Daughter's Dante : คำภีร์เเห่งเทพ
เมื่อสาวน้อยนามว่า "ลูน่า" จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้พิทักษ์โลกไว้จากจอมมารผู้หิวโหยความมืดนามว่า ลูซิเฟอร์ โลกจะเป็นอย่างไร เมื่อเทพทุกองค์มารวมกัน ไม่ว่าจะ เทพกรีก เทพนอส เเละ เทพอียิปต์
ผู้เข้าชมรวม
1,055
ผู้เข้าชมเดือนนี้
14
ผู้เข้าชมรวม
Daughter Dante ดันเต ลูซิเฟอร์ เวอจิล นรก สวรรค์ เทพกรีก เทพนอส เทพอียิปต์ โอดิน โลกิ ทอร์ ซูส เฮดิส .....
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นวนิยายเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมอุปมานิทัศน์ของ ดันเต อาลีกีเอรี ซึ่งเป็นรัฐบุรุษ กวี ที่เป็นผู้ใช้ชีวิตอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 และ 14 ในยุคกลาง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางตามหาคนรักของ ดันเต นั่นก็คือ เบียทริซ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ ดันเต ได้หลงใหลในวัยเยาว์ ซึ่งทางผู้เขียนนวนิยายได้แรงบรรดาลใจจากจิตนิยายเรื่อง ดีวีนากอมเมเดีย (อิตาลี: Divina Commedia; อังกฤษ: Divine Comedy) มาเป็นรากฐานในการแต่งนวนิยาย เรื่อง “Daughter Dante” เรื่องนี้
ดันเต ได้พบกับ นาง เบียทริซ ซึ่งเป็นคนรักของเขา ในภูมิสวรรค์ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดันเตไม่ได้พึ่งประสงค์ไว้จาก เวอจิล(Vergil) ซึ่งเป็นผู้นำทางดันเตในการทัวร์ในดินแดนนรก หลังจากที่ได้กลับออกมาจากดินแดนนรกอย่างปลอดภัย ดันเตและเวอจิล ได้เดินทางมาถึงยังดินแดนสรวงสวรรค์ และเป็นที่ที่ดันเตได้พบกับคนรักของเขา นั่นก็คือ เบียร์ทริช แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่ทำได้เเค่นั้น เพราะเบทริชได้เป็นดงววิญญาณบนสรวงสวรรค์และเป็นสัญลักษณ์ความศรัทธาของพระผู้เป็นเจ้า เเละเพื่อเป็นผู้พาดันเตทัวร์การเดินทางไปในดินแดนสรวงสวรรค์ และในที่สุดดันเตก็ได้เดินทางมาจนถึงจุดสิ้นสุดและได้นำเรื่องราวจากการเดินทางมาเล่าเรื่องราวและสร้างมโนภาพเกี่ยวนรกและสวรรค์ผ่านหนังสือของดันเต
แต่ก่อนที่ดันเตจะกลับนั้นพระเจ้าได้เห็นถึงความรักที่จริงใจของดันเตที่มีให้แก่เบียร์ทริช ท่านจึงมีข้อเสนอมาเสนอแก่ดันเต ซึ่งทำให้ดันเตนั้นปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือการให้ดันเตได้พบกับเบียทริซครั้งละปีเท่านั้น แต่แลกด้วยการที่ต้องดูแลพลังที่สามารถควบคุมทั้งสองโลกได้ เพื่อไม่ให้ทั้งสองโลกทำสงครามต่อกัน และป้องกันไม่ให้ปีศาจหลุดออกมาจากนรกได้ และดันเตต้องเป็นอมตะไปจนกว่าจะมีผู้สืบทอดที่มาจากสายเลือดโดยตรงของดันเตเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่าดันเตคงไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอของพระเจ้าได้ เพราะข้อเสนอนั้นมันช่างไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ลง ทำได้แค่ยอมรับข้อเสนอของพระเจ้าเพื่อที่จะได้พบกับคนรักเพียงแค่ครั้งละปีเท่านั้น หลังจากที่พระเจ้าลับหายไป เบียทริซ ได้ปรากฏตัวต่อหน้าดันเต พระเจ้ามอบสิ่งที่ดันเตปรารถนาตามคำสัญญา
จากวันเป็นเดือน
จากเดือนเป็นปี ความรักของดันเตและเบทริชผ่านล่วงเลยมาถึง 500 ปี
เบทริชกับดันเตได้มีบุตรร่วมกัน ในวันพระจันทร์เต็มดวง ในปี 2018 เด็กทารกน้อยเพศหญิงมีหน้าตาที่น่ารักเกินที่สาวใดจะเทียบเทียม
พวกเค้าได้ตั้งนามให้แก่บุตรสาวผู้นี้ว่า “ลูน่า”
ซึ่งมาจากดวงจันทร์ที่ส่องสว่างยามค่ำคืนอันมืดมิด และจากจุดเริ่มต้นจุดเล็กๆจุดนี้เอง
ที่ซึ่งการเติบโตและการเดินทางการผจญภัยของเด็กน้อย ได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้
รวีชล กล้าหาญ
ผู้เขียน
พฤษภาคม 2018
ปฐมบท
ค่ำคืนอันเงียบงัน มันเหมือนกับค่ำคืนสมัยยุคโบราณที่รถยนต์ยังไม่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ผู้คนต่างหลับใหลอยู่ในที่พักอาศัยที่เป็นลักษณะอพาร์ทเม้นท์เป็นแถวๆแนวยาวกันไปในเมืองเวนิส ณ เวลานั้นดันเตกับเบียร์ทริซกำลังหลับอยู่บนเตียงของพวกเค้า ซึ่งลูน่าตัวน้อยก็กำลังหลับฝันหวานอยู่ในห้องนั้นด้วยเช่นกัน
ลมพัดผ้าม่านไหวๆตรงหน้าต่างห้องนอนของเค้า
ดันเตรู้สึกได้ทันทีว่าห้องนอนไม่ได้มีแค่พวกเค้า 3 คนอีกต่อไป
ความจริงดันเตนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร หรือว่าคือใคร “ท่านจะมาก็ควรที่จะบอกข้าก่อนนะ
ไม่มีใครเค้าทำกันแบบนี้แล้วในยุคนี้ อย่างนี้เค้าเรียกว่าโจร” ดันเตกล่าวไปยังเงาดำซึ่งเป็นร่างชายสูงใหญ่กว่าคนปรกติ
แต่ไม่ถึงกับต้องเรียกว่ายักษ์
เงานั้นเผยตัวตนออกมา
เป็นบุรุษผู้มีใบหน้างดงามเครายาวดกดำ ผมยาวดุจดังสตรี
ชายผู้นั้นใส่ชุดสูทสีขาวสง่าใบหน้าเปื้อนยิ้ม ซึ่งส่งไปยังดันเตที่กำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง
“ดันเตเอ๋ย
เรานั้นเป็นพระเจ้า
ผู้คนที่ได้แค่ศรัทธากับสวดวิงวอนจะมามองเห็นเราหรือสัมผัสเราได้เยี่ยงไร
พวกเค้ามองไม่เห็นเราหรือสัมผัสเราได้ นอกจากแค่เจ้ากับเบียทริซเท่านั้นที่จะมองหรือสัมผัสถึงเราได้” พระเจ้าตรัสกลับไป “อย่างน้อยท่านก็น่าจะเคาะประตูบ้านข้าเสียก่อนหรือปล่าวหละ”
ดันเตตอบกลับเชิงหงุดหงิดกลับไปแก่พระเจ้า “แต่ท่านมาที่นี่ท่านมีธุระอะไรกับข้ากัน”
“ดันเต เจ้ายังจำคำสัญญาที่ให้ไว้กับเราได้หรือไม่ ว่าเจ้าจะหมดพันธะนี้เมื่อเจ้าได้ให้กำเนิดบุตรที่มาจากสายเลือดเจ้า” พระเจ้าเปลี่ยนอารมณ์ทันที ความเงียบเข้าครอบงำ เค้ารู้สึกได้ทันทีว่าเหมือนเรื่องร้ายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นกับเค้า ซึ่งเค้ารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร แต่ดันเตเลือกที่จะพูดปดแก่พระเจ้า “ท่านกำลังพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ” ดันเตทำท่าทางฉงน “เราคาดการณ์ไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องตอบแบบนี้แก่เรา เราอ่านใจเจ้าได้นะ....ดันเต” พระเจ้าขำขันเล็กน้อยก่อนที่จะเปลี่ยนใบหน้าเป็นใบหน้าที่นิ่งขรึมดูน่ากลัว
ทันใดนั้นประตูถูกปิดกระแทกอย่างแรง ลมพัดแรงขึ้น เฉกเช่นพายุโหมกระหน่ำเข้ามาในบ้านของพวกเค้า เบียทริซตื่นขึ้นทันทีด้วยความตกใจและลนลาน “ท่านยกโทษแก่ดันเตเถอะ เค้าทำไปเพราะปกป้องพวกข้า”เบียร์ทริซวิงวอน แต่พระเจ้าไม่ฟังนาง ร่างของนางค่อยๆสลายอย่างช้าๆ ซึ่งลอยปนไปในพายุที่กำลังโหมหนักขึ้นเรื่อยๆ ดันเต พยายามที่จะคว้ามือของนางไว้ แต่กลับสายไปเสียแล้ว นางสลายไปจนหมด ไม่สามารถที่จะคว้ามาได้อีก
พายุได้สงบลงโดยการควบคุมของพระเจ้า
ดันเตได้แต่น้ำตาซึมและคิดแค้นอยู่ในใจ ณ
ตอนนี้ความเคียดแค้นที่มีแก่พระเจ้านั้นหนักหน่วงขึ้น “เจ้าเลือกให้เราต้องทำเช่นนี้
ดันเต ในใจเจ้าความเคียดแค้นนั้นมันไม่สามารถช่วยเจ้าได้หรอกนะ” ทันใดนั้นดันเตลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วและต่อยไปที่ใบหน้าของพระเจ้าอย่างจัง
ใบหน้าของท่านไม่สะทกสะท้านใดๆ ได้แต่นิ่งเฉยแค่นั้น “อย่างน้อยข้าก็ยังรู้สึกเป็น” ดันเตกัดฟันพูดกับพระเจ้า
“เราให้เจ้าเป็นอมตะแต่เราไม่ได้ให้พลังแก่เจ้า” พระเจ้าเอามือแตะไปยังบนบ่าของดันเต
“เจ้าได้พ้นจากอำนาจอมตะ
ณ บัดนี้ ข้าขอถอนอำนาจนี้ออกจากกายเจ้า” หลังจากที่พระเจ้าได้กล่าวเสร็จ ร่างกายของดันเตค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ
ดันเตรู้ดีว่าตนต้องตายถ้าอำนาจนี้หายใปเพราะตนเองอยู่มาถึง 500 ปี
ดันเตจึงไม่แปลกใจ แต่การที่ร่างค่อยๆสลาย มันเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด
แต่คงไม่เท่าการที่ต้องทิ้ง ลูน่าตัวน้อยไว้ในเตียงเพียงผู้เดียว
น้ำตาของดันเตไหลริน และก่อนสลายจนหมด
ใจของดันเตได้พยาบาทพระเจ้าเอาไว้ซึ่งเค้าจะต้องได้กลับมาแก้แค้นพระเจ้าในไม่ช้าก็เร็ว
ดันเตผู้เป็นพ่อ
เบียทริซผู้เป็นแม่ ได้สูญสลายสิ้นไปแล้ว เหลือไว้เพียงลูน่า
ที่นอนอยู่บนเตียงเด็ก พระเจ้ายังคงอยู่ตรงปลายเตียงของเธอ จ้องมองเด็กทารกน้อย ผู้ที่จะเป็นผู้กอบกู้สงครามที่ยิ่งใหญ่เมื่อเวลานั้นมาถึง
เธอจะเป็นผู้นำชัยมาแก่มวลมนุษย์และเทพทุกแห่งหน
พระเจ้าได้ทรงเรียกนกกระทุงมา มันเกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง และมองไปยังเด็กน้อย
“เจ้าจงนำเด็กทารกน้อยผู้นี้ ไปซ่อนอย่าให้มีผู้ใดหรืออสูรกายใดได้พบเจอ เธอคือความหวังของเรา สงครามที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมา เธอเท่านั้นคือความหวังเดียว” จากนั้นนกกระทุงก็คาบเด็กน้อยและบินล่องไปในนภา ซึ่งจะเป็นการเดินทางที่แสนไกลของเด็กน้อยเลยก็ว่าได้ และเด็กน้อยไม่รู้เลยว่าสิ่งชั่วร้ายเเละอันตรายนี้กำลังใกล้เข้ามาเเล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ Raweechon ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Raweechon
ความคิดเห็น