์จตะโกนบอกเสียงใส ยืนเท้าเอวอยู่ปลายเตียงในห้องของรอน แต่น้องชายตัวดีอิดออดไม่ยอมตื่นเสียที 

    “ถ้าไม่ยอมลุกฉันจะเสกผ้าห่มนายให้กลายเป็นแมงมุมตัวใหญ่เลยนะ”

                

              “ไม่เอา!!” รอนเบิกตาโพลง ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนหยีตาเพราะจอร์จไล่เปิดผ้าม่านห้องนอนเขาซะทั้งห้องสว่างจ้า


              “เร็วเข้า ถ้าเราไปสายเดี๋ยวคนจะเยอะเอานะ!!” พูดจบจอร์จก็เดินอย่างร่าเริงไปปลุกคนอื่นๆ ในบ้านต่อ ซึ่งก็คือจินนี่กับเพอร์ซี่ 

    ส่วนเฟร็ดโชคร้ายหน่อยที่นอนอยู่ห้องเดียวกันกับจอร์จ ฝาแฝดคนพี่ถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนนาฬิกาปลุกดังเสียอีก และเพราะไม่อยาก

    ทนฟังน้ำเสียงสดใสซะยิ่งกว่าพระอาทิตย์ของจอร์จ เลยยอมจำใจแงะตัวเองออกจากเตียงแล้วมาฟุบต่อที่โต๊ะกินอาหารในครัวแทน

                

              “เมื่อวานพวกลูกทดลองเสกลูกอมอะไรผิดพลาดกันหรือเปล่า ทำไมวันนี้จอร์จถึงได้ร่าเริงขนาดนั้น” มอลลี่หันมาถามลูกชายผมแดง

    ที่ลงมาถึงก็ทิ้งตัวฟุบไปกับโต๊ะ

                

              “เปล่าฮะ -- จอร์จบอกว่าตื่นเต้นที่จะได้เสื้อคลุมใหม่ ...ทำอย่างกับเป็นเด็กปีหนึ่งไปได้” เฟร็ดตอบเสียงงัวเงียแล้วฟุบลงไปกับโต๊ะต่อ

                

              กว่าจะมาถึงตรอกไดแอกอนก็สายเหมือนอย่างทุกทีเพราะกว่าเหตุความวุ่นวายในบ้านจะจบก็กินเวลาไปสองชั่วโมงแล้ว 

    ทุกคนต่างพร้อมใจกันลืมนั่น จะเอานี่ไปด้วยจนวิ่งวุ่นไปทั่วบ้าน จนจอร์จต้องหาเก้าอี้มานั่งรอหน้าเตาผิง พร่ำบอกให้ตัวเองใจเย็นๆ 

    ยังไงเดี๋ยวก็ต้องได้เจอลูน่าแน่นอน

                

           แต่แล้วก็เกิดปัญหาใหญ่เมื่อทุกคนมายืนเตรียมพร้อมกันที่หน้าเตาผิง กระถางดอกไม้สำหรับใส่ผงฟลูเพื่อใช้เดินทางไปตรอกไดแอกอน

    ที่เคยวางไว้อยู่บนหิ้งเหนือเตาผิงบัดนี้ได้อันตรธานหายไป ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในบ้านอีกครั้งเมื่อคนเจ็ดคนต้องเดินทั่วบ้าน

    เพื่อหากระถางใส่ผงฟลูตามซอกนั้นมุมนี้ กว่าจะเจอก็ในอีกสิบห้านาทีให้หลัง...



              เด็กๆ ตระกูลวีสลีย์ยืนอ่านรายการหนังสือใหม่ที่ต้องใช้ในปีการศึกษาที่จะมาถึงนี้ทวนอีกครั้งที่หน้าร้านตัวบรรจงและหยดหมึก 

    ว่าเข้าไปแล้วจะต้องหยิบอะไรบ้างเพราะผู้คนในนั้นเบียดเสียดแน่นร้านจนเลยออกมาถึงหน้าร้าน

                

              อาเธอร์ วีสลีย์ ผู้เป็นพ่อบอกกับลูกๆ ว่าเขาขอยืนรออยู่ข้างหน้านี้เพราะไม่อยากเข้าไปเบียดกันข้างในหลังรู้สาเหตุว่าทำไมถึงมีคน

    มากมายขนาดนี้ ซึ่งต้นเหตุนั่นมาจากป้ายแผ่นใหญ่ที่แขวนพาดยาวอยู่บนกระจกร้าน


    .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .

    กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต


    มอบลายเซ็นในหนังสืออัตชีวประวัติ


    ‘ผู้วิเศษ - ฉันเอง’


    วันนี้ 12:30 น. - 16:30 น. (วันเดียวเท่านั้น!!)

    .  .   .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .


              ลูกชายตระกูลวีสลีย์ยืนทำหน้าผะอืดผะอมอยู่ข้างหน้าร้าน แค่มองไปข้างในก็เห็นแต่บรรดาแฟนคลับของล็อกฮาร์ตยืนกินพื้นที่

    เต็มไปหมด ถ้าแทรกตัวเข้าไปได้คงต้องรีบคว้าหนังสือไปจ่ายเงินให้เร็วที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอดออกมา แต่จินนี่กับแม่ของพวกเขาไม่คิด

    อย่างนั้น ทั้งคู่ยืนยิ้มอย่างดีใจที่ตัวเองมาทันเวลาก่อนที่เขาจะเซ็นชื่อพอดี

                

              เฟร็ดกับจอร์จพยายามกล่อมให้รอนเข้าไปซื้อหนังสือแทนโดยมีค่าจ้างเป็นลูกอมโดดเรียนเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปดูอย่างอื่น 

    ทว่ารอนไม่ยอมรับข้อเสนอนั้นแถมทิ้งท้ายเอาไว้ว่าพวกเขาต้องไปเผชิญช่วงเวลาหนีตายด้วยกัน


              “สวัสดีค่ะ คุณวีสลีย์” เสียงเล็กฟังดูฝันๆ ทักมาจากทางด้านหลัง ฝาแฝดหันหลังกลับมามองก็เห็นเด็กสาวผมบลอนด์ที่วันนี้เธอ

    รวบผมขึ้นเป็นหางม้าเพราะผมที่ยาวขึ้นจนเกือบถึงเอว ไม่ได้เจอกันเพียงแค่สองเดือนแต่ลูน่าก็ดูโตขึ้นมาอีกนิดนึงแล้ว


              ภาพลักษณ์ใหม่ดูแปลกตานี้ถูกใจจอร์จไม่น้อย เขาฉีกยิ้มค้างมองเด็กสาวตัวเล็กที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน มีเรื่องที่อยากจะพูดด้วย

    เยอะแยะไปหมด ลำพังแค่เขียนจดหมายมันไม่พอสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันได้ทักทายอะไรมากก็สังเกตเห็นพ่อมดผมขาว

    ที่ยืนอยู่ข้างลูน่าเสียก่อนเลยดึงความดีใจที่กำลังจะลอยไปไกลให้กลับมาสู่สภาวะปกติ

                

              เซโนฟิเลียสกำลังจะเอ่ยทักทายเพื่อนๆ ของลูกสาว แต่อาเธอร์เดินเข้ามาหาซะก่อนเลยกลายเป็นพวกผู้ใหญ่ยืนคุยกันจนลืมเด็กๆ 

    ไปกันแล้ว  


              ในตอนนั้นเอง มีพ่อมดหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อคลุมสีเขียวหยกบวกกับหมวกพ่อมดทรงแหลมวางบนผมที่หยิกเป็นลอน 

    เดินออกมาจากหลังร้านพร้อมกับรอยยิ้มมีเสน่ห์เรียกเสียงปรบมือต้อนรับจากบรรดาแม่มดได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก 

    กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต

                

              ข้างหน้าล็อกฮาร์ตมีผู้ชายตัวเตี้ยเต้นไปรอบๆ เพื่อถ่ายรูปเขาไปลงหนังสือพิมพ์ ควันสีม่วงพุ่งออกมาทุกครั้งที่มีแสงแฟลชสว่าง

    บาดตาแต่ล็อกฮาร์ตก็ไม่สะทกสะท้าน เขายิ้มโชว์ฟันขาวไปให้กับแม่มดรอบๆ ร้านอย่างไม่หยุดพักสร้างความประทับให้กับแฟนคลับ

                

              ล็อกฮาร์ตออกมายืนประกาศด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมต้องขอโทษบรรดาแฟนคลับที่น่ารักของผมด้วย เพื่อประโยน์สูงสุดกับนักเรียน 

    ในปีที่ผ่านมาผมจึงยุ่งอยู่กับการเตรียมการสอนที่ฮอกวอตส์ ทำให้ไม่มีหนังสือออกใหม่อย่างที่ทุกคนตั้งตาคอย อย่างไรก็ตามเรามีฉบับ

    พิมพ์ใหม่ที่หน้าปกเป็นรูปถ่ายพิเศษของผมที่ไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน --และยังไม่หมดแค่นั้น -- ผมมีข่าวดีอีกอย่างที่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก 

    ปีนี้ผมจะออกเดินทางหาประสบการณ์อีกครั้งและแน่นอนที่รักของผม ผมจะเขียนหนังสือเล่มใหม่ให้พวกคุณได้ชื่นชม ไม่นานเกินรอ โอ้ นั่น”


              ล็อกฮาร์ตร้องอย่างดีใจชี้มาทางที่พวกวีสลีย์กับลูน่ายืนอยู่ “ลูกศิษย์ของผมเอง ข้างนอกร้านนั่น พวกคุณต้องไม่เชื่อแน่ มีนักเรียน

    ที่น่ารักของผมในกลุ่มนั้นยอมนั่งรอหน้าห้องทำงานในคืนก่อนปิดเทอมจนถึงเช้าเพื่อขอลายเซ็นของผมเลยเชียวล่ะ”


              เฟร็ด เพอร์ซี่และรอนหันมามองจอร์จกันเป็นตาเดียว คนถูกจ้องรีบส่ายหัวปฏิเสธ “วันนั้นฉันยังไม่ได้นั่งเลยด้วยซ้ำ”

                

              “งั้นก็คุยโม้อีกแล้วล่ะสิ” เฟร็ดบอกพลางมองหาลู่ทางที่จะเข้าไปในร้าน

                

              เมื่อล็อกฮาร์ตนั่งลงประจำที่ตรงโต๊ะด้านหลังร้าน ก็เป็นอันถึงเวลาแจกลายเซ็น มอลลี่พาจินนี่และเฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งมาถึงหยิบหนังสือ

    คนละเล่มแล้วไปต่อแถวด้วยความกระตือรือร้น

                

              “เวลานี้แหละ” เฟร็ดหันไปบอกกับจอร์จ รอน แต่พอเห็นลูน่าก็ชะงักนิดนึง “เธอฝากพวกเราไปซื้อให้แทนก็ได้นะ ไม่งั้นเธออาจโดน

    แม่มดในนั้นเหยียบจนแบนไปเลยก็ได้”

                

              “เอามาให้ฉันก็ได้ รายการหนังสือล่ะ นังหนู?” จอร์จแบมือถามหากระดาษที่มีรายชื่อหนังสือสำหรับนักเรียนชั้นปีสอง

                

              ลูน่าหยิบกระดาษออกจากกระเป๋าสะพาย ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรก็ถูกจอร์จฉวยเอาไปแล้วพวกเขาทั้งหมดก็หายวับเข้าไป

    ในร้านกลมกลืนกับแม่มดที่แออัดกันอยู่ข้างใน

                

              เฟร็ดกับจอร์จพยายามเลี่ยงไม่ให้ล็อกฮาร์ตที่กำลังแจกลายเซ็นด้วยรอยยิ้มให้กับแฟนคลับทุกคนเห็นพวกเขา แต่ยังไงก็ไม่มีทาง

    รอดพ้นสายตาดุจเหยี่ยวของเขาได้อยู่ดี


              “สวัสดีนักเรียนที่รัก!” ล็อกฮาร์ตส่งหนังสือที่เพิ่งเซ็นเสร็จคืนให้เจ้าของแล้วลุกเดินมาหาฝาแฝดวีสลีย์ “มีข่าวร้ายจะบอกล่ะ 

    ...อย่าเสียใจนะถ้าเธอรู้ เปิดเทอมใหม่นี้ครูจะต้องไปฝรั่งเศสสักระยะหนึ่ง คงจะมีคุณครูคนใหม่มาสอนแทนชั่วคราว ...โธ่ ไม่เอาน่า 

    อย่าทำหน้าเสียใจกันแบบนั้นสิ” เขาเดินมาตบบ่าทั้งสองเชิงปลอบใจแล้วกลับไปนั่งแจกลายเซ็นต่อ


             ฝาแฝดผมแดงหันมามองหน้ากันว่ามีใครเสียใจตรงไหน แน่นอนว่าไม่มีอยู่แล้ว ในแววตาทั้งคู่ต่างก็ฉายแววดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด

    ทำให้พวกเขาเดินหาหนังสือต่อกันอย่างอารมณ์ดีแม้จะถูกผลักไปทางนู้นทีทางนี้ทีก็ตาม

                

              ราวยี่สิบนาทีได้ กว่าพวกเขาจะแหวกทางออกจากร้านมาพร้อมหนังสือกองโตในอ้อมแขนโดยเฉพาะจอร์จที่มีหนังสือของลูน่าเพิ่มมา

    อีกเท่านึง

                

              รอนวางหนังสือตั้งไว้ข้างตัวพลางสูดอากาศเข้าเต็มปอดแล้วปาดเหงื่อไปด้วย “ไม่เคยรักอากาศข้างนอกเท่านี้มาก่อน”

         

              “พวกเราเกือบตายแน่ะ” เฟร็ดวางหนังสือของเขาทับของรอนอีกทีเพราะไม่อยากให้หนังสือของตัวเองเปื้อน

                

              ส่วนจอร์จเดินตรงมาหาลูน่า เขาย่อตัวลงให้คนตัวเล็กหยิบหนังสือของเธอไปได้ถนัดๆ เพราะปีนี้ดูเหมือนเขาจะสูงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

                

              “ครบทุกเล่ม ไม่ขาดไม่เกิน”

                

              “ขอบคุณนะคะ” เด็กสาวเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ออกจะเกรงใจเขาอยู่ไม่น้อย

                

              “อ้าว แล้วพ่อไปไหนล่ะจ๊ะ” มอลลี่ถามลูกชายของเธอขณะยืนต่อแถวรอรับลายเซ็นที่ไม่เรียกว่าใกล้ได้เลยเพราะตัวเธอยังยืนอยู่

    ข้างนอกร้าน

                

              ลูกชายทั้งสี่ส่ายหัวกลับมาเป็นคำตอบ

                

              “คุณวีสลีย์ชวนพ่อของหนูกับคุณเกรนเจอร์ไปดื่มกันน่ะค่ะ เขาบอกว่ามีเรื่องคุยเล็กๆ น้อยๆ...” เสียงใสของลูน่าตอบแทนเพราะเธอ

    อยู่ในเหตุการณ์

                

              “อ้อ ขอบใจที่บอกนะจ๊ะหนูลูน่า -- อาเธอร์นะอาเธอร์ มาที่นี่ทีไรเป็นต้องชวนใครไปดื่มทุกทีเลยสิน่า...”

                

              “หวัดดีทุกคน --สวัสดีฮะคุณนายวีสลีย์” แฮร์รี่เดินเข้ามาทักทายทุกคนด้วยความดีใจ

                

              “สวัสดีจ้ะแฮร์รี่ ดีใจที่ได้เจอนะ”

                

              “แล้วพ่อแม่นายไปไหนล่ะ” รอนถามพลางชะเง้อคอมองดูข้างหลังแฮร์รี่แต่ก็ไร้วี่แวว

                

              “เมื่อกี้นี้เจอพวกคุณวีสลีย์พอดีเลยเข้าไปในร้านนั้นด้วยกันแล้วน่ะ”

                

              “แล้วหนังสือล่ะ นายไม่ซื้อเหรอ”

                

              “ฉันมาซื้อตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว เพราะรู้ว่าวันนี้มีแจกลายเซ็น”

                

              “ขี้โกงนี่ นายรู้แต่ไม่บอกพวกเรา รู้ไหม เมื่อกี้ฉันเกือบขาดอากาศหายใจเลยนะ”

                

              “ยังไงเราก็ต้องมาวันนี้อยู่ดีนั่นแหละ” จินนี่หันหน้ามาพูดด้วยพลางขยับขึ้นหน้าอีกหนึ่งก้าว “ไม่อย่างนั้นต้องมีคนงอแงแน่” 

    จินนี่เหล่ตามองจอร์จสลับกับลูน่าก่อนหันไปหัวเราะคิกคักกับเฮอร์ไมโอนี่กันอยู่สองคน

                

              “เธอพูดอะไรน่ะ จินนี่ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย”

                

              “ไม่มีอะไรหรอก จินนี่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อยอย่างนั้นเองแหละ เวลาเจอแฮร์รี่ก็เป็นอย่างนี้ทุกที” จอร์จรีบแย่งพูดก่อนถูกจินนี่แยกเขี้ยวใส่

                

              “เราไปเดินเล่นกันเถอะ กว่าตรงนี้จะเสร็จคงอีกนาน แล้วเจอกันนะจินนี่” เฟร็ดเดินไปบอกจินนี่กับแม่ที่เดินเข้าไปในร้านเมื่อกี้นี้ 

    พอกลับมารอนกับแฮร์รี่เดินแยกกันไปสองคนแล้ว และเห็นจอร์จกำลังชวนลูน่าให้ไปด้วยกันกับพวกเขาอยู่ เลยเข้าไปช่วยเสริมด้วยอีกคน 

    “เธอเดินไปกับพวกเราได้นะ


              ลูน่ายืนนิ่งอึกอักอยู่นาน “ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณไปกันเถอะ”


              “ไปด้วยกันดีกว่า ไม่งั้นเธอจะอยู่คนเดียวนะ” จอร์จสังเกตท่าทีลังเลที่ยังตัดสินใจไม่ได้ แล้วเขาก็นึกอะไรออก “ฉันรู้จักร้านขนม

    อร่อยๆ เยอะเลย มีร้านนึงขายพุดดิ้งด้วย อร่อยไม่แพ้ที่ฮอกวอตส์เลยล่ะ”


              แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาในฮอกวอตส์ เขามองเห็นลูน่าจากตำแหน่งที่นั่งในโต๊ะกริฟฟินดอร์ ทำไมเขาจะไม่รู้

    ว่าเธอชอบกินอะไร แค่เจอคำว่าพุดดิ้ง นังหนูตัวเล็กก็ตาลุกวาวแล้ว


              ทั้งสามเดินไปตามตรอกที่มีร้านรวงขายสินค้าเวทมนตร์เต็มทั้งสองฝั่ง พวกเขาเดินผ่านร้านกัมเบิ้ลและเจปส์ที่ขายของตลกๆ 

    ของพ่อมด เฟร็ดกับจอร์จเดินมาซื้อดอกไม้ไฟของฟิลิบัสเตอร์มาตุนเอาไว้ตั้งแต่เดินผ่านรอบแรกแล้ว ซึ่งเป็นของเล่นที่เขาขาดไม่ได้แม้แต่

    ปีเดียวเพราะความพิเศษของมันคือไม่มีความร้อนและจุดได้แม้เปียกน้ำแถมยังเอาไปต่อยอดทดลองอะไรได้อีกหลายอย่าง

                

              เมื่อมาถึงร้านขายขนม ไม่ใช่เพียงแค่ลูน่าที่ตาลุกวาว เฟร็ดกับจอร์จเองก็ดูตื่นตากับพุดดิ้งหลากสีที่เรียงรายเป็นหลายสิบรสชาติ 

    พวกเขาเลือกกันมาคนละรสโดยได้อภินันทนาการจากเฟร็ดผู้เป็นพี่ใหญ่ แม้เวลาเกิดจะต่างจากน้องชายเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม

                

              ระหว่างที่เดินไปตามตรอกก็กินพุดดิ้งไปด้วย สายตาสำรวจดูตู้กระจกหน้าร้านต่างๆ ที่มองไปทางไหนก็น่าสนใจ แม้กระทั่งร้านเล็กๆ 

    ที่ขายของที่ทิ้งแล้ว อย่างไม้กายสิทธิ์หักๆ ตาชั่งที่ไม่เที่ยงตรง เสื้อคลุมเก่าๆ ที่เปื้อนหยดยาพิษก็ยังดูน่าสนใจ

                

              เมื่อกินพุดดิ้งหมด ทั้งสามก็ต่อด้วยไอศกรีมช็อกโกแลตผสมเนยถั่วอันใหญ่ คราวนี้จอร์จเป็นคนเลี้ยงและแน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้ลูน่า

    จ่ายเองอยู่แล้ว

                

              ขณะกินไอติม ตอนนี้ทั้งเฟร็ดแล้วก็จอร์จเดินมุ่งหน้าไปตามตรอก ไม่วอกแวกไปมองที่อื่นคล้ายมีจุดมุ่งหมาย พวกเขาเดินนำลูน่าไป

    จนถึงร้านหนึ่งที่ดูรกร้างและซอมซ่อเมื่อเทียบกับร้านรอบข้าง

                

              ร้านนี้ตั้งอยู่เลขที่ 93 ทั้งคู่เดินนำจนมาหยุดอยู่ตรงนี้และไม่ขยับไปไหน ลูน่าไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะมาที่ร้านร้างนี่ทำไม 

    แต่เธอก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ กับจอร์จและจ้องมองดูราวกับถูกมนต์สะกดอะไรบางอย่างให้รู้สึกสนใจและละสายตาไปไหนไม่ได้


              ฝาแฝดวีสลีย์ยืนเหม่อมองร้านนี้เงียบๆ กระทั่งเฟร็ดเป็นคนเปิดปากพูดก่อน “นี่ร้านในอนาคตของเรา”

                

              “ร้าน?”

                

              “ใช่ แต่เรายังไม่ได้ตั้งชื่อร้านเลย” จอร์จเสริม


              “ในอนาคตอีกไม่กี่ปีพวกเราก็เรียนจบแล้ว เพอร์ซี่บอกว่าปีห้าต้องเจอศึกหนักเชียวล่ะ ปีนี้เราต้องสอบ ว.พ.ร.ส.ด้วย”


              “แต่ใครจะไปสนล่ะว่าได้คะแนนเท่าไร” จอร์จเอามือเท้าเอว


               “ในเมื่ออนาคตของเราอยู่ที่นี่แล้ว อนาคตที่อยู่นอกโลกแห่งความสำเร็จทางวิชาการ!!”

                

               “นั่นเป็นความคิดที่ดีนะ” ลูน่าพูดด้วยน้ำเสียงล่องลอยฟังดูชวนฝัน


              จอร์จพยักหน้ารับ “ใช่ไหมล่ะ เราคิดว่าจะมาเปิดร้านที่นี่กันล่ะ ที่นี่ร้างมาแล้วหลายปี” คนตัวสูงกวาดตามองรอบร้านอีกครั้ง 

    “เขาว่าเป็นอาถรรพ์”

                

              “แต่ฉันว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลย ไม่น่าจะมีอาถรรพ์นะ ว่าแต่พวกคุณจะเปิดร้านอะไรเหรอคะ”


              “เป็นคำถามที่ดีมากแม่หนูลูน่า พวกเราจะเปิดร้านขายของตลก!”

                

              “เพราะคนเราต้องการเสียงหัวเราะในทุกๆ วัน”

                

              “พวกเราทดลองกันทุกวันเลยล่ะ”

                

              ลูน่าอมยิ้มเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “จินนี่เคยเล่าให้ฟัง บอกว่าที่ห้องของคุณสองคนมีเสียงระเบิดดังทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มีเสียงอะไร

    ลอดออกมาแสดงว่าผิดปกติ”

                

              จอร์จหัวเราะในลำคอ “น้องสาวเราเข้าใจเล่าดีนี่ --แต่ก็จริงแหละ”

                

              “ตอนนี้เรามีสินค้าที่ผ่านการทดลองมาแล้วด้วยนะ เรายินดีลดราคาให้พิเศษ เธอเธออยากได้ของที่ร้าน”

                

              “พวกเราวางแผนจะเพาะพันธุ์พิกมี่พัฟขายด้วยล่ะ”

                

              “วิเศษจัง” ลูน่าจินตนาการด้วยสายตาฝันๆ วาดภาพในหัวไปพร้อมๆ กับพวกเขาและนึกถึงเจ้าพิกมี่พัฟตัวกลมๆ ขนปุยสีชมพู

                

              ยิ่งได้ยินคำชม ฝาแฝดวีสลีย์ก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้าง จอร์จเหลือบไปมองดูลูน่าเห็นช็อกโกแลตที่กินไปติดอยู่ตรงมุมปากของเธอ 

    เขาคิดจะบอกเจ้าตัวแต่มือดันไวกว่า เขาเอื้อมมือพลางใช้นิ้วโป้งเช็ดออกให้อย่างรวดเร็ว เด็กสาวหันหน้ามาเป็นเชิงถามและจอร์จก็กำลังจะ

    ชูมือให้ดูแต่มีเสียงแทรกขึ้นมาซะก่อน

                

              “อยู่นี่กันนี่เอง พวกเราตามหากันตั้งนาน” น้องชายผมแดงของเขาเดินมาพร้อมกับแฮร์รี่

                

              “พวกนายตามหาเรากันทำไม”

                

              “พวกแม่กับพ่อเสร็จธุระกันหมดแล้ว และกำลังจะกลับกัน แถมฉันยังถูกจินนี่ใช้ให้มาตามพวกพี่อีกที เธอก็ด้วยลูน่า พวกเขาทั้งหมด

    อยู่ด้วยกันที่นั่น”



              ทั้งห้าเดินย้อนกลับไปทางเดิม แต่ยิ่งยากกว่าเดิมเสียอีกเพราะผู้คนที่เดินกันขวักไขว่อยู่บนถนน

                

              จอร์จคอยเดินตามหลังพวกน้องๆ อีกทีในฐานะพี่ใหญ่ เผื่อว่ามีใครแตกกลุ่มไปจะได้รู้ได้ทันที เขาเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ

    เพื่อเกาะกลุ่มกันไว้ และในตอนนั้นเองที่เขาเผลอเลียนิ้วที่เปื้อนช็อกโกแลต มีแวบหนึ่งที่นึกขึ้นได้ถึงที่มาของมัน ทำเอาร้อนผ่าวไปทั้งหน้า 

    และขึ้นสีชมพูระเรื่อลามไปถึงใบหูจนเหมือนมีเสียงระเบิดอยู่ในหัว ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นอะไร

                

              เมื่อรู้ตัวว่าใกล้ถึงร้านที่นัดกันไว้ จอร์จรีบสะบัดหัวไล่ความเขินของตัวเองออกไปให้หมดพลางหยิบก้อนหินรูปร่างประหลาดผิวขรุขระ

    สีดำ ออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วแอบยื่นส่งให้ลูน่าที่อยู่ข้างหน้าเขา มันเป็นของที่เขาคิดมาตลอดปิดเทอมว่าอยากลองเสกมันออกมา

    แล้วให้ลูน่า แบบที่ไม่ต้องมีวันสำคัญอะไร เพราะเขาแค่อยากให้


              “ฉันเห็นว่าเธอชอบมองเพดานที่ห้องโถงใหญ่ เลยทดลองเสกอะไรนิดหน่อย” เขาวางมันลงบนมือลูน่า ถึงเธอจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    แต่ก็รับไปแล้ว “หน้าตามันไม่น่ามองเท่าไรหรอก แต่อย่าเพิ่งดูถูกเจ้าก้อนเล็กๆ นี่เลยนะ”

                

              “มันคืออะไรเหรอคะ”

                

              “มันคือ..เออ ...ฉันยังไม่ได้ตั้งชื่อให้มันเลย แต่วิธีใช้ของมันคือปาใส่ผนังแบบเต็มแรง ห้องนั้นต้องมืดด้วยนะ ยิ่งมืดสนิทเลยยิ่งดี 

    วิธีใช้ก็มีแค่นั้นแหละ แล้วเธอก็จะเห็นผลลัพธ์ที่สุดยอดของมัน เธอต้องชอบมันแน่ๆ อ้อ แนะนำว่าถ้าเป็นในห้องนอนจะดีที่สุด ฉันรับรองได้

    ว่าผนังห้องเธอจะไม่ร้าว แล้วห้องก็ไม่ระเบิดด้วย”



              ในคืนวันเดียวกัน ลูน่านอนอยู่บนเตียงในชุดนอนสีเหลือง ผมสีบลอนด์แผ่สยายอยู่บนผ้าปูที่นอนสีน้ำเงิน มีก้อนหินสีดำที่จอร์จให้มา

    อยู่ในมือ เธอชูขึ้นแล้วมองดูข้างในผ่านแสงไฟที่ลอดมาจากเพดานถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ก้อนหินสีทึบ ดวงตากลมโตหรี่มองดูให้ชัดๆ ก็เห็นว่า

    มีเกร็ดเล็กๆ คล้ายละอองระยิบระยับสีเงินลอยอยู่ข้างใน ยิ่งเขย่า ประกายข้างในก็ยิ่งสวยคล้ายกับกากเพชรในสโนว์บอล

                

              เวลาอยู่ที่ฮอกวอตส์ จินนี่เคยเล่าให้ฟังบ่อยครั้งพี่ชายฝาแฝดของเธอชอบทดลองอะไรแปลกๆ อยู่เสมอและมีครั้งนึงที่พวกเขาเกือบทำ

    ห้องนอนที่บ้านระเบิดด้วย


              ลูน่านึกย้อนไปถึงสิ่งที่จินนี่เล่าให้ฟัง แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้เธอถึงได้เชื่อใจคนที่ให้เจ้าก้อนหินนี่มานัก เด็กสาวลุกขึ้นไปปิดไฟในห้อง 

    และยืนอยู่ท่ามกลางความมืด


              ห้องของเธออาจพังแต่กว่าจะคิดได้มันก็สายไปเสียแล้วเพราะลูน่าปาก้อนหินสีดำใส่ผนังห้องอย่างเต็มแรงตามคำแนะนำ

    จนมันแตกออกเป็นเสี่ยง ประกายสีเงินหล่นกระจายอยู่เต็มพื้นและตามผนังที่ปาเข้าไป เพียงเสี้ยววินาที ประกายสีเงินธรรมดาก็เริ่มกะพริบ

    ช้าๆ ก่อนลอยขึ้นไปกระจายอยู่เต็มเพดาน

                

           ลูน่ามองอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น ดวงดาวเป็นประกายระยิบระยับที่เหมือนในห้องโถงใหญ่ที่ฮอกวอตส์ ดวงดาวที่เธอเฝ้ามองทุกวัน

    ในตอนนี้มันมาอยู่ในห้องนอนของเธอแล้ว


              อาการตกตะลึงหายไปเหลือเพียงสายตาที่จ้องมองเพดานราวกับล่อยลอยอยู่ในความฝัน ลูน่าเดินไปนอนแผ่บนเตียงแล้วจ้องมองดู

    ดวงดาวด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขและขอบคุณจอร์จอยู่ในใจที่เขาให้มันมา

                

              กว่าสองชั่วโมงที่เด็กสาวนอนมองดูท้องฟ้าส่วนตัวของเธอ แต่แล้วความง่วงก็เริ่มเข้ามาครอบงำ ไม่มีแม้สักวินาทีที่ลูน่าละสายตา

    ไปจากเพดาน เธอเฝ้ามองมันพร้อมกับเข้าสู่ภวังค์อย่างช้าๆ จนหลับไปในที่สุด...



    - Talk -

        

         จอร์จจะเอาพุดดิ้งมาล่อเหมือนน้องเป็นเด็กแบบนี้ไม่ด้ายยย (ถึงน้องจะยังเด็กอยู่จริงๆ ก็เถอะ) ถามว่าน้องติดกับไหม? ไม่เหลือค่ะ 555


         ส่วนก้อนหินสีดำที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อนี่เราคิดเอาเองนะคะ ไม่รู้ว่ารีดอ่านแล้วจะนึกภาพออกกันหรือเปล่า เราคิดว่าอย่างน้อยก็ได้มาเจอกัน

    ทั้งทีก็อยากให้จอร์จให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นที่จดจำให้น้องซะหน่อย เห็นชอบจ้องเพดานตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงฮอกวอตส์จนเดินชนโต๊ะ

    เลยจัดท้องฟ้าส่วนตัวให้ซะเลย โชคดีที่ครั้งนี้ห้องไม่ระเบิด และที่สำคัญ น้องชอบด้วยนะเออ ชอบขนาดนี้งั้นคืนนี้ก็ต้องฝันถึงคนให้แล้วล่ะ 

    >_<  

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×