๛ThE bLacK sAgE รวมพลคนมีวิชา๛ ภาคโรงเรียนมหาเวทย์ - นิยาย ๛ThE bLacK sAgE รวมพลคนมีวิชา๛ ภาคโรงเรียนมหาเวทย์ : Dek-D.com - Writer
×

    ๛ThE bLacK sAgE รวมพลคนมีวิชา๛ ภาคโรงเรียนมหาเวทย์

    เรย์อาศัยอยู่กับปู่ซึ่งเป็นฤาษีอยู่ในป่า แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องเดินทางเข้าหมู่บ้านบูรพาเพื่อไปเรียนไสยศาสตร์และมนต์ดำ เรื่องวุ่นๆแบบพิลึกและมั่วซั่วจึงเกิดขึ้น พร้อมกับความลับเกี่ยวกับตัวเขาบางอย่าง...

    ผู้เข้าชมรวม

    183

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    183

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 เม.ย. 50 / 23:36 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    1.สิ่งที่ตื่นขึ้นจากภายใน

     

            ซี่ล้อเกวียนคันหนึ่งค่อยๆหยุดหมุนอย่างช้าๆ ฝุ่นฟุ้งตลบจากการกระทืบพื้นของวัวสีขาวเทียมแอก 2 ตัว มันส่ายหัวไปมาทำให้กระดิ่งที่คล้องคอดังกรุ๊งกริ๊งกังวาน ก่อนมองไปยังผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่ไปมาอย่างรีบเร่ง ชายผู้ที่เป็นสารถีเกวียนกระโดดลงจากที่นั่ง บิดเอวไปมาสองสามที จัดการปลดเชือกออกจากเทียมวัว ก่อนทำท่าทางไล่ให้มันเดินไปยังที่โล่งๆแห่งหนึ่งตรงข้างทาง

            ถึงสักทีหมู่บ้านบูรพา เฮ้อ! นั่งในเกวียนนานเมื่อยกระดูกไปหมดเลย

            เจ้าของเกวียนบ่นดังๆกับตัวเอง เท้าสะเอวมองไปยังเกวียนคันอื่นๆที่จอดเรียงรายอยู่นับไม่ถ้วน กับผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินกันขวักไขว่ แล้วพลันก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างกองยู่ยี่อยู่บนมัดฟางของตน เขาขมวดคิ้ว เขม้นตามอง ก่อนนึกขึ้นได้ว่ามันคืออะไร

            ไอ้เจ้าเด็กนั่นชักจะสบายเกินไปแล้ว เราให้มันอาศัยเกวียนเดินทางมานี่ก็ลำบากลำบนจะแย่ แล้วดันยังทำตัวเป็นเจ้าของนอนกระดิกตีนสบายปล่อยให้เรานั่งตะคริวกินขา ต้องทำให้มันรู้เสียมั่งว่า คนเราไม่ได้ใจดีไปตลอดเวลาหรอกนะ

            ชายเจ้าของเกวียนบ่นอุบอิบอย่างหัวเสีย เขาปีนขึ้นไปในเกวียน ภายในมัดฟางอัดแห้งกองสูงบนตัวเกวียน ตรงกลางมีเด็กชายคนหนึ่งนอนพับอยู่ ลำตัวหายไปกับเศษฟางที่หลุดลุ่ยออกมาจากมัด โผล่เพียงศีรษะกับผมตั้งๆนิดหน่อย ผ้าห่มที่ดูไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วกระเพื่อมไปมาเป็นจังหวะ บอกให้รู้ว่าคนที่อยู่ข้างใต้กำลังท่องในนิทรารมย์อันสุดแสนจะมีความสุขเพียงใด

            เจ้าของเกวียนยืนมองเด็กชายอย่างหมั่นใส้  กระชากผ้าห่มออก คว้ามัดฟางสองสามมัดใกล้ตัวยกขึ้น แล้วทิ่มไปที่ใบหน้าของเด็กชายอย่างแรง แม้มัดฟางจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆแก่คน แต่ปลายแหลมๆกับขนที่แสนจะคันยุบยิบนั้นก็ก่อให้เกิดความรำคาญได้เป็นอย่างดี เด็กชายปัดป้องจากการโจมตีนั้นทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ แต่เมื่อมัดฟางยังคงถูกฟาดมาไม่ยั้ง เด็กชายก็ทะลึ่งพรวดยืนขึ้น สบถออกมาสองสามคำ ก่อนเตะเสยตัวการขัดขวางความสุขอย่างไม่ดูหน้าดูหลัง เจ้าของเกวียนผงะไป เท้าของเด็กชายเสยไปโดนข้อมือเขาพอดี มัดฟางหลุดกระจุยกระจายไปบนอากาศ เขาร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บ

            ไอ้เด็กเนรคุณ! ให้ขึ้นเกวียนมาด้วยแล้วยังมาเตะอีก อะไรกันวะ!

            เด็กชายยืนอึ้งอยู่กับที่ กระพริบตามองเจ้าของเกวียนอย่างงุนงง ขายังคงค้างอยู่กลางอากาศ เจ้าของเกวียนด่าโขมงโฉงเฉง ใช้มือข้างที่ยังดีอยู่หยิบก้อนหินขนาดกำปั้นขว้างมาที่เด็กชาย แต่พลาดไป จึงเปลี่ยนไปคว้ากิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ควงหราใส่พลางด่าไม่เป็นภาษา เด็กชายแม้จะยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็รีบคว้าห่อผ้าโดดหลบออกมาทันที

            อะไร ลุง เป็นไรไป ทำไมต้องขว้างก้อนหินใส่ผมด้วย ผมทำอะไรผิด

    เด็กชายร้องถาม ถอยออกมาให้พ้นรัศมีกิ่งไม้ขนาดท่อนแขนนั้น  ชายเจ้าของเกวียนถ่มน้ำลายออกมา ใช้กิ่งไม้ชี้หน้าพลางตะคอกใส่

    ไม่ต้องพูดเลย ตะกี้แกเตะข้อมือชั้น ทำแบบนี้กับผู้ใหญ่ได้ยังไงหา? ไอ้เด็กนรก รีบไสหัวไปไกลๆเลย คนอุตส่าห์ให้อาศัยเกวียนมาด้วยยังจะมาทำท่านักเลงใส่อีก ไป!

    เด็กชายกระพริบตาปริบๆ ประมาณ 5 วินาทีต่อมาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพ่นลมออกทางจมูก ก่อนพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง

    อ๋อ ผมก็คิดว่าอะไร ช่วยไม่ได้ ลุงจู่ๆก็เอาไอ้นั่นมาแหย่หน้าผมเองนี่ ใครจะไปรู้ล่ะ เวลาโดนฟางทิ่มหน้านี่มันรำคาญนะ ความจริงถ้าลุงจะปลุกผมแค่ตะโกนสองสามทีผมก็ตื่นแล้ว ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนั้นเลย ลุงมาว่าผมไม่ได้หรอก

    ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี! เจ้าของเกวียนตะคอก เอามือกุมข้อมือข้างซ้ายอย่างแผ่วเบา จะไปไหนก็ไป ถือซะว่าชั้นเมตตาสงสารแกที่เอาแกมาส่งที่นี่ละกัน ชั้นมันซวยเองที่ไปรับเด็กอย่างแกเข้า สักวัน นรกจะกินกบาลแก คอยดู

    โธ่! ลุงก็พูดเกินไป ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะครับ เด็กชายแก้ตัว ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้พลางยกสองมือแสดงความบริสุทธิ์ขึ้น ผมมันตัวคนเดียว อาศัยคนใจดีอย่างลุงนี่แหละติดมาจนถึงหมู่บ้าน ลุงก็รู้ว่าผมยังเด็ก ไม่ค่อยรู้ประสีประสาอะไร

    บอกให้ไปก็ไปซีวะ! ไม่ต้องมาแก้ตัวทั้งนั้น ชั้นละเกลียดนักไอ้เด็กนักเลงโตทำท่าปัญญาอ่อนอย่างแก ไปให้พ้นนะ!

    เจ้าของเกวียนเงื้อกิ่งไม้ขึ้นพลางทำหน้าเหลืออดจริงๆ เด็กชายหลบวูบ หมุนตัวกลับก่อนวิ่งอย่างรวดเร็วหายไปกับฝูงคน แต่ก่อนจะลับไปก็หันหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ชายเจ้าของเกวียนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ฟาดกิ่งไม้ลงกับพื้นอย่างเคียดแค้น แต่นั่นก็ทำให้กิ่งไม้เด้งมาโดนเข่า เขาร้องโอ๊ย สบถด่าฟ้าดินยืดยาวราวกับคนบ้า

     

    เด็กชายวิ่งมาจนเหนื่อย เขาค่อยๆชะลอฝีเท้าลงจนกลายเป็นเดินอย่างเนือยๆแล้วก็หยุดยืนในที่สุด ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
           แม๊
    จะว่าไปผู้คนข้างนอกนี่ก็มีอะไรน่าสนใจดีแฮะ
          เด็กชายคิดพลางยิ้มกับตัวเอง
         ถือว่าคิดถูกที่มาที่นี่ นานๆทีได้แกล้งคนนี่มันตื่นเต้นยังไงพิลึก
         เขาหัวเราะคิกคัก เหวี่ยงห่อผ้าขึ้นพาดบ่า ก่อนหันไปให้ความสนใจกับรวงร้านต่างๆและผู้คนรอบๆตัว

    เรย์ คือชื่อของเด็กชาย ก่อนหน้านี้เขาอาศัยอยู่กับพระอาจารย์ซึ่งเป็นฤๅษีตนหนึ่งในป่า เมื่อเขาเพิ่งจะผ่านพ้นวันเกิดอายุครบ 13 ไปเมื่อสี่ถึงห้าเดือนก่อน พระอาจารย์ก็ได้บอกว่าถึงเวลาที่จะต้องกลับไปยังถิ่นเกิดของเขาแล้ว ที่แห่งนั้นคือหมู่บ้านบูรพา ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขตหมู่บ้านสี่ทิศ

    เจ้าจะต้องได้รับการศึกษาที่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพมากพอ

    พระอาจารย์กล่าวในบ่ายวันหนึ่งเมื่อเรย์กลับจากเที่ยวเล่นในป่าแล้ว พระอาจารย์จะสอนวิชาพื้นฐานง่ายๆให้สองสามอย่าง เวลาไปถึงที่นั่นจะได้พอมีความรู้ติดตัวไว้บ้าง

    ทำไมผมต้องเรียนด้วยล่ะพระอาจารย์ เรย์ถามอย่างสงสัย เขาค่อยๆคลานมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฤๅษี พระอาจารย์สอนผมได้ พระอาจารย์มีเวทมนต์คาถาที่เก่งที่สุด ผมเรียนจากพระอาจารย์ก็ได้นี่

    อยู่กับคนหมู่มากเจ้าจะปลอดภัยจากภยันตราย ฤๅษีตอบอ่อนโยน บูรพาคือหมู่บ้านที่เจ้าเกิดก่อนพ่อกับแม่จะฝากเจ้าไว้กับพระอาจารย์แล้วเสียชีวิตไป เจ้าจะได้ค้นพบอะไรที่แปลกใหม่หลายอย่าง รวมทั้งการเรียนการสอนที่ถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์ โรงเรียนจะเปิดสอนฤดูกาลใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เจ้าพอที่จะสามารถเรียนรู้ทักษะพื้นฐานไปพลางๆได้แล้ว ก่อนที่จะได้เข้ารับการศึกษาเต็มตัว

    แล้วทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ ผมอยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยดี ที่นั่นผมตัวคนเดียว ไปแล้วเหงาแย่เลย ผมอยากอยู่กับพระอาจารย์มากกว่า เรย์ร้อง เกาะเข่าฤๅษีเฒ่าไว้แน่น ฤๅษีเอื้อมมือมาจับศีรษะเด็กชายพลางเคาะเบาๆ

    พระอาจารย์เคยบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่า ถึงอย่างไรพระอาจารย์ก็ต้องตาย และเจ้าก็จะอยู่คนเดียวอยู่ดี ฝึกไปดูแลตัวเองเสียแต่อายุน้อยๆมันจะเกิดผลดีแก่เจ้ามากกว่า ที่นั่นพระอาจารย์รับรองว่าเจ้าจะมีคนคอยอุปถัมภ์อย่างดีแน่ๆ และถึงอย่างไร หากเจ้าอยากพบพระอาจารย์เจ้าก็สามารถขอเขาออกมาได้ พระอาจารย์จะอยู่ที่นี่แหละ ไม่ไปไหนหรอก

    เด็กชายนิ่งคิดสักพัก แล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก

    งั้นผมจะไป ผมจะขออาศัยไปกับเกวียนขนส่งสินค้านี่แหละ ผมเห็นพวกเขาชอบบรรทุกอะไรมาเต็มเกวียนทุกวันเลย เวลาไปหมู่บ้านจะได้ไม่ต้องเดินไป แต่ก่อนหน้านั่นพระอาจารย์ก็สอนวิชาให้ผมหน่อยนะ ผมจะเอาไว้อวดพวกคนในเมืองสักหน่อยว่าคนป่าอย่างเราน่ะ เจ๋งแค่ไหน

     

    กลิ่นหอมของข้าวโพดปิ้งลอยมาปะทะจมูกอย่างจัง เรย์สูดจมูกฟุดฟิด กระเพาะร้องโครกครากอย่างหิวกระหาย เขาสอดสายตาหาที่มาของกลิ่นนั้น แล้วก็พบว่า สุดทางเดินด้านขวามีเพิงหมาแหงนที่ภายในมีร้านข้าวโพดปิ้งตั้งอยู่ ร้านนั้นสร้างอย่างไม่หรูหรา พอแค่สำหรับขายของในเวลากลางวันเท่านั้น เรย์เดินฉับๆไปหาอย่างรวดเร็ว กลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อกลิ่นหอมยิ่งทวีแรงขึ้น

    ข้าวโพดปิ้งจ้า สามฝัก 15 บาท เอาฝักไหนดีจ๊ะหนู

    แม้ค้าถามเสียงหวานเมื่อเรย์ชะโงกหน้าสำรวจแถวข้าวโพดที่เรียงรายอยู่บนตระแกรง ควันลอยโชยมา เขาพลิกเลือกดูข้าวโพดทีละฝักเพื่อประเมินดูว่า ฝักไหนใหญ่ที่สุด

    แม่ค้าคนสวยคร๊าบ ข้าวโพดปิ้ง 5 ครับ แยกใส่สองถุง ถุงนึง 2 อีกถุง 3

    เด็กชายวัยรุ่นโผล่พรวดมาข้างๆเรย์ เขายืนเบียดเรย์จนกระเด็นออกไปข้างทาง เด็กชายย่นจมูกลง รอให้คนที่เบียดขอโทษ แต่กลับยืนเลือกข้าวโพดปิ้งเฉย แถมยังหยิบเอาฝักที่เรย์เล็งไว้เสียด้วย เด็กชายหน้าตึง เดินเท้าเอวเข้าไปหา

    นี่เพ่ มาทีหลังทำไมไม่ต่อแถว เบียดคนอื่นเค้าทำไม?

    เด็กคนนั้นขมวดคิ้ว หันมามองเรย์พลางหรี่ตาลงอย่างดูหมิ่น เสื้อยืดคอกลมสีขาวสะท้อนแสงแดดที่ส่องลอดหลังคาลงมา ตรงคอมีรอยแมลงแทะอยู่เป็นรูขาดเกือบสามนิ้ว เขายกมือขึ้นเสยผม

    โทษทีไอ้น้อง ก็เห็นกำลังเลือกอยู่เลยคิดว่ายังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ พี่มาที่นี่บ่อยๆสนิทกับแม่ค้าออกจะตาย เค้ารู้ว่าพี่มันขาประจำ

    ขาประจำแล้วยังไง? มาทีหลังก็ต่อแถวเด่ะ แทรกคนอื่นเค้าหน้าด้านๆยังงี้ไม่อายมั่งรึไง เรย์พ่นออกมาอย่างไม่คิด อารมณ์ยัวะขึ้นมาจุกที่คอหอย เด็กเสื้อขาวหมุนหันมาหาเรย์เต็มตัว สีหน้างุนงงในแวบแรก แล้วก็เปลี่ยนเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวด ทำปากเบะชี้ขึ้นแบบคนได้กลิ่นอะไรเน่าๆ

    แกเป็นใครไม่ทราบ มาออกคำสั่งกับชาวบ้านงี้ได้ไง อยากเจ็บตัวเร๊าะ?

    ไม่อยากหรอก แต่ขอโทษที เห็นพวกเอาเปรียบคนอื่นไม่ได้น่ะ เจอแล้วอยากกระทืบให้จมดิน เรย์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แม้ตัวเขาจะสูงแค่ไหล่ของเด็กคนนั้นก็ตามที

    เด็กเสื้อขาวหัวเราะแบบดูถูก เอานิ้วชี้ที่หน้าผากของเรย์

    อะไร? ตัวกระเปี๊ยกหยั่งแกจะทำอะไรเค้าได้ จะกระทืบชั๊นให้จมดินงั้นเราะ? โธ่เอ๊ย แค่แกยกขาให้พ้นสะดือชั๊นยังจะทำได้หรือเปล่าเหอะ ไม่แน่จริงอย่ามาพูดเลย เก็บแรงไว้วิ่งหางจุกตูดจะดีกว่านะไอ้น้อง

    ยังไม่ทันสิ้นคำพูดดี เด็กเสื้อขาวก็หน้าหงายไปข้างหลัง ล้มก้นจ้ำเบ้ากระแทกพื้น เสียงแม่ค้าร้องวี๊ดว๊าย ข้าวโพดกระเด็นตกพื้นหมด เรย์เป็นคนเตะเสยคางเขาก่อนที่จะทันได้ห้ามตัวเองทัน ตาขวางจนเห็นแต่ลูกตาสีขาว ไฟลุกพรึบขึ้นกลางหัวสมอง

    ไปตายซะ

    เด็กชายบอกสั้นๆ โชว์นิ้วกลางให้ หยิบข้าวโพดที่ตกเหวี่ยงใส่ ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินหนีหายไปกับฝูงชน

     

    เรย์ขยับห่อผ้าที่ขึ้นพาดบ่าให้เข้าที่ ความหิวกลืนหายไปกับอารมณ์บูดเมื่อครู่หมด เขาเดินเตะก้อนหิน มองตาขวางใส่ผู้คน ปากยื่นออกมา ทำเสียงฮึ่มๆในลำคอราวกับเสียงฟ้าร้อง เดินไม่รู้เหนือรู้ใต้แบบคนหลงทาง
           ใจเย็นๆสิพวก เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้น เขากลืนน้ำลายดับอารมณ์โกรธ
           ใจเย็นได้ยังไง! เมื่อกี๊น่าจะกระชากคอเสื้อมันมาแล้วชกสักสองสามหมัด คนพรรค์นั้นน่ะ มีไว้ก็รกโลกเปล่าๆ ทำท่าใหญ่โตใส่คนอื่น ถุย! เสียงอีกเสียงแย้งอย่างฮึดฮัด อารมณ์พุ่งจู๊ดขึ้นมา    
           โง่
    อีกเสียงทำท่าดูถูก เราสูงแค่ไหล่มันนะ ขืนดวลกันมีหวังโดนมันชกหน้าบุบแน่
    เรย์หยุดเดิน พ่นลมออกจมูก
          มันก็แค่สูงกว่า จะกลัวอะไร เรย์กำหมัดแน่น หันหลังควับ ตั้งใจจะกลับไปที่ร้านข้าวโพดปิ้ง
          ไอ้ตัวสมองกลวงเอ๊ย! เสียงแรกด่า ลืมที่พระอาจารย์บอกแล้วหรือไง ถ้าแกยังมีเรื่องไร้สาระกับคนอื่นอีกละก็นะ งั้นก็อย่าหวังที่จะได้เป็นเลยไอ้พ่อมดหมอผีอะไรนั่น อยากกลับไปโดนพระอาจารย์ด่าก็ตามใจ 
          เรย์กัดริมฝีปาก ข่มอารมณ์หงุดหงิดไว้ หมุนตัวกลับแบบสะบัดๆแล้วก็เดินไม่ดูทางต่อไป

    ตะวันเริ่มคล้อยลง เขาเดินมาตามทางจนกระทั่งออกจากเขตตลาดโดยไม่รู้ตัว ทิ้งเสียงเอะอะโวยวายไว้ยังเบื้องหลัง ข้างทางมีบ้านคนและเรือกสวนไร่นาสลับกันไป เรย์เหลือบมองทิวสีเขียวอ่อนของต้นกล้าที่เพิ่งขึ้น ลมยามเย็นพัดอ่อนๆระยอดทำให้มันส่ายไปมาราวเต้นระบำ เขาหยุดจ้องอย่างเหม่อลอย อารมณ์คุกรุ่นเริ่มมอดลง เสียงนกกาเหว่าที่บินข้ามหัวไปก้องอยู่ในหู เรย์ทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นมะขามริมถนน จู่ๆความรู้สึกคิดถึงพระอาจารย์ก็แทรกขึ้นมา จากคนหน้าบึ้งตาขวางก็กลายเป็นเศร้าสร้อยอย่างรวดเร็ว เขากัดริมฝีปากแน่น น้ำตาคลอ

    คิดถึงพระอาจารย์ชะมัดเลย ป่านนี้คงจะต้องนั่งสมาธิอยู่คนเดียวแน่ๆ แล้วใครจะทำอาหารให้กิน ใครจะทำความสะอาดที่นอนให้ เขาถอนหายใจเฮือก เอามือเท้าคาง ไม่เห็นจะน่าอยู่เลยไอ้หมู่บ้านอะไรเนี่ย วุ่นวายชะมัด มีแต่พวกบ้าๆ ถุ๊ย!

    ลงท้ายประโยคเขาทำท่าแลบลิ้นออกมาใส่อากาศ แล้วก็หงายหลังพิงโคนต้นไม้อย่างคนไม่มีแรง อารมณ์หงุดหงิดค่อยๆพุ่งพล่านขึ้นอีก เขาทำหน้านิ่วใส่พระอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังลับทิวไม้ไป

    เด็กชายนั่งเหม่อลอยอยู่เป็นเวลานาน นั่งนึกดูว่าตอนนี้พระอาจารย์กำลังทำอะไร และตัวเองกำลังทำอะไรหากยังอยู่ด้วยกัน เรย์รู้สึกเหมือนกับว่าจะลืมอะไรอย่างหนึ่งที่เขาต้องทำทุกๆตอนเย็น เขานั่งคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออก โอ๊ย ช่างมันเหอะ เขาสรุปกับตัวเอง เบ้ปากขึ้น ตอนนี้เราก็อยู่ในหมู่บ้านแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่เคยทำประจำกับพระอาจารย์หรอก

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!

    เสียงกรีดร้องดังขึ้นเบื้องหลัง เรย์สะดุ้งโหยงสปริงตัวลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ เขาหมุนตัวกลับไปยังถนน ทันได้เห็นเงาอะไรแว๊บผ่านหน้า ด้านซ้ายมือมีผู้หญิงวัยกลางคนร้องกรี๊ดๆอยู่ เรย์อึ้งไปเสี้ยววินาทีก่อนวิ่งเข้าไปหาพลางถามละล่ำละลัก

    พวกพ่อมดหมอผีบ้านั่นอีกแล้ว เธอกรีดเสียงร้อง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มันกระชากกระเป๋าเงินน้าไป พวกชอบใช้มนต์รังแกชาวบ้าน คอยดูนะฉันจะฟ้องท่านจอมเวทย์

    เรย์หันไปดู เขาเห็นหลังของเจ้าหัวขโมยลิบๆฝ่าสวนมะม่วงไปราว30-40เมตรแล้ว เร็วชะมัด เรย์คิด

    น้ารออยู่นี่นะ ผมพอมีวิชาอยู่บ้าง ผมจะตามมันไป

    ว่าแล้วก็พุ่งปรู๊ดตามไปติดๆ เสียงผู้หญิงผู้เคราะห์ร้ายตะโกนตามมาแว่วๆ แต่ดูท่าว่าเด็กชายจะไม่ได้ยิน

    ระวังตัวด้วยนะหนู น้าจะไปตามพวกกองเวทย์มาช่วย

     

    มันหายไปไหนแล้ววะ?

    เรย์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับตัวเองเบาๆ หยุดหันซ้ายขวาตรวจดูรอบๆ สวนมะม่วงนี้ปลูกห่างกันได้ระยะ แต่ละต้นสูงเกือบห้าเมตรแล้ว บนพื้นมีแต่ใบมะม่วงร่วงเกลื่อนไปหมด เรย์ก้มลงสำรวจดู พยายามหาร่อยรอยการวิ่งของหัวขโมย

    วิ่งเร็วขนาดนั้นต้องมีรอยบ้างสิน่า อ๊ะ! เจอแล้ว

    พื้นด้านขวาของเรย์ห่างไปประมาณสองฟุตมีใบมะม่วงแตกเป็นหลายเสี่ยง ด้านใต้ใบมะม่วงนั้นมีรอยพื้นรองเท้าเป็นซี่ๆแนวนอนตรงส้นเท้า ก้อนหินขนาดลูกมะนาวพลิกขึ้นมา เรย์ยิ้มเยาะ เขานั่งชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น หลับตาลง ประกบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างแรงแบบพนมมือ ท่องคาถาขมุบขมิบ มีแสงสีชมพูเรืองขึ้นที่ร่องนิ้วมือ เขาแบมือออกพร้อมกัน จิ้มสองนิ้วลงพื้นดินแบบเดียวกับนักวิ่งเตรียมตัววิ่ง วินาทีนั้นแสงสีชมพูเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มคล้ายเปลวเพลิง มันลุกพรึบที่ส้นเท้าทั้งสองของเรย์ เขายิ้มหึๆ แล้วพุ่งตัวไปด้านหน้าด้วยความเร็วชนิดที่ไม่มีมนุษย์ธรรมดาคนใดทำได้

    ต้นมะม่วงแต่ละแถวลอยผ่านตัวของเรย์ไปราวกับมันติดจรวจ เด็กชายเบิกตาโพลงมองไปด้านหน้าและด้านข้างสลับกัน เบื้องหน้าสวนมะม่วงหายไปแล้ว มีรั้วไม้ไผ่เหลาแหลมกับป่ารกชัฏโผล่ขึ้นแทน เรย์โจนพรวดขึ้นไปบนกิ่งต้นมะม่วงต้นสุดท้าย ก่อนกระโดดข้ามรั้วมาราวกับแมว หัวขโมยอยู่ห่างไปเกือบสิบเมตร เขาเป็นชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่ผูกผ้าเช็ดหน้าสีดำปิดไว้ระดับใต้ตา ชายคนนั้นหันมาด้วยความตกใจ หยุดวิ่งโดยอัตโนมัติ

    เฮ้ย! ไอ้หัวขโมย คืนกระเป๋าเงินนั่นมาซะดีๆ ไม่งั้นแกเจ็บแน่

    เรย์ตะโกนขู่ด้วยเสียงน่ากลัว เขายืนเท้าเอว จ้องชายผู้นั้นด้วยสีหน้าถมึงทึง  หัวขโมยจ้องอย่างไม่เชื่อสายตามายังเด็กชาย แล้วทันใดนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นขบขัน หัวเราะฮ่าๆอย่างดูถูก

    อะไร นี่แกขู่ฉันหรอไอ้น้องชาย ฮ่าๆ เขาหัวเราะอีก พลางกุมท้องแล้วงอตัวลง สงบปากสงบคำไว้ดีกว่ามั้ง คนที่เจ็บความจริงควรจะเป็นแกมากกว่า แต่ฝีมือก็ไม่เลวนะ ที่ตามฉันมาทันเนี่ย

    เฮอะ ฝีมือก็ไม่เลวงั้นหรอ เรย์ทำปากเบะ มองด้วยสายตาเยาะเย้ย ฉันว่าความจริงแกห่วยแตกมากกว่า ห่วยแตกขนาดที่ว่าเด็กอย่างฉันวิ่งตามทันเนี่ย

    เจ้าหัวขโมยชะงัก ถลึงตามองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    ปากดีนะไอ้น้อง ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร

    โทษทีนะ ฟา~ย! ขนาดตัวแกยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง

                    หนอย . เด็กอย่างแกรึจะมาจับชั๊น ฝันกลางวันละมั้งไอ้หนู

                    เรย์ยกมือขึ้นกอดอก เดินเข้าไปใกล้จนห่างกันเพียงแค่ห้าเมตร

                    อยากรู้ก็เข้ามาเด่ะ เขาท้าเสียงเหี้ยม

                   

                    ในชั่วเวลาไม่ถึงวินาทีแบบที่ตั้งตัวเกือบไม่ทัน ไฟลำขนาดท่อนแขนผู้ชายตัวโตๆก็พรวดออกมาจากพื้นดิน เรย์โดดหลบทันที แต่นั่นก็เกือบจะทำให้ขากางเกงไหม้ เด็กชายสบถออกมาคำหนึ่ง หนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ควันลอยกรุ่นออกมาจากขากางเกง

            &nbs;       ไหนล่ะคนเก่ง เจ้าหัวขโมยเยาะ ไม่ทันไรก็หนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ร้องเจี๊ยกๆเป็นลิงซะแล้ว สงสัยจะมีทักษะทางด้านเอาตัวรอดเก่งนะเนี่ย

                    ฉันไม่ได้แค่เอาตัวรอดเก่งเป็นอย่างเดียวนะเว้ย เรย์ตอบอย่างดุดัน กำมือแน่น แสงสีขาวลุกโชนขึ้นมา ฉันก็ชกคนเป็นเหมือนกัน

                    ก่อนที่จะจบคำพูด เขาก็พุ่งเข้าใส่เจ้าหัวขโมยแบบไม่มีโอกาสให้โดดหลบหรือป้องกันตัว กำปั้นเงื้อขึ้นสูง แล้วซัดโครมเข้าดั้งจมูกอย่างจัง เลือดของเจ้าหัวขโมยสาดกระเด็นมาโดนหน้าของเรย์ เจ้าหัวขโมยหงายหลังแบบเอาหัวปักพื้น งุนงงไปชั่วขณะ เลือดเปื้อนไปทั่วหน้าและไหลผ่านผ้าผูกปากลงมายังคอ

                    เรย์ยืนมองคู่ต่อสู้ เขาอึ้งไปชั่วขณะเมื่อของเหลวๆสีแดงสดสาดกระจายออกมาจากจมูกหัวขโมยและเปื้อนหน้าเขา ไอ้ของเหลวๆสีแดงนี่มันอะไร เรย์มองอย่างงุนงงที่กำปั้นของตัวเอง เขายกขึ้นมาดม กลิ่นพิลึกแฮะ เกิดมาไม่เคยเห็น มันเป็นอันตรายกับเรารึเปล่า?

                    แต่ก่อนที่เรย์จะได้ทันค้นหาคำตอบอะไรนั้น เขาก็ลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า แล้วหล่นตุ้บกลางพุ่มไม้หนามชนิดหนึ่งแล้ว หัวเขากระแทกเข้ากับลำต้นไม้ต้นหนึ่งที่ขึ้นอยู่กลางพุ่มนั้นจนเกือบสลบ ดาวระยิบระยับเต็มตาสองข้าง เนื้อตัวถูกตำด้วยหนามจนพรุนไปหมด เลือดไหลซิบๆออกตามรูนั้น เจ้าหัวขโมยกระชากผ้าปิดปากออก ย่างสามขุมเข้ามาหาพร้อมกับแยกเขี้ยวที่มีเลือดกบเต็มปาก

                    แกทำชั๊นโมโหขึ้นมาแล้วนะไอ้เด็กนรก เขาล้วงมีดออกมาจากกระเป๋าคาดเอว มันหม่นมัวไปทั้งใบ แต่ตรงปลายด้านคมเป็นมันวาววับ อย่าได้คิดว่าแกจะชนะเมื่อแกต่อยฉันจนล้มลงไปแล้ว

                    เรย์ขยับถอยหนีโดยอัตโนมัติ แต่เขาเจ็บไปหมด หนามที่ตำทำให้รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มเป็นพันๆเล่มแทงเข้าที่ตัว น้ำตาไหลพราก เจ้าหัวขโมยเดินเข้ามาหา เงื้อมีดขึ้นระดับไหล่พลางทำหน้าเหมือนคนโรคจิต

                    เด็กชายค่อยๆยกขาขึ้น เจ็บอะไรอย่างนี้  เรย์คร่ำครวญในใจ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยก็มาโดนฆ่าตายซะแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย เรย์ยกมือขึ้น เลือดหยดติ๋งๆลงมา เขาเบือนสายตามามองของเหลวข้นนั้นอย่างคนถูกสะกด ไอ้น้ำสีแดงๆนี่อีกแล้ว มันไหลออกมาจากตัวเรา ทำยังไงดี เรย์มองไปตามร่างกายของตน เลือดหยดเล็กๆผุดขึ้นจากรอยหนาม อาการเจ็บแสบประดังขึ้น พร้อมๆกับความต้องการประหลาดเมื่อเขาได้กลิ่นของเหลวสีคล้ำนั้น เลือดไหลลงมาตามหน้าผากตรงที่หัวกระแทก มันหยดผ่านตามาหล่นแปะที่กระพุ้งแก้ม เจ้าหัวขโมยถึงตัวเด็กชายแล้ว เขาเงื้อมีดขึ้น เรย์ค่อยๆแลบลิ้นออกมา ดวงตาพร่าพรายด้วยความรู้สึกประหลาดที่ไหลมาท่วมท้น ลิ้นเขาสัมผัสเลือด ทั้งของตัวเองและของเจ้าหัวขโมยผสมปนเปกัน วินาทีนั้นเองทีเจ้าหัวขโมยเหวี่ยงมีดลงมาอย่างรวดเร็ว และทั่วทั้งตัวของเรย์ก็ตื่นด้วยพลังประหลาดที่ซู่ซ่าขึ้นมาฉับพลัน

                    เขาจับข้อมือของเจ้าหัวขโมยไว้ทันในวินาทีที่มันเหวี่ยงมีดลงมา ดวงตาสว่างจ้าในแสงสีส้มสดยามพระอาทิตย์ตกดิน ป่ารกชัฏมืดหม่นลงอย่างรวดเร็ว แต่ตัวของเด็กชายเรืองด้วยแสงสีแดง แกเป็นใคร?ไอ้มนุษย์หน้าโง่  เสียงหนึ่งภายในส่วนลึกของจิตใจคำรามขึ้น น้ำหน้าอย่างแกน่ะหรือจะฆ่าฉัน คิดผิดเสียมากกว่ามั้ง  เจ้าหัวขโมยชะงักกึก จ้องอย่างตกตะลึง มันพยายามกดน้ำหนักมาที่มือข้างถือมีด แต่กลับโดนมือที่เล็กกว่าของเด็กชายบีบเสียจนต้องร้องออกมา เจ้าหัวขโมยมองอย่างตื่นกลัว เปลี่ยนพลังมาไว้มือข้างซ้ายที่ยังว่างอยู่ กำหมัดแน่นขึ้น แสงสีขาวลุกพรึบขึ้นแบบที่เรย์เคยทำ เขาเหวี่ยงกำปั้นมาอย่างแรง หมายจะกระแทกหน้าเด็กชายประหลาดที่มีกำลังผิดมนุษย์นั้นให้หงายหลังไป แต่มือที่เล็กและแข็งแรงดังคีมกลับคว้าหมับเข้าที่ข้อพับตรงศอก และหักบิดมันจนดังกร๊อบอย่างไม่ปราณี

                    อ๊ากกกกกกกกกก!!! แขนชั๊น

                    เจ้าหัวขโมยร้องลั่น มันทั้งเตะทั้งถีบเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการ เรย์ปล่อยมือออก มันเซถอยหลังไปสี่ห้าก้าว กุมแขนข้างซ้ายไว้แน่น น้ำตาไหลพราก

                    เด็กชายลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ดวงตาสีดำเรืองวาววับเป็นประกายสลับแดง ค่อยๆยกมือขึ้นปาดเลือดออกจากดวงตาทั้งสองข้าง และเลียริมฝีปากไปมาราวกับเสือจ้องตะครุบเหยื่อ ดวงจันทร์เสี้ยวโผล่ขึ้นสว่างกลางหมู่ไม้ก่อนที่พระอาทิตย์จะหายลับไปสนิท มันเรืองวาวประหลาด และดูอำมหิตผิดความเป็นจริง

    แก! ไอ้เด็กีศาจ! แกหักแขนชั๊น

    เจ้าหัวขโมยตะโกนไม่เป็นคำ ความกลัวเริ่มคืบคลานไปทั่วร่างเมื่อเห็นเด็กชายเลียริมฝีปากแผล็บๆ ตาขวางและประกายเป็นสีแดง ไม่มีอารมณ์แสดงความรู้สึกใดๆบนใบหน้าของเรย์ มีเพียงดวงตาที่จ้องลงมาอย่างสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธ โกรธมากๆด้วย

    จะทำอะไรน่ะ อย่าอย่านะ เอ้านี่ กระเป๋า เอาไป ชั๊นให้แก แล้วไสหัวไปซะ ไม่ต้องมามองชั๊นแบบนี้! เจ้าหัวขโมยละล่ำละลัก โยนกระเป๋าหนังเล็กๆสีแดงให้เรย์ มันตกตุบที่เท้าของเด็กชาย แต่ดูเหมือนเด็กชายจะไม่เห็น สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างสั่นงกงันบนพื้นตรงหน้าเท่านั้น เจ้าหัวขโมยเห็นดังนั้นจึงลุกพรวดขึ้น และเผ่นหนีเข้าป่าไป เด็กชายแยกเขี้ยว หัวเราะฮ่าๆราวกับคนบ้า เขากระโดดพรึบไปบนกิ่งไม้ และเริ่มไล่ล่าตามเจ้าหัวขโมยไปอย่างรวดเร็ว

    ภายในป่าเล็กๆที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้หนามและเถาวัลย์ มันรกไปด้วยพุ่มไผ่เพ็กและไม้พุ่มจำพวกเฟิร์นโบราณ เจ้าหัวขโมยหกหน้าหกหลังขณะที่วิ่งหนี ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ดวงจันทร์ที่ขึ้นและส่องแสงเร็วกว่าปกติมาแทนที่ ทั้งป่ามืดสนิทและกรูเกรียวด้วยแรงลมประหลาด คนที่หนีเริ่มเหนื่อยอ่อนเพราะพลังที่ลดถอยไปกับการวิ่ง และเมื่อเท้าอันอ่อนล้าสะดุดกับรากไม้รากหนึ่งเข้า เขาก็คะมำไปนอนคลุกฝุ่นเบื้องหน้า

    เรย์กระโดดลงมาจากต้นไม้ และยืนสง่าอยู่เบื้องหน้าเจ้าหัวขโมยที่ผงะไปเมื่อเห็นเด็กชาย มันถอยหลังและพยายามลุกขึ้น ร้องออกมาอย่างตื่นกลัว เรย์ย่างเข้าไปใกล้ เขาเอามือขยุ้มผมเจ้าหัวขโมยและจับส่ายไปมา ก่อนไสจนหน้าหงาย เจ้าหัวขโมยร้องเหมือนหมูถูกเชือด เกาะข้อเท้าของเด็กชายพลางพูดพร่ำขอความเมตตา

    เก่งนักไม่ใช่รึ เด็กชายส่งเสียงถาม มันเย็นพอๆกับน้ำแข็ง มือคว้าที่ขากรรไกรเจ้าหัวขโมยและบีบให้มันเงยขึ้น เขานั่งชันเข่าข้างหนึ่ง สายตาอยู่ระดับเดียวกัน แกบอกว่าฉันดีแต่หนี ใช่ ฉันมันพวกขี้ขลาดสินะ ดีแต่ปีนต้นไม้และร้องเจี๊ยกๆเป็นลิง

    เปล่าไม่ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น ไม่ไม่เคยเลย ฉันต่างหากที่เป็นไอ้ขี้ขลาด เจ้าหัวขโมยร้องตอบเสียงแหลม ขี้หูขี้ตาไหลเป็นสาย

    งั้นมาว่าฉันทำไม แกบอกว่าฉันดีแต่หนี แต่นี่ไงล่ะการตอบโต้ของฉัน จะบอกอะไรให้อย่าง เรย์ตะคอก เลื่อนมือลงมาที่ลำคอของเจ้าหัวขโมย ดวงตาวาววับ แยกเขี้ยวออก ฉันน่ะ เลือดเย็นพอๆกับที่ฉันซื่อบื้อเป็นไอ้งั่งในสายตาแก ฉันไม่เคยคิดฆ่าคน ด้วยเหตุผลที่ฉันเกลียดพวกชอบใช้กำลังแต่ในตอนนี้ ฉันกลับรู้แล้วว่า การค่อยๆบีบคอแกให้ตายนี่มันก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน

    เจ้าหัวขโมยตาเหลือกขึ้น มันตะกายข้อมือของเรย์ที่กำลังเพิ่มการบีบรัดที่คอของเขา  เด็กชายแสยะปาก เขี้ยวสองข้างเป็นประกายกับแสงจันทร์ ความรู้สึกประหลาดอีกอย่างพุ่งพล่านขึ้นอีก มันเป็นการอยากชนะ อยากจะทำ อยากลิ้มลอง และหิวโหย หัวใจเต้นตุบๆภายในอกอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะกระเด็นออกมา พร้อมๆกับอาการปวดแสบปวดร้อนที่อกด้านขวา ทีแรกมันก็ล้ำเหลื่อมกับอารมณ์อยากจะฆ่า แต่พอวินาทีต่อมาที่เจ้าหัวขโมยหายใจติดขัด มันก็ปวดตุบราวกับจะระเบิด และเริ่มเผาผลาญภายในหน้าอกให้วูบวาบเหมือนกับเอาเหล็กร้อนๆมาวางทับ เขาชะงักกับความรู้สึกเจ็บปวดนั้น แต่ยังคงบีบคอของเจ้าหัวขโมยอยู่ เจ้าหัวขโมยตาถลน ร้องอ๊อกๆ สั่นหัวไปมา เรย์มองอย่างสะใจ พยายามไม่สนใจอาการปวดร้อนที่เพิ่มขึ้น แต่วินาทีต่อมา มันก็ถึงจุดระเบิด ทั่วทั้งร่างสั่นคลอนและครวญคราง เด็กชายร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ดวงตาพร่าพราย เจ้าหัวขโมยตาค้างอยู่ภายในกำมือเขา นิ่งเงียบ และไร้ซึ่งชีวิต เรย์ตะโกนออกมา บีบอกตัวเองแน่น เลือดภายในกายเดือดปุดๆ เขากระชากเสื้อออก และมองลงไปยังจุดที่ทำให้ร่างทั้งร่างกระตุก

    รอยสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่เด็กชายเห็นมันมาตั้งแต่จำความได้และประทับอยู่บนอกด้านซ้าย ต่ำลงมาจากกระดูกไหปลาร้า บัดนี้มันลุกเป็นไฟ แดงเรืองด้วยสีคล้ายเลือด ควันสีดำที่ดำสนิทลอยออกมาจางๆ เรย์ล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพยายามจะบังคับให้ตัวเองลุก แต่มันก็ไม่เป็นผล หัวเขาปวดตุบๆ ภาพรอบๆตัวดูเลือนราง และต่อมา เขาก็สลบไปข้างๆร่างแน่นิ่งไม่ไหวติงของ

     เหยื่อ ผู้เคราะห์ร้าย

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น