Daughter's Dante : คำภีร์เเห่งเทพ
เมื่อสาวน้อยนามว่า "ลูน่า" จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้พิทักษ์โลกไว้จากจอมมารผู้หิวโหยความมืดนามว่า ลูซิเฟอร์ โลกจะเป็นอย่างไร เมื่อเทพทุกองค์มารวมกัน ไม่ว่าจะ เทพกรีก เทพนอส เเละ เทพอียิปต์
ผู้เข้าชมรวม
1,045
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
Daughter Dante ดันเต ลูซิเฟอร์ เวอจิล นรก สวรรค์ เทพกรีก เทพนอส เทพอียิปต์ โอดิน โลกิ ทอร์ ซูส เฮดิส .....
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นวนิยายเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมอุปมานิทัศน์ของ ดันเต อาลีกีเอรี ซึ่งเป็นรัฐบุรุษ กวี ที่เป็นผู้ใช้ชีวิตอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 และ 14 ในยุคกลาง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางตามหาคนรักของ ดันเต นั่นก็คือ เบียทริซ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ ดันเต ได้หลงใหลในวัยเยาว์ ซึ่งทางผู้เขียนนวนิยายได้แรงบรรดาลใจจากจิตนิยายเรื่อง ดีวีนากอมเมเดีย (อิตาลี: Divina Commedia; อังกฤษ: Divine Comedy) มาเป็นรากฐานในการแต่งนวนิยาย เรื่อง “Daughter Dante” เรื่องนี้
ดันเต ได้พบกับ นาง เบียทริซ ซึ่งเป็นคนรักของเขา ในภูมิสวรรค์ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดันเตไม่ได้พึ่งประสงค์ไว้จาก เวอจิล(Vergil) ซึ่งเป็นผู้นำทางดันเตในการทัวร์ในดินแดนนรก หลังจากที่ได้กลับออกมาจากดินแดนนรกอย่างปลอดภัย ดันเตและเวอจิล ได้เดินทางมาถึงยังดินแดนสรวงสวรรค์ และเป็นที่ที่ดันเตได้พบกับคนรักของเขา นั่นก็คือ เบียร์ทริช แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่ทำได้เเค่นั้น เพราะเบทริชได้เป็นดงววิญญาณบนสรวงสวรรค์และเป็นสัญลักษณ์ความศรัทธาของพระผู้เป็นเจ้า เเละเพื่อเป็นผู้พาดันเตทัวร์การเดินทางไปในดินแดนสรวงสวรรค์ และในที่สุดดันเตก็ได้เดินทางมาจนถึงจุดสิ้นสุดและได้นำเรื่องราวจากการเดินทางมาเล่าเรื่องราวและสร้างมโนภาพเกี่ยวนรกและสวรรค์ผ่านหนังสือของดันเต
แต่ก่อนที่ดันเตจะกลับนั้นพระเจ้าได้เห็นถึงความรักที่จริงใจของดันเตที่มีให้แก่เบียร์ทริช ท่านจึงมีข้อเสนอมาเสนอแก่ดันเต ซึ่งทำให้ดันเตนั้นปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือการให้ดันเตได้พบกับเบียทริซครั้งละปีเท่านั้น แต่แลกด้วยการที่ต้องดูแลพลังที่สามารถควบคุมทั้งสองโลกได้ เพื่อไม่ให้ทั้งสองโลกทำสงครามต่อกัน และป้องกันไม่ให้ปีศาจหลุดออกมาจากนรกได้ และดันเตต้องเป็นอมตะไปจนกว่าจะมีผู้สืบทอดที่มาจากสายเลือดโดยตรงของดันเตเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่าดันเตคงไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอของพระเจ้าได้ เพราะข้อเสนอนั้นมันช่างไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ลง ทำได้แค่ยอมรับข้อเสนอของพระเจ้าเพื่อที่จะได้พบกับคนรักเพียงแค่ครั้งละปีเท่านั้น หลังจากที่พระเจ้าลับหายไป เบียทริซ ได้ปรากฏตัวต่อหน้าดันเต พระเจ้ามอบสิ่งที่ดันเตปรารถนาตามคำสัญญา
จากวันเป็นเดือน
จากเดือนเป็นปี ความรักของดันเตและเบทริชผ่านล่วงเลยมาถึง 500 ปี
เบทริชกับดันเตได้มีบุตรร่วมกัน ในวันพระจันทร์เต็มดวง ในปี 2018 เด็กทารกน้อยเพศหญิงมีหน้าตาที่น่ารักเกินที่สาวใดจะเทียบเทียม
พวกเค้าได้ตั้งนามให้แก่บุตรสาวผู้นี้ว่า “ลูน่า”
ซึ่งมาจากดวงจันทร์ที่ส่องสว่างยามค่ำคืนอันมืดมิด และจากจุดเริ่มต้นจุดเล็กๆจุดนี้เอง
ที่ซึ่งการเติบโตและการเดินทางการผจญภัยของเด็กน้อย ได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้
รวีชล กล้าหาญ
ผู้เขียน
พฤษภาคม 2018
ปฐมบท
ค่ำคืนอันเงียบงัน มันเหมือนกับค่ำคืนสมัยยุคโบราณที่รถยนต์ยังไม่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ผู้คนต่างหลับใหลอยู่ในที่พักอาศัยที่เป็นลักษณะอพาร์ทเม้นท์เป็นแถวๆแนวยาวกันไปในเมืองเวนิส ณ เวลานั้นดันเตกับเบียร์ทริซกำลังหลับอยู่บนเตียงของพวกเค้า ซึ่งลูน่าตัวน้อยก็กำลังหลับฝันหวานอยู่ในห้องนั้นด้วยเช่นกัน
ลมพัดผ้าม่านไหวๆตรงหน้าต่างห้องนอนของเค้า
ดันเตรู้สึกได้ทันทีว่าห้องนอนไม่ได้มีแค่พวกเค้า 3 คนอีกต่อไป
ความจริงดันเตนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร หรือว่าคือใคร “ท่านจะมาก็ควรที่จะบอกข้าก่อนนะ
ไม่มีใครเค้าทำกันแบบนี้แล้วในยุคนี้ อย่างนี้เค้าเรียกว่าโจร” ดันเตกล่าวไปยังเงาดำซึ่งเป็นร่างชายสูงใหญ่กว่าคนปรกติ
แต่ไม่ถึงกับต้องเรียกว่ายักษ์
เงานั้นเผยตัวตนออกมา
เป็นบุรุษผู้มีใบหน้างดงามเครายาวดกดำ ผมยาวดุจดังสตรี
ชายผู้นั้นใส่ชุดสูทสีขาวสง่าใบหน้าเปื้อนยิ้ม ซึ่งส่งไปยังดันเตที่กำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง
“ดันเตเอ๋ย
เรานั้นเป็นพระเจ้า
ผู้คนที่ได้แค่ศรัทธากับสวดวิงวอนจะมามองเห็นเราหรือสัมผัสเราได้เยี่ยงไร
พวกเค้ามองไม่เห็นเราหรือสัมผัสเราได้ นอกจากแค่เจ้ากับเบียทริซเท่านั้นที่จะมองหรือสัมผัสถึงเราได้” พระเจ้าตรัสกลับไป “อย่างน้อยท่านก็น่าจะเคาะประตูบ้านข้าเสียก่อนหรือปล่าวหละ”
ดันเตตอบกลับเชิงหงุดหงิดกลับไปแก่พระเจ้า “แต่ท่านมาที่นี่ท่านมีธุระอะไรกับข้ากัน”
“ดันเต เจ้ายังจำคำสัญญาที่ให้ไว้กับเราได้หรือไม่ ว่าเจ้าจะหมดพันธะนี้เมื่อเจ้าได้ให้กำเนิดบุตรที่มาจากสายเลือดเจ้า” พระเจ้าเปลี่ยนอารมณ์ทันที ความเงียบเข้าครอบงำ เค้ารู้สึกได้ทันทีว่าเหมือนเรื่องร้ายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นกับเค้า ซึ่งเค้ารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร แต่ดันเตเลือกที่จะพูดปดแก่พระเจ้า “ท่านกำลังพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ” ดันเตทำท่าทางฉงน “เราคาดการณ์ไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องตอบแบบนี้แก่เรา เราอ่านใจเจ้าได้นะ....ดันเต” พระเจ้าขำขันเล็กน้อยก่อนที่จะเปลี่ยนใบหน้าเป็นใบหน้าที่นิ่งขรึมดูน่ากลัว
ทันใดนั้นประตูถูกปิดกระแทกอย่างแรง ลมพัดแรงขึ้น เฉกเช่นพายุโหมกระหน่ำเข้ามาในบ้านของพวกเค้า เบียทริซตื่นขึ้นทันทีด้วยความตกใจและลนลาน “ท่านยกโทษแก่ดันเตเถอะ เค้าทำไปเพราะปกป้องพวกข้า”เบียร์ทริซวิงวอน แต่พระเจ้าไม่ฟังนาง ร่างของนางค่อยๆสลายอย่างช้าๆ ซึ่งลอยปนไปในพายุที่กำลังโหมหนักขึ้นเรื่อยๆ ดันเต พยายามที่จะคว้ามือของนางไว้ แต่กลับสายไปเสียแล้ว นางสลายไปจนหมด ไม่สามารถที่จะคว้ามาได้อีก
พายุได้สงบลงโดยการควบคุมของพระเจ้า
ดันเตได้แต่น้ำตาซึมและคิดแค้นอยู่ในใจ ณ
ตอนนี้ความเคียดแค้นที่มีแก่พระเจ้านั้นหนักหน่วงขึ้น “เจ้าเลือกให้เราต้องทำเช่นนี้
ดันเต ในใจเจ้าความเคียดแค้นนั้นมันไม่สามารถช่วยเจ้าได้หรอกนะ” ทันใดนั้นดันเตลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วและต่อยไปที่ใบหน้าของพระเจ้าอย่างจัง
ใบหน้าของท่านไม่สะทกสะท้านใดๆ ได้แต่นิ่งเฉยแค่นั้น “อย่างน้อยข้าก็ยังรู้สึกเป็น” ดันเตกัดฟันพูดกับพระเจ้า
“เราให้เจ้าเป็นอมตะแต่เราไม่ได้ให้พลังแก่เจ้า” พระเจ้าเอามือแตะไปยังบนบ่าของดันเต
“เจ้าได้พ้นจากอำนาจอมตะ
ณ บัดนี้ ข้าขอถอนอำนาจนี้ออกจากกายเจ้า” หลังจากที่พระเจ้าได้กล่าวเสร็จ ร่างกายของดันเตค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ
ดันเตรู้ดีว่าตนต้องตายถ้าอำนาจนี้หายใปเพราะตนเองอยู่มาถึง 500 ปี
ดันเตจึงไม่แปลกใจ แต่การที่ร่างค่อยๆสลาย มันเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด
แต่คงไม่เท่าการที่ต้องทิ้ง ลูน่าตัวน้อยไว้ในเตียงเพียงผู้เดียว
น้ำตาของดันเตไหลริน และก่อนสลายจนหมด
ใจของดันเตได้พยาบาทพระเจ้าเอาไว้ซึ่งเค้าจะต้องได้กลับมาแก้แค้นพระเจ้าในไม่ช้าก็เร็ว
ดันเตผู้เป็นพ่อ
เบียทริซผู้เป็นแม่ ได้สูญสลายสิ้นไปแล้ว เหลือไว้เพียงลูน่า
ที่นอนอยู่บนเตียงเด็ก พระเจ้ายังคงอยู่ตรงปลายเตียงของเธอ จ้องมองเด็กทารกน้อย ผู้ที่จะเป็นผู้กอบกู้สงครามที่ยิ่งใหญ่เมื่อเวลานั้นมาถึง
เธอจะเป็นผู้นำชัยมาแก่มวลมนุษย์และเทพทุกแห่งหน
พระเจ้าได้ทรงเรียกนกกระทุงมา มันเกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง และมองไปยังเด็กน้อย
“เจ้าจงนำเด็กทารกน้อยผู้นี้ ไปซ่อนอย่าให้มีผู้ใดหรืออสูรกายใดได้พบเจอ เธอคือความหวังของเรา สงครามที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมา เธอเท่านั้นคือความหวังเดียว” จากนั้นนกกระทุงก็คาบเด็กน้อยและบินล่องไปในนภา ซึ่งจะเป็นการเดินทางที่แสนไกลของเด็กน้อยเลยก็ว่าได้ และเด็กน้อยไม่รู้เลยว่าสิ่งชั่วร้ายเเละอันตรายนี้กำลังใกล้เข้ามาเเล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ Raweechon ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Raweechon
ความคิดเห็น