รักนี้ไม่มีนิยาม - นิยาย รักนี้ไม่มีนิยาม : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    รักนี้ไม่มีนิยาม

    ขึ้นชื่อว่านางเอกแล้วไม่ว่าจะในละครในหนังหรือในนิยายก็ล้วนแต่เป็นคนสวย สมบูรณ์แบบ แต่ไม่ไช่กับใบปอเธอเป็นคนหน้าตาธรรมดา แถมยังอวบอ้วนแต่ เธอมีอะไรดีสินะ ที่ทำให้หนุ่มรูปงามอย่างเก่งกล้าคลั่งรักเธอได้

    ผู้เข้าชมรวม

    291

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    291

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    6
    จำนวนตอน :  12 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 มิ.ย. 67 / 20:00 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                                         ตอนที่1 

    เสียงกรี๊ดสนั่นลั่นบ้านของสาวเจ้านางหนึ่ง ปลุกให้ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ อายุ 35 ปี นามว่าเก่งกล้า ซึ่งตอนนี้เปลือยกายล่อนจ้อนอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งดีดตัวตื่นขึ้นมา พร้อมกับผลักผู้หญิงคนข้างตัวออก เขารีบคว้าเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงมาสวมใส่ ส่วนหญิงสาวเจ้าของเสียงกรี๊ด ยืนตัวสั่น ร้องไห้ ด้วยความโกรธและเสียใจ พูดด้วยน้ำเสียงเครือๆ “เก่งคุณทำกับขวัญแบบนี้ได้ไง พาผู้หญิงมานอนเรือนหอเราได้ไง” 

    ใช่..ที่นี่คือคอนโดหรูซึ่งเตรียมไว้เป็นห้องหอสำหรับเก่งกล้าและพาขวัญ แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าเขาพาผู้หญิงอื่นมานอนที่นี่ได้อย่างไร 

    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ก่อนที่เขาจะคิดอะไรต่อไปก็ได้เสียงผู้หญิงตัวปัญหาเอ่ยขึ้น 

    “เก่งพาทัดมาเมื่อคืน เราสนุกกันมาก จำไม่ได้เหรอคะ” หญิงสาวนามว่าทัดทรวงสาวงามวัยอายุ 30 ปีกล่าวขึ้น

     พลางเดินเข้ามาเกาะแขนเก่งกล้า ชายหนุ่มสลัดมือและชี้หน้าตะคอกใส่ผู้หญิงคนนั้น

     “เธอเป็นใคร ชั้นไม่รู้จัก มาที่นี่ได้ไง บอกมานะ บอกมา” 

    “ไปก็ได้ค่ะ ชั้นสนุก คุณสนุก จบกันค่ะ บัยส์” 

    ทัดทรวงพูดขึ้นว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่มิวายที่จะหันไปยิ้มเยาะพาขวัญซึ่งยืนโกรธตัวสั่นอยู่หน้าประตู

    “คุณทำกับขวัญได้ไง เรากำลังจะแต่งงานกันนะคะเก่ง”

     “ไม่ๆ ฟังผมก่อนขวัญ ผมไม่ได้ทำอะไร ผม..” 

    เก่งกล้าพูดไม่ทันจบหญิงสาวก็วิ่งลงบันไดไป เก่งกล้ารีบวิ่งตามลงไปเช่นกัน พร้อมร้องเรียก 

    “ขวัญๆ ฟังผมก่อน” แต่ไม่ทันสาวเจ้าซึ่งขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ขับไปร้องไห้ไป 

    “ไม่จริงๆ” พาขวัญพึมพำแต่คำนี้ และเร่งคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอารมย์ที่กราดเกรี้ยวและไม่มีสติ จนกระทั่งถึงไฟแดง เธอขับรถฝ่าไฟแดงไปชนประสานงานกับรถสิบล้อ “เอี๊ยด..โครม เสียงรถชนประสานงานดังสนั่น” สักครู่มีเสียงรถพยาบาล รถกู้ชีพก็มาถึงและรีบพาคนเจ็บนำส่งโรงพยาบาล

    เก่งกล้านั่งคอตกอยู่บนเก้าอี้ หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก นั่งลุก ลุกนั่ง จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น” ครับ ผมเก่งกล้าครับ ห๊ะ...พาขวัญอาการสาหัส อยู่โรงพยาบาลไหนครับ ครับๆ ผมจะรีบไป” ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบขับรถออกไปยังโรงพยาบาลที่แจ้งมา เขารีบวิ่งไปหน้าห้องไอซียู หมอและพยาบาลกำลังช่วยชีวิตพาขวัญ แต่ทว่าไม่ทันเสียแล้ว พาขวัญอาการสาหัสมาก หมอไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้ เก่งกล้าเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น สักพักหมอก็เปิดประตูออกมา “ใครเป็นญาติพาขวัญครับ” เก่งกล้ารีบเดินเข้ามา 

    หมอได้แจ้งว่า พาขวัญเสียชีวิตแล้ว เก่งกล้าเอามือปิดหน้า ทรุดตัวลงหน้าห้องไอซียู เขาโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้พาขวัญต้องตาย 

    “ไม่ๆๆ ไม่จริง ขวัญๆ ต้องไม่ตาย” ชายหนุ่มได้แต่พึมพำร้องไห้อยู่แบบนั้น

     รู้ตัวอีกทีก็มีทั้งมือทั้งตีนประดังกันเข้ามาใส่เขา

    “เป็นเพราะมึงๆ ทำให้ขวัญต้องตาย กูไม่น่าแนะนำให้พวกมึงรู้จักกันเลย ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้เพื่อนเลว” 

    เขาโดนองอาจผู้เป็นเพื่อนและพี่ชายของพาขวัญเตะต่อยจนเลือดท่วมปาก โดยที่เก่งกล้าไม่ตอบโต้อะไร เก่งกล้าไม่รู้ว่าองอาจรู้ได้อย่างไร ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาและพาขวัญก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะแก้ตัวหรืออธิบายใดๆ เพราะเขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุจริงๆ

    ชายหนุ่มนั่งหน้าเศร้า เงียบขรึม อยู่หน้าศพหญิงผู้เป็นที่รัก เขาแอบมาไหว้ศพตอนที่พระสวดเสร็จแล้วและไม่มีใครอยู่ เขาเอามือลูบใบหน้าในรูปถ่ายของแฟนสาว 

    “ขวัญ เก่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา เก่งเสียใจ เสียใจจริงๆ “ชายหนุ่มเดินคอตกออกมาอย่างเสียใจที่สุด

    เก่งกล้านั่งดื่มเหล้าเมามายบนคอนโดหรู เมาเหมือนหมา เมาให้ลืมเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้น เขาได้แต่คิดแบบนี้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสายแล้วสายเล่า แต่เก่งกล้าก็ไม่คิดจะรับสาย ได้แต่พึมพำ 

    “ขวัญ เก่งขอโทษ ๆ จริงๆ เก่งจะกินเหล้าให้มันตายๆ ไปกับขวัญ เก่งรักขวัญนะ” เขาพูดอยู่แบบนั้นจนหลับไป 

    วันแล้ววันเล่าเขาดื่มเหล้าจนเมามาย และหลับไปในแต่ละวัน

    เช้าวันหนึ่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เก่งกล้างัวเงียลุกขึ้นมา 

    “ปวดหัวฉิบหาย โว๊ย” เขาเห็นเบอร์ปลายทางเป็นเบอร์ของพี่ชาย จึงรับสาย 

    “ครับพี่อาจ ห๊ะ..อะไรนะครับ ลุงว่าไงนะครับ พี่ชายผมหายไปเหรอครับ ครับๆ เดี่ยวผมจะรีบไป” 

    วางหูเสร็จชายหนุ่มก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อไปหาพี่ชายที่จังหวัดสตูล ที่ๆ พี่ชายเขาไปทำงานอยู่ที่นั่นทันที เขาไม่ได้กังวลเรื่องงาน เพราะเขาเป็นนักลงทุน ใช้เงินทำงาน ไม่ต้องทำอะไรก็มีรายได้เข้าบัญชีอยู่แล้ว อีกทั้งพ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้มากมาย ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด

    ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง บ้านเขาขาว จ.สตูล 

    “ใครมาหน่ะลุง หน้าเหมือนนายกาจ แต่ดูแล้วไม่ไช่” เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้น

     เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาที่บ้านไม้สองชั้น มีใต้ถุนสูง ซึ่งบ้านนี้เป็นบ้านพี่ชายของเขา เป็นบ้านที่มีผักสวนครัวรอบบ้าน มีต้นไม้ร่มรื่น ชาวกรุงอย่างเขารีบสูดอากาศเข้าเต็มปอดทันที 

    “ผมชื่อเก่งกล้า เป็นน้องชายของพี่เก่งกาจครับ” 

    ชายหนุ่มกล่าวขึ้น 

    “ถึงว่า..หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ ลุงเป็นกำนันที่นี่ เรียกลุงกำนันก็ได้นะ ลุงเป็นคนที่โทร.ไปหาพ่อหนุ่มเมื่อวานไง” 

    ลุงกำนันกล่าวต่อว่า 

    “ ตอนนี้ เรายังหานายกาจยังไม่เจอ เขาหายไปหลายวันแล้ว จึงได้ตามพ่อหนุ่มมา ลุงเห็นเบอร์โทร.คุณในมือถือนายกาจก็เลยติดต่อไป พอได้ช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงดี ทางเราก็พยายามหากันอย่างเต็มที่” เก่งกล้าพยักหน้า และกล่าวขึ้น 

    “ครับ ผมเป็นห่วงพี่ ร้อนใจเหลือเกิน อยากจะไปหาเสียเดี๋ยวนี้เลย” 

    “ไม่ได้เราต้องเตรียมทีมค้นหากันดีๆ เดี๋ยวลุงหารือกับชาวบ้านก่อน จะเอายังไงค่อยว่าคุยกันนะ” ว่าพลางก็เอามือตบไหล่เก่งกล้าเบาๆ เก่งกล้าได้แต่ถอนใจ ตัวเขานั้นก็อยากจะหนีจากเมืองกรุงมาอยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมาก เรื่องของเขากับพาขวัญคงค่อยไปสืบสาวราวเรื่องกันอีกครั้ง ตอนนี้เรื่องพี่ชายที่สูญหายสำคัญกว่า เขาจึงไม่ลังเลที่จะอยู่ที่นี่เพื่อร่วมหาพี่ชายกับชาวบ้านต่อไป

    “พ่อหนุ่มมาเหนื่อยๆ อาบน้ำ มากินข้าวกันนะ คงหิวแย่แล้ว ไอ้ศร เอ็งพาคุณเขาไปบนเรือนก่อน เดี๋ยวข้าจะให้คนยกสำรับกับข้าวมาจากเรือนข้าให้”

    ลุงกำนันหมายถึงบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับบ้านของพี่ชายเก่งกล้า และมีศาลาซึ่งเป็นสาธารณะใช้ร่วมกันได้  เก่งกล้าเดินตามศรขึ้นมาบนเรือนซึ่งเป็นเรือนไม้สองชั้น มีบันไดทั้งสองด้าน

     “ห้องนี้ห้องนายกาจครับ” ศรบอก ส่วนนายจะนอนห้องนั้นก็ได้ ศรชี้ไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ข้างๆ ห้องเก่งกาจ 

    “เดี่ยวกูนอนห้องนี้ดีกว่าศร” เก่งกล้าพูดเสร็จก็เข้าไปในห้องมีเตียงใหญ่คลุมผ้าไว้อย่างสวยงาม และโต๊ะเก้าอี้อยู่ริมหน้าต่าง มีตู้เสื้อผ้าอยู่ปลายเตียง เขากวาดตามองไปรอบๆ จัดไว้อย่างมินิมอลจริงๆ 

    “ห้องน้ำอยู่ด้านนอกนะนาย” ศรว่าพลางชี้มือไปที่ห้องน้ำซึ่งตั้งแยกออกไปจากเรือนแต่มีทางเดินเชื่อมเหมือนสะพานไม้ติดต่อไปได้ เก่งกล้ารีบถอดเสื้อผ้า คว้าผ้าเช็ดตัว เดินออกไปยังห้องน้ำ เปลือยกาย อาบน้ำอย่างมีความสุข เพราะห้องน้ำร่มรื่นท่ามกลางแมกไม้ ซึ่งเก่งกล้าลืมมองไปว่าห้องน้ำเป็นไม้โล่งๆ ต้องดึงม่านมาปิด คนภายนอกถึงจะมองไม่เห็น

    “ว้าย..ตาเถรตก เราเป็นตากุ้งยิง แน่ๆ ศรเอ๊ย” เสียงหญิงสาวนางหนึ่ง หน้าตาธรรมดา รูปร่างอวบอ้วน ดังขึ้นขณะนั่งอยู่บนต้นมะม่วง กำลังเด็ดลูกงาม โดยมีไอ้ศร คอยเก็บอยู่ข้างล่าง 

    “อะไรๆ ไอ้ปอ เป็นอะไร” ศรร้องถาม 

    “ก็เราเห็นใครที่ไหนก็ไม่รู้มายืนแก้ผ้าอาบน้ำให้ดูอยู่นี่” ว่าแล้วก็เอามาปิดตา อย่างเขินอายแต่มิวายเปิดนิ้วออกดู รีบลงมาจากต้นมะม่วงอย่างรวดเร็ว 

    “อ้าว..พอแล้วเหรอ ทำไมรีบลงมาหล่ะ” ศรถาม หญิงสาว รีบตอบ 

    “โอ๊ย..เราไม่ไหวแล้ว พอแล้วๆ ไอ้ศร เราจะเป็นลม ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น” ว่าพลางขยี้ตาไปมา 

     ศรเดินมาจับแขนหญิงสาวและรีบบอกอย่างตื่นเต้น 

    “เออ..แกรู้ไหมน้องชายนายกาจมาแล้วนะ ตอนนี้กำลังอาบน้ำอยู่” 

    “เออ..ทำไมแกไม่บอกเราพรุ่งนี้วะไอ้ศร” ศรได้แต่เกาหัวแบบงงๆ “อะไรของมันวะ”

    เก่งกล้าอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเดินลงบันไดมาข้างล่าง เดินตรงไปที่ศาลา ที่ทุกคนกำลังล้อมวงรอกินข้าว มีลุงกำนัน หญิงวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นเมียลุงกำนัน และเด็กหญิงหรือเด็กชายร่างอวบอ้วน ผิวสองสี หน้าตาธรรมดา อีกคน มองๆ แล้วอายุน่าจะไม่เกิน 25 เสียงลุงกำนันกวักมือเรียก 

    “มาๆ พ่อหนุ่มมากินข้าวกัน” ชายหนุ่มเดินมานั่งบนแคร่ตรงข้ามกับลุงกำนัน 

    “นี่แม่อ้วนเมียลุง ส่วนนั่นใบปอหลานลุง ลุงกำนันชี้ไปที่เมียและหลานตัวเองและหันไปทางชายหนุ่ม 

    “นี่คุณเก่งกล้า น้องชายนายกาจ” ลุงกำนันบอกสองสาว 

    เก่งกล้ายกมือไหว้ป้าอ้วน และหันไปสบตาสาวนามว่าใบปอซึ่งยกมือไหว้เขาประหลกๆ ยิ้มบางๆ ในหน้า พร้อมเอ่ยเบาๆ

    “ ชั้นคิดว่าผู้ชายเสียอีก หันไปพยักหน้ายิ้มๆ ใบปอยิ้มตอบด้วยเป็นคนมองโลกในแง่ดี เลยไม่ได้ถือสาอะไร ตอบกลับไป

     “เราเป็นได้หมดแหล่ะจะชายจะหญิง เนอะลุง” พร้อมหันไปยิ้มให้ลุงกำนัน

     ชายหนุ่มถึงกับอึ้งแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร สายตากวาดมองไปที่สำรับกับข้าว มีแกงส้มปลากระพง ผัดหมึกน้ำดำ กุ้งเผา ผัดบวบ รีนาหญิงรับใช้บ้านลุงกำนันตักข้าวส่งให้ชายหนุ่ม เก่งกล้ารับจานข้าวมาพร้อมกับหอมข้าวตรงหน้า 

    “หอมจังครับลุงกำนัน” กำนันยิ้มๆ พยักหน้า กินกันๆ ทุกคนตักอาหารกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ชายหนุ่มตักผัดบวบมาราดข้าว เขารู้สึกลื่นคอกลืนได้ไม่ยาก ตักแกงส้ม ซึ่งดูแล้วน่าจะรสชาติจัดจ้าน ซึ่งก็เผ็ดจริงๆ น้ำหูน้ำตาไหล แต่ก็อร่อยมากๆ “ลองหมึกผัดดำนี้ดูสิ” ว่าพลางลุงกำนันก็ตักใส่จานให้ 

    ปลาหมึกน้ำดำที่ว่าดูเหมือนไม่น่าอร่อย แต่ก็อร่อยมาก ลุงเล่าว่าน้ำดำๆ ก็คือน้ำจากตัวหมึก ปรุงโดยใส่น้ำตาลเล็กน้อย หมึกสดๆ ก็อร่อยอยู่แล้ว กินจนอิ่มหนำสำราญกันทุกคน ลุงกำนันบอกให้ใบปอพาเก่งกล้าไปดูสวนรอบๆ บ้าน ซึ่งเป็นสวนยางหลายสิบไร่ มองสุดลูกหูลูกตา

    ใบปอพาเก่งกล้าเดินลัดเลาะไปหลังบ้าน เดินผ่านลำธารน้ำตก น้ำไหลเย็น ลมอ่อนๆ พัดผ่าน มีต้นไม้ร่มรื่น เก่งกล้าเดินตามหญิงสาวมา เขาจ้องมองคนข้างหน้า พร้อมคิดในใจ เด็กคนนี้แต่งตัวทะมัดทะแมงใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ดูเหมือนผมจะยาวแต่มัดผมและรวบไว้ แถมยังกางหมวก เลยทำให้เขามองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวไปจนถึงสวนยางกว้างใหญ่ของพี่ชาย แล้วเอ่ยถามหญิงสาวเบาๆ

    ” ยางนี่เป็นของพี่กาจหมดเลยเหรอ แล้วใครเป็นคนตัดและดูแลให้พี่เขา” 

    “ก็มีชาวบ้านมารับจ้างตัด แบ่งเงินกันตามที่ทำๆ กันมาหน่ะนาย” หญิงสาวตอบเบาๆ 

    ทั้งสองเดินดูรอบๆ สวนยาง เดินกันจนไปเจอกระท่อมที่เจ้าของสวนทำไว้เพื่อพักผ่อนยามเหนื่อยหรือพักกินข้าว กินน้ำ ชายหนุ่มมองไปรอบๆ กระท่อม ในกระท่อมก็มีข้าวของเครื่องใช้ในครัวอยู่บ้าง หม้อ กระทะ จาน ชาม ช้อน เตาถ่านก็มี คงจะเตรียมไว้เวลาถุงหาอาหารยามจำเป็น ชายหนุ่มเดินมานั่งที่กระท่อมและล้มลงตัวนอน มองหลังคาใบจากและหลับไป ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของใบปอ 

    “นายๆ ตื่นๆ ฝนจะตกแล้ว เราต้องรีบกลับ” เธอเขย่าตัวชายหนุ่มพร้อมกับเรียกปลุกให้ตื่น 

    ชายหนุ่มกำลังฝันว่าเขากำลังเดินตามพาขวัญไปในป่าแห่งหนึ่ง ใบปอได้ยินเขาร้องเรียก 

    “ขวัญๆ อย่าไป ขวัญๆ กลับมาๆ” เขาคว้าตัวพาขวัญไว้ แต่พาขวัญหายตัวไป เขาตกใจตื่นลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าอ้วนๆ กลมๆ กำลังมองมาที่เขา 

    “เธอจะทำอะไรชั้น” ตะโกนถามใบปอ หญิงสาวรีบตอบ 

    “เรากำลังปลุกนายให้ตื่น แต่นายก็ไม่ตื่น ดิ้นไปดิ้นมา เหงื่อท่วมตัว” 

    ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็เงียบไป และนึกถึงความฝันของตัวเองเมื่อครู่ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่

     “เราต้องพักกันที่นี่ก่อนแล้วนาย เราลงไปไม่ได้ฝนตกหนักขนาดนี้ทางลื่นอันตราย” 

    ชายหนุ่มพยักหน้าและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ส่วนหญิงสาวไปนั่งก่อไฟและนั่งข้างๆ กองไฟ ทอดสายตามองไปที่ชายหนุ่มที่นอนเอามาก่ายหน้าผาก ถอนหายใจไปมา 

    “เขาเป็นอะไร ทำไมดูไม่มีความสุขเลยนะ”ชายหนุ่มลุกขึ้นกล่าวขึ้นมาลอยๆ 

    “มีเหล้าไหม ชั้นอยากกินเหล้า”  

    “เดี๋ยวนะ เราหาดูแป๊ป” 

    หญิงสาวก็เดินหาในตู้เก่าๆ ในกระท่อม ไปเจอเหล้าเหลือจากมีคนกินไปแล้วเกือบๆ ครึ่งแบน 

    “มีแต่ไอ้นี่หน่ะนาย กินได้ไหม” 

    ใบปอพูด เก่งกล้ามองเหล้าในมือหญิงและคว้ามากระดกเข้าปาก 

    “ก็พอแก้ขัดได้” เขาบอกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ

     เขาไม่เคยดื่มเหล้าชนิดนี้หรอก ระดับเขาต้องเหล้าแพงๆ แต่ทำไงได้มันไม่มี เขานั่งกินไปมองสายฝนจนหมดขวด แต่เท่านั้นไม่ได้ทำให้เขาเมามายอะไรและฝนก็หยุดพอดี

    หญิงสาวผู้นั่งมองชายหนุ่มรูปหล่อดื่มเหล้าส่ายหน้าไปมา 

    "ให้เหล้าเท่ากับแช่งไหมเนี่ยไอปอ ผิดไหมเนี่ยเรา" 

    หญิงสาวหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกที ตอนที่เก่งกล้ามาเขย่าตัวและเรียกชื่อเธอ 

    “ เธอๆ ตื่นๆ ฝนหยุดแล้ว กลับได้แล้วนะ” 

    ใบปอลืมตาขึ้นมามองหน้าชายหนุ่มที่ก้มลงมาเรียกเธอ ได้กลิ่นเหล้าจางๆ จากปากอันเรียวงาม แดงระเรื่อของเขา เธอไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายขนาดนี้ ยิ่งเป็นผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ จะมองมุมไหนก็หล่อ 

    “หล่อกว่าณเดช หล่อกว่าหมาก หล่อกว่าเจมส์ จิ ก็นายเก่งกล้านี่แหล่ะ” 

    หญิงสาวพูดเบาๆ คนเดียวและยิ้มจนตาหยี 

    “ลุกๆ ไปๆ กลับๆ ยิ้มฝันหวานอะไรอยู่ได้” 

    ใบปอรีบลุกขึ้นและเดินตามชายหนุ่มไป ในขณะนี้ฝนหยุดตกแล้วแต่ทางยังลื่น เก่งกล้าเดินก่อน แต่เขาไม่รู้ว่าทางมันจะลื่นหลังฝนตก เขาเดินไปสักครู่ก็ต้องลื่นไถลลงมา โดยลากมือใบปอตกลงไปด้วย ร่างใบปอทับร่างเก่งกล้า จนชายหนุ่มร้อง “โอ๊ย..หนักๆ ลุกขึ้นสิใบปอ ชั้นจะตายอยู่แล้ว” 

    ชายหนุ่มพูดพลางผลักร่างอวบอ้วนของใบปอออก หญิงสาวได้แต่นิ่วหน้าและยิ้มนิดๆ พร้อมทั้งยื่นมือให้ชายหนุ่มจับเพื่อลุกขึ้น 

    “นายลุกขึ้นมาๆ” เก่งกล้าหน้านิ่ว คิ้วขมวด 

    “เป็นเพราะเธอๆ ชั้นต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” 

    ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวและลุกขึ้นมา ใบปอยิ้มให้และพูดติดตลกว่า 

    “นี่เพราะเราอ้วนนะ เราถึงมีพลังดึงนายขึ้นมาได้ ต้องขอบคุณห่วงยาง ไขมันทุกชนิดที่อยู่ในตัวเรานะรู้ป่ะ” 

    เก่งกล้ามองหน้าอ้วนๆ กลมๆ นั้นอย่างระอาใจ ยืนเท้าสะเอวมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็พูดว่า 

    “เออดี..มีพลัง แต่ระวังไขมันอุดตัน โรคอ้วน ความดัน เบาหวานถามหาแล้วกัน อย่าหาว่าชั้นไปเตือนหล่ะ” 

    เก่งกล้าพูดเสร็จก็เดินไป ไม่ทันลับตา สาวอวบอ้วนที่มองตามชายหนุ่มไปเอ่ยเบาๆ 

    “แรงส์..เจ็บนะ แต่เราก็ให้อภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะนายหล่อเหลือ อิอิ” 

    พูดเสร็จก็วิ่งตามไปเหยาะๆ ไปอย่างอารมณ์ดี

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น