ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Boku no hero academia] My name is Izuku Anderson and This is my story.

    ลำดับตอนที่ #2 : มันก็แค่วันอังคาร (50%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 235
      30
      14 ก.ค. 63

    แสงแดดสีส้มอ่อนๆของดวงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า เสียงเหล่าจั๊กจั่นร้องประสานเสียงกัน กับบรรยากาศที่ดูเงียบเหงาของยามเย็น องค์ประกอบเหล่านี้เปรียบดังภาพวาดของจิตรกรผีมือชั้นยอด และสิ่งที่ทำให้ภาพนี้ดูดีขึ้นไปอีก องค์ประกอบสุดท้ายที่ทำให้ถาพนี้สมบูรณ์แบบ คือร่างของเจ้าเด็กน้อยที่เดินผ่านมาอย่างมีความสุข เจ้าเด็กน้อยเดินไปพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอย่างเบาๆ ไปหน้านั้นยิ้มแย้มอย่างสดใสผิดกับร่างกายที่เต็มไปด้วยโคลน และมีทั้งรอยแผลฟกช่ำต่างๆตามร่างกาย คล้ายกับโดนใครทำร้ายมา แสงแดดที่ส่องกระทบเหล่าบรรดาเครื่องเล่นต่างๆในสนามเด็กเล่นเกิดเป็นเงายาวทอดไปเป็นรูปร่างต่างๆ เจ้าเด็กน้อยหยุดเดินและหันไปมองวิวทิวทัศน์เหล่านั้น ภาพข้างหน้ามันทั้งดูสวยงาม เหงา และโศกเศร้าในเวลาเดียวกัน สำหรับเด็กน้อยคนนี้ที่นี่มันมีทั้งความทรงจำที่ดีที่สุด แต่มันก็มีความทรงจำที่แย่ที่สุดเช่นกัน

    อิซึคุเดินมาถึงบ้านด้วยสารรูปที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยโคลน อิซึคุเปิดประตูเข้าบ้านไปได้ยิงเสียงทีวีที่พ่อของเขาเปิดไว้ พ่อมักจะดูทีวีไปพร้อมกับดื่มเหล้าไปด้วยบนโซฟาตัวโปรดของพ่อที่ตั้งหันหลังให้เขา เป็นภาพเดิมๆที่อิซึคุเห็นทุกครั้งที่กลับบ้านมา นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่อิซึคุจะกลับบ้านมาด้วยสภาพไม่ต่างอะไรกับตอนนี้ พ่อจะหันหน้ามามองเขา โดยดูไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ บางครั้งอาจจะมีถามหรือพูดบ้างเช่น 'ไปทำอะไรมา' หรือ 'แกโดนแกล้งมาอีกแล้วซิ' แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วหันหน้าไปดูทีวีเหมือนเดิม แล้วอิซึคุก็ไม่ได้ตอบอะไรแค่เดินผ่านไป เข้าครัวหยิบอาหารที่อยู้ในตู้เย็นซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารสำเร็จรูปที่พ่อของเขาซื้อมาฉีกถุงเอาเข้าไมโครเวฟ บางครั้งพ่อก็ทำอาหารเองแต่แทบจะนับครั้งได้ เสร็จก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นห้องนอนเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง วันนี้ก็คงไม่ต่างกัน

    "เจอมาหนักใช่ไหมวันนี้" พ่อพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามอง อิซึคุก็จะทำเหมือนเดิมคือไม่สนใจและเดินผ่านไป

    "เดี่ยว" พ่อเรียกอิซึคุด้วยเสียงเรียบๆ

    อิซึคุที่กำลังจะเดินไปก็หยุดด้วยความแปลกใจ เมื่อกี้พ่อเรียกเขาหยั่งงั้นเหรอ? เขายืนอยู่สักพัก แล้วคิดว่า เออ สงสัยจะหูฟาด คนอย่างพ่อนี่นะจะสนใจเขา คนที่เห็นลูกชายตัวเองเจ็บกลับบ้านมาแทนที่จะเข้ามาดูแลรักษาพูดให้กำลังใจ หรือแค่แสดงท่าทีเป็นห่วงบ้างก็ยังดี แต่ไม่เคยเลยซักครั้ง เขาคิดและกำลังจะเดินไปต่อ

    "เออ ไม่ต้องงงฉันเรียกแกนั้นแหละ" เหมือนรู้ความคิดของอิซึคุ พ่อของเขาพูดย่ำอีกครั้ง เขาไม่ได้หูฟาดจริงๆด้วย

    "แกมานี่หน่อยสิ" จู่ๆพ่อก็เรียกเขา สงสัยคงใช้ให้ไปซื้ออะไรอีกนั้นแหละ เขาคิด

    อิซึคุค่อยๆเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ จนไปหยุดอยู่ตรงข้างโซฟา พ่อค่อยๆหันหน้าเข้ามา จ้องมองอิซึคุด้วยนัยตาสีขาวขุ่น ถ้าให้บรรยายลักษณะของพ่ออิซึคุ พ่อของเขาชื่อมาคัส แอนเดอร์สัน เขาเป็นคนต่างชาติร่างกายจัดว่าตัวใหญ่กำยำ สูงประมาณ 190 ซม. ผิวขาวซีด ผมสีเทายาวประบ่า มีหนวดเคราเล็กน้อย เล็บเป็นสีดำ มีเขาสีแดงบนหัวลักษณะคล้ายกับปีศาจในหนังหรือนิยาย มีดวงตาที่ด้านนอกเป็นสีแดง แต่ลูกนัยตาเป็นสีขาวขุ่น ทั้งหมดเป็นผลมาจากอัตลักษณ์ของเขา อิซึคุรู้แค่ว่าอัตลักษณ์ของพ่อเขาหลักๆคือพละกำลังกับรักษาตัวเองได้แค่นั้น ไม่ได้รู้รายละเอียดไปมากกว่านี้

    "แกไปทำอะไรมาละเนี่ย ดูอารมณ์ดีจังนะ" มาคัสถามลูกชายพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยจนเห็นฟันแหลมที่ตรงปลายฟันของทุกซี่มี่สีแดงเล็กน้อย

    "เปล่านิ สภาพผมดูเหมือนคนอารมณ์ดีตรงไหน" อิซึคุตอบอย่างเย็นชา

    "หึหึหึ ถึงแกจะทำหน้าตึงแต่นัยตาแกมันฟ้องนะ ไม่ต้องน่าโกหกฉันดูออก" มาคัสพูดพร้อมหยิบขวดเหล้ามาซดอึกใหญ่

    "เหรอ ไม่ยักกะรู้ว่าสนด้วย"

    "โอ้ออ ว้าวว นี่เกิดอะไรขึ้นกับแกเนี่ยนัยตาดูแข็งกร้าว แต่ก็เลือดเย็นในเวลาเดียวกัน" มาคัสพูดอย่างสนใจพร้อมซดเหล้าไปอีกอึกนึง

    "ต่างกับไอ้ขี้แพ้คนเก่าลิบลับเลยนะ หึหึ"

    "ตกลงแกไปทำอะไรมาจะบอกฉันได้ยัง" มาคัสถาม

    "ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย ผมแค่ทรงตัวไม่ดีจนลื่นตกบ่อโคลนแค่นั้ยแหละ" อิซึคุพูดปัดๆไป

    "เหรอ แล้วโคลนนี่มันกัดมั้ยแหละ"

    "ห่ะ?" อิซึคุงง

    "ไม่ซิ ฉันหมายถึงไอ้โคลนนี่มันมีมือมีตีนด้วยไหมหละ ?" มาคัสพูดพร้อมกะดกเหล้าไปอึกนึง

    "นี่ฉันแค่่เดานะ ไอ้โคลนนี่มันคงมีประมาณ อืมม 4 ตัวใช่ไหม" มาคัสพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก

    "และเผอิญว่าตัวนึงมันยืดนิ้วได้"

    "และอีกตัวนึงมันมีปีกบินได้ แต่มันคงบินได้อีกไม่นานหรอกเพราะอีกหน่อยเซลลูไลท์มันคงกินปีกมันไปแล้ว 555" 

    "และอีกตัวนึง อืมมม" มาคัสทำท่าทางครุ่นคิดอยู่พักนึง

    "ไม่รู้ว่ะ แค่ตัวประกอบไม่สำคัญหรอก 555" มาคัสพูดอย่างอารมณ์ดี พร้อมทั้งเอื้อมมือไปหยิบรีโมทแล้วกดปิดทีวี ทำให้ห้องมีแต่ความเงียบ อิซึคุทียืนฟังอยู่นานโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลย

    “แต่ไอ้โคลนสามตัวนั้นไม่สำคัญหรอก หึหึ” มาคัสค่อยๆหันหน้ามาหาอิซึคุ

    “ไอ้ตัวที่สำคัญก็คือ ไอ้หัวโจกเพื่อนเก่าอดีตคู่ขาแกใช่ไหม 5555+” มาคัสหัวเราะลั่นห้อง 

    อิซึคุที่ยืนฟังหน้านิ่งๆอยู่นานได้ยินดังนั้นก็ยักคิ้วข้างนึงขึ้นด้วยความสงสัย จนทำให้มาคัสที่หัวเราะอยู่ค่อยๆหยุดหัวเราะอย่างช้าๆ

    “อ่าว นี่แกไม่ได้เป็นเกย์เหรอ” มาคัสทำหน้าแปลกใจ

    “เอ้า จริงเหรอเนี่ย พูดตรงๆนะฉันคิดว่าแกเป็นเกย์มาตลอดเลยนะ ไปไหนก็ไปด้วยกัน เดินจับมือกัน ตอนฉันพูดถึงมันก็เห็นแกทำท่าปลาบปลื้มซะขนาดนั้น เออ แกอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้เหยียดเพศที่สามนะ ฉันแค่-” 

    “ตกลงคุณต้องการอะไร” ในที่สุดอิซึคุก็พูดขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ฉันต้องการอะไรงั้นเหรอ ?” 

    “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าไอ้ขี้แพ้อย่างแกมันจะมีปัญญาถีบตัวเองออกจากสถานะ ที่ไอ้พวกเวรนั้นมันกำหนดให้แกยังไง หึหึ แกรู้ไหมฉันน่ะรอดูมาตลอดจนฉันเกือยจะถอดใจไปแล้ว แต่ในที่สุดแกก็ทำได้ หึหึ และขอบอกนะว่าฉันค่อยข้างประทับใจ การรอคอยของฉันมันไม่สูญเปล่าจริงๆ” 

    อิซึคุเริ่มเข้าใจเหตุผลของเขา

    “ไอ้ฉันก็คิดว่าแกมันจะเป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้ใจปลาซิว ที่ทำได้แค่ร้องไห้ขี้มูกโป่งวิ่งกลับบ้านมาหาโดเรม่อนขอของวิเศษไปเล่นงานไอ้พวกเด็กเกเรซะแล้ว แต่เสียใจด้วยว่ะที่โลกแห่งความจริงมันไม่มีโดเรม่อน ไม่มีของวิเศษ และที่สำคัญมันไม่มีใครเขาจะมาโอ๋แกไปตลอดชีวิตหรอก” มาคัสพูดพร้อมยกขวดเหล้าขึ้นมาดื่มอีกอึก

    “แต่ถ้าจะให้ฉันเป็นโดเรม่อนนะเหรอ รู้ไหมของวิเศษที่ฉันจะให้แกตอนแกวิ่งร้องไห้กลับมาคืออะไรรู้ไหม” มาคัสพูดจบ โดยที่อิซึคุยังไม่ทันตั้งตัว มาคัสได้ถีบอิซึคุจนกระเด็นไปที่โซฟาอีกอัน

    “อั้ก แค่กๆๆๆ” อิซึคุทั้งตกใจ ทั้งจุก ถึงกับต้องเอามือกุมท้อง

    “นี่แหละของวิเศษที่ฉันจะให้แก ถ้าแกทำตัวน่าสมเพชอย่างนั้น” มาคัสพูดจบก็กลับไปนั่งที่โซฟาตัวเก่งของเขาเหมือนเดิม

    “แต่ก็นะถึงจะโดนแกล้ง หรือโดนอะไรมา แกก็ไม่เคยวิ่งร้องไห้มาหาฉันเลยซักครั้ง หึหึ ฉันถือว่าเป็นข้อดีข้อเดียวของแกละนะ” มาคัสพูดจบก็หยิบขวดเหล้ามากระดก แต่ปรากฏว่าเหล้าหมดแล้ว “อ่าว หมดตอนไหนวะเนี่ย” มาคัสพูดอย่างเซ็งๆ

    อิซึคุที่เริ่มจะหายจุกแล้วก็ค่อยๆยืนมา แต่ยังเอามือกุมท้องอยู่ พร้อมทั้งมองมาคัสอย่างเคืองๆ

    “เอ้าๆ อย่ามองฉันอย่างนั้นซิ 555 คิดซะว่านี่เป็นบทเรียนแรกแล้วกันนะ” 

    “บทเรียนแรกอะไร ?” 

    “ว่าอย่าการ์ดตกเด็ดขาด จงระวังตัวไว้เสมอ เพราะในชีวิตจริงถ้าแกพลาดคงไม่ใช่แค่ลงไปนอนจุกบนโซฟาถูกๆนั้นหรอก ทำตัวให้ชินซะอิซึคุ เพราะวันข้างหน้าดูทรงแล้วแกหน้าจะโดนอีกหลายตีนเลย 555”

    ‘น..นี่ เขาสอนเราอย่างงั้นเหรอ’ อิซึคุคิดในใจ

    “เห้อ ฉันรู้แกปลุกความใจกล้าในตัวแกออกมาแล้ว ฉันรู้การมีความกล้าเป็นเรื่องที่ดี แต่ความกล้ามันต้องมาคู่กับทักษะการเอาตัวรอดที่ดีด้วย”

    อิซึคุเริ่มประมวลความคิดในหัว และก็เข้าใจ

    “หมายความว่าคุณ-”

    “ใช่แล้ว ของวิเศษไงหละอิซึคุ แต่ของวิเศษนี้ไม่ใช่แบบที่ฉันควักออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องยื่นให้แก แล้วเอาไปเล่นงานพวกเด็กเกเร แต่แกจะต้องเนรมิตมันขึ้นมาด้วยความอุสาหะและความเพียรพยายามของตัวแกเอง ดูจากหน้าแกคงจะเข้าใจแล้วนะซิว่าฉันหมายถึงอะไรใช่ไหม” อิซึคุพยักหน้า

     “ถูกต้องแล้วถือว่าเป็นรางวัลที่แกมีความกล้าสู้คน ฉันจะสอนทักษะการต่อสู้ กับทักษะการเอาตัวรอดอื่นๆที่จำเป็นให้” 

    “การที่เราจะอยู่รอดบนโลกใบนี้ มันไม่มีใครมาช่วยเราได้ตลอดเวลาหรอก แม้แต่จะเป็นฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ตาม ฮีโร่คนเดียวที่คอยช่วยเรา และอยู้ข้างเราเสมอแม้ยามเราตายไม่ใช่ใครที่ไหนมันก็คือตัวเราเอง”

    “ปืนมันถูกเหนี่ยวไกไปแล้วนะ และคนที่เหนี่ยวไกมันก็คือแก มันไม่มีทางหันหลังกับได้แล้ว แกตอนนี้ก็คิดแบบเดียวกับฉันซินะ ว่าไอ้เวรที่มันทำกับแกแบบนี้ ในวันพรุ่งนี้มันคงไม่มาพูดว่า ฉันขอโทษนะที่แกล้งนาย ดูถูกนายเพราะเป็นคนไร้อัตลักษณ์ เรากลับมาเป็นเพื่อนกันนะหึ ไม่มีทางหรอก มันมีแต่จะอัดแกเล่นแกจนอ่วม กดหัวแก เอามือจิ้มหน้าผากแก ตราหน้าแกไปทั้งชีวิตว่าแกมันเป็นแค่ได้ไร้ค่าตัวนึง ดังนั้นแกจะรับข้อเสนอของฉันหรือปฏิเสธก็เป็นสิทธิ์ของแกฉันไม่บังคับ” 

    อิซึคุฟังดังนั้นก็ครุ่นคิดในใจ ใช่แล้วเขาจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเขาได้อีกแล้ว เขาจะไม่มีวันยอมโดนกลั่นแกล้งเพียงเพราะเขานั้นไร้อัตลักษณ์ และจะพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้จะไร้อัตลักษณ์ ก็สามารถที่จะเอาชนะคนมีอัตลักษณ์ได้

    “ตกลงครับ” อิซึคุพูดอย่างมั่นใจ และหนักแน่น มาคัสได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม

    “ดี หึหึหึ โอเค แกพร้อมที่จะรับการฝึกแล้วใช่ไหม ขอบอกไว้ก่อนว่ามันจะหนักมาก และจะยาวนานและเจ็บปวดมากจนแกอาจจะกินข้าวไม่ลง แกไหวไหม"

    “ครับ” อิซึคุพูดอย่างมั่นใจ

    “เออ เดี่ยวเราก็ได้รู้กัน” มาคัสพูดเสร็จก็เดินเข้าไปเปิดลิ้นชักหยิบกระเป๋าตังขึ้นมา

    “แต่ก่อนอื่นนะ” มาคัสหยิบแบงค์แล้วยื่นให้อิซึคุ “ออกไปซื้อเหล้าให้ฉันก่อน”

    “….ห่ะ ?” อิซึคุงงแดก

    “งงอะไรวะ ออกไปซื้อเหล้าให้หน่อย ไม่เห็นเหรอมันหมดแล้ว”

    “เฮ้อ เป็นอย่างนี้ทุกที" อิซึคุทำหน้าเซ็งแล้วหยิบแบงค์ แล้วสังเกตุว่าจำนวนแบงค์มันเยอะกว่าปกติ

    “เดี่ยวทำไมให้เยอะจัง เหล้านี่ซื้อมากินหรือซื้อมาอาบเนี่ย” อิซึตุพูดอย่างสงสัง

    “ไม่ได้ให้ไปซื้อเหล้าหมด แต่ให้ไปซื้อข้าวเย็นกลับมาด้วย อาหารแช่แข็งมันหมด แล้วฉันก็ขี้เกียจทำด้วย แกอยากจะซื้อราเมง พิซซ่า ซูชิ หรืออะไรมาก็แล้วแต่แล้วกัน”

    “นี่พูดจิงใช่ป่าว” อิซึคุพูดตาเป็นประกาย

    “พูดเล่นมั้ง หรือวันนี้จะไม่กินข้าวเย็นก็แล้วแต่นะ" มาคัสทำท่าจะเอาเงินคืน

    “ไม่ๆๆๆ โอเค งั้นผมขอซื้อชุดแฮมเบอร์เกอร์เนื้อนะ” อิซึคุพูดพร้อมน้ำลายไหล

    “เออ เรื่องของแก รีบไสหัวไปก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” 

    “เย้!!” อิซึคุดีใจ พร้อมวิ่งออกไป

    “หึ ยิ้มได้ซะทีนะ ไอ้เด็กบ้า” มาคัสเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเก่งเหมือนเดิน

    “ว่าแต่รีโมทวางไว้ไหนวะ”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×