คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Short Fic]กักขัง... [ WonHyuk ] 2
ตกเย็นเวลาเดิมของทุกวัน เสียงเปิดประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนร่างบางที่นอนคิดอะไรเพลินๆได้เป็นอย่างดี ซีวอนเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างที่เคยทำทุกวัน มือหนากอดก่ายคนร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ
“วันนี้ไม่หลับหรอ เห็นปกติกลับมาทีไรก็หลับทุกวันเลย” ซีวอนเอ่ยถามร่างบางอย่างแปลกใจ อึนฮยอกส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบ เมื่อลองคิดดีๆแล้วซีวอนในเวลาปกติก็พูดคุยกับเค้าดี ร่างสูงมักจะถามสารทุกสุขดิบของเค้าก่อนออกไปทำงานอยู่เสมอ ทั้งสั่งให้กินข้าว อาบน้ำ รวมถึงถามถึงอาการปวดที่เค้ามักจะเป็นทุกเช้าหลังจากทำกิจกรรมรักยามค่ำคืนเสร็จ
“วันนี้ไม่ด่าหรอ ปกติเห็นชั้นพูดอะไรต้องแขวะกลับมาซะทุกครั้งเลย หืม” ร่างสูงเอ่ยถามคนตัวบางอีกครั้งด้วยความแปลกใจ มือหนาจับปอยผมที่ปรกใบหน้าหวานไปทัดไว้ที่หู เพื่อให้มองเห็นหน้าหวานๆนี้อย่างชัดเจน ร่างบางยังคงส่ายหน้ากลับมาแทนคำตอบอีกครั้ง
“ไม่เอาน่า...อย่าไม่พูดไม่จาแบบนี้เลย มีอะไรก็พูดออกมาสิ ชั้นชอบให้นายด่าชั้นมากกว่าเงียบแบบนี้นะ” ร่างสูงเอ่ยบอกร่างบางพลางก้มลงซุกไซร้ไปตามร่างกายหอมๆเหมือนที่เคยทำ
“.....นายเคยคิดจะปล่อยชั้นกลับไปบ้างหรือเปล่า” ในที่สุดร่างบางก็กลั้นใจถามออกมา ร่างสุงชะงักไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนร่างบาง
“นายอยากไปจากชั้นมากขนาดนั้นเลยหรอ..” ร่างสูงเอ่ยถาม แววตาแห่งความเศร้าถูกฉายออกมา อึนฮยอกมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลนั้นก็พบเจอแต่ความเหงาและความโดดเดี่ยวอย่างที่ป้าลี่อินว่าจริงๆ
“ชั้นก็แค่ถาม เผื่อนายอยากจะปล่อยไอโซ่บ้าๆนี่ออกจากตัวชั้นซะที ชั้นเมื่อยแขนจะแย่อยู่แล้ว อีกอย่างนะ ชั้นอยากอาบน้ำมากกว่าเช็ดตัวนะ ชั้นอยากสระผม หรือว่านายชอบที่ตัวชั้นเน่าๆแบบนี้ละ” ร่างบางยกเรื่องโซ่ที่พันข้อมือของตนเองอยู่ขึ้นมาอ้างแทน
“นายหมายถึงให้ชั้นปล่อยโซ่นี่น่ะหรอ” ซีวอนถามร่างบาง รอยยิ้มแก้มบุ๋มปรากฏขึ้นมาให้เห็น
“ก็ใช่น่ะสิ นายคิดว่าอะไรล่ะ” ร่างบางถามคนร่างสูง
“ชั้นนึกว่านาย.....ช่างมันเถอะ ชั้นจะปล่อยนายก็ได้นะ แต่นายต้องรับปากชั้นก่อนว่าท่าชั้นปล่อยนายจะไม่หนีไปไหน” ร่างสูงขอคำมั่นสัญญา
“อื้ม ชั้นสัญญา ปล่อยชั้นเถอะนะ” ร่างบางร้องขอ ซีวอนจึงหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าของตน มือหนาไขกุญแจที่ล็อกติดกับโซ่อยู่ออก และแล้วในที่สุดมือบางก็หลุดออกมาเป็นอิสระเสียที บางทีการที่เราพูดจาดีๆกับร่างสูงนั้น มันจะทำให้อะไรๆง่ายขึ้นอย่างที่ป้าลี่อินว่าจริงๆล่ะ อึนฮยอกคิดพลางมองคนร่างสุงที่นอนอยู่ข้างๆ
“ชั้น....ขออาบน้ำได้มั้ย” ร่างบางเอ่ยขอร้องคนร่างสูงอีกอย่าง
“อืม...ให้ชั้นอาบให้หรือเปล่าล่ะ” ร่างสูงถามพลางยิ้มหื่นๆมาให้
“ไม่ต้องหรอก ชั้นอาบเองได้” ว่าแล้วก็ค่อยๆเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างช้าๆ ซีวอนมองตามคนร่างบางที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะจมปลักอยู่กับความคิดของตัวเอง
ร่างสูงนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่ร่างบางเข้าไปชำระร่างกาย
ทางด้านอึนฮยอกที่เข้ามามนห้องน้ำนี้เป็นครั้งแรก คนร่างบางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกขนาดใหญ่ มือบางข้างหนึ่งค่อยๆปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้นๆ ส่วนมืออีกข้างที่เป็นแผลเหวอะนั้นขยับได้ไม่ค่อยมากนัก ร่างบางจึงปล่อยมันไว้เฉยๆแบบนั้น เมื่อเสื้อผ่าชิ้นสุดท้ายถูกถอดลง ก็ปรากฏให้เห็นเรือนร่างสีขาวนวลที่สะท้อนอยู่ในกระจก รอยแดงเป็นจ้ำๆตามตัวที่ร่างสูงตีตราจองเป็นเจ้าของนั้นกระจายเต็มไปหมดจนทั่วเรือนร่าง อึนฮยอกค่อยๆรองน้ำอุ่นใส่ในอ่าง ก่อนจะเดินลงไปแช่น้ำนั้น เมื่อผิวกายสัมผัสเข้ากับผิวน้ำอุ่นๆความรู้สึกผ่อนคลายก็แทรกซึมเข้ามาเล็กน้อย ร่างบางปล่อยให้ตัวเองนอนแช่น้ำอยู่สักพัก เมื่อความเจ็บปวดที่มีเริ่มคลายลงร่างบางจึงลุกขึ้นจากอ่าง ก่อนจะเดินไปที่ฝักบัวอันใหญ่ที่ติดอยู่กับฝาผนัง ร่างบางเปิดน้ำให้สายน้ำที่เย็นช่ำชำระล้างร่างกายของตน มือบางเทขวดแชมพูลงบนฝ่ามือ ก่อนจะขยี้ให้เกิดฟองบนกลุ่มผมนุ่ม
“โอ๊ยยยย แสบบบ” อึนฮยอกร้องลั่นเมื่อฟองแชมพูนั้นไหลย้อยลงมาโดนแผลที่คอมือของเค้า ร่างบางกัดฟัดแน่นพยายามอดทนให้ถึงที่สุด ก่อนจะรีบล้างเนื้อล้างตัวแล้วพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ
“เอ่อ...นายมีเสื้อผ้าให้ชั้นใส่มั้ยอ่า” ร่างบางเอ่ยถามร่างสูงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มือบางเขย่าตัวคนตรงหน้าเล็กน้อยเป็นการปลุก ซีวอนค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆพลางมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เปียกน้ำนั้นลู่ลงมาถึงต้นคอระหง ใบหน้าหวานที่มีหยดน้ำเกาะอยู่นั้นทำให้อึนฮยอกดูเซ็กซี่ขึ้นมาก มือบางที่กุมผ้าขนหนุไว้แน่นนั้นสั่นระริกไปมาด้วยความหนาวเย็น ไหล่กลมมนที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าสีขาวนั้นน่าประทับรอยรักสีกุหลาบลงไปเสียจริงๆ เรียวขาขาวที่โผล่พ้นออกมาทางด้านล่างนั้นชวนให้นึกถึงกิจกรรมรักเมื่อคืนวานที่เพิ่งทำไป ซีวอนมองคนตรงหน้าไม่วางตาเลยทีเดียว ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ก่อนจะค่อยๆลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่มาให้ร่างบาง
“ใส่นี่ไปก่อนแล้วกันนะ ไว้ชั้นจะซื้อมาให้ใหม่” ร่างสูงว่าพลางโยนเสื้อตัวนั้นลงที่พื้น อึนฮยอกก้มเก็บมันขึ้นมาช้าๆ ซีวอนมองแล้วถึงกับต้องเลียริมฝีปากที่แห้งผากนั้นทันที เมื่อร่างบางก้มลงเก็บชุดนั้นผ้าขนหนูที่พันไว้ก็ค่อยๆเลิ่กขึ้นทีละน้อย จนขาอ่อนขาวนวลโผล่พ้นออกมาจนร่างสูงอดใจไม่อยู่ มือหนาคว้าร่างบางตรงหน้าเข้ามากอด ก่อนจะก้มลงซุกไซร้ที่ไหล่มนนั้นด้วยความใคร่ทันที
“ให้ฮยอกใส่เสื้อผ้าก่อนสิ” ร่างบางบอกด้วยความตกใจ แต่ก็ยังคงพูดเสียงหวานกับร่างสูงเช่นเดิม
“ไม่ต้องใส่แล้วล่ะ เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี” ร่างสูงพูดพลางผลักอึนฮยอกให้นอนลงบนเดียง
cut *
เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมากับความเจ็บปวดที่แล่นแปร๊บที่สะโพกมน แต่วันนี้ร่างบางรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พาดอยู่บนตัวของตนเอง ร่างบางลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะมองไปยังสิ่งที่ทำให้ตนอึดอัดจนให้ใจแทบไม่ออก เมื่อมองชัดๆถึงได้รู้ว่ามันคือมือและขาของคนร่างสูงที่นอนกอดตนเองอยู่ ร่างบางมองใบหน้าหล่อของคนข้างกายนิ่ง เวลาหลับก็ดูดีหรอกนะ แต่ทำไมพอตื่นขึ้นมาถึงกลายเป็นคนที่โหดร้ายและหื่นกามแบบนั้นนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ อึนฮยอกมองสำรวจคนตรงหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆเอายกมือที่กอดก่ายตนเองนั้นออกจากตัว ร่างบางค่อยๆคลานไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายของตนเองอีกครั้ง เพียงแค่ขยับเล็กน้อยอึนฮยอกก็รู้สึกปวดระบมไปหมดแล้ว
ซีวอนค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อรู้สึกตัวตื่น มือหนาควานไปมาข้างๆกายเพื่อหาคนร่างบางที่นอนอยู่กับตนเมื่อคืน แต่เมื่อจับไปจับมากลับไม่พบสิ่งใดเลยนอกจากความว่างเปล่า ร่างสูงก็ลืมตาโพลงขึ้นมาทันที ร่างสุงรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที พลางมองหาคนร่างบางไปทั่วห้อง
“อึนฮยอก นายคิดจะหนีชั้นไปไหน” ซีวอนกำมือแน่นด้วยความโมโห เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้ล็อกคนตัวบางไว้แล้ว ร่างสุงตั้งท่าจะเดินออกไปอาละวาดที่นอกห้อง แต่ระหว่างที่เดินอยู่นั้นก็มีมือบางสีขาวซีดมาจับข้อเท้าของเค้าไว้ ร่างสูงก้มลงมองที่พื้น ก็เห็นคนตัวบางที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้นด้วยหน้าตาเหยเกจากความเจ็บปวดที่ได้รับ
“นาย...มานอนอะไรตรงนี้” เมื่อเห็นว่าคนตัวบางยังคงอยู่ ความโมโหก็คลายลง ร่างสูงก้มลงนั่งยองๆ ก่อนจะเอ่ยถามคนร่างบาง
“ชั้นจะไปเข้าห้องน้ำ....แต่ว่า ..ไปไม่ไหว” ร่างบางบอกด้วยสีหน้าซีดๆ ร่างกายที่โดนกระทำทุกๆวัน บวกกับการที่เค้าไม่ค่อยได้กินข้าวนั้นทำให้ไม่ค่อยมีแรงมากนัก
“เดี๋ยวชั้นอาบให้นายเองก็ได้” ร่างสูงว่าพลางช้อนตัวร่างบาง ก่อนจะพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“ชั้นอาบเองได้” ร่างบางบอกเสียงแผ่ว
“ไม่ต้อง ชั้นอาบให้เอง ชั้นสัญญาจะไม่ทำอะไรนาย” ซีวอนว่าพลางวางร่างบางลงในอ่าง ก่อนจะเปิดน้ำอุ่นให้ร่างบางได้แช่ ซีวอนก้าวเท้าตามเข้าไปในอ่าง
“นายลงมาทำไม” อึนฮยอกถามอย่างงงๆ เมื่อเห็นร่างสูงก้าวลงมานั่งในอ่างด้วย
“เอ้า..ชั้นก็จะอาบน้ำเหมือนกันน่ะสิ อาบพร้อมกันไปเลยแล้วกันนะ” ร่างสูงเอ่ยบอก ก่อนจะเทสบุ่ใส่น้ำแล้วตีให้เกิดฟองจนเต็มอ่าง มือหนาลูบไล้ฟองสบู่ไปตามกายบางเพื่อทำความสะอาดให้คนตัวบาง ก่อนจะหันมาจัดการกับตัวเองบ้าง เมื่อทั้งคู่อาบน้ำเสร็จ ซีวอนก็จัดการเช็ดตัวให้ร่างบาง ก่อนจะพันผ้าขนหนูไว้รอบกายบางแล้วอุ้มออกมาวางที่เตียง มือหนาจัดการสวมเสื้อตัวที่โยนให้ร่างบางใส่เมื่อคืนให้กับร่างบาง
“เดี๋ยวกินข้าวให้เรียบร้อยนะ จะได้มีแรง อย่าลุกเดินไปไหนมาไหนละ เดี๋ยวจะล้มลงไปอีก อย่าคิดที่จะหนีนะ ท่าชั้นกลับมาไม่เจอนาย นายตายแน่” ร่างสุงเอ่ยบอกคนร่างบางก่อนจะแต่งตัวออกจากห้องไป อึนฮยอกนอนนิ่งๆตามที่ร่างสูงสั่ง ก่อนที่ป้าลี่อินจะยกอาหารเข้ามาให้คนตัวบางทานเหมือนเช่นทุกวัน
“ป้าครับ ฮยอกไม่โดนล็อกไว้กับโซ่แล้วนะครับ” อึนฮยอกบอกพร้อมกับชูมือให้หญิงสาวดู
“ป้าดีใจด้วยนะคะคุณหนู ป้าบอกแล้วท่าคุณหนูทำตัวดีๆ คุณซีวอนเค้าก็จะดีกับคุณหนูเองล่ะค่ะ ดังนั้นทานข้าวเยอะๆตามที่คุณซีวอนบอกนะคะ จะได้มีแรงนะ” ลี่อินเอ่ยบอกด้วยสีหน้าที่สดชื่นกว่าทุกๆวัน
“ครับป้า...ท่าผมทำตัวดีๆเค้าจะปล่อยผมใช่มั้ยครับ” อึนฮยอกเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“แน่นอนสิคะ ดูอย่างวันนี้สิคุณซีวอนยังไม่ล็อกคุณไว้ที่เตียงเลย เห็นมั้ยคะ” ป้าลี่อินยิ้มให้กำลังใจคนร่างบางที่วันนี้ไม่มีน้ำตาให้เห็น
“เดี๋ยวป้าทำแผลที่ข้อมือให้นะคะ” ลี่อินเหลือบไปเห็นข้อมือบางที่มีแผลเหวอะหวะอยู่นั้นก็เกรงว่ามันจะอักเสบขึ้นมา หญิงสาวเดินออกมาไปจากห้องสักพัก ก่อนจะกลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล
“เก่งจังเลย กินข้าวหมดเกลี้ยงเลยนะคะ ” ลี่อินเอ่ยชมคนร่างบางที่วันนี้ดูเจริญอาหารกว่าปกติ
“เดี๋ยวทานยาแก้อักเสบด้วยนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นไข้เอานะ ส่งมือมาสิคะเดี๋ยวป้าทำแผลให้” อึนฮยอกส่งมือให้ลี่อินอย่างว่าง่าย ลี่อินจัดการทำแผลให้คนร่างบางก่อนจะพันผ้าให้อย่างเรียบร้อย มือเหี่ยวย่นนั้นค่อยๆเก็บของใส่กล่องตามเดิม ก่อนจะเตรียมตัวออกไปจากห้องเพื่อให้ร่างบางจะได้พักผ่อน
“ป้าครับ ...” อึนฮยอกเอ่ยเรียกหญิงสาวไว้ ลี่อินหันกลับมามองคนตัวบางเล็กน้อย
“เมื่อวาน...ฮยอกเห็นแล้วนะครับ...สายตาที่โดดเดี่ยวของเค้า ฮยอกเห็นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจของเค้าแล้วครับ” อึนฮยอกเอ่ยบอกหญิงสาวเสียงแผ่ว เมื่อนึกถึงสายตาที่เหงาหงอยนั้นเค้าก็รู้สึกสงสารคนร่างสูงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ป้าว่าคุณหนูคงเข้าใจความรู้สึกของคุณซีวอนแล้วใช่มั้ยคะ ...ท่าอย่างงั้นช่วยทำให้คุณซีวอนรู้จักคำว่ารักที่แท้จริงได้มั้ยคะ ....” ลี่อินเอ่ยบอกไว้เพียงเท่านั้นก็เปิดประตูออกจากห้องไป
“ผมคงรักเค้าไม่ได้จริงๆครับป้า...ผมขอโทษ” อึนฮยอกเอ่ยบอกหญิงสาวที่ออกจากห้องไปด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“แอ๊ดดดด” เสียงประตูห้องถูกเปิดออก อึนฮยอกที่นอนคิดอะไรอยู่กันไปมองก่อนจะเอ่ยถามคนร่างสูงที่ก้าวเข้ามาในห้อง
“กลับมาแล้วหรอ กินอะไรมาหรือยัง” ร่างบางว่าพลางส่งยิ้มหวานให้ ซีวอนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของร่างบางแบบนั้นเป็นครั้งแรก โดยปกติในทุกๆวันที่เค้ากลับมา เค้าจะพบเพียงคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าขาวนวลอยู่ตลอด
“กินแล้วล่ะแล้วนายล่ะ ดีขึ้นหรือยัง ...ยังปวดอยุ่มั้ย” ซีวอนเอ่ยถามร่างบางเสียงนุ่ม ร่างสูงนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างบาง มือหนาลูบหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆอย่างเอ็นดู ร่างบางมองหน้าร่างสูงที่ส่งยิ้มมาให้ตนก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก มือบางยกขึ้นกุมหัวใจตนที่อยู่ๆก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมา เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถามด้วยความห่วงใยนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวราวกับเสียงสะท้อน รอยยิ้มที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนั้นมันตราตรึงในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก
‘นี่เราเป็นอะไรกัน ....ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงแบบนี้นะ
.ซีวอนที่อยู่ตรงหน้าเราคนนี้ .....ใช่คนเดียวกับที่จับเรามาทรมานแบบนี้จริงๆน่ะหรอ’ อึนฮยอกได้แต่ถามตัวเองในใจ จากใบหน้าที่ขาวซีดนั้นก็เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความเขินอาย
จังหวะที่คนตัวบางกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ร่างสูงก็ค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าหาหน้าหวานๆนั้นขึ้นเรื่อย อึนฮยอกหลับตาลงช้าๆอย่างไม่รู้ตัว เมื่อกลีบปากหนานุ่มนั้นประทับลงบนปากเรียวสีเชอร์รี่อย่างแผ่วเบา ซีวอนมอบจุมพิตที่แสนหวานให้กับคนร่างบางตรงหน้า จากการกระทำที่แสนป่าเถื่อนที่เคยได้รับกลับแปรเปลี่ยนมาเป็นความอ่อนหวานและนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างบางเผลอไผลไปกับรสจูบแสนหวานที่ร่างสูงมอบให้อย่างลืมตัว ซีวอนออกแรงผลักคนตัวบางให้นอนราบลงกับเตียง ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนรสจูบนั้นให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น จนในที่สุดการปลุกเร้าอารมณ์ของคนร่างสูงก็สำเร็จ เกมรักสุดสวาทเริ่มขึ้นอีกครั้ง....... แต่ดูท่าว่าเกมรักในวันนี้ผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายจะเต็มใจเล่นกันทั้งสองคน และดูเหมือนว่าเกมนี้จะไม่สามารถหาข้อตัดสินได้ว่า...ใครจะแพ้หรือชนะซะด้วยสิ
“ซีวอน....ชั้นขอไปด้วยได้มั้ย” อึนฮยอกมองคนร่างสูงตาแป๋วอย่างอ้อนๆ คนร่างสูงที่แต่งตัวเตรียมจะไปทำงานเฉกเช่นทุกเช้า หันมามองคนร่างบางที่กุมผ้าห่มแนบอกไว้แน่น
“จะไปทำไมล่ะ” ซีวอนเอ่ยถามคนร่างบางกลับมา
“ชั้นอยากออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง ชั้นเบื่อที่จะนอนนิ่งๆอยู่ที่เตียงแบบนี้แล้ว นะๆๆ ให้ชั้นไปด้วยนะ” มือบางเขย่าแขนร่างสุงเหมือนเด็กน้อย จนในที่สุดซีวอนก็แพ้ลูกอ้อนจนได้ ร่างสุงพยักหน้ารับ พลางบอกให้ร่างบางไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย
“ขอบคุณนะซีวอน” ร่างบางบอกพลางเขย่งขาเล็กน้อยก่อนจะจุ๊บลงบนแก้มเนียนใสของร่างสงเบาๆ
“เดี๋ยว ....” ร่างบางหันกลับไปเตรียมจะเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ แต่ร่างสูงก็เรียกร่างบางไว้ก่อน อึนฮยอกค่อยๆกันมามองร่างสูงช้าๆ ใยใจภาวนาขอให้ร่างสูงอย่าเปลี่ยนใจเลยเถอะ
“อะ...อะไรหรอ” ร่างบางละล่ำละลักถามออกมา
“นายต้องสัญญากับชั้น” ร่างสูงสั่งเสียงเฉียบ
“สัญญา....สัญญาอะไร”
“ข้อที่ 1 เมื่อนายออกไปกับชั้น นายจะต้องอยู่ในสายตาของชั้นตลอดเวลา ข้อ 2 อย่าคิดจะหนีชั้น เพราะนายไม่มีทางทำมันได้แน่นอน และข้อสุดท้าย...... ” ร่างสูงนิ่งไป
“ข้อสุดท้าย....” ร่างบางทวนคำถามพลางกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่
“ข้อสุดท้าย...อย่าอ้อนชั้นด้วยสายตาแบบนั้นอีก เพราะมันจะทำให้ชั้นใจอ่อนจนอดใจไม่ไหว กดนายมันซะตรงนี้เลย” ร่างสูงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ คนตัวสูงก้าวเข้าไปประชิดตัวร่างบาง ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากเนียนแรงๆ 1 ที
“เราหายกันแล้วนะ ...รีบๆไปอาบน้ำ ก่อนชั้นจะเปลี่ยนใจไม่ไปทำงานนะ” สิ้นเสียงร่างสูง คนตัวบางก็เดินกะเผลกๆอย่างเร็วเข้าห้องน้ำไปในทันที
รออยู่สักพัก ร่างบางก็ออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นชุดเดียวกับวันที่ร่างสูงได้เจอร่างบางเป็นครั้งแรก ซีวอนสั่งให้ลี่อินซักไว้เผื่อฉุกเฉิน และวันนี้ก็ได้ใช้มันจริงๆ
“เดี๋ยวชั้นจะซื้อเสื้อผ้าให้นายใหม่นะ” ซีวอนเอ่ยบอกร่างบางด้วยรอยยิ้ม อึนฮยอกรีบพยักหน้ารับรัวๆพลางยิ้มกว้าง
“เอ.....ชั้นว่าไม่ดีกว่า เวลานายใส่เสื้อของชั้นแล้วมันดุเซ็กซี่ไม่หยอกเลยจริงๆ” ซีวอนว่าพลางส่งยิ้มหื่นๆไปให้ อึนฮยอกรีบส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวันเลยทีเดียว ร่างสูงหัวเราะน้อยๆกับอาการของคนตัวบาง ก่อนจะเดินโอบไหล่คนตัวบางไปยังรถคันหรูของตน
“ป้าลี่อิน วันนี้ผมจะพาอึนฮยอกออกไปข้างนอก เดี๋ยวป้าช่วยเข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาดห้องผมด้วยนะครับ ” ร่างสูงสั่งหญิงสาวไว้ ลี่อินยิ้มรับคำสั่ง ก่อนจะหันไปมองอึนฮยอก
“ไปเที่ยวให้สนุกแล้วอย่าลืมเอาของฝากมาฝากป้ามั่งนะคะคุณหนู” ลี่อินเอ่ยบอกคนร่างบางด้วยความเอ็นดู อึนฮยอกยิ้มรับก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถข้างๆคนขับ
“เดี๋ยวชั้นขอไปทำงานก่อน แล้วเย็นๆเราจะไปเดินห้างกัน ตกลงมั้ย” ร่างสูงเอ่ยบอกคนร่างบาง และก็ได้รับการพยักหน้ากลับมาแทนคำตอบ
ร่างสูงขับรถมาสักพัก ก็เลี้ยวเข้าไปยังตึกสูงๆที่ด้านหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ฌโชว์เด่นหราว่าที่นี่คือ....บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือชเวกรุ๊ป ร่างบางนั่งอ้าปากค้างกับความใหญ่โตของตัวตึกและการตกแต่งภายในที่ดูหรูหราราวกับโรงแรม 5 ดาว ซีวอนเดินจูงมือคนตัวบางเข้าไปในบริษัท ก่อนจะกดลิฟท์ไปยังชั้น 13 พนักงานทั่วทั้งบริษัทต่างมองคนทั้งคู่เป็นตาเดียว
“นั่นใครน่ะ แฟนหรอ / ไม่ใช่มั้ง น่าตาน่ารักนะ แต่ดูแล้วยังไงก็ผุ้ชายนะ / อาจจะเป็นน้องชายเค้าก็ได้นะ” เสียงนินทาต่างๆนานานั้นดังไล่หลังคนทั้ง 2 ไป ต่างคนต่างสงสัยว่าคนที่ท่านประธานรูปหล่อพามาด้วยนั้นเป็นใครกันแน่
ทางด้านท่านประธานรูปหล่อนั้นก็พาคนร่างบางมายังห้องทำงานของตนที่ชั้น 13 ภายในถูกกจัดตกแต่งไว้อย่างหรูหราสมกับเป้นบริษัทในเครือชเวกรุ๊ป
“เดี๋ยวเอากาแฟกับน้ำส้มเข้าไปให้ผมด้านในด้วยนะ” ร่างสูงสั่งเลขาหน้าห้องเสียงเข้ม ก่อนจะพาอึนฮยอกเข้าไปนั่งบนโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของตน
“นั่งรอตรงนี้นะ นายจะได้อยู่ในสายตาของชั้นตลอดเวลา” ว่าพลางกดไหล่บางให้นั่งลงนิ่งๆบนโซฟา
“ก๊อกๆ” เลขาสาวเคาะประตูอยู่สักพัก ก่อนจะเปิดเข้ามาพร้อมกับกาแฟและน้ำส้มที่ร่างสุงสั่ง หญิงสาววางกาแฟลงบนโต๊ะตำแหน่งประจำที่เคยวางทุกๆวัน ก่อนจะเดินเอาน้ำส้มมาวางให้ร่างบาง อึนฮยอกยิ้มรับ พลางก้มหัวขอบคุณเล็กน้อย ก่อนที่หญิงสาวจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ
ซีวอนนั่งลงบนโต๊ะทำงานของตน ก่อนจะเริ่มเคลียร์เอกสารที่คั่งค้างไว้ไปเรื่อย เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า เอกสารกองโตตรงหน้าค่อยๆลดลงทีละนิดๆ
“เฮ้อ
.” ร่างสูงถอนหายใจออกมา พลางพักสายตาสักครู่หนึ่ง สายตาคมกวาดมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะมาสะดุดที่คนร่างบางที่นอนคุดคู้อยู่บนโซฟา ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปใกล้ ก่อนจะจัดท่านอนให้ร่างบางได้นอนได้สบายขึ้น
“ไหนว่าเบื่อที่จะนอนแล้วไง หืม” ร่างสูงนั่งลงข้างๆคนตัวบาง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว มือหนาจับปอยผมที่ตกลงมาทัดหูร่างบางไว้ ก่อนจะก้มลงจูบที่แก้มเนียนใสเบาๆ คนตัวสูงเดินไปหยิบผ้าห่มผืนหนาในตู้ ก่อนจะห่มให้ร่างบางที่นอนนิ่งอยู่นั้น ร่างสูงยืนมองอึนฮยอกด้วยรอยยิ้มอยู่สักพัก เพื่อเรียกกำลังใจในการทำงานต่อ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเองอีกครั้งหนึ่ง
“ฮ้าววว ง่ำๆ” ร่างบางตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียสุดชีวิต พลางเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง
“6โมงแล้วหรอเนี่ย” มือบางเกาหัวตัวเองไปมาจนยุ่งเหยิงไปหมด ก่อนจะหันไปมองที่คนร่างสูงที่ยังคงทำงานอยู่ที่โต๊ะ
“ซีวอน....ยังไม่เสร็จหรอ” ร่างบางถามพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ
“ตื่นแล้วหรอ ...อีกแปปนะ เสร็จแฟ้มนี้ก็ไปได้แล้วล่ะ” ร่างสูงส่าพลางตรวจทานข้อมูลในแฟ้มนั้นอยู่สักพัก ก่อนจะปิดมันลง
“ไปเถอะ นายคงหิวแล้วใช่มั้ย ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่เนอะ” ร่างสูงถามพลางเดินโอบเอวคนตัวบางออกจากบริษัทไป
...ห้างสรรพสินค้า....
หลังจากที่คนทั้งคู่หาอาหารมื้อเย็นใส่ท้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซีวอนก็พาร่างบางมา ช้อปปิ้งตามที่สัญญาไว้ ทั้งคู่เดินซื้อเสื้อผ้าและของใช้จำที่เป็นของร่างบาง
“เอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย” ร่างสูงถามร่างบาง พลางมองถุงทั้งหมดที่ซื้อกันมา
“ไม่ล่ะ” อึนฮยอกส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ
“ท่างั้นเดี๋ยวเรากลับกันเลยแล้วกันนะ” ซีวอนว่าพลางถือของทั้งหมดแทนร่างบาง
“ซีวอนจะเข้าห้องน้ำไม่ใช่หรอ เห็นเมื่อกี้บ่นๆอยู่นี่” ร่างบางเอ่ยถามคนร่างสูง
“เดี๋ยวกลับไปเข้าที่บ้านก็ได้”
“ไม่ได้นะ เดี๋ยวเป็นนิ่วขึ้นมาละแย่เลย ท่าปวดเค้าห้ามกลั้นนะรู้มั้ย ไปเลย ไปเข้าห้องน้ำก่อนเลย” อึนฮยอกว่าพลางดันหลังร่างสูงไปยังห้องน้ำ
“แล้วนายล่ะ” ซีวอนถามพลางจับมือบางไว้แน่น ตั้งท่าจะลากไปด้วยกัน
“ไม่ล่ะ ชั้นไม่ปวด เดี๋ยวชั้นยืนรอตรงนี้นะ เอาของวางไว้นี่ละเดี๋ยวชั้นเฝ้าให้” อึนฮยอกเอ่ยบอก
“ไม่...ชั้นจะไม่ให้นายคลาดสายตาเด็ดขาด” ร่างสูงว่าเสียงเฉียบ
“ชั้นบอกว่าไม่หนีก็ไม่หนีสิ ...ท่าชั้นจะหนีชั้นหนีนายไปตั้งแต่เราเดินซื้อของก่อนแล้วละ นาย...ไม่เชื่อใจชั้นหรอ” ร่างบางบอกพลางส่งสายตาตัดพ้อไปให้
“โอเคๆ.. ชั้นจะรีบเข้าห้องน้ำแล้วออกมาให้เร็วที่สุด ท่าชั้นออกมาแล้วไม่เห็นนายนะ เป็นเรื่องแน่” ร่างสูงชี้หน้าอย่างคาดโทษ พลางเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเห็นร่างสูงเข้าไปแล้ว อึนฮยอกก็รีบออกวิ่งด้วยความเร็วสูงไปยังสถานที่ที่หนึ่งที่เค้าเล็งไว้ตั้งแต่ตอนที่เดินช้อปปิ้งแล้ว
“ลุงฮะ อันนี้เท่าไรฮะ” ร่างบางว่าพลางหยิบโลหะสีเงินมันวาวขึ้นมาส่งให้คุณลุงเจ้าของร้านดู
“อันนี้ 3 แสนวอน” คุณลุงหน้าเหี้ยมเอ่ยบอก พลางมองร่างบางด้วยสายตางงๆว่าคนตัวบางนั้นจะเอามันไปทำอะไร
“อ่านี่...เอาไปเลยไม่ต้องทอน ผมรีบ” ร่างบางจ่ายเงินให้ ก่อนจะรีบออกตัววิ่งอีกครั้ง มือบางยัดของที่ซื้อมาลงในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวหนาของตนทันที
“อึนฮยอก ไหนนายบอกว่าจะไม่หนีชั้นไง....” ร่างสูงกำมือแน่นด้วยความโมโห ฟันคมขบกันแน่นอย่างพยายามกลั้นอารมณ์ สายตาที่อ่อนโยนนั้นเปลี่ยนไปเป็นดุดันทันทีที่ออกมาแล้วไม่เจอคนตัวบาง
“โธ่เว้ยยยย!!!” ร่างสูงเตะของทีอยู่บริเวณนั้นจนร่วงกระจายไปหมด ก่อนจะตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความโมโห เสียงที่ได้ยินนั้นทำให้อึนฮยอกต้องเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้นอีก ก่อนที่จะมีใครตายไปเพราะเค้า
“ซีวอน!!!!!” ร่างบางตะโกนเรียกร่างสูงมาแต่ไกล เมื่อเห็นร่างสูงกำลังจะทำลายเครื่องแก้วที่ตั้งโชว์อยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงของคนตัวบาง ร่างสูงก็หันขวับมามองทันที
“นายไปไหนมา ไหนบอกว่าจะไม่หนีชั้นไง” ร่างสุงตะคอกออกมาด้วยความโมโห อึนฮยอกยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย
“พูดสิ !!!! ไปไหนมา....”
“ชั้นไปซื้อยามาน่ะ ....พอดีชั้นเป็นโรคประจำตัวเลยต้องพกยาไว้น่ะ” อึนฮยอกว่าพลางโชว์แผงยาให้คนร่างสูงดู
“แล้วทำไมนายไม่ซื้อตั้งแต่ตอนที่เราเดินซื้อของกันอยุ่” ร่างสูงคลายความโมโหลงได้เล็กน้อย แต่ก็ยังคงถามด้วยความสงสัย
“พอดีชั้นเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อกี้น่ะว่ายามันหมดแล้ว ขอโทษนะที่ไปโดยไม่บอก ชั้นคิดว่าจะกลับมาทันนายออกมาพอดีนะ ...ใจเย็นๆนะ ชั้นไม่ได้จะหนีนายไปจริงๆนะ” ร่างบางเดินเข้าไปเกาะแขนร่างสูง พลางเอ่ยบอกร่างสูงให้ใจเย็นลง
“ชั้นไม่หนีนายไปหรอก...จริงๆนะ” ร่างบางงให้คำมั่น ซีวอนหันมามองคนตัวบางข้างกายด้วยอารมณ์ที่สงบลง มือหนาลูบแก้มเนียนใสของคนตัวเล็ก
“วันหลังนายห้ามไปไหนแบบนี้อีกนะ ท่านายหนีชั้นไป ชั้นต้องเป็นบ้าตายแน่ๆเลย” ซีวอนเอ่ยบอกคนร่างบางเสียงแผ่วลง อึนฮยอกพยักหน้ารับอย่างเข้า
“อ่อ...แล้วก็ห้ามนายพูดคุยกับใครด้วยท่าไม่จำเป็น วันหลังอยากได้อะไรบอกชั้น ชั้นจะเป็นคนซื้อให้นายเอง ชั้นไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงนาย และก็ไม่อยากให้ใครได้พูดคุยกับนายด้วย ...เพราะชั้นหวง!!” ร่างสุงเน้นย้ำอย่างชัดเจนถึงเหตุและผลที่ทำเช่นนั้น อึนฮยอกพยักหน้ารับอีกครั้ง
“กลับกันเถอะ ชั้นเหนื่อยแล้ว” อึนฮยอกที่ยังคงหอบหายใจถี่ๆเพราะความเหนื่อยอยู่นั้นเอ่ยบอกคนร่างสุง ก่อนจะดึงแขนคนร่างสูงให้กลับไปที่รถ
บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบกริบ มีเพียงเสียงแอร์ที่ทำงานอยู่เท่านั้นที่ได้ยิน ซีวอนเหลือบมองคนตัวบางข้างๆ ก่อนจะเอ่ยบอกคนร่างบางออกมา
“ชั้นขอโทษ...” ร่างสูงบอกด้วยสีหน้าสลดลง
“หืม...เรื่องอะไรละ” อึนฮยอกถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“เรื่องที่ชั้นอาละวาดและทำให้นายตกใจเมื่อกี้นี้ ชั้น....ชั้นควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จริงๆ ยิ่งคิดว่านายจะไปจากชั้นมันยิ่งทำให้ชั้นเป็นบ้าจนควบคุมตัวเองไม่ได้
.ชั้นไม่รู้ว่าชั้นเป็นอะไร ชั้นไม่อยากให้นายห่างจากชั้น ไม่อยากให้ใครได้เข้าใกล้นาย ไม่อยากให้ใครได้คุยกับนาย และไม่อยากให้นายหนีออกไปจากชีวิตชั้น ....อย่าทิ้งชั้นไปนะอึนฮยอก...ชั้นขอร้อง” ซีวอนสารภาพความรู้สึกทั้งหมดที่เค้ามีออกมาให้คนร่างบางได้ฟัง อึนฮยอกนิ่งเงียบไปอีกครั้ง
“ท่านายตอบชั้นได้ ช่วยบอกชั้นหน่อยได้มั้ยว่าชั้น....เป็นอะไร” ร่างสูงบอกด้วยความสับสน อึนฮยอกยังคงเงียบเช่นเดิม ซีวอนขึงไม่อยากเซ้าซี้ถามอะไรต่อ คนทั้งคู่นั่งเงียบกันไปจนถึงที่พักของร่างสูง ซีวอนขนข้าวของที่ซื้อมาทั้งหมดเข้าไปในบ้าน ก่อนจะส่งมันให้ลี่อินจัดการต่ออึนฮยอกเดินตามคนร่างสูงไปอย่างเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร ลี่อินมองตามคนทั้งคู่ไปอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทั้งคู่กลับขึ้นไปบนห้องนอน ซีวอนเดินเข้าไปอาบน้ำสักพักก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่พันท่อนล่างไว้ อึนฮยอกจึงเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง เมื่อออกมาก็เห็นร่างสูงนอนหลับไปเสียแล้ว ร่างบางเช็ดผมเดินไปที่หน้าโต๊ะกระจก ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวเล็กออกมานั่ง มือบางเช็ดผมของตนเองให้แห้งพลางคิดถึงคำพูดที่ร่างสุงพุดไว้เมื่อเย็น
‘ช่วยบอกชั้นหน่อยได้มั้ยว่าชั้น....เป็นอะไร’ คำถามนี้วนไปเวียนมาอยู่ในหัวของร่างบาง การกระทำและท่าทางที่ร่างสุงแสดงออกมานั้นมันทำให้เค้าคิดว่า......
‘นี่เราคิดมากไปหรือเปล่านะ’ อึนฮยอกได้แต่ถามตัวเองในใจ มือบางขยี้ผมเปียกชื้นของตัวเองไปมาอย่างสับสน
“โอ๊ย ปวดหัว ไม่เอาแล้วไม่คิดแล้ว นอนดีกว่า” ว่าพลางเดินไปยังเตียงนุ่มที่มีร่างสูงของซีวอนนอนอยุ่ก่อนแล้ว อึนฮยอกเหลือบมองคนข้างกายที่นอนหลับสนิทอยู่นั้น ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวร่างสูงดีๆ คนตัวบางสอดตัวเองลงใต้ผ้าห่มผืนหนา
‘ป้าว่าคุณซีวอนคงถูกใจคุณหนู....เค้าคงจะรักคุณหนูแต่แสดงมันออกมาไม่ถูกวิธีเท่านั้นเองค่ะ .... ช่วยทำให้คุณซีวอนได้เรียนรู้ความรักที่ถูกต้องทีได้มั้ยคะคุณหนู’ เสียงของป้าลี่อินดังแทรกขึ้นมาในสมอง
‘อย่าคุยกับใครอีกนะ ชั้นหวง’ เสียงของซีวอนก็ดังแทรกขึ้นมาในห้วงความคิดเช่นกัน เรื่องราวต่างๆมากมายที่เคยเกิดขึ้น ฉายซ้ำไปซ้ำมาราวกับม้วนเทปที่กรอกลับไปกลับมาไม่รู้จักหยุด
“ชั้น...จะทำยังไงดี” คนตัวบางพึมพำออกมาเบาๆ มือบางลูบโลหะสีเงินในมือเบาๆ ความเย็นจากตัวเหล็กนั้นส่งผ่านมาทางความรู้สึกจนมันหนาวจับขั้วหัวใจเลยล่ะ
“อึนฮยอก...ไม่นอนหรอ” ซีวอนสะลึมสะลือถาม เมื่อเห็นว่าร่างบางตรงหน้านั้นเอาแต่นั่งพึมพำๆอะไรสักอย่าง อึนฮยอกรีบซ่อนของที่ตนถือไว้ด้านหลังทันที ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้กับซีวอน
“อื้ม...ชั้นจะนอนแล้วล่ะ นายนอนต่อเถอะนะ” ร่างบางผลักอกคนร่างสูงให้ลงนอนที่เดิม ก่อนจะลงนอนตามคนร่างสุงเช่นกัน ซีวอนพลิกตัวตะแคงข้าง มือหนาตวัดเกี่ยวคนตัวบางเข้ามากอดแทนหมอนข้างอย่างที่เคยทำ อึนฮยอกนอนนิ่งๆให้ร่างสูงกระทำตามอำเภอใจโดยไม่ขัดขืนใดๆ
วันเวลาผ่านไป แปรเปลี่ยนจากวันและคืนเรื่อยมาจนล่วงเลยมาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เหตุการณ์เดิมๆยังคงเกิดขึ้นเหมือนเดิมในทุกๆวัน แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป คือ ความรู้สึกของคนตัวบางที่นับวันมันจะยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจนั้นมันไม่สามารถหาคำตอบได้เลยจริงๆ
อึนฮยอกนั่งลูบโลหะเย็นๆนั้นพลางคิดทบทวนถึงสิ่งที่ตนเองควรทำ
‘นายน่าจะรู้ตัวเองดีนะอึนฮยอกว่านายต้องทำสิ่งใดกับคนที่มันทำลายชีวิตนายเช่นนี้...นายจะปล่อยให้มันเป็นไปเรื่อยๆแบบนี้อย่างงั้นหรอ’ เสียงจากจิตใต้สำนึกดังก้องขึ้นมาในห้วงแห่งความคิด อึนฮยอกคิดตามพลางตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า ยังไงเค้าก็ต้องทำมัน...
‘จิตใจของนายทำด้วยอะไรกันอึนฮยอก....ท่านายทำอย่างนั้นถือว่านายฆ่าตัวเองทั้งเป็นเลยนะ นายลืมความรู้สึกเวลาอยู่ใกล้ๆเค้าไปแล้วหรอ นายลืมไปแล้วใช่มั้ยว่านายมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่กับเค้าน่ะ นายก็แค่....กำลังสับสนในความรู้สึกของตนเองก็เท่านั้นเองนะ อึนฮยอก ’ อีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นทัดทานความคิดที่มีอยู่ เสียงจากจิตใจที่ควบคุมความรู้สึกของคนร่างบางนั้นกระตุ้นให้ร่างบางตื่นจากความแค้นที่ตนมีเสียที
“โธ่เว้ยยยยย อะไรกันนักเนี่ย!!!!!”ร่างบางกุมขมับ พลางสบถออกมาด้วยความโมโห ..เค้าไม่รู้ว่าเค้าควรต้องทำเช่นไร ต้องเป็นแบบนี้ไม่อีกนานเท่าไรกัน แล้วจะมีวันที่เค้าจะได้หลุดพ้นจากขุมนรกนี้ตามที่เค้าหวังไว้มั้ย เค้าไม่รู้เลยจริงๆ....
‘แกร๊ก’ เสียงประตูห้องถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ร่างสูงที่ค่อยๆก้าวเข้ามาในห้องที่มืดมิด มือหนาคลำไปตามกำแพงเพื่อหาสวิตซ์ไฟ แต่เมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆนั่งอยู่ที่เตียง ร่างสูงก็เปลี่ยนใจ ขายาวๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะสวมกอดคนร่างบางจากทางด้านหลัง
“ชั้นกลับมาแล้วนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆหู เรียกให้ร่างบางตื่นขึ้นมาจากภวังค์ในทันที
“เอ่อ..กลับมาแล้วหรอ ทานอะไรมาหรือยังล่ะ หืม ...” ร่างบางหันไปถามพร้อมรอยยิ้ม
“เรียบร้อยแล้วล่ะ ...แล้วนี่คิดอะไรอยู่หรอ ทำไมนั่งในห้องมืดๆแบบนี้ล่ะ” ซีวอนถามอย่างงงๆ
“อ่อ..พอดีชั้นปวดหัวนิดหน่อยน่ะ ก็เลยปิดไฟนอน” ร่างบางเอ่ยบอกร่างสูง
“แล้วกินยาหรือยัง ไม่สบายหรือเปล่า” มือหนาแตะหน้าผากนูนเพื่อวัดไข้
“ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะ นายไปอาบน้ำเถอะ กลับมาเหนื่อยๆ” ว่าพลางดันคนร่างสูงเข้าห้องน้ำไป ไม่นานนักซีวอนก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่คลุมช่วงล่างของตนไว้ อึนฮยอกเสมองทางอื่นอย่างเขินอาย แม้จะเห็นมันอยู่ทุกวันแต่เค้าก็ยังไม่ชินกับมันเสียที ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆที่หน้าท้องของคนร่างสุง ซีวอนหันมาเห็นคนร่างบางที่ยกมือขึ้นมาปิดหน้าตนเองนั้นก็หัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าประชิดตัวคนตัวบาง มือหนาผลักคนตัวบางให้นอนราบลงบนเตียง ก่อนจะขึ้นคร่อมร่างบางๆนั้น อึนฮยอกหลบสายตาคนตรงหน้าอย่างเขินอาย ซีวอนเอาซิคแพคนั้นทาบลงบนหน้าท้องแบนราบของร่างบาง ก่อนจะถูไถมันไปมาราวกับกลั่นแกล้ง
“อื้มม..อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ” คนตัวบางดึงคนร่างสุงขึ้นมาประกบปากจูบอย่างร้อนแรง ซีวอนออกอาการงงเล็กน้อยที่วันนี้คนร่างบางของเค้าเป็นคนเปิดเกมรักก่อน แต่ร่างสูงก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป มือหนาเริ่มไล้เข้าไปใต้เสื้อนอนตัวบาง ก่อนจะขยี้เม็ดบัวสีหวานด้านในเพื่อปลุกอารมณ์รัก
‘ของขวัญชิ้นนี้ ชั้นจะให้นายเป็นชิ้นสุดท้าย...ก่อนที่เราจะจากกันนะ ซีวอน’ ร่างบางคิดในใจพลางเอ่ยบอกคนร่างสูงเสียงกระเส่า
cut *
เวลาตี 4 ของเช้าวันใหม่ ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ สายตาคู่สวยกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสงในการมองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ซีวอน....” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ร่างบางก็ยกมือหนาที่วางอยู่บนเอวบางนั้นออก ก่อนจะเปิดลิ้นชักข้างเตียงออกมา มือบางหยิบของมีคมสีเงินวาวที่ซื้อมานั้นออกมาดู มีดเล่มสวยที่อยู่ในปอกแกะสลักลายมังกรอย่างดี สีเงินวาววับสะท้อนไปมาอย่างน่าหลงใหล มือบางค่อยๆดึงปอกมันออกอย่างช้าๆ อึนฮยอกลูบใบมีดคมนั้นกับนิ้วเรียวของตน มือบางจับมือของร่างสุงไว้แน่น ก่อนจะแนบโลหะเนื้อเย็นๆนั้นลงบนข้อมือหนา ร่างบางออกแรงกดใบมีดคมลงบนเนื้อเนียนของร่างสูง เลือดสีสดค่อยๆไหลซึมออกมาทีละน้อย
“ชั้น..ฮึก..ขอโทษ ฮือๆ.” เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาให้ได้ยิน มือบางสั่นระริกอย่างหวาดกลัว น้ำตาหยาดใสที่คลอหน่วยอยู่นานนั้นไหลลงมาตามแก้มเนียนช้าๆ ดวงตาเริ่มพร่ามัวจนมองแทบไม่เห็น ยิ่งใบมีดถูกกดลึกลงบนเนื้อของคนร่างสูงมากเท่าไร หัวใจของคนร่างบางยิ่งเหมือนโดนกรีดแทงนับ 10 แผล ยิ่งทำก็ยิ่งเจ็บปวด
“ฮือ....ๆๆ ชะ..ชั้น.ทำมันไม่ได้จริงๆ ฮือๆๆ” ว่าพลางทิ้งมีดในมือลงบนเตียงนุ่ม มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหน้าตนเองพลางร้องไห้ออกมาไม่หยุด เรียวปากอิ่มนั้นเอ่ยออกมาเสียงแผ่วพลางสะอึกสะอื้น
“ชั้น...ชั้นทำ..ฮึก..มันไม่ได้จริงๆ ฮือๆๆ” ยิ่งเห็นแผลที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดนั้น ร่างบางก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น หัวใจบีบรัดอย่างเจ็บปวด เมื่อมันโดนทำร้ายด้วยน้ำมือของตนเอง มือบางหยิบมีดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในปอกเช่นเดิม ขาเรียวสวยก้าวเดินโซซัดโซเซออกไปจากห้องนอน
เมื่อเห็นว่าร่างบางออกจากห้องไปแล้ว ร่างสูงก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมองช้าๆ ความเจ็บปวดจากบาดแผลแล่นเป็นริ้วๆไปทั่วทั้งแขน แต่ที่เจ็บปวดมากกว่าคงเป็นหัวใจของเค้าที่ต้องทนมองคนที่เค้ารักมากร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ร่างสูงมองตามคนร่างบางไปอย่างสับสน อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่ฝันไป แต่ความเจ็บปวดที่มีนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านี่คือความจริงที่เกิดขึ้นกับร่างกายและหัวใจของเค้า
‘แกร๊ก’ เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ซีวอนรีบหลับตาลงทันที อึนฮยอกเดินเซไปเซมาเข้ามาในห้อง มือบางถือกล่องปฐมพยาบาลมาด้วย ร่างบางค่อยๆหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา ก่อนจะเริ่มเช็ดแผลให้คนร่างสูง มือบางค่อยๆใส่ยกก่อนจะพันผ้าพันแผลรอบๆข้อมือหนา ซีวอนสัมผัสได้ถึงน้ำหยดใสที่ร่วงหล่นลงมาที่มือของเค้าตลอดการทำแผลนี้
‘ท่านายเสียใจ...แล้วนายทำมันทำไมล่ะอึนฮยอก....ชั้นไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ’ ซีวอนเหลือบมองคนตัวบางที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างกาย
“ฮึก..ฮือๆๆ ฮือๆๆๆ....” เสียงสะอื้นไห้ดังก้องไปทั่วห้องที่เงียบกริบ ร่างสูงอยากจะลุกขึ้นไปกอดปลอบคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน แต่ความสับสนที่เกิดขึ้นในใจนั้นทำให้ซีวอนไม่กล้าที่จะขยับตัวเองแม้แต่น้อย ...
7.00 น.
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องนั้น ปลุกให้คนตัวสูงตื่นจากห้วงแห่งความคิดของตน ซีวอนเหลือบมองอึนฮยอกที่ร้องไห้จนหมดสติไปเล็กน้อย ร่างสูงจัดการให้คนร่างบางได้นอนอย่างสบายๆ ก่อนที่ตัวเองจะแต่งตัวออกไปทำงานอย่างเช่นทุกวันที่เคยเป็น ซีวอนออกไปทำงานด้วยสภาพจิตใจที่ดูเหม่อลอย สับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจของตนและคนร่างบางจนไม่เป็นอันทำงานใดๆ
ทางด้านอึนฮยอกที่ค่อยลืมตาที่หนักอึ้งนั้นขึ้นมาช้าๆ ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับผ้าห่มที่คลุมกายบางไว้อย่างดี ยิ่งเห็นข้อความที่ร่างสูงทิ้งไว้ให้ยิ่งทำให้น้ำตาที่หยุดไปไหลออกมาอีกครั้ง
‘ตื่นมาแล้วทานข้าวด้วยนะ....ชั้นเป็นห่วง’ ข้อความที่แสดงความห่วงใยนั้นทำให้ร่างบางยิ่งรู้สึกผิดเป็นเท่าตัว
“ทำไมกัน...ทั้งๆที่ชั้นทำร้ายนายขนาดนั้นแล้ว ทำไมนายไม่เกลียดชั้นไปเลยล่ะ...มาเป็นห่วงคนอย่างชั้นทำไมกัน ฮือๆๆ” มือบางหยิบกระดาษที่แปะไว้นั้นขึ้นมาแนบอก
อึนฮยอกตัดสินใจได้แล้วว่าเค้าจะทำเช่นไรดีกับชีวิตที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นแบบนี้ มือบางเปิดลิ้นชักหยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียนถึงคนร่างสูง น้ำตามากมายหยดลงบนกระดาษจนมันเปียกชื้นไปหมด มือบางต้องคอยปาดน้ำตาบนใบหน้าตนเองออกในขณะที่เขียนความรู้สึกทั้งหมดลงไป ร่างบางพับกระดาษนั้นใส่ซองวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบมีดเล่มที่ตนใช้ทำร้ายคนร่างสูงออกมาอีกครั้ง เลือดสีแดงสดที่เปรอะเลอะมีดไม่จางหายนั้นไหลลงมาตามด้ามมีดช้าๆ อึนฮยอกมองมันทั้งน้ำตา ...ตอนนี้หัวใจของเค้ารู้สึกด้านชาราวกับมันไร้ความรู้สึกไปซะแล้ว ร่างบางค่อยๆจรดปลายมีดลงบนข้อมือขาวของตนเอง ก่อนจะกดใบมีดให้ลึกขึ้นเรื่อยๆ ฟันคมขบริมฝีปากของตนเองจนเลือดไหลซึม ความเจ็บปวดจากบาดแผลนั้นไม่ได้ทำให้ร่างบางรู้สึกแต่อย่างใด มือบางค่อยๆลากใบมีดกรีดไปตามข้อมือในแนวขวาง เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาราวเขื่อนแตก
‘แกร๊งงง.....’ เสียงมีดเงินอันสวยตกกระทบลงกับพื้นห้อง พร้อมกับมือบางที่ตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดสีแดงฉานหยดไหลไล้มาตามแขนเนียนสวย
“ชะ..ชั้น..ขอโทษ” เสียงสุดท้ายที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีซีดอย่างอยากลำบาก เสียงนั้นดังแผ่วราวกับกระซิบ ในที่สุดอึนฮยอกก็ทนความเจ็บปวดจากบาดแผลไม่ไหว สติที่มีอยู่นั้นหมดสิ้นไป.....
“ก๊อกๆๆ คุณหนูคะ ป้าเอาข้าวมาให้นะคะ ป้าขอเข้าไปนะคะ” ป้าลี่อินเอาข้าวเข้ามาให้ร่างบางภายในห้องเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อประตูถูกเปิดออก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ลี่อินแทบลมจับ มือเหี่ยวย่นนั้นปล่อยของในมือล่วงลงสู่พื้นในทันที
“คุณหนู!!!!!” หญิงสาวร้องลั่นพลางถลาเข้าไปหาคนตัวบางที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเก้าอี้
“คุณซีวอนคะ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ” หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาซีวอนในทันที
“อะไรป้าลี่อิน ....อึนฮยอกเป็นอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงเอ่ยถามออกมา
“คุณหนู..เธอ...เธอฆ่าตัวตายค่ะ” สิ้นเสียงของหญิงสาวโทรศัพท์ในมือก็ล่วงหล่นในทันที ร่างสูงรีบวิ่งไปที่รถ ก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็วสูง ในใจรู้สึกว้าวุ่นไปหมด
“ได้โปรด...นายต้องไม่เป็นอะไร...นายสัญญากับชั้นแล้วไม่ใช่หรอว่านายจะอยู่กับชั้น นายจะไม่หนีชั้นไปไหนไงอึนฮยอก ” ร่างสูงพึมพำๆออกมาเหมือนคนไร้สติ
ในที่สุดรถคันหรูก็มาจอดที่หน้าโรงพยาบาลที่ลี่อินบอก ซีวอนรีบวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันทีที่มาถึง
“ป้าลี่อิน...อึนฮยอกเป็นยังไงบ้าง” ซีวอนเอ่ยถามลี่อินที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“คุณหนูเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ ตอนนี้ถึงมือหมอแล้ว ...ป้าหวังว่าคุณหนูจะไม่เป็นอะไร” ว่าพลางกุมมือกันแน่นพลางสวดภาวนาขอให้ร่างบางไม่เป็นอะไร ไม่นานนักคุณหมอในชุดกราวน์สีขาวก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“ไม่ทราบว่าคนไหนเป็นญาติของคุณอึนฮยอกครับ” คุณหมอเอ่ยถามออกมา ซีวอนรีบลุกขึ้นเดินไปหาหมอในทันที
“หมอ อึนฮยอกเป็นยังไงบ้าง เค้าปลอดภัยใช่มั้ย”ซีวอนเอ่ยถามหมอเสียงสั่น
“เนื่องจากมีดที่กรีดนั้นตัดเส้นเลือดใหญ่ของคนไข้ ทำให้คนไข้เสียเลือดเป็นอย่างมาก หมอเสียใจด้วยนะครับ คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ ” คุณหมอแจ้งข่าวร้ายด้วยใบหน้าเศร้าสลด
“ไม่จริง...ฮึก...ไม่จริงใช่มั้ย หมอพูดเล่นใช่มั้ย ฮือๆ” มือหนากำชายเสื้อของหมอแน่น น้ำตาของลูกผุ้ชายไหลอาบแก้มเมื่อรู้ว่าคนที่ตนเองรักนั้นสิ้นใจแล้ว
“หมอทราบดีว่าคุณอาจจะทำใจไม่ได้ แต่มันคือความจริงครับ ท่ายังไงหมอขอตัวก่อนนะครับ” คุณหมอว่าพลางปลดมือหนาออกจาเสื้อของตน ซีวอนทรุดตัวลงนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง
“คุณซีวอนคะ....” ป้าลี่อินเดินเข้าไปหาคนร่างสูง พลางโอบกอดคนตรงหน้าแน่น มือหยาบกร้านนั้นลูบผมร่างสูงไปมาอย่างปลอบโยน
“ป้าว่า..เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่ามั้ยคะ...” ลี่อินเอ่ยบอก พลางพยุงคนร่างสูงขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน ซีวอนเดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้องนอนของตน ร่างสูงค่อยๆก้าวไปที่เตียงนอนของตนเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน กลิ่นหอมๆจากคนตัวบางที่ยังคงติดอยู่ที่ๆนอนนั้นชวนให้ร่างสูงนึกถึง ภาพของบทรักที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่ชม.ที่ผ่านมา ภาพของคนตัวบางที่นั่งกอดตัวเองร้องไห้อยู่ข้างๆเค้ายังคงติดตาของร่างสูง ซีวอนดึงหมอนของอึนฮยอกมากอดไว้แน่น พลางปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา ร่างสูงสูดดมกลิ่นแชมพูหอมๆที่ติดอยู่ที่หมอนนั้นราวกับจะเก็บมันไว้ในความทรงจำเป็นครั้งสุดท้าย สายตาคมเหลือบไปเห็นโต๊ะทำงานที่มีรอยเลือดหยดเป็นทางยาว ร่างสูงค่อยๆลุกจากเตียงด้วยแรงที่มีน้อยนิดนั้น ก่อนจะก้าวเดินไปยังโต๊ะทำงานของตน ร่างสูงหยิบกระดาษสีขาวที่ถูกพับไว้อย่างดีขึ้นมาเปิดดู
‘.....ซีวอน ท่านายได้เห็นจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าตอนนี้ชั้นไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ชั้นตัดสินใจเช่นนี้เพราะมันเป็นหนทางสุดท้ายที่ชั้นจะสามารถหลุดพ้นจากนรกนี้ได้ นายคงไม่รู้สินะว่าชั้นเกลียดนายมากแค่ไหน ชั้นอยากจะฆ่านายให้ตายเลยล่ะรู้มั้ย แต่สุดท้ายชั้นก็ทำมันไม่ได้ ....เพราะอะไรน่ะหรอ ..ก็เพราะนายไงล่ะ..นายคือคนที่เข้ามาทำลายชีวิตชั้น นายคือคนที่พรากของสำคัญของชั้นไป นายคือคนที่กักขังชั้นไว้ราวกับชั้นเป็นนักโทษ นายคือคนที่ทำให้ชีวิตของชั้นป่นปี้ไปหมด และสุดท้ายนายก็คือ....คนที่ทำให้ชั้นรักเช่นกัน ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความผูกพันและความห่วงใยที่นายมีให้ชั้น มันทำให้ชั้นไม่สามารถฆ่านายได้ลง รอยแผลที่เกิดขึ้นที่ข้อมือของนายนั้นมันเป็นดั่งมีดคมที่กรีดแทงหัวใจของชั้น ชั้นรู้สึกมีความสุขและเจ็บปวดไปพร้อมๆกันในเวลาที่ชั้นได้อยู่ใกล้ๆนาย สุดท้ายชั้นจึงตัดสินใจหันคมมีดนั้นเข้าหาตัวเอง ชั้นหวังว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างนายกับชั้นนี้จะเป็นบทเรียนสอนให้นายได้รู้จักคำว่ารัก และเรียนรู้วิถีของมันอย่างถูกต้อง...ขอบคุณในความรู้สึกดีๆที่นายมอบให้นะ ชั้นกำลังจะหลุดออกจากห้วงนรกนี้ซะที ถึงเวลาแล้วล่ะที่ต้องเอ่ยคำลาจากกัน สุดท้ายนี้ชั้นอยากจะบอกนายเหลือเกินว่า..ชั้นขอโทษ ชั้นอยากให้นายรู้ไว้ว่าชั้นรักษาสัญญาที่ให้ไว้เสมอ ชั้นจะไม่หนีนายไปไหนแน่นอน ขอเพียงแค่นายยังจดจำชั้นแบบนี้ นายจะรู้ว่าชั้นยังอยู่ในความทรงจำของนายเสมอ ลาก่อน ชเว ซีวอน ชั้นรักนาย......อึนฮยอก’ มือหนากำจดหมายฉบับสุดท้ายไว้ จดหมายที่สื่อความรู้สึกแทนใจของคนร่างบางทั้งหมด
“คนโง่...ทำไมถึงทำตัวแบบนี้นะ” ซีวอนว่าพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
“อึนฮยอก...ท่านายได้ยินชั้น..ชั้นก็อยากจะบอกนายเช่นกัน...ชั้นรักนาย” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งที่พื้นพลางกอดกระดาษที่เป็นดั่งดวงใจของคนร่างบางไว้แน่น
ความผิดทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากตัวเค้าเอง...เป็นเพราะเค้าไม่เคยรู้จักในรัก เป็นเพราะเค้าไม่รู้ว่าจะต้องแสดงความรักที่ถูกต้องเช่นไร เป็นเพราะเค้าทำร้ายคนที่เค้ารักก่อนเอง จุดจบมันถึงเป็นเช่นนี้
.....ชั้นขอโทษ .....
talk : ลงครบแล้ว 2 ตอน ที่ต้องแบ่งเป็น 2 พาร์ทเป็นเพราะว่าเรื่องนี้มีความยาวเกือบ 40 หน้าเลยทีเดียว การจะแต่งเรื่องสั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ แต่ไรเตอร์จะพยายามนะคะ หวังว่าตอนนี้จะถูกใจใครหลายๆคนนะคะ ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องใหม่ให้ติดตามกันด้วยนะคะ สำหรับเรื่องนี้ไรเตอร์จะพยายามแต่งทุกคู่นะคะ ดังนั้นใครเป็นสาวกคู่ไหนก็อ่านคู่นั้นแล้วกันเนอะ ...แต่จะดีมากท่าอ่านทุกคู่ ตราบใดที่ยังมีเรื่องราวความรักอยู่บนโลก ไรเตอร์จะพยายามแต่งมันออกมาในทุกๆแบบให้รีดเดอร์ได้อ่านกัน ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อ่านแล้วคอมเม้นติชมกันบ้างนะคะ รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ
ปล. เนื่องจากมีบางฉากที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นไรเตอร์จึงตัดมัน อย่าลืมตามลิ้งค์ไปนะคะ แล้วก็กลับมาคอมเม้นที่หน้าหลักนี้นะคะ
ความคิดเห็น