ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~แวมเพอร์เรีย วิกฤติรักแวมไพร์( SUJU ) HanHyuk~ Yaoi

    ลำดับตอนที่ #75 : [ Shot fiction ] ~ School Life ~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 222
      4
      3 มิ.ย. 56

     







     

    SF school life

     

     


     

    ชายหนุ่มตัวสูงในชุดเสื้อเชิตสีขาวเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนดังระดับห้าดาว เขายังคงนอนอย่างเอื่อยๆโดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าตอนนี้เป็นเวลาเรียนในวิชาคณิตศาสตร์...และเขาโดดเรียนเป็นประจำ ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งอื่นๆที่เขาจะหลบมานอนบนดาดฟ้า รอให้เวลาผ่านไปจนกว่าจะหมดชั่วโมง สายตาคมเหม่อมองออกไปไกลในขณะเอื่อมมือออกมาใส่หูฟังและเปิดเพลงร็อกดังลั่น เดิมทีแม้เขาจะอยู่ปีสุดท้ายและออกจะเป็นช่วงเทอมสุดท้ายด้วยซ้ำ เขากลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ก็ในเมื่อไม่คิดจะเรียนต่ออะไรอยู่แล้ว อยากจะทำงานแล้วย้ายออกจากบ้านเฮงซวยที่อยู่ตอนนี้ใจจะขาด


    พ่อกับแม่ก็แทบจะไม่สนใจเขาอยู่แล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนก็ดีกว่านี้แท้ๆ ในตอนที่ยังอยู่บ้านหลังเล็กๆที่มีเงินเดือนแค่หยิบมือ ไม่รู้ทำไมหลังจากที่พ่อเขาสอบเป็นทนายได้ และแม่เขาประสบความสำเร็จในการทำร้านอาหารกับเพื่อนจนตอนน้กลายเป็นผู้จัดการร้าน ทุกอย่างก็แย่ลงเมื่อพ่อเขาทำงานทั้งวัน แต่แม่เขาทำงานทั้งคืน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมีเวลามองหน้ากันครบทั้งสามคนเมื่อไหร เขาอยากจะเรียนให้จบ หางานเล็กๆทำแล้วย้ายออกไปจากบ้านหลังใหญ่ไปอยู่รูหนูเล็กๆที่อย่างน้อยๆก็คงดีกว่าตอนนี้


    ฮันกยองถอนหายใจยาวก่อนจะยกมือขึ้นมาหนุนหัวตัวเองในขณะมองก้อนเมฆลอยผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหรแล้ว ก่อนที่โทรศัพท์เขาจะเตื่อนขึ้นมาว่ามีข้อความเข้า ชายหนุ่มจึงเอื่อมมือออกไปหยิบมันขึ้นมาเปิดดู เป็นข้อความจากคิบอมเพื่อนสนิทของเขาที่ส่งมาให้ในเชิงว่าขอให้ลงมาเรียน เพราะมีอาจารย์ฝึกหัดมาใหม่และตอนนี้กำลังมีปัญหาว่าเขาหายตัวไป แล้วไง...ใครมันจะกล้าทำอะไรเขา ขนาดอาจารย์ใหญ่ยังไม่กล้ายุ่งเลย ชายหนุ่มคิดเซงๆก่อนจะส่งงข้อความกลับไปบอกสั้นๆว่า...ช่างมัน แล้วนอนต่อไปเหมือนเดิม






    ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร ในเมื่อคาบแนะนำตัวครั้งแรกของเขาหลังจากที่ได้บรรจุเป็นอาจารย์หลังจากเรียนจบมาได้สองเดือนเท่านั่น เขาเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ในที่สุด หลังจากเรียนอย่างเอาเป็นเอาได้จนสามารถจบออกมาได้ด้วยเวลาเพียงสามปีเท่านั่น แถมยังได้เป็นอาจารย์สอนเด็กๆม.ปลายที่แสนน่ารักอีก ซึ่งที่เขากำลังโมโหอยู่ตอนนี้คือเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่บังเอิญมาเรียนแต่พึ่งออกไปทั้งตัวและกระเป๋าก่อนที่เขาและอาจารย์คณิตศาสตร์อีกคนจะเข้ามาพอดี ซึ่งเขาได้รับคำเยาะเย้ยเล็กๆจากอาจารย์ผู้ช่วยว่าแค่วันแรกเด็กก็หนีซะแล้ว อาจจะเป็นเหตุผลที่อาจารย์คณิตอีกคนบอกเขาว่าเพราะเธอเรียนและสอบเกือบๆ6ปีกว่าจะได้เป็นอาจารย์ จึงค่อนข้างไม่ถูกชะตากับเขา แล้วยังไง...ไม่ว่ายังไงเขาก็จะตามเจ้าเด็กนั่นมาเรียนให้ได้


    จากคำบอกของเพื่อนสนิทเขาคนนั่น รู้สึกว่าจะเป็นเด็กที่ชื่อ...ฮันกยอง เด็กเกเรที่มีเรื่องไปทั่ว แต่กลับมีผลการเรียนที่ดีมากจนอาจารย์เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ส่วนใหญ่จึงทำแค่ปล่อยๆไปในเมื่อคะแนนสอบก็เต็มบ้าง เกือบเต็มบ้าง แม้แต่วิชาคณิตศาสตร์ที่เจ้าตัวแทบจะไม่โผล่หน้ามาเรียนก้ยังได้เต็ม!! นั่นทำให้เขาค่อนข้างอยากจะเห็นหน้าเจ้าเด็กที่ความสามารถกับนิสัยขัดกันเหลือเกิน


    เขาพลักประตูดาดฟ้าให้เปิดออกในขณะมองหาตัวต้นเหตุ ซึ่งก็นอนอยู่ตรงนั่น กับเฮดโฟนสีน้ำเงินเข้ม เสื้อเชิตถูกปลดออกโดยที่มีเสื้อสูทสีดำวางอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าคมมองเหม่อออกไปโดยที่ไม่แม้แต่จะสนใจเขาด้วยซ้ำ ทั้งยังขายาวที่กระดิกนิดๆเหมือนกับยั่วโมโหเขา ทำให้ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปใกล้


    “นาย ทำไมไม่ไปเรียน”เขาเดินเข้าไปใกล้แต่ก็ไร้ซึ่งความสนใจจากคนบนพื้น ทำให้เขาส่งเสียงเรียกมากขึ้นทำให้คนตัวสูงหันมามองเขา


    “ถอดูฟังนั่นออกเดียวนี้!”เขาตะโกนออกไป ทำให้ร่างสูงเพียงแค่เอื่อมมือออกมาดึงหูฟังออก ก่อนจะเลิกคิ้วในเชิงถาม


    “นายโดดเรียนในวิชาคณิตศาสตร์”เขาพูดในเชิงดุ ทำให้ร่างสูงพยักหน้า


    “แล้วทำไม?”คำแรกที่ออกมาจากปากทำให้เขาอ้าปากค้าง


    “นายอยากสอบตกหรือไง”เขาพูดออกไป พยายามนึกถึงจิตวิทยาที่เรียนมาเพื่อใช้กับเด็กนักเรียนที่ดื้อรั้น แต่ดูแล้วอาจจะใช่ไม่ได้ผลกับคนตัวสูง


    “มันไม่เกี่ยวกับนาย”เสียงทุ้มพูดออกไป ทำให้เขายกมือขึ้นมาเท้าเอว


    “ลุกขึ้นมาเดียวนี้!”เขาออกเสียงสั่งเพื่อให้ดูน่าเกรงขาม ทำให้ชายหนุ่มลุกขึ้นมาอย่างเซงๆ และนั่นทำให้เขาไม่รู้สึกว่าเหนือกว่าแม้แต่น้อย เพราะคนตัวสูงและไหลกว้างๆทำให้เขาดูตัวเล็กลงไปทันที ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูกผมที่ตั้งนิดๆในขณะเอื่อมมือลงมาซุกไว้ในกระเป๋า ทั้งยังมองจ้องหน้าเขาอย่างไม่มีความกลัวเกรงจนเป้นเขาที่ต้องหลบตาแทน


    “นายสินะอาจารย์คณิตคนใหม่”ชายหนุ่มพูดขึ้นมาพลางมองสำรววจเขาทั้งตัวจนเขาเริ่มรู้สึกประหม่า “นายอายุเท่าไหรถึงมาเป็นอาจารย์...เรียนจบหรือยัง” เสียงทุ้มๆที่ถามออกมาทำให้เขาเริ่มรู้สึกลนลานเข้าไปทุกที


    “นายพูดกับคนที่แก่กว่าแบบนี้หรือไง”เขาขู่เล็กๆ ทำให้คนตัวสูงถอนหายใจ


    “ขอโทษครับ” ทำไมกันน่ะ...เขาถึงไม่รู้สึกว่าเป็นประโยคที่สุภาพซักนิด


    “ยังไงก็เถอะ...นายต้องกลับไปเรียน”เขาพูดตัดบท ทำให้คนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้เขา


    “ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน...ที่นี้เขาใช่คะแนนสอบ80เปอร์เซน งานอีก20 ซึ่งฉันส่งทุกงาน...ไม่มีคะแนนเข้าห้องเรียน”ชายหนุ่มบอกทำให้เขาคิดตาม ซึ่งนั่นก็จริงจนทำเขาเงียบ ไม่ได้...จะมากลัวนักเรียนไม่ได้


    “ฉันขอสั่งในฐานะอาจารย์ นายต้องไป”เขาขู่ออกไป แต่สายตาคมกลับยังคงจ้องมาที่เขาอย่างไม่กลัวเลยซักนิด


    “แล้วถ้าไม่ไปนายจะทำยังไง ลากฉันไปหรือ?”ฮันกยองบอกหน่ายๆในขณะก้มลงไปหยิบกระเป่ากับเสื้อสูท


    “ฉันจะตัดคะแนนนาย จะให้นายตกในวิชาคณิตศาสตร์ และนายจะไม่จบ!”เขาเห็นว่าคนตัวสูงชะงักก่อนที่จะค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้เขาจนเขาถอยหนีโดยไม่รู้ตัว


    “เอางั้นก็ได้...ถ้าคะแนนฉันออกมาดี แต่นายปรับฉันตก คิดว่าพ่อฉันซึ่งเป็นทนายจะปล่อยนายไปง่ายๆหรือ? อยากลองดูก็เอา อยากจะทำอะไรก็เอา แล้วแต่นายเลย...อาจารย์”เสียงทุ้มพูดออกมาในเชิงขู่ทำให้เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ก่อนที่คนตัวใหย่จะเดินเลี่ยงออกไป


    “จะไปไหนน่ะ..”ฮยอกแจวิ่งตามออกไปเมื่อคนตัวสูงเดินหนีเขา


    “กลับบ้าน”ฮันกยองบอกหน่ายๆ ในขณะที่เขาวิ่งตามคนตัวสูงลงบันได ซึ่งฮยอกแจเองดูจะตกใจกับคำพูดเอาแต่ใจนั่นไม่ใช่น้อย


    “กลับตอนนี้เนี่ยน่ะ!!”เขาได้ยินเสียงตัวเองร้องออกมาพลางก้มลงมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่า อีก15นาทีจะเที่ยง ซึ่งไม่ใช่เวลาเลิกเรียนแน่นอน


    ชายหนุ่มพยายามวิ่งลงไปให้ทันขายาวๆที่ไม่รู้ว่าทำไมดูจะเดินเร็วเสียงเหลือเกิน ก่อนจะเอื่อมมือออกไปคว้าแขนแข็งแรงเพื่อให้หยุดเดิน หรือไม่ก็ให้หันมาคุยกับเขา แต่ก็กลายเป็นว่าเขาคว้าพลาดไปจนเสียหลักเซลงไปจนดวงตากลมโตโตขึ้นมาด้วยความตกใจ ทั้งยังพยายามคว้าอะไรหลายๆอย่างเพื่อทรงตัวให้อยู่


    ฮันกยองมองดูคนตัวเล็กที่ตอนนี้เซลงมาจากบันได จนเขาต้องเอื่อมมือออกมาเพื่อรับไม่ให้คนตัวเล็กตกลงไปบนพื้นแข็งๆ ซึ่งทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในอ้อมกอดของเขาแขนหนึ่ง ในขณะที่แขนหนึ่งจับราวเหล็กไว้เพื่อไม่ให้เสียหายทรงตัว พลางมองสำรวจใบหน้าหวานที่ตอนนี้ตาโตขึ้นมาอย่างตกใจทั้งยังเกาะแขนเขาไว้แน่น ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมอาจารย์ตัวเล็กนี้ถึงได้ดูจะวุ่นวายกับชีวิตเขานัก ทักที่พึ่งมาบันจุแท้ๆ



    เขาออกแรงรั้งเบาๆให้คนตัวเล็กมายืนตรงๆอีกรอบ ในขณะที่ยังคงมองจ้องใบหน้าที่ตอนนี้แดงขึ้นมาเพราะสายตาของเขา ทำให้ชายหนุ่มดูจะสนใจไม่น้อยกับปฏิกิริยาน่ารักๆนี่ ให้ความรู้สึกเหมือนลูกแมวหลงทางจริงๆ แบบนี้ถ้าพากลับไปเลี้ยงที่บ้านจะเป็นยังไงน่ะ


    “ข...ขอบใจ”ฮยอกแจพูดขึ้นมาในที่สุดเมื่อเริ่มจะทนไม่ไหวกับสายตากรุ่มกริ่มที่มองมา ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูกอย่างถึงที่สุด และคำพูดนั่นทำให้นักเรียนของเขาพยักหน้าให้ในเชิงตอบรับก่อนจะปล่อยมือจากเขาและเดินลงบันไดต่อไป และเขาก็ไม่คิดจะตามอีกแล้ว









    หลังจากวันนั่นเหมือนกับว่าความพยายามของเขาจะไม่ไร้ผล เมื่อในที่สุดเขาก็สามารถทำให้ชายหนุ่มมาเรียนในวิชาคณิตสาสตร์ได้...บ้าง เขาเลยแก้เรื่องนี้ด้วยการสั่งกักบริเวณชายหนุ่มในตอนเย็นเพื่อเรียนพิเศษเพิ่มเติม แล้วเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมดูคนตัวสูงจะว่าง่ายแบบที่ว่าไม่ปฏิเสธสักนิด และงานของเขาเองก็ผ่านไปด้วยดี จนอะไรหลายๆอย่างเริ่มลงตัว ร่วมทั้งเรื่องของฮันกยองด้วย


    ชายหนุ่มเป็นคนที่หัวดีเอามากๆ ตอนนี้ไอ้ที่ว่าเรียนพิเศษก็หลายเป็นว่าตอนนี้เรียนล่วงหน้าคนอื่นๆในห้องไปจนเกือบจะจบแล้ว เขาละอดปลื้มไม่ได้ที่อย่างน้อยอนาคตของคนตัวสูงจะไปได้ไกลเอามากๆ แบบนี้มีหวังสอบเข้ามหาลัยอันดับต้นๆได้แน่ หรือย่างดีกว่านี้อาจจะสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศก็ยังทำได้


    แม้ว่าพักหลังๆฮันกยองจะดูไม่ค่อยสนใจโลกมากกว่าเดิมก็ตาม ซึ่งเหมือนๆเหตุผลจะมาจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเหมือนจะเป็นแฟนของฮันกยอง และตอนนี้ดูจะไปไม่สวยเท่าไหรเพราะเจ้าหล่อนไม่ชอบที่เขาจะต้องมาเรียนตอนเย็นแทนที่จะไปเที่ยวกับเธอ ซึ่งเขาเองก็ไม่ชอบเลยแม้แต่น้อยเวลาที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันส่วนเหตุผลที่ไม่ชอบก็...เขาเป็นอาจารย์นิ ยอมไม่ชอบเห็นเด็กนักเรียนหนีเรียนอยู่แล้ว


    “...ฉันอ่านจบแล้ว”เขาเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารเพื่อมองชายหนุ่มกับขายาวๆที่พาดอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้า ทำให้เขาพยักหน้านิดๆ จริงสิ...ไอ้เราก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนาน ลืมไปเลยว่าชายหนุ่มก็อยู่ด้วย เขาวางปากกาที่กำลังตรงงานนักเรียนค้างไว้ ก่อนจะเริ่มหาอะไรบางอย่าง


    “...งั้นนาย...เอ่อ...นั่งทำแบบฝึกหัดนี้...”เขาสะดุ่งเล็กๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาคมที่อยู่ห่างไปไม่มาก ซึ่งกับลังจ้องหน้าเขาอยู่จนเขาอดหลบตาไม่ได้ ทำไมกันน่ะถึงได้เกลียดสายตาบ้าๆนี้นัก ยิ่งนานวันเขาจะยิ่งแสดงอาการบ้าๆออกมาเพียงแค่คนตัวสูงมองมา แค่มอง!! นั่นไม่มีเอามากๆเลย


    “เป็นอะไร”ฮันกยองถามออกมา ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นสบตาคม


    “เปล่า...เอานี่ไปทำแล้วกัน เดียวฉัน...”


    “ฮยอกแจ”เขาได้ยินเสียงทุ้มพูดทำให้เขาเงียบ


    “ฉันเห็นนายนั่งเหม่อมานานแล้ว เป็นอะไรของนาย มีเรื่องอะไรหรือไง”ฮันกยองถามออกไปทำให้เขาเงียบ จะบอกได้ยังไงว่ามัวแต่คิดถึงเรื่องของคนตรงหน้ากับเด็กผู้หญิงสาวสวยโรงเรียนอื่น


    “ฉันเลิกกับแฟนแล้ว...”ฮันกยองพูดขึ้นมาในที่สุด ทำให้คนตัวเล็กเงยหน้ามองเขาอย่างออกไปทางตกใจนิดๆ เหตุผลก็ง่ายๆ...เขาไม่ชอบเธอแล้ว ออกไปทางเบื่อๆด้วยซ้ำ ในเมื่ออยู่กับคนตัวเล็กนี่สนุกกว่าเป็นไหนๆ คนที่คอยให้กำลังใจเขา และห่วงเขาในตอนนี้ไม่มีใครสนใจ...ซึ่งเป็นบ่อยๆ และเขาค่อนข้างมันใจในตัวเองมากกว่าตอนนี้เขาค่อนข้างคิดอะไรอักกุศลกับอาจารย์ตัวเล็กๆ ที่นับวันก็ยิ่งน่ารักมากขึ้นทุกทีในสายตาเขา เหลือเวลาอีกไม่นานเขาก็จะเรียนจบ จะไม่มีอะไรมาขวางเส้นทางของเขาแล้ว ซึ่งนั่นค่อนข้างน่ายินดีอยู่พอควร


    “ฉัน...เอ่อ...นายไม่ได้รักเธอหรือ?”เขาได้ยินเสียงเล็กๆถามออกมา ทำให้เขาส่ายหัวนิดๆ


    “ฉันคิดว่านายจะดีใจกว่านี้ซะอีก ตอนนี้ฉันโสดแล้วน่ะ”เขาพูดยิ้มๆทำให้ฮยอกแจตาโตขึ้นมา


    “พูดอะไรของนาย บ้า...ฉันเป็นอาจารย์น่ะ”เขามองใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่าย ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย


    “อาจารย์ครับ...ผมคิดว่าผมมีแนวคิดเล็กๆน้อยๆกับสายตาของอาจารย์เวลาที่มองมายังผม ผมมั่นใจว่าอาจารย์ชอบผม...พูดถูกไหมครับ”เขายิ้มออกมาเล็กๆเมื่อดวงตากลมโตพลุบลงต่ำ


    “ไม่ถูก! ฉันไม่ได้ชอบนาย”เสียงหวานๆพูดออกมา ทำให้เขานิ่ง แม้ว่าดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าโกหกแต่ก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่ดี ที่ถูกทำเหมือนกับถูกปฏิเสธ ทั้งๆที่ฮยอกแจเหมือนจะเป็นคนเดียวแท้ๆที่เข้าใจเขา


    “อย่ามาปฏิเสธหน่อยเลยหนา ดูยังไงก็รู้ว่านายชอบฉัน”ฮันกยองขึ้นเสียงเล็กๆ ทำให้ฮยอกแจหันหน้าหนี


    “บอกว่าไม่ได้ชอบ...”ฮยอกแจปฏิเสธเสียงอ่อน ทั้งยังไม่กล้าสบตาคมอย่างจริงจัง รู้ไหมว่ามันผิดแค่ไหนที่ชอบเด็กนักเรียนของตัวเอง...เป็นอาจารย์ที่แย่เอามากๆ และเขาไม่ได้ชอบสิ...ไม่...ไม่รู้ เขาไม่รู้อะไรทั้งนั่น ก็แค่คิดว่าอยากดูแลฮันกยอง แถมยังถูกเจ้าตัวมาพูดราวกับรู้ทันแบบนี้ คิดว่าเขาเขินไม่เป็นหรือไง


    แล้วเขาก็ต้องตาโตขึ้นมาเมื่อจู่ๆก็ถูกรั้งเข้าไปใกล้จนเขาอดตกใจไม่ได้ กว่าที่จะทันรู้ตัวเขาก็รับรู้ถึงริมฝีปากอุ่นๆประกบลงมาบนปากของเขา ปากหยักขยับเบาๆอย่างเรียกร้องจนเขาเผลอไปกับรสจูบหวานๆ เผยอปากออกรับลิ้นร้อนชื้นของอีกฝ่าย ทั้งยังจูบตอบคนตรงหน้าจนเผลอครางต่ำในลำคอ เป็นจูบที่ยาวนานก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่าทำแบบนี้มันผิดแค่ไหน






    เพี้ย!!!!!





    ฮยอกแจหอบหายใจเล็กๆพลางมองดูมือของตัวเองและใบหน้าหล่อๆของอีกฝ่ายที่ตอนนี้หันค้างไว้ด้วยแรงตบจากมือของเขา ก่อนที่คนตัวสูงจะค่อยๆหันมามองเขา ด้วยสายตาที่เรียบเฉยจนเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังรู้สึกกลัวเล็กๆกับสายตาเย็นชาที่มองมายังเขา


    “ไม่ชอบหรือไง...ก็เห็นจูบตอบดีนิ”


    “หยุดพูดน่ะ!! นายมันบ้าหรือไง ถึงได้มาทำแบบนี้”เขาขึ้นเสียงทำให้ฮัยกยองลุกออกไปจากโต๊ะแล้วหันมาจ้องหน้าเขานิ่ง


    “แล้วไอ้ที่นายมาสนใจใยดีฉันมันไม่ใช่เพราะนายชอบฉันแล้วมันเพราะเรื่องบ้าอะไร!”แทบจะเป็นครั้งแรกที่ฮันกยองตวาดใส่เขา ตามด้วยคนตัวสูงที่ตบลงมาบนโต๊ะจนเขาอดสะดุ้งไม่ได้


    “นายเป็นนักเรียนของฉันน่ะ...”เขาพยายามพูดให้ฮันกยองใจเย็นลง ทำให้ฮันกยองก้มหน้าลงไปเหมือนกับต้องการสงบสติอารมณ์ แล้วเขาควรจะทำยังไงละ รักกับนักเรียนก็ไม่ได้ ยอมรับความรู้สึกก็ไม่ได้ หากเกิดอะไรขึ้นแล้วเป็นเรื่องถึงฮันกยองจะทำยังไง ยิ่งคนตัวสูงจะจบอยู่แล้วด้วย ถ้าเกิดเรื่องจนทำให้มีปัญหาละก็ เขาคงทนไม่ได้แน่ๆ


    แล้วเขาก็หันมามองฮันกยองอีกครั้งเมื่อสังเกตเห็นมือหยาบเอื่อมออกไปหยิบเอกสารบนโต๊ะของเขา ทำให้เขาตาโตขึ้นมา เพราะว่ามันเป็นจดหมายขอบคุณที่คุณพ่อของฮันกยองส่งมาให้เขาเมื่อเช้านี้ หลังจากที่อาจารย์ใหญ่โทรไปบอกว่าเขาดูแลฮันกยองดีแค่ไหน และเขายังไมม่ได้เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ จะว่าลืมไปแล้วก็คงได้


    “นี่อะไร..”เขาได้ยินเสียงทุ้มถามออกมา ในขณะที่เขาพยายามหยิบมันคืนไป แต่ก็เพราะสายตาคมที่มองมาทำให้ฉันหยุด


    “ฮันกยอง ฉันอธิบายได้...”เขาพยายามพูดเมื่อเห้นสีหนาที่เปลี่ยนไปของคนตัวสูง กับจดหมายข้างใน ซึ่งไม่ว่ามันเขียนว่าอะไร มันคงทำให้ฮันกยองไม่พอใจแน่ๆ เขาเห็นฮันกยองกัดฟันแน่น ก่อนจะวางจดหมายลงบนโต๊ะและหยิบบางอย่างออกมาจากซองซึ่งทำให้เขามองตาม...มันเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาตาโตขึ้นมา


    “นายรับเงินจากพ่อฉัน เพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงงั้นหรือ?”เขามองสบตาคมที่มองตรงมายังเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ซึ่งเขาก็รีบปฏิเสธเป็นการใหญ่


    “เพราะแบบนี้นายถึงดูจะมาสนใจชีวิตฉัน สนใจอนาคตที่ฉันช่างหัวมันไปแล้ว แต่ก็เริ่มมาเตรียมตัวสอบวิศวะในตอนสุดท้าย เพราะแบบนี้นายถึงได้สนใจว่าฉันคิดอะไร หรือแม้แต่ยอมไปเที่ยวกับฉัน!!?”เขาแทบจะสะดุ้งขึ้นมากับเสียงตวาดน่ากลัวนั่น แต่กลับยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีกกับสายตาเย็นชาที่มองมาอย่าง...ผิดหวัง


    “ฮันกยอง ฉันไม่รู้เรื่อง สาบานได้...”เขาพยายามพูด แต่ร่างสูงก็ส่ายหัวเพื่อให้เขาหยุด


    “ฉันมันโง่มาก...พวกอาจารย์ก็แบบนี้ เห็นแกเงินกันไปหมด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉันถึงคิดจริงๆว่าอย่างน้อยนายอาจจะดีกับฉันอย่างจริงใจ เพราะชอบ...แล้วฉันมันก้บ้ามากที่ไปมีความหวังกับเรื่องหลอกลวงแบบนั่น”เขาอดน้ำตาคลอขึ้นมาไม่ได้กับคำพูดที่ทำให้เขาปวดใจมากขนาดนี้ ไม่อยากให้ฮันกยองเข้าใจผิด


    “เพราะฉันชอบนายต่างหาก ฉันถึงได้...”เขาตัดสินใจพูดออกไป แต่กลับถูกฮันกยองยกมือขึ้นมาให้หยุด


    “ต่อไปนี้ อาจารย์อย่ามายุ่งกับผมอีกเลย...ผมจะไม่เป็นปัญญาอะไรอีกแน่ๆ ขอแค่อย่ามายุ่งกับผมอีก” ฮยอกแจรู้สึกจุกขึ้นมากับคำพูดทีแสนสุภาพที่เขาเคยพร่ำบอกให้คนตัวสูงลองพูดกับเขาบ้าง แต่ทำไมมันช่างดูเหินห่างจนเขาอยากจะให้ฮันกยองกลับมาเล่นกับเขาเหมือนเดิม อย่างตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน หรือตอนที่ทักเขาด้วยชื่อห้วนๆตามทางเดิน


    “ฟังฉันอธิบายได้ไหม...ได้โปรดเถอะ...”เขาแทบจะกลั่นน้ำตาไม่ได้เมื่อเห็นว่าฮันกยองค่อยๆวางซองเงินบ้าๆนั่นลงบนโต๊ะเขา ก่อนจะก้มหัวให้เขานิดๆเป็นเชิงขอตัว เป็นครั้งแรกที่เคารพเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปหยิบเป้ของตัวเอง


    “เดี่ยวสิ..เรื่องนี้พ่อนายส่งมันมาให้ฉัน ฉันไม่ได้แม้แต่จะอ่านจริงๆน่ะ...”ฮันกยองมองดวงตากลมที่คลอไปด้วยน้ำตา ที่ตอนนี้กำลังพยายามพูดให้เขาฟัง แต่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมากไปกว่า เจ็บ...เจ็บที่หน้าอกราวกับโดนบีบ เพราะแบบนี้สิน่ะฮยอกแจถึงบอกว่าไม่ได้รักเขา แม้แต่นิด...เป้นเขาคนเดียวต่างหากที่บ้าบอไปเอง นึกเข้าข้างตัวเองตั้งนานสองนานว่าฮยอกแจมีใจให้ แล้วสุดท้ายก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครหรอกที่จะมาสนใจเขา ใครมันจะไปชอบได้ลงในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำตัวขวางโลก...ที่สำคัญ ยิ่งกับคนที่เป็นอาจารย์ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะสนใจนักเรียน แค่เพราะเขาเกเร จึงสนใจเขามากกว่าคนอื่น


    “ขอตัวก่อนนะครับ...”เขารีบพูดตัดบทเพื่อที่จะออกไปให้พ้นจากที่นี้โดยเร็วที่สุด ออกไปให้พ้นๆซักที ไม่อยากเห็นใบหน้าหวานๆที่ราวกับจะร้องไห้เพราะเสียใจจริงๆ เขาจะไม่หลงกลมันอีกแล้ว









    ฮยอกแจนั่งซึ่มอยู่ตรงเก้าอี้ในระหว่างกำลังรอจัดเก้าอี้ทั้งหลาย ในงานวันจบการศึกษาของพวกชั้นม.6 และเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาศจะได้พบกับฮันกยอง หลังจากคืนนั่นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน หลังจากที่ฮันกยองจูบเขา ทั้งที่ดีใจแต่กลับผลักไส้ความสุขนั่นออกไปจนเกิดเรื่องเข้าใจผิดใหญ่โตแบบนี้ขึ้น หลังจากนั่นฮันกยองก็ทำตัวดีขึ้นมาจนอาจารย์หลายๆคนออกปากชมกับเขา แต่เขาไม่ดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว


    เพราะมันแสดงให้เห็นว่าร่างสูงตั้งใจที่จะทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองจบออกไปแน่ๆ เขาเฝ้าภาวนาของให้คนตัวสูงหันมาทำตัวยังไงก็ได้ที่แสดงออกว่าโกรธ หรือโมโห แต่นี้กลับหันมาเป็นเด็กดี...เหมือนคนอื่นๆ พูดคุยก็ถามคำตอบคำ ไม่สบตา ไม่พูดเล่นหัว ไม่เรียกชื่อ...แทนที่ด้วยแค่ว่า “ครับ...อาจารย์” นั่นทำให้เขาแทบจะลงแดงตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมถึงได้เจ็บขนาดนี้ก็ไม่รู้ จนสุดท้ายฮันกยองก็เรียนจบด้วยคะแนนที่น่าตกใจเอามากๆ แถมยังได้ทุนเรียนวิศวะในแบบที่ไม่ต้องสอบแข่งขันกับใครเลย และกำลังจะไปจากเขา...อาจารย์งี่เง่าที่ทำร้ายจิตใจคนสำคัญของตัวเอง


    วันนี้และเขาจะต้องคุยกับฮันกยองให้รู้เรื่อง จะบอกว่าเขาโง่และเขาเสียใจแค่ไหนกับเรื่องที่ทำไป เขามันไม่ทันคิดและเขาเองก็ชอบร่างสูงเหมือนกัน อยากจะให้เรื่องราวจบลงด้วยดีกว่านี้...ไม่อยากให้เรื่องมันค้างคา และไม่อยากจากฮันกยองไป ไหนๆก็จบการศึกษาแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรถึงขั้นผิดกฎหมายแน่ๆ คิดดูดีๆแล้วพวกเขาห่างกันแค่4ปีเศษๆเอง มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรด้วยซ้ำ




    “ห๊ะ? ไม่มาหรือ????”เขาแทบจะร้องออกมา เมื่อหลังจากจบพิธีอะไรต่างๆที่กินเวลาทั้งวัน ในตอนสุดท้ายเขาก็เข้าไปหาคิบอมเพื่อถามถึงฮันกยอง และก็ได้ความว่าไม่มา...แถมใบจบของเจ้าตัวก็ทำเรื่องให้ส่งไปที่บ้านอย่างดี นี่วางแผนไว้อะไรขนาดนี้เนี่ย


    “ครับ...เห็นบอกว่าไม่สบาย เลยไม่มา”คิบอมบอกอีก ทำให้เขาพอรู้และว่าเป็นข้ออ้าง ชายหนุ่มถอนหายใจนิดๆพลางคิดว่าจะเอายังไงดี ถ้าอยู่ต่อละก็คงจะต้องไปกินเลี้ยงกับพวกอาจารย์ในงานฉลองเล็กๆแน่ๆ เขาหันมาทางชายหนุ่มตัวสูงตรงหน้าก่อนจะเริ่มพูด


    “คิบอม...นายรู้ใช่ไหมว่าบ้านฮันกยองอยู่ไหน”







    ร่างสูงของฮันกยองๆค่อยๆขยับตัวอย่างไม่ค่อยพอใจนักเมื่อจู่ๆเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดัง และเขามั่นใจว่าไม่มีใครไปเปิดประตูแน่ ในเมื่อเขาอยู่คนเดียว เขาคำรามเบาๆอย่างขัดใจในขณะขับตัวอีกครั้ง ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มในกางเกงขายาวสีดำเดินอย่างไม่ค่อยพอใจไปที่หน้าต่างบานใหญ่ เลิกม่านออกทำให้เห็นว่าข้างนอกฝนตกค่อนข้างหนัก แล้วไอ้บ้าที่ไหมมันมาเอาตอนนี้ว่ะ...ฮันกยองคิดพลางมองดูเวลาที่บงบอกว่า2ทุ่มกว่าๆ ก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อตรงไปยังประตูหน้า


    เขาเปิดบานประตูออกทำให้เห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าบ้านเขาตอนนี้ คนตัวเล็กที่เขาพยายามอย่างหนักตลอดในช่วงที่ผ่านมาเพื่อทำเย็นชาใส่ กลับมายืนอยู่หน้าบ้านของเขาในเสื้อแขนยาวคอกว้างสีดำ ต่างกับที่เขาเคยเห็นในชุดเสื้อเชิ้ตอย่างเป็นระเบียบ ดวงตากวางมองเขาก่อนจะยิ้มให้แห้งๆ นั่นทำให้เขาสังเกตว่าคนตรงหน้าเปียกไปทั้งตัว ทำให้เขาไม่กล้าจะไล่คนตรงหน้ากลับไป


    “เข้ามา..”เขาบอกเรียบๆทำให้ฮยอกแจรีบแทรกตัวเข้ามาราวกับว่าจะกลัวเขาไล่กลับไป


    “มีธุระอะไร ฉันเรียนจบแล้ว ไม่ใช่นักเรียนของนายแล้วเข้าใจไหม”เขาบอกในขณะยืนกอดอกเพื่อมองดูคนตรงหน้า


    “อย่าพูดแบบนั่นสิ ทั้งๆที่นายก็ยังเป็นเด็ก...”เขาเงียบลงไปเมื่อเห็นชายหนุ่มตัวสูงชัดๆ ร่างกายสูงใหญ่กับดวงตาคมที่มองมายังเขา กล้ามที่ขึ้นชัดขึ้นมาเมื่อคนตรงหน้ากอดอกกับหน้าท้องแข็งตึงอย่างนักกีฬา ทำให้เขาอดหันหน้าหนีไม่ได้ พูดไม่ได้เลยว่าคนตรงหน้ายัง...เด็ก เพราะไม่เห็นส่วนไหนเลยที่บอกว่าเป็นเด็กม.ปลาย


    “ยังไงก็เถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”เขาพูดอีก ทำให้ฮันกยองพยักหน้า


    “งั้นก็รีบๆพูดมา”ร่างสูงว่า “เสร็จแล้วจะได้รีบๆกลับไปซะ”


    “ใจคอจะไม่ให้ฉันทำอะไรกับตัวที่เปียกแบบนี้หน่อยหรือ...”เขาพูดออกไปเพื่อยื้อเวลา ไงๆก็ไม่ยอมกลับไปง่ายๆแน่ ยังไงฮันกยองอาจจะไม่เชื่อเขา ซึ่งนั่นไม่ดีเท่าไหร เพราะงั้นหากทำให้เขามีข้ออ้างจะอยู่ต่อได้ เพื่อมีเรื่องอะไรก็คงจะพอแก้ตัวทัน ไงๆก็ไม่ใช่เด็กๆกันแล้วด้วย


    “ตามมา..”ฮันกยองบอกอย่างชั่งใจเมื่อเห็นไหลที่สั่นเล็กๆของฮยอกแจ ก่อนที่เขาจะเดินนำขึ้นไปยังห้องของเขาที่ชั้นบน ไม่เข้าใจเลยจริงๆกับเจ้าคนตัวเล็กเรื่องมากนี่


    “พ่อแม่ฉันไม่อยู่ ตามสบายแล้วกัน”เขาพูดขึ้นมาอีกในขณะเปิดประตูห้องนอนเพื่อให้ฮยอกแจเข้าไป ก่อนจะตามด้วยตัวเขาเองที่เข้ามาที่หลัง เพื่อเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อแขนยาวซักตัวให้กับคนตัวเล็กที่ยืนมองนู่นนี้อยู่ข้างหลัง


    “บ้านนายใหญ่มากเลย..”เขาได้ยินฮยอกแจพูดเบาๆ ในขณะที่เขายืนอุปกรณ์ให้คนตัวเล็ก


    “ก็ฉันรวยนิ...นี่เสื้อกับกางเกง ไปอาบน้ำ”เขาว่าทำให้ร่างเล็กรับมันไปอย่างว่าง่าย







    ฮันกยองนอนมองเพดานสีขาวอย่างชั่งใจ ในขณะนอนฟังเสียงน้ำที่ฮยอกแจกำลังอาบอยู่ เขาละไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเจ้าตัวยังมาที่นี้อยู่อีก มาหาเขาในเวลาแบบนี้ แถมยังไม่มีข้อผูกมัดอะไรแล้วด้วย นี่คิดว่าเขายังเป็นเด็กจนไม่กลัวว่าเขาจะทำอะไรหรือว่าไม่คิดอะไรเลยกันแน่ คิดแล้วมันน่าโมโหชะมัด แบบนี้จับปล้ำซะเลยดีไหม ไหนๆก็มาให้กินถึงที่ขนาดนี้ ไม่สิ...ยังต้องคุยธุระกันก่อน ดูสิว่าจะมาพูดเรื่องอะไรกับเขากันแน่


    ไม่นานนักประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับคนตัวเล็กในเสื้อสเว็ตเตอร์สีดำของเขา กับกางเกงนอนสีดำของเขาอีกเช่นกัน ก่อนที่ฮยอกแจจะเดินมายังเขาที่ยังนอนอยู่บนเตียงแบบนั่นไม่ได้ขยับไปไหน เหมือนกับวันแรกที่พวกเขาเจอกัน แม้จะรู้ว่าอีกคนเดินเข้ามาใกล้เขาก็ยังนอนอยู่ตรงนั่นเหมือนเดิม


    “ฮันกยอง...”เขาได้ยินเสียงหวานเรียกก่อนที่ที่นอนอีกฝั่งจะยวบลงไปเล็กๆแสดงให้เห็นว่าคนตัวเล็กนั่งลงข้างๆเขา


    “ฉันอยากจะพูกับนายมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนนั่นหรือหลังจากนั่น แต่ว่านายไม่เคยเปิดโอกาสเลย วันนี้ไหนๆนายก็จบแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรจะคั้นกลางระหวางเราอีกแล้ว ฉันอยากจะบอกนาย...”เขาได้ยินสียงถอนหายใจเล็กๆจากคนข้างตัว ทำให้เขาหันไปมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสียิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าเขากำลังจ้องอยู่


    “ฉัน-ฉันชอบนาย ชอบมากๆมาตั้งนานแล้ว...ชอบในแบบที่ผิดจรรยาบรรเอามากๆ มันไม่ดีเลยที่คิดแบบนั่นกับนักเรียนของตัวเอง แล้วต่อมานายก้จูบฉัน...ฉันดีใจมากแล้วก็กลัวด้วย กลัวว่าถ้าคนอื่นรู้นายจะมีปัญหา แล้วมันก็แย่ลงตอนที่นายเห็นจดหมายนั่น ฉันไม่รู้เรื่องเลย...มันส่งมาให้ฉันเมื่อเช้าวันนั่น ฉันลืมไปเลยด้วยซ้ำ แต่นายก็เข้าใจผิดไปซะแล้ว”เขาพยายามไม่ฟังน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความจริงใจออกมา ทั้งยังพยายามคิดว่าเป้นเรื่องโกหก แต่ฮยอกแจก็ยังพูดต่อ


    “แล้วนายก็ทำตัวหากออกไป นั่นทำให้ฉันเจ็บมาก แล้วก็ไม่กล้าปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบนาย มันยิ่งชัดขึ้นทุกวัน จนฉันตัดสินใจว่าจะบอกนายในวันจบการศึกษาแต่นายก้ไม่ยอมไป..”ฮยอกแจหยุดพูดทันทีเมื่อตัวเขาถูกรั้งลงไปบนที่นอนกว้าง ตามด้วยคนตัวสูงที่ขึ้นมาคล่อมอยู่บนตัวของเขา จนเขาอดใจเต้นไม่ได้กับใบหน้าหล่อๆตรงหน้า ฮันกยองยังคงจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตตรงหน้าอย่างจับผิด แต่เขาก้พบเพียงแค่ความจริงใจกับสายตาที่แสดงออกว่ารักใคร่ออกมาเท่านั่น


    “...ถ้ายังโกหกแบบนี้ต่อไปฉันจะปล้ำนาย”เขาพูดในขณะก้มลงมายังกลีบปากนิ่ม เพียงแค่หยุดอยู่ตรงนั่น ทำให้ฮยอกแจเอื่อมมือขึ้นมาคล้องรอบต้นคอแข็งแรงของอีกคน


    “ฉันพูดจริงๆ..ฉันรักนาย รักมาก...”เขาบอกในขณะรั้งตัวขึ้นไปกอดฮันกยองไว้แน่น จนได้ยินเสียงหัวใจของร่างสูงดังชัดเจน


    “...ไม่เชื่อ”เขาพูดต่อไปในขณะพยายามตั้งสมาธิเมื่อริมฝีปากเล็กๆจูบลงมาบนไหลของเขา


    “ถ้าไม่จริงนายคิดว่าฉันจะยอมมาอยู่ในที่แบบนี้หรือ..อันตรายจะตาย”ฮยอกแจบอกในขณะลูบใบหน้าคมให้ก้มลงมามองสบตาของตัวเอง


    “นายอาจจะแกล้ง”ร่างสูงว่า “พิสูจน์ให้เห็นสิว่านายพูดจริง...” เขาพูดออกไปในขณะมองคนตัวเล็กข้างใต้ที่ตอนนี้ในสายตาเขาช่างดูยั่วยวนเหลือเกิน มากเกินไปจนเขาเริ่มใจอ่อนกับสายตาหวานๆที่มองมายังเขา


    ฮยอกแจมองสบดวงตาคมตรงหน้าก่อนที่เอื่อมมือออกไปเพื่อรั้งให้ร่างสูงลงมาเพื่อมอบจูบอ่อนหวานเหมือนในวันนั่นให้เขาอีกครั้ง ซึ่งฮันกยองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ลิ้นเล็กๆจูบตอบอย่างรู้ง่ายทำให้เขาได้ยินเสียงครางต่ำอย่างพอใจของฮันกยองก่อนที่ร่างสูงจะพลักริมฝีปากออกมา ซึ่งนั่นทำให้เขายิ้มออกมาเล็กๆก่อนจะกดจูบลงบนมุมปากหยักอย่างรักใคร่


    “นายคิดว่าทำอะไรอยู่...จะยั่วฉันหรือไง”ฮันกยองถามเสียงเบาในขณะไล่ผ่ามือลงบนเอวของคนข้างใต้ ทำให้ฮยอกแจขยับเพื่อรับสัมผัสที่มากขึ้น


    “...นายคิดว่าจะได้ผลไหม?”ฮยอกแจถามยิ้มๆในขณะที่โอบแขนรอบไหล่ของคนตรงหน้า


    “ได้ผล..”ร่างสูงตอบรับเบาๆก่อนจะก้มลงมากดจูบลงไปบนริมฝีปากบางที่เขาชอบนักชอบหนา ในเมื่ออยากจะยั่วเขาละก็ได้ อย่าหวังแล้วกันว่าคืนนี้อาจารย์ตัวเล็กๆนี้จะได้นอน ในเมื่ออุสาหลุดเข้ามาในอุ้มมือของเขาแล้ว ไม่มีทางจะปล่อยไปง่ายๆแน่ และดูท่าเองคนที่อายุมากกว่าก็คงจะไม่อยากหลุดไปจากอุ้งมือของคนตัวสูงเช่นกัน











    *******************************************************************************




    ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน และทุกคอมเม้น

    อันนี้เป็น SF ที่นั่งคิดไว้เมื่อคืน ชอบไหมค่ะ ถ้าอยากได้คู่ไหนเป็นพิเศษบอกนะค่ะ

    รีดเดอร์ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรเยย เค้าก็ไม่รู้จะเซอร์วิสยังไงถึงจะถูกใจ 555555555+ ไม่เรียกร้องนี่ดีนะค่ะ เหมือนๆตามใจเรา ฮ่าๆ

    ยังไงก็เถอะ  มีอะไรอย่าได้เกรงใจค่ะ กดดันกันมา 5555+ ว่าไปนั่น

    เม้นให้นิสก็ดี อิอิ เค้าชอบอ่าน




    สำหรับที่ถามเค้าว่าจะมีเป็นหนังสือไหม เค้าดีใจจริงๆค่ะที่ถาม เขินอ่ะ...อารมณ์ดีเพราะรีดเดอร์น่ารักแบบนี้และ


    แต่เสียใจที่ต้องบอกว่า คงทำไมได้ เพราะไม่มีปัญญาค่ะ เนื่องจากเรื่องที่แล้ว เราได้รู้ว่าปัญหาเยอะเอามากๆและไม่มีคนช่วยแนะนำ 


    ก็เลย...น่าเสียดายเนาะ  ใจจริงอยากจะพิมขายสุดๆเลยค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ อ่านในเน็ตก็มันส์ไปอีกแบบนะค่ะ  -..-*







    และขอบคุณมากๆค่ะ ที่ชอบถึงขนาดนี้ ดีใจ (เขินนน)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×