ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วุ่นรัก สลับใจ ตีพิพม์ในชื่อ ตรวนร้ายวิวาห์ลวง

    ลำดับตอนที่ #1 : แผนการสลับตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 936
      2
      26 ส.ค. 58

    1

    แผนการสลับตัว

     

                ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุ คนงานในไร่ราวสามถึงสี่คนกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ดูแลมานานหลายเดือน ในขณะที่อีกมุมหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแปลงเพาะปลูกขนาดยี่สิบไร่ คนงานสองสามคน ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้ๆ อีกทั้งเจ้าของสวนวัยสี่สิบตอนปลายต่างพากันลุ้นระทึก ร่วมส่งแรงใจเชียร์หญิงสาวที่กำลังขมักเขม้นในการบิ้วท์อารมณ์สุนัขเพศเมียตัวโตท้องแก่ ที่กำลังคลอดลูกตัวน้อยๆ ออกมาจนกระทั่งถึงตัวสุดท้าย

                “อีกนิดนึง ทำได้ดีมาก นั่นแหละ...อึ๊บ”

                หญิงสาวพูดไปพลางประคองลูกสุนัขสายพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ออกมาท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจของเหล่าผู้ชมโดยรอบ

                “คุณพลอยนี่เก่งจริงๆ ขนาดนังโบกี้มันถุงน้ำคร่ำไม่แตก ก็ยังทำคลอดให้มันได้อย่างปลอดภัย จนออกมาครบหมดทุกตัว”

                “ก็แน่สิวะ ลูกข้ามันพวกครูพักลักจำ สมองดีเหมือนพ่อของมันไม่จำเป็นต้องจบไอ้สัตวพ่งสัตวแพทย์อะไรนั่นก็ทำคลอดให้หมาได้ทั้งคอก โว้ย!

                พอหนึ่งในคนงานเอ่ยปากชมเข้าหน่อยคนเป็นพ่อก็อดไม่ไดที่จะกอดอกภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของลูกสาว ที่กำลังบรรจงทาทิงเจอร์บริเวณสายสะดือให้กับลูกสุนัข หลังจากที่เธอทำการผูกมันไว้ด้วยไหมที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วตัดจนเรียบร้อยดี

                “ขี้โม้จริงนะพ่อ เมื่อกี้ยังเห็นหน้าซีดแอบดมยาดมตอนที่พลอยดึงสุนัขตัวแรกออกมาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

                การทำคลอดแบบสดๆ ให้กับสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับสวนรุ่งอานนท์ ที่เน้นการปลูกผักประเภทมะนาว แครอท หัวไชเท้าและผักชนิดอื่นๆ อีกสองสามอย่าง ดังนั้น ภาพที่น้องหมากำลังดิ้นรน ร้องโหยหวน อีกทั้งหัวเล็กๆ ที่ค่อยๆ โผล่ออกมาจากช่องคลอดพร้อมกับรกจึงเป็นภาพที่สยดสยองสำหรับเจ้าของสวนอย่างนายอานนท์พอสมควร

                “โธ่...ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าเวลาหมาคลอดลูกมันจะดุเด็ดเผ็ดมันขนาดนี้”

                คนเป็นพ่อทำเสียงอ่อยแกมอายเล็กน้อยที่ดันใจไม่กล้าพอดูลูกสาวปฏิบัติภารกิจให้กับแม่สุนัขตัวแรก ของฟาร์มที่เธอกำลังทดลองทำ หลังจากที่เรียนจบคณะเกษตรจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ได้สองปี

                “เอาเป็นว่าพ่อกับคนอื่นๆ ออกไปก่อนเถอะ โบกี้จะได้พักผ่อนกับลูกๆ ของมันสักที”

                หญิงสาวดึงถุงมือยางที่สวมอยู่แล้วหันไปจุ่มมือในกะละมังเล็กๆ ที่มีคนนำมาวางเตรียมเอาไว้  ประกอบกับที่ช่วงนั้น จู่ๆ แม่บ้านประจำสวนที่เธอฝากสารพัดสิ่งของเอาไว้วิ่งเข้ามาพอดี

                “คุณพลอยคะโทรศัพท์ค่ะ จาก...”

                “ได้ต้องพูดหรอกป้า พลอยรู้ละขอบคุณนะคะ”

                ลมหายใจอ่อนๆ ระบายออกมา ก่อนยื่มมือไปรับ เธอไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อได้ยินการสนทนาจึงเลือกที่จะเดินออกไปคุยข้างนอกอาคารหนึ่งชั้น และปล่อยให้ทุกๆ คนรวมทั้งพ่อของเธอได้ชื่นชมกับความน่ารักน่าชังของเจ้าตัวน้อยทั้งเจ็ด ก่อนวกกลับมาขับไล่ให้ทุกคนแยกย้ายไปทำงานทำการก็ยังไม่สาย

                “ว่ายังไงจ๊ะน้องพลอย สบายดีหรือเปล่าไม่ได้คุยกันตั้งนาน คิดถึ๊งคิดถึง”

                เสียงเล็กหวานเลี่ยนทำให้พลอยชมพูแทบอยากจะวางสาย ถ้าไม่เห็นแก่ความพยายามของคนที่ต้องการจะคุยกับเธอมาร่วมหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ

                “คราวนี้อะไรอีก ไม่เอาแล้วนะพลอยขี้เกียจเข้ากรุงเทพฯ ปลอมเป็นพี่เพชรไปขับไล่บรรดากิ๊กเก่ากิ๊กใหม่ พวกผู้ชายที่ถูกพี่ฟันแล้วทิ้งเป็นรายสัปดาห์จะแย่อยู่แล้ว เบื่อ!!

                “ยายพลอย! ทำไมทำตัวแร้งน้ำใจกับพี่สาวเพียงคนเดียวได้ลงคอแบบนี้ เธอไม่คิดบ้างหรือว่าถ้าฉันไม่ลำบากจริง ฉันจะยอมเสื่อมเสียชื่อเสียงให้เด็กกะโปโลที่ไม่รู้แม้แต่อายไลเนอร์เขาใช้กันยังไง ใช้ชื่อของฉันแล้วไปแสดงตัวต่อหน้าสาธารณชนด้วยสภาพเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ขาดๆ ไร้รสนิยมกันยะ!”

                พอได้ยินน้องสาวสุดที่รักดักทางได้ถูกเข้าหน่อย เพชรไพลินก็ของขึ้นรีบลุกจากโซฟาตัวหรูที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบน้ำผลไม้ มายืนเท้าสะเอวแล้วจิกน้ำเสียงต่อว่าเรื่องรสนิยมการแต่งกายของพลอยชมพู จนคนที่ถูกว่าถึงกับอ้าปากค้าง คิ้วขมวดใบหน้าขุ่นเคืองจึงต้องจัดการโต้กลับแบบทันควัน

                “เออ! พลอยมันไร้รสนิยม ใครจะเหมือนพี่ที่มัวแต่เสียเวลากับการนั่งกรีดอายไลเนอร์ไปครึ่งวัน แถมยังชอบหมดเงินเป็นหมื่นๆ ไปกับไอ้ชุดที่หดสั้นแทบเสมอ....ฮึ่ม! พอสักทีพลอยไม่คุยด้วยแล้ว!”

    ความปรี๊ดแตกทำให้พลอยชมพูจัดการต่อว่าถึงรสนิยมการแต่งตัวแนวปาร์ตี้เกิรล์สุดเซ็กซี่เฉียดของสงวนของพี่สาว แถมข้าวของแต่ละอย่างยังแพงหูดับชนิดที่เธอไม่มีวันแตะต้องต่อให้มีรายได้เป็นล้านๆ ก็ตาม กระนั้นพอเพชรไพลินเห็นว่าน้องสาวเตรียมทำท่าจะตัดสายทิ้ง หล่อนก็รีบทำเสียงอ่อนเสียงหวาน แทนตัวเองว่าพี่เพื่อย้ำถึงสายสัมพันธ์ทางสายเลือดขึ้นมาทันที

                “เดี๋ยวสิจ๊ะน้องพลอยสุดที่รักของพี่ อย่าเพิ่งตัดสายพี่ทิ้งเลยนะ พี่มีเรื่องสำคัญจริงๆ ถึงได้โทรมา และมันก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของพี่กับคุณแม่ด้วยนะ”

                มุขนี้ได้ผล พอเอ่ยถึงคนเป็นแม่ที่หญิงสาวไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าคร่าตา นับตั้งแต่ที่พ่อและแม่ของเธอตัดสินใจแยกทางกัน อันเนื่องมาจากไลฟสไตล์ในชีวิตของทั้งคู่ไม่ลงตัว เธอก็ต้องหันมาตั้งใจฟังอีกที

                “เกี่ยวข้องกับแม่ด้วยเหรอ”

                “ใช่จ้ะ เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าพลอยไม่ช่วยพี่กับคุณแม่จะต้องล้มละลาย ไม่มีที่แม้แต่ซุกหัวนอน พลอยเข้าใจหรือเปล่า”

                ท้ายน้ำเสียงเพชรไพลินแสร้งทำเป็นสะอื้น ประหนึ่งกะดราม่าให้น้องสาวสงสารไม่ต่างอะไรกับมุขเดิมๆ ที่เคยใช้มาก่อนหน้า

                “พี่เพชร เข้าเรื่องเลยดีกว่า มันเกิดอะไรขึ้นและจะให้พลอยทำอะไร”

                “อุ๊ย! ง่ายๆ เลยนะจ๊ะน้องรัก คือตอนนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของคุณแม่กำลังซบเซา คุณแม่ก็เลยต้องหาหุ้นส่วนมาลงทุนเพื่อขยายกิจการไปต่างจังหวัด คุณแม่กับหุ้นส่วนบังเอิญไปถูกใจที่ดินแถวเพชรบูรณ์ แถมที่ตรงนั้นยังอยู่ไม่ไกลกับแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกต่างหาก”

                เพชรไพลินเกริ่นนำให้น้องสาวฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะปูทางเข้าสู่ประเด็นตรงที่ผืนนั้นเจ้าของทั้งรักทั้งหวง ไม่ประสงค์จะขายให้กับคนที่ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย คุณนายอัญมณีหรือแม่ของพวกเธอจึงพยายามเข้าไปทำความรู้จักกับเจ้าของที่ ซึ่งเป็นเศรษฐีนีประจำจังหวัดและก็ดันไม่รู้ไปทำอีท่าไหน คุณนายที่ว่าพอเห็นรูปของเพชรไพลินและเมื่อได้สอบถามถึงประวัติการศึกษาซึ่งหล่อนก็มีดีกรีจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในหลักสูตรนานาชาติ ก็เลยถูกอกถูกใจอยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ประดับบารมี แม่ของพวกเธอเล็งเห็นช่องทางที่จะได้ที่ดินผืนนั้นมาครอง จึงยินดีตกปากรับคำโดยไม่ถามความสมัครใจของลูกสาวตัวเองสักคำ

                “แล้วยังไง อย่าบอกนะว่าจะให้พลอยปลอมตัวเป็นพี่ไปหาไอ้หมอนั่นแล้วทำให้มันขยาดจนอยากจะวิ่งหนีอีก”

                ดูเหมือนว่าคนเป็นน้องจะพอจับทางพี่สาวได้ แต่นั่นยังไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของพี่สาวเธอ

                “บร้าาา! ทำแบบนั้นที่ดินสวยๆ ก็อดกันพอดีสิ ที่ฉันจะให้เธอทำน่ะคือปลอมตัวเป็นฉัน ทำให้ไอ้บ้านนอกนั่นมันหลงรักจนยินดีพร้อมใจที่จะหมั้น จากนั้นคุณแม่ก็จะเรียกร้องที่ดินผืนนั้นเป็นสินสอด ที่เหลือก็แค่หาเหตุผลสวยๆ เก็บข้าวของแล้วชิ่งหนีออกมาจากบ้านของมัน ไม่จำเป็นต้องตบแต่งเป็นจริงเป็นจังกันก็ได้”

                แผนการของพี่สาวทำเอาพลอยชมพูอ้าปากค้างไปอีกครั้ง ไม่คิดจริงๆ ว่าคนเป็นพี่จะกล้าคิดอะไรแบบนี้ออกมาได้

                “พี่เพชร...พลอยพูดคำเดียวเลยนะว่าไม่! พี่จะบ้าเหรอคิดได้ไงให้พลอยสวมรอยเป็นพี่เพื่อทำให้ไอ้บ้านั่นหลงรักก่อนหอบเสื้อผ้าหนีออกมาตอนได้ที่ดินแล้ว เอ๊ะ! แล้วทำไมจะต้องหอบเสื้อผ้าหนีออกมาด้วย”

                “คืออย่างนี้นะยายพลอย คุณแม่บอกว่าลูกชายของคุณนายสุโกศลอะไรนั่นดูท่าจะคัดค้านเรื่องคลุมถุงชนนี่ด้วยเหมือนกัน คุณนายคนนั้นก็เลยยื่นข้อเสนอให้พี่เข้าไปอยู่ในบ้านเขาเพื่อจะได้ทำความคุ้นเคยกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เธอลองคิดดูสิว่าชีวิตพี่จะอนาถาแค่ไหน ต้องอยู่บ้านนอกไม่พอ สามีที่คุณแม่หามายังเป็นพวกที่หาเมียเองไม่ได้ พี่ไม่อยากจะนึกไปถึงสารรูปเลยว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันจะอ้วนดำล่ำเตี้ยขนาดไหน ยี้...แค่คิดก็ขนลุกแล้ว พลอยจ๊ะ...ช่วยพี่หน่อยนะ นี่มันคือความสุขทั้งชีวิตของพี่กับคุณแม่เลยนะพลอย”

                “อ้าว...แล้วความสุขทั้งชีวิตของพลอยล่ะ ไหนยังจะสวนคุณพ่ออีก พลอยไม่อยู่แล้วใครจะช่วย นี่ยังไม่นับฟาร์มน้องหมาที่พลอยยังไม่เริ่มเลยนะ อีกอย่าง...พลอยกับพี่บุคลิกก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว ให้ปลอมเป็นพี่ระยะสั้นๆ คงพอไหว แต่นี่ต้องไปปักหลักอยู่เลยจะไม่ถูกจับได้หรือยังไง”

                เหตุผลของพลอยชมพูทำให้คนเป็นพี่ต้องกระแทกลมหายใจ หล่อนกับน้องสาวมีรสนิยมและบุคลิกที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าปล่อยให้คนเป็นน้องที่มีสารรูปไม่ต่างอะไรกับสาวห้าวถิ่นคาวบอยปลอมเป็นหล่อนที่เปรียบเสมือนนางฟ้าในแวดวงฮอลลีวู้ด ยังไงก็คงจะต้องถูกสงสัยอย่างแน่นอน

                “เอางี้...พลอยมาเก็บตัวกับพี่ก่อนเดินทางไปที่นั่นหนึ่งอาทิตย์ พี่จะเทรนให้พลอยแปรสภาพจากก้อนกรวดกลายเป็นเพชรเหมือนกับพี่เป๊ะๆ เอาเป็นว่าอีกสองวันพี่จะขับรถไปรับที่สวนคุณพ่อ พลอยเตรียมเก็บข้าวของ และหาคำแก้ตัวที่จะไม่อยู่ที่นั่นสักสองสามเดือนเอาไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน”

                “เดี๋ยว! พลอยตกลงตอนไหนว่าจะไป”

                “อย่าเห็นแก่ตัวสิยายพลอย นี่มันความสุขทั้งชีวิตของพี่กับคุณแม่นะ เธอทนได้เหรอที่จะเห็นคุณแม่หมดตัวและพี่ต้องอยู่กับผู้ชายหน้าปลวก ที่สำคัญพี่ก็ไม่ได้รักเขา”

                มาถึงตรงนี้ความใจอ่อนของหญิงสาวก็บังเกิด ถึงแม้ว่าพวกเธอจะแยกกันอยู่ตั้งแต่อายุสิบสอง แต่ความสัมพันธ์และความรักทางสายเลือดก็ไม่เคยเสื่อมคลายลงไปแม้แต่นิดเดียว

                “พี่รู้นะว่าพลอยลำบากใจ แต่ลองคิดในมุมของพี่บ้าง พี่ไม่เหมือนเธอถ้าพี่ไป พี่คงไม่สามารถหาเหตุผลดีๆ ที่จะสลัดไอ้บ้านั่นออกไปได้หลังจากที่คุณนายสุโกศลยอมยกที่ดินผืนนั้นให้กับคุณแม่ แต่ถ้าเป็นเธอพี่เชื่อว่าเธอทำได้และเธอก็มีวิธีที่จะทำให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นเหมือนอย่างที่เคยทำมาก่อนยังไงล่ะ”

                เป็นจริงอย่างที่เพชรไพลินพูด ทุกครั้งที่หล่อนมีปัญหาเรื่องผู้ชาย หล่อนก็มักจะขอความช่วยเหลือจากคนเป็นน้องเพื่อที่จะจบความสัมพันธ์กับฝ่ายตรงข้ามไปแบบไม่ให้เกิดการระหองระแหง แต่ผู้ชายจะขยาดหรืออยากจะวิ่งหนีออกไปเอง ทำให้เพชรไพลินไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นประเภทเบื่อผู้ชายง่าย อยากจะทิ้งขว้างพอคบหากันสักระยะอยู่เรื่อยไป

                “แต่ถ้าใครจับได้...”

                “ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ว่าใครจะจับได้ พี่กับคุณนายเคยเจอกันตัวเป็นๆ แค่ครั้งเดียว และที่สำคัญไม่มีใครรู้เรื่องของเธอหรือแม้แต่รู้ว่าเราเป็นฝาแฝดกัน ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย เชื่อพี่สิ”

                คนเป็นน้องรู้สึกเหมือนกำลังถูกมัดมือชกด้วยความเจ้าเล่ห์ของพี่สาวอีกครั้ง กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าเธอกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพี่และคนเป็นแม่มากจริงๆ

                “ถ้างั้นก็ได้ แต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ ครั้งต่อไปพลอยจะไม่ช่วยพี่ทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีกแล้ว”

                “รับทราบจ้ะน้องรัก อีกสองวันเจอกันนะจ๊ะ”

                เพชรไพลินจบสายไปอย่างเริงร่า ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้พลอยชมพูรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกหลุมพรางพี่สาวตัวร้าย แต่ถึงจะรู้ก็จะให้ทำเช่นไรได้ คนแบบพี่สาวเธอคงจะต้องกระอักและอาจจะถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าตาย หากต้องไปชีวิตอยู่ต่างจังหวัดเพียงหนึ่งคืน หญิงสาวระบายลมหายใจ สีหน้าอ่อนระอาแต่พอครั้นหมุนตัวหันกลับมาเธอก็ต้องผงะ เมื่อเห็นใครบางคนมายืนเงียบๆ อยู่ทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

                “พ่อ”

                อาการตกใจของเธอทำให้คนเป็นพ่อขมวดคิ้วสงสัย แต่เป็นเพราะไม่อยากติดใจอะไรด้วยมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า จึงรีบยกมือขึ้นมากวักเพื่อเรียกเธอ

                “เลิกทำหน้าตกใจเหมือนพ่อเป็นผีแล้วเข้าไปดูไอ้โอโร่มันหน่อยสิ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรเห่าไม่เลิก ทั้งๆ ที่เมียเพิ่งจะคลอดลูก”

                “อะ...อ๋อ มันคงดีใจ เห่อลูกและคงอยากจะจู๋จี๋กับเมียมันมั้งพ่อ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพลอยขอเข้าไปกำราบมันหน่อยก็แล้วกัน”

                โชคดีที่พ่อของเธอเดินออกมาตอนที่การสนทนาเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ได้มีการซักไซ้ไล่เรียงอะไรนอกจากแจ้งความวุ่นวายที่อยู่ข้างใน หญิงสาวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในอาคาร ผ่านหน้าคนเป็นพ่อไม่รั้งรอ ด้วยเกรงว่าหากขืนยืนอยู่นานกว่านี้สักหนึ่งวินาที มันจะทำให้คนเป็นพ่อนึกอยากจะซักไซ้ไล่เรียง ความจะแตก เผลอๆ จะทำให้พลอยรู้ไปถึงพฤติกรรมสาวแซบสมัยใหม่ของลูกสาวอีกคน ที่นานๆ ทีจะแวะมาเยี่ยมเยือนจนต้องปวดหัวตามไปด้วย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×