ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MeMoRieS of Breath

    ลำดับตอนที่ #1 : past : 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 75
      0
      3 พ.ย. 52

    ไม่ว่าอย่างไร..เราต้องรอด...เพื่อเสด็จแม่....
     


     
    “หมายความว่ายังไง เถ้าแก่ปาร์คคค ท่านจะไม่จ่ายค่าคุ้มครองให้ข้าอย่างนั้นเหรอออ!!”
    “เปล่านะจ๊ะ ข้าจะจ่ายให้เจ้าเดี๋ยวนี้แล้วจ้ะ”
    “ดี แหม ท่านนี้นะ ออกจะร่ำรวยเงินทองของใช้ จ่ายให้ข้าเท่านี้จะตายรึไง เอ๊ะ รึว่าท่านอยากจะตายจริงๆ”
    “ไม่ ไม่ ข้ายังไม่อยากตาย นี่เงินของเจ้า เอาไปเลยลีอา”
    “มันต้องอย่างนี้สิเถ้าแก่ เดือนหน้าเจอกันใหม่นะ ฮ่าๆๆๆ” บุรุษร่างโปร่งบางอ้าปากหัวเราะกังวาน เขาพาดดาบไม้ไว้ที่บ่า แล้วออกเดินไปจากร้านขายของชำของเถ้าแก่ปาร์ค ผู้ที่ได้ชื่อว่างกแสนงกแถมยังค้ากำไรเกินควร จึงไม่น่าแปลกใจนักที่บรรดาโชชอนมุงไม่มีใครอยากให้การช่วยเหลือเขานัก
    “ดูท่าเดินเขาสิ เท่ซะจริงๆ “
    “เมยอง ลูกไม่รักดี ไปชมมันทำไม มันขู่เอาเงินพ่อเจ้าไปนะ”
    “แหม ท่านพ่อก็ ลีอาหล่อใจจะขาดขนาดนั้น อีกอย่างแค่ค่าคุ้มครอง ทนพ่อก็จ่ายไปสิคะ”
    “เมยอง เจ้าลูกคนนี้นิ่”
    “ข้าเบื่อจะพูดกับท่านพ่อแล้ว....ลีอาจ๋า...รอข้าด้วยยยย”
    “เจ้า..เจ้าลูกไม่รักดี~~~~”
     
    “ลีอาทำไมเจ้าเย็นชากับข้านัก”
    “เมยองกลับบ้านเจ้าไปซะ ผู้หญิงที่ดีไม่ควรมาเดินตามอัธพาลอย่างข้าแบบนี้”
    “ข้าไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงที่ดี ข้าอยากเป็นเพียงคนที่ท่านเปิดใจให้บ้าง”
    “โอ๊ย ทำไมเจ้าดื้อย่างนี้นะเมยอง”
    “เอาน่า วันนี้ข้าจะเลี้ยงข้าวเจ้าเองนะลีอา”
    “หนอย..นี่เจ้า....”
    “ไปไหมลีอา”
    “ไป!!”
    “เพราะเจ้าน่ารักอย่างนี้ไงเล่า ลีอา เจ้ามาอยู่ที่โชชอนนี่ได้สองปีกว่าแล้วนะ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม”
    “....บางที...ข้า...อาจรออะไรบางอย่าง”
    “อะไรล่ะ ลีอาเจ้ารออะไร”
    “ไม่รู้สิ บางที...สิ่งที่ข้ารอมาทั้งชีวิตอาจจะไม่มีวันเกิดก็ได้...”
    “แต่ข้าเชื่อนะ ว่าสิ่งที่เจ้ารอต้องอยู่ที่ไหนซักแห่ง”
     

    บนเรือของพรรคชอลมุล.....
    “ชิซู ใกล้จะถึงฝั่งแล้วสินะ”
    “ครับ องค์ชาย”
    “กลับไปคราวนี้เราได้ระเบิดกลับมาด้วยมากมาย ประมุขโนคงดีใจ”
    “ครับ ก่อนจะไปติดต่อซื้อขายที่จีน นางบอกว่าไม่แน่บุตรชายหญิงของมหาเสนาบดีจางอาจจะยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่ง นางต้องการจะพบเขาครับ”
    “บุตรมหาเสนาจางงั้นหรือ...จางลีซังผู้เป็นบุตรข้าเคยเล่นด้วยเขามาตั้งแต่เล็ก ที่ครอบครัวเขาต้องตายหมดคงเป็นเพราะมาข้องเกี่ยวกับข้า...ต้องตามหาให้พบ”
    “ครับ หวังว่าทั้งคู่จะยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นพยานให้องค์ชาย”
    “ชิซู นอกจากเจ้าและประมุขโน ในโลกนี้ข้าเชื่อใจใครไม่ได้อีกแล้ว.......”
    “ครับ องค์ชาย”

    “ปีหนึ่งแล้วสินะที่ข้าไม่ได้มาที่โชชอน ตลาดยังพลุกพล่านอยู่เหมือนเดิม เจ้าว่าไหมชิซู”
    “ครับ”เขาก้มหัวให้ผู้เป็นนาย เป็นดั่งเจ้าชีวิต หากคนผู้นี้สั่งให้เขาไปตาย เขาไม่ลังแลเลยที่จะตายเพื่อคนตรงหน้า
    ชายหนุ่มรูปงามราวอิศตรีสวมเสื้อผ้าสีดำตลอดตัว สวมหมวกสีดำบดบังดวงตาเรียวคมซึ่งดูเหมือนจะโกรธแค้นโลกใบนี้ตลอดเวลาเขาเดินนำหน้าองค์รักษ์ของเขา ชิซู เพื่อกลับไปยังพรรคชอลมุล อันเป็นพรรคค้าขายที่ใหญ่ที่สุดในฮันยาง แต่แท้จริงแล้วเป็นพรรคทหารรับจ้าง ที่ซ่องซุมกำลังพลเพื่อล้มล้างราชบัลลังของราชาผู้มีสติวิปลาส
    ชางฮวี เป็นชื่อของเขาโอรสที่ถูกต้องแท้จริงตามกฎหมายของราชาองค์ก่อน บัลลังของพระบิดา ความจริงมันเป็นของเขา!!!!!
     

    ตั้งแต่ที่ลีอามาคุ้มตลาด ไม่มีวันไหนซักวันที่ตลาดจะเงียบสงบไร้ซึ่งการต่อยตีและเสียงข้าวของพังทลาย..วันนี้ก็เช่นกัน...
    โครม!!!!
    เพล้ง!!  
    “โอ ไม่...กระถางข้า...”
    “ขอโทษทีเถ้าแก่ปาร์ค”
    “ไม่เป็นไรจ๊ะลีอา”
    “เจ้าลูกบ้า ไม่เป็นไรได้ยังไง กระถางนี่ข้าสั่งมาจากจีนนะ”
    “ท่านพ่อก็สั่งมาใหม่สิคะ รึว่าท่านอยากจะคุยกับลีอาเอง”
    “เอิ๊ก ไม่จ๊ะลูกจ๋า”
    “เจ้าพวกหน้าโง่ วันนี้ข้าจะหักแขนหักขาพวกเจ้าให้หมด มาทำซ่าที่ถิ่นข้าเหรอ!”
    “หนอย เจ้าลีอา ผอมบางเหมือนกุ้งแห้ง วันนี้แหละข้าจะเอาคืนที่เจ้าทำไว้กับข้าที่หอนางโลม”
    “ลีอา!! เจ้าทิ้งข้าไปเที่ยวหอนางโลมเหรอ?”
    “เข้าบ้านไปซะเมยอง เฮอะ เพราะต้องการเอาคืนก็เลยเรียกพวกมาซะเยอะแยะสินะ เฮ้อ ดีเลยข้ากำลังเซ็งอยู่พอดี ขอระบายหน่อยเถอะ...โอ๊ะโอ๋...ใจเย็นสิ ให้ข้าพูดให้จบก่อน”ลีอาพูดไปก็หลบไม้หน้าสามที่อัธพาลคนหนึ่งฟาดมาอย่างสบายๆ ไม้จำนวนหกท่อนกับคนจำนวนหกคนระดมฟาดมายังร่างโปร่งที่คาดดาบไม้คู่ใจไว้ที่เอวไม่ได้หนีไปไหน
    ลีอากวาดเท้ารับไม้ที่ฟาดเข้ามาไม่ยั้งแล้วสะบัดมันกลับไป ดาบไม้คู่ที่เคยอยู่อย่างสงบออกมาวาดลวดลายบ่งบอกฝีมือว่าคนละชั้นกับเหล่าอัธพาล
     

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ผู้คนมุงดูอะไรกัน”
    “ชาวบ้านบอกว่าอัธพาลตีกันน่ะครับ”
    “อืม งั้นเลี่ยงอออกไปหน่อยดีกว่าสินะ”
    “ครับ”

    “เอ้าๆๆ แน่จริงอย่าหนีสิฟระ มาหาเรื่องข้าถึงที่นึกว่าข้า ลีอาคนนี้จะปล่อยไปได้ง่ายๆ เหรอ ฝันกลางวัน”
    “อ๊าค ลีอา เจ้าปล่อยข้าไปเถอะนะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ม่ยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีก”
    “ม่าย ด้าย ข้ากำลังอารมณ์ไม่ดีเจ้าน่ะมาเป็นที่ระบายให้ข้าน่ะถูกต้องแล้ว”
    ผวัะ!!!
    “แอ๊กกกกก”
    “เซ็ง!! วุ้ย!! “
    “อ๊าคคคคคค”
    “อะไรๆๆ กันตั้งหกคน จะยอมข้าคนเดียวรึงายยยย”
    “พวกเรา วิ่ง~~~~”
    “เฮ้ยๆๆ ข้าล่ะยังไม่หายเซ็งเลย หยุดน้า~~~”อัธพาลต่างถิ่นวิ่งแยกกันคนล่ะทิศอย่างน้อยถ้าโดนเท้าต่อ ก็คงโดนคนเดียว ลีอาวิ่งตามตัวหัวหน้าที่เป็นคนพาพวกมารุม ระหว่างทางคนผู้คนและข้าวของไปมากมาย
    ปึ๊ก!!!
    “โอ๊ะ มีกำแพงเหรอเนี่ย”
    ลีอาที่วิ่งตามชนเข้ากับอะไรบางอย่างอย่างจังที่แข็งราวกับกำแพงทั้งที่จำได้ว่าไม่มีกำแพงตรงนี้ซะหน่อย
    ร่างโปร่งเงยหัวทุยๆ ขึ้นมาดูพบดวงตาแสนเงียบเหงาราวไร้ชีวิตกับดวงหน้างามจนแทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นผู้ชาย
    “อ้อ คนนี่เอง ทำหน้าเหมือนไร้ชีวิตเลยแฮะยิ้มเป็นหรือเปล่าชีวิตนี้”
    “เจ้า! ถอยไปนะ”
    “โอ๊ะ โอ มีองค์รักษ์พิทักษ์ข้างกายซะด้วย หน้าหวานขนาดนี้ก็น่าอยู่หรอกนะ ไม่เคยเห็นหน้าแฮะ มาจากที่ไหนน่ะ อืม..ถ้าทายไม่ผิดเพิ่งลงเรือมาจากจีนล่ะซี่ ไปทำอะไรที่จีนที่ล่ะหน้าหวาน”
    “เจ้า!!!”
    “โอ้วว ดีนะหลบทัน แหมๆๆ พาดดาบลงมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ถ้าข้าหลบไม่ทันล่ะหัวแปะแน่ ถึงจะมีปลอกดาบอยู่ก็เถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ พวกเจ้าทำที่ระบานอารมณ์ข้าหนีไปได้เจ้าน่ะพ่อหนวด มาเล่นกับข้าหน่อยเถอะ”ลีอาฟาดดาบไม้ทั้งคู่ไปที่ชิซู เขาหลบอย่างรวดเร็วเหวี่ยงดาบมีปลอกรวดเร็วรุนแรง
    ทั้งสองรุกรับกันอย่างดุเดือด ชิซูเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยขณะที่ลีอากำลังสนุก รอยยิ้มร่าปรากฏบนใบหน้าเนียนใส
    “ว่าแต่ข้า...เจ้าเองก็ไม่ได้หน้าเหมือนผู้ชายนักหรอก”ชางฮวีพึมพำเบาๆ
    วิ้ง.....
    ประกายแสงบางอย่างสะท้อนเข้าตาของลีอา ทำให้รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านตากำลังเรียกสินะ คงต้องเลิกเรื่องสนุกนี่ไปก่อน ท่านตาสำคัญกว่าเรื่องสนุกของข้า
    ร่างบางกระโดดสูงพรวดเดียวไปถึงข้างหลังของชางฮวี ตาเรียวคมมองเห็นอยู่แล้วไม่ได้ตกใจอะไร
    ลีอายิ้มมีเลศนัยโผเข้าหาชางฮวีแบบไม่ให้ตั้งตัว นี่ละที่ทำให้เขาตกใจ ร่างบางนั่นใกล้เขามากไปจากนั้นเหวี่ยงชางฮวีใส่ชิซูที่วิ่งเข้าใส่เธอเป็นเกาะและถ่วงเวลา
    ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มหัวเราะร่าแล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
    “องค์....คุณชาย เป็นอะไรไหมครับ”
    “ไม่...คนนั้นเป็นใครกัน”
    “ข้าจะไปสืบมาให้ครับ”
    “ไม่ ไม่ต้องข้าไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น รีบกลับพรรคกันเถอะ”
    “ครับ”ชิซูมองไปทางที่ลีอาวิ่งไปอย่างครุ่นคิด แสงนั่นมันอะไรกันนะ แสงที่ทำให้คนๆ นั้นเลิกการต่อสู้ที่ตัวเองต้องการไปกลางคันได้
     

    พรรคชอลมุล
    ชายหนุ่มทั้งสองเดินทางมาถึงจุดหมายของเขาจนได้ ที่ทำการพรรคชอลมุลใหญ่โตและเต็มไปด้วยทหารรับจ้างที่เรียงรายยืนอย่างเป็นระเบียบตลอดทางเดิน
    และเมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไป ทหารของพรรคทรุดเข่าลงทำความเคารพ พร้อมเพรียง ชางฮวีสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปในพรรคที่มีสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งรอเขาอยู่ สตรีผู้ที่สำหรับเขาแล้วก็เปรียบดั่งแม่อีกคนหนึ่ง
    ประมุขโนหรือโนซังกุง ผู้ที่ช่วยพาเขาออกจากกองเพลิงผลาญอีกทั้งยังเป็นคนที่เลี้ยงดูเขามาอย่างยากลำบาก กว่าที่จะก่อตั้งพรรคชอลมุลเพื่อที่เขาจะได้ใช้สอยดั่งเป็นแขนขา
    “องค์ชาย หม่อมฉันเป็นห่วงพระองค์เหลือเกินเพคะ”
    “ประมุขโน ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าไม่เป็นไร แล้วการติดต่อซื้อก็เป็นไปได้ด้วยดี”
    “อย่างนั้นหรือเพคะ กระหม่อมดีใจนัก....เชิญข้างในเถิดเพคะ พระองค์ควรพักผ่อนเสียหน่อย”
    “ข้ายังไม่อยากพักผ่อนตอนนี้ประมุขโน ท่านช่วยตามเสนากลาโหมมาพบข้าได้หรือไม่”
    “หากเป็นความประสงค์ขององค์ชาย...ได้เสมอเพคะ”

    ชางฮวีเพียงแต่ชำระล้างตัวและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่เท่านั้นยังไม่ได้พักหลังจากที่เดินทางยาวนานยากลำบาก เขาต้องการพบเสนากลาโหม...เสนาคัง ผู้เป็นอีกคนที่หนุนหลังเขาอยู่ เสนาคังเป็นผู้จงรักภัคดีของพระบิดาและพระมารดา เขาไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าพระบิดาจะมอบราชบัลลังให้แก่ราชาองค์ปัจจุบันที่เป็นเพียงลูกสนมในวัง
    หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น รอยยิ้มกลายเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากใบหน้างามนั่น ภาระหน้าที่ที่เขากำลังแบกรับ ความโดดเดี่ยวอ้างว้างยิ่ง ความหวาดกลัว เปลี่ยนองค์ชายน้อยชางฮวีผู้ร่าเริงเฉลียวฉลาดเป็นหนุ่มรูปงามไร้รอยยิ้ม ดวงตาคู่นั่นส่องประการโหยหาการแก้แค้นตลอดเวลา
    “องค์ชาย เรียกหม่อมฉันเข้าพบหรือพะย่ะคะ”
    “อ้อ เสนาคัง ข้าอยากรูปข้อมูลของดาบซายินและทายาทตระกูลจาง ข้าต้องการชิงราชบัลลังกลับมาในวันสอบจองหงวนที่จะถึงนี่”
    “เรื่องดาบซายินนั้น ข้าพระองค์คิดว่าผู้ที่สังหารมหาเสนาและครอบครัวนั้นต้องเป็นคนที่ยังคงดำรงตำแหน่งเสนาคนใดคนหนึ่งอยู่แน่พะย่ะคะ..เอ่อ..กระหม่อมจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อที่ข้าพระองค์จะได้ไปดูด้วยตาของประมุขโนและข้าพระองค์เองดีไหมพะย่ะคะ ว่าเป็นเสนาคนไหน”
    “ดีสิคะ ท่านเสนา หากเป็นคนที่สังหารเสนาจางผู้ภัคดีแล้ว เมื่อเอ่ยถึงดาบซายิน เขาต้องออกอาการส่อพิรุธอย่างแน่แท้”
    “เอาตามอย่างที่พวกท่านว่าแล้วกัน..เรื่องที่ข้าไปจีน...อาวุธที่ข้านำมาท่านเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้วสินะ”
    “เพคะองค์ชาย ระเบิด ดินปืน และอาวุธอื่นๆ ข้าพระองค์ให้คนนำไปเก็บไว้แล้วเพคะ องค์ชายไปคราวนี้ไม่เสียเที่ยวจริงๆ “
    “ครั้งนี้เราซื้อได้ก็จริง แต่คงไม่มีเป็นครั้งที่สองแน่กับอาวุธปริมาณขนาดนั้น”
    “เพคะ เราจะวางแผนอย่างรัดกุมและแน่นอนเพคะ......เพื่อพระองค์”

    ค่ำคืนมือสงัด สายลมโชยพัดเบาๆ แต่ก็หนาวยะเยือก ดวงตาคู่เรียวเหม่อมองไปไกล ปล่อยความคิดไปกับอดีตที่เขาไม่มีวันกลับไปเป็น....
    ‘แง้ๆๆๆ ข้าอยากได้นี่นา ชางฮาวีทำก๋องๆ ข้าตกปื้น ชางฮาวีต้องเอาคืนมาให้ข้านะ’
    ‘แล้วข้าจะไปเอาคืนให้เจ้าได้จากที่ไหนล่ะ’
    ‘นี่งาย ต่านพี่ยีซังเอามันมาจากที่นี่’
    เด็กหญิงหน้าตาน่ารักตาโตแก้มยุ้ยกำลังกระโดดเหยงๆ พลางชี้นิ้วป้อมๆ นั้นไปที่ต้นท้อต้นสูงใหญ่ บนต้นท้อนั้นมีลูกท้อสุกปลั่งอยู่ไม่กี่ลูก และแต่ละลูกก็สูงลิบลิ่ว แต่หากลีซังที่อายุมากกว่าเขาไปไม่กี่ปีทำได้ เขาก็ต้องทำได้สิ เพื่อเด็กน้อยตรงหน้า....
    “องค์ชาย มองอะไรอยู่ครับ”
    “อ้อ ชิซู เจ้าเองหรือ ข้า...กำลังมองต้นท้อ”
    “ต้นท้อหรือครับ”
    “ใช่..ต้นท้อ เจ้ารู้ไหม ชิซูข้าเคยตกต้นท้อมาแล้ว”
    “องค์ชายน่ะหรือตกต้นท้อ”
    “ใช่แล้วล่ะ เพื่อลูกท้อลูกเดียว...แด่เด็กหญิงคนเดียว...”
    “องค์ชาย ทรงหมายถึงคุณหนูจางลีอาใช่ไหมเพคะ บุตรีของเสนาจางผู้ล่วงลับ”
    “อ้อ เด็กน้อยคนนั้นชื่อลีอาหรอกหรือ...ทำไมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนข้าจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้มานะ”
    “พระองค์ เคยได้ยินหรือเพคะ ที่ไหนละเพคะ”
    “...อ้อ น่าจะเป็นที่ตลาดน่ะครับท่านประมุข ตอนนั้น..ข้าได้ยินลูกสาวร้านขายของเรียกอัธพาลนนั้นว่า ลีอา”
    “หากเป็นอัธพาลก็ไม่น่าจะใช่หรอก เด็กน้อยคนนั้นโตมาควรจะเป็นกุลสตรีที่งามพร้อม แล้วที่สำคัญคงไม่เป็นผู้ชายปากเสียแบบนั้น...”
    “ฝ่าบาท ทรงเมื่อเรื่องกับอัธพาลหรือเพคะ”
    “....เอ่อ..”
    “เปล่าหรอกประมุขโน”
    “ข้าแค่เดินผ่านไปเจอคนวิวาทกันเท่านั้น”
    “งั้นหรือเพคะองค์ชาย ดีแล้วล่ะเพคะ”
     

    ใบหน้างามที่เคยเรียบสงบบัดนี้มีร่องรอยขุ่นมัว เขาพยายามค้นหาของบางอย่างเขาแต่ในว่าไม่ได้เอาออกไปที่ไหน เขาใส่ไว้ในอกเสื้อตลอดเวลามัน...จะหายไปได้ยังไง!!!
    “ชิซู เข้ามานี่ซิ”
    “ครับ องค์ชาย....ท่าน..หาอะไรหรือครับ”องค์รักษ์ผู้เป็นดั่งเพื่อนรู้ใจถาม ทันทีที่เห็นสภาพของห้องบรรทมที่ถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย ผ้าไปทาง หมอนไปทางแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    “ปิ่น..ปิ่นของพระมารดาหายไป! ข้ามั่นใจว่าใส่ไว้ในอกเสื้อ แต่มันหายไปไหน เสื้อผ้าเมื่อวันนั้นก็อยู่ที่นี่!!”
    “ปิ่นนั่น..เอ่อ...”
    “ใช่ ปิ่นของพระมารดาที่ให้ข้าไว้ ก่อนที่พระองค์จะยอมมอดไหม้ในกองเพลิงเพื่อให้ข้ารอดมาจนถึงทุกวันนี้ และบัดนี้ มันหายไป...”
    “ท่านเห็นในครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ข้าจะช่วยท่านคิดอีกแรง”
    “วันที่ลงเรือมาวันแรก”
    “.......อย่างนั้นหรือ...ข้า...คิดว่าตอนนี้อัธพาลนั่นเข้ามาใกล้องค์ชาย...เขาอาจลักมันออกไปจากท่านก็เป็นได้”
    “ดี ข้าจะออกตามหามัน”
    “ข้าจะเกณฑ์คนในพรรคออกตามหาให้ครับ”
    “อย่า ไม่ต้อง...นอกจากเจ้าแล้วและประมุขโนแล้วชิซู ข้าไม่ไว้ใจให้ผู้ใดตามหาปิ่นของพระมารดาเด็ดขาด”
    “หากจำไม่ผิด ข้าเคยได้ยินว่าเขาไปเที่ยวที่หอนางโลมด้วย”
    “ดี เราจะไปที่นั่น”
    “ครับ”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×