สังคมเปรียบเทียบฉบับ ขำ ขำ
คอการเมืองกรุณาแวะมาอ่านหน่อยเน้อ
ผู้เข้าชมรวม
142
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผมยืนดูพวกเขาถกเถียงกันราวนานพอสมควรแล้วขณะที่รถของผมและรถข้างหลังพวกเขากำลังติดบนถนนแห่งนี้ถนนของเราทุกคน
มันเริ่มเมื่อนานมาแล้วถนนแห่งมีการสร้างขอบทางที่พวกเรารู้จักกันดีในนาม “กฎเกณฑ์” กฎเกณฑ์มีการทำลายแล้วสร้างใหม่หลายครั้งจนวันหนึ่งเราได้สร้างขอบทางที่เราได้เกือบแน่ใจแล้วว่ามันน่าจะเป็นขอบทางที่ดีที่สุด ที่บางคนเรียกว่า “กฎเกณฑ์ฉบับประชาชน”
ผมยังคงยืนฟังพวกเขาอยู่ ขณะที่รถกำลังติดยาวขึ้นเรื่อยๆ ถนนของพวกเราเส้นนี้ยังคงติดขัดไม่มีท่าทีที่จะหาทางออกได้เลย
ผมขอเล่าเกี่ยวกับถนเส้นนี้สักนิดหน่อยถนนเส้นนี้มันเป็นทางวันเวย์ครับคือมันเป็นถนนแคบที่รถไม่สามารถขับสวนกันได้เข้าออกได้ทางเดียวครับปัญหาก็คือถ้าคนที่ใช้ถนเส้นนี้คิดต่างกันเนี้ยรถก็จะเข้าคนละทางทำให้รถติดกันกลางทางรถอื่นที่ตามหลังมาก็ทำให้รถคู่แรกถอยไม่ได้และที่เกิดปัญหาแบบนี้มันเป็นที่ขอบทางหรือคนที่ใช้ถนนเส้นนี้กันแน่ก็เป็นสิ่งที่ตอบยาก
“คนส่วนใหญ่เขาให้ผมเข้าผมก็เข้าทางนี้” เจ้าของรถต้นตอของปัญหาคันแรกพูดขึ้น
“งั้นคุณก็มีสิทธิ์เข้าทางไหน ทำอะไรก็ได้หละสิ” เจ้าของรถคู่กรณี
“ก็ทุกคนเขาเห็นด้วยกับผมหนิ” เจ้าของรถคนแรกเถียงพร้อมกับชี้ไปยังเจ้าของรถคันอื่นๆข้างหลังซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็ต่างเห็นด้วยอย่างไร้ข้อสงสัย
“คุณต้องฟังเสียงส่วนใหญ่สิ ก็นี่มันคือประชาธิปไตยนี่” เขาพูดต่อ
“ผมไม่ยอม ผมไม่ยอมให้ถนนของพวกเราทุกคนตกเป็นของคุณหรอก” คู่กรณีกล่าว
“ของผมที่ไหนก็ของทุกคนนั้นแหละ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์คุณเป็นคนส่วนน้อยจะมาคิดแทนคนส่วนใหญ่ได้ยังไง” เจ้าของรถคันแรกแก้ตัวทันควัน
“แล้วคุณหละว่าแต่ผมปาวๆคุณเองมีสิทธิ์อะไรมาเข้าทางนั้นหละ เพราะคุณนั้นแหละที่ทำให้รถติด” เขาพูดต่อ
“ผมใช้สิทธิ์ตามกฎเกณฑ์ผมทนไม่ได้ที่คุณพยายามหาประโยชน์จากถนนของเราทุกคนโดยการที่หากำไรที่
ไม่ชอบธรรมจากการเอารถของต่างชาติมาวิ่งบนถนนของเราทุกคน” คู่กรณีเริ่มกล่าวหา
เจ้าของรถคันแรกไม่ตอบแต่กลับหันหลังไปแก้ตัวกับรถที่ติอยู่หลังเขาว่า “ไม่จริงครับอย่าไปเชื่อพวกรถฝั่งโน่นกำลังกล่าวหาผม ผมแค่ขายสิทธิ์อันชอบธรรมของผมไป ซึ่งไม่ต่างจากคนอื่น คนต่างชาติก็ไม่ได้ขับเองเขาแค่อาศัยพ่วงรถของชาติใช้ถนนของพวกเท่านั้นเอง”เจ้าของรถเหล่านั้นเชื่อทุกคำพูดของเขาอย่างไม่มีข้อสงสัย (อีกแล้ว)
“คุณต้องถอยแล้ว .....ออกไป ......ออกไป ...... ออกไป” คู่กรณี และรถทั้งหมดอีกทางพูดพร้อมกัน
“ไม่ถอย ชาติหน้าตอนบ่ายๆผมถึงจะถอย เห็นไหมเนี้ยรถอีกมากมายอยู่ข้างหลังผมรอไปอยู่นะ”เจ้าของรถคันแรกยังคงยืนกราน
มีเสียงของเจ้ารถข้างหลังคู่กรณีกล่าวขึ้นว่า “เอายังงี้ผมมีทางออกให้คุณเอางี้ให้คุณถอยไปก่อนนะแล้วเรามาเซ็นสัญญาว่าจะปรับขอบทางให้สวนทางกันได้ตามแบบที่เราจะช่วยวางกันต่อไปเผื่อคร่าวหลังจะได้ไม่เกิดปัญหาแบบนี้อีกคุณว่าไง”
“ไม่เอา แต่ไอเดียแจ๋วแต่ต้องเป็นแบบที่ผมคิดเท่านั้นและต้องเป็นฝั่งคุณที่ถอยนะ”เจ้าของรถคันแรกพูด
“ผมไม่เชื่อคุณว่าถ้าคุณไปได้แล้วจะปรับขอบทางจริงหรือเปล่า แล้วถ้าผมเซ็นของคุณเท่ากับผมเป็นเครื่องมือของคุณอีก”หลังคู่กรณีพูด
“ความคิดของคุณเป็นภัยต่อประชาธิปไตยคุณต้องถอยไปอย่างเดียว”เขาย้ำ
“ผมเป็นภัยต่อประชาธิปไตยตรงไหนคนส่วนใหญ่เขาเห็นด้วย”เจ้าของรถคันแรกพูดแล้วหันหน้าไปมองด้านหลังอย่างเคยและคนเหล่านั้นก็เห็นด้วยอย่างไร้ข้อสงสัยเช่นเคย
“คุณนั้นแหละต้องถอย”
“คุณนั้นแหละ”
“คุณนั้นแหละ”
พวกเขาถกเถียงกันไม่เลิก
และผมยังคงฟังอยู่
และผมไม่เข้าข้างฝ่ายไหน
แต่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าหากเราไม่ช่วยกันถอยรถก็ยังคงติดอยู่แน่นอน
และผมเชื่อมั่นเสมอว่าทุกปัญหามีทางแก้
“พี่ค่ะ”เสียงของน้องสาวผมปลุกผมจากห้วงความคิด
“อะไรจ๊ะ”ผมตอบ ขณะที่รถยังติดเนื่องจากผู้ชุมนุม
“พี่คิดว่านายกจะลาออกไหม” ผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“อย่าคิดมากเลยจ๊ะฟังเพลงดีกว่านะ” ผมละมือจากพวงมาลัยแล้วเอือมไปเปิดเทปคราสเส็ด
ผมหวังว่าเย็นนี้ผมจะกลับไปทานข้าวเย็นกับแม่ทัน
ผลงานอื่นๆ ของ Redcoat ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Redcoat
ความคิดเห็น