เจ้าของ (อัญมณี) - เจ้าของ (อัญมณี) นิยาย เจ้าของ (อัญมณี) : Dek-D.com - Writer
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    เจ้าของ (อัญมณี)

    ราศีเกิด เครื่องรางต้องโฉลก ส่งผลต่อมนุษย์หรือไม่ ไม่มีใครบอกได้ หรือแท้จริงแล้ว สันดานต่างหากที่มีอิทธิพลต่อการกระทำ เพราะมนุษย์มากมายมักพ่ายแพ้กลิ่นหอมของกิเลสตัณหาเสมอ

    ผู้เข้าชมรวม

    75

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    75

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 มิ.ย. 67 / 20:36 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

     

    เจ้าของ

    ราศีเกิด เครื่องรางต้องโฉลก ส่งผลต่อมนุษย์หรือไม่ ไม่มีใครบอกได้ หรือแท้จริงแล้ว สันดานต่างหากที่มีอิทธิพลต่อการกระทำ เพราะมนุษย์มากมายมักพ่ายแพ้กลิ่นหอมของกิเลสตัณหาเสมอ

     

    แสนคมยืนบนสะพานคอนกรีตสูงเหนือลำน้ำ เพ่งผ่านละอองหมอกมองรูปแกะสลักเรือนร่างสตรีด้วยหินสีฟ้าในมือสั่นเทาแล้วพาขนลุกชันไปทั่วร่าง ไม่ใช่เพราะความเย็นเยือกของลมหนาวต้นเดือนธันวาคม แต่เกิดจากความพรั่นพรึง เขาไม่อยากปักใจเชื่อเรื่องไร้สาระ ทว่าก็ยังหาคำตอบเรื่องนี้ให้ตัวเองไม่ได้เลย

    มันตามมาถึงที่นี่ได้อย่างไร

    ถ้อยคำของธนินทร์หวนกลับมาให้ตรึกตรองอีกครั้ง ตลอดที่ผ่านเขารำคาญเสียงแตกพร่าฝืนดัดให้แหลมนั่นแทบอ้วก แต่ในขณะนี้กลับชวนให้ต้องคิด

    “พี่ได้มาจากคนขายของเก่า เห็นบอกว่าเป็นรูปเทวีบัสเตตของอียิปต์ เทอร์ควอยซ์ที่ใช้แกะสลักนี่ก็มาจากเหมืองเก่าแก่บนคาบสมุทรไซไนเลยนะ ไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มา ดูเนื้อสิ ฟ้าสวยทั้งตัวเชียว ไม่มีลวดลายSpider webให้รกตาเลย” 

    ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจทั้งหมดที่ธนินทร์บอก ในสายตาคนจบแค่ประถมต้น มันก็เป็นแค่รูปสลักผู้หญิงประหลาดมีหัวเป็นแมว ดูไปไม่ต่างจากรูปปั้นพวกยอดมนุษย์ที่ขายเกลื่อนตามตลาดนัด เขาไม่ชอบมันตั้งแต่แรกเห็น นั่นเพราะเขาเกลียดแมว โรคหอบหืดทำเกือบตายตั้งแต่เด็กเพราะขนของมัน  

    “เขาบอกว่ารูปสลักจะเลือกเจ้าของเองด้วยนะ นี่คงจงใจจะมาอยู่กับพี่แน่ๆ เพราะเทอร์ควอยซ์ถูกโฉลกกับคนราศีธนูอย่างพี่ที่สุด” 

    แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือเขา ไม่ต้องรอให้เสียเวลาอีกต่อไป 

    เขาพลิกวัตถุในมือไปมา เริ่มลังเล 

    หรือจะเอามันไปขายให้ร้านของเก่าดีนะ เกิดทิ้งไปแล้วมารู้ทีหลังว่าขายได้ราคาสูง คงเสียดายแย่

    “คนเกิดราศีธนูถ้าได้ครอบครองรูปสลักนี่ จะทำให้พบแต่สิ่งดีงาม ชีวิตจะรุ่งโรจน์” 

    ภาพร่างท้วมในชุดเสื้อคลุมสีเขียวเนื้อมันระยับผุดขึ้นมาในหัวอีก ช่างขัดกับหนวดเฟิ้มเหนือริมฝีปากเคลือบลิปกลอสมันวาวนั่นเหลือเกิน 

    “แต่ถ้าเป็นราศีอื่น แถมยังทำเรื่องชั่วเรื่องเลว จะมีแต่ความวิบัติฉิบหาย” 

    เขาเกลียดน้ำเสียงเจือความแดกดันนั่น เกลียดนิ้วอวบอูมที่พยายามกรีดกรายและดวงตาปรายมาคล้ายจะติงเตือน 

    หรือมันจะเป็นเรื่องจริง

    เพราะไอ้รูปสลักเฮงซวยนี่หรือเปล่า ที่พาแต่เรื่องน่ากลัวเข้ามาไม่หยุดหย่อน ชีวิตมีแต่ความหวาดระแวง เกือบจะตายก็หลายครั้ง

    หมอกขาวโรยตัวลงต่ำ อากาศเย็นเยือกลงทุกขณะคล้ายจะกดดันให้แสนคมต้องเร่งตัดสินใจ เขาเริ่มไอแห้งติดกัน อาการหายใจติดขัดบอกให้รู้ว่าขืนช้ากว่านี้คงไม่ไหว 

    วูบนั้น ชายหนุ่มตัดสินใจเหวี่ยงวัตถุในมือลงสู่สายน้ำเชี่ยวกรากเบื้องล่าง

     จบสิ้นเสียที ไปอยู่กับนายมึงในนรกเถอะ

    แสนคมรีบกลับขึ้นรถ กระชับเสื้อกันหนาวให้ความอุ่นกับร่างกาย แง้มกระจกเป็นช่องเล็กพอให้มีอากาศ ใส่เกียร์แล้วเลี้ยวรถ เหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างระมัดระวัง ลำแสงจากไฟหน้ารถสาดผ่านไอขาวไปได้ไม่ไกลนักเพราะทุกหนแห่งปกคลุมด้วยม่านหมอกหนาจนขาวโพลน

    ภาพเจ้าของรูปปั้นที่เขาเพิ่งโยนทิ้งไป หวนเข้ามาในสมองอีกทั้งที่ไม่อยากนึกถึงเลย

    “พี่ว่าเราเข้ากันได้ดีมากเลยนะเนี่ย น้องเกิดราศีเมถุน พี่เกิดราศีธนู ดวงชะตาต้องพาเรามาพบกันแน่ๆ” 

     เขานึกสมเพชความงมงายของธนินทร์ที่เชื่อเรื่องบ้าบอได้เป็นตุเป็นตะ เกย์เฒ่าออกอาการตื่นเต้นจนเห็นได้ชัดเมื่อเจอกันครั้งแรก ดูออกว่าอยากสานสัมพันธ์ต่อ ราศีสมพงษ์คงเป็นเพียงข้ออ้าง

    แต่เขาเชื่อว่าเป็นเพราะหน้าตาและรูปร่างของเขามากกว่าที่ดึงแววตาพราวแพรวของธนินทร์ออกมาจนโจ่งแจ้ง เขาไม่เคยนึกชอบเพศเดียวกัน แต่ในที่สุดก็ต้องโอนอ่อน ยอมรับว่าหลวมตัวเพราะถูกตื๊อและอยากหาที่พึ่งพิง หนุ่มวัยเฉียดสามสิบอย่างเขากับเงินเดือนช่างซ่อมรถแทบจะไม่พอกิน เขาอยากหนีความจนไปให้พ้น ไม่อยากอยู่อย่างอดอยากปากแห้ง นอนเหงื่อซ่กในห้องเช่าร้อนระอุหลังอู่ 

    แสนคมได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังใหญ่ พรั่งพร้อมด้วยความสะดวกสบาย อาหารการกินสมบูรณ์ นอนห้องแอร์เย็นฉ่ำ ธนินทร์มีหน้าที่การงานใหญ่โต ทรัพย์สมบัติมากมาย หน้าฉากในสังคม แสนคมคือคนขับรถประจำตัว แต่ภายในห้องลับตา เขาต้องฝืนทนปรนเปรอความสุขทางกายให้กับธนินทร์ในบทบาทที่ไม่ได้ชอบเลย แต่เพื่อแลกกับความสุขสบาย ก็จำต้องยอมตามใจ 

    สี่ปีกว่ากับการอยู่ใต้ปีกธนินทร์ที่กางกั้นไม่ให้เขาหลุดลอดไปไหนได้เลย ถูกห้ามคบเพื่อน ห้ามสูบบุหรี่ ธนินทร์ห้ามแม้กระทั่งการปลดปล่อยตามธรรมชาติของผู้ชาย เว้นแต่จะมาระบายกับเขาคนเดียวเท่านั้น แสนคมเคยแอบกินเด็กสาวรับใช้ในบ้านด้วยความอยาก แต่ดันพลาดและถูกจับได้ เด็กนั่นถูกเฉดหัวออกไปในทันที 

    “กูฉุดมึงมาจากที่ต่ำ ให้มึงทุกอย่าง แต่มึงก็ยังเสือกร่านรนไปกินของสกปรก” 

    แสนคมกล้ำกลืนคำเจ็บแสบที่สาดใส่มาตลอด ฝืนอดทนเพื่อตัวเองเพราะรู้ว่าธนินทร์ตัวคนเดียว พ่อแม่ตายจากไปหมด ไร้ญาติพี่น้อง

    เขาเพียงแค่รอวันของอิสรภาพมาถึงเท่านั้น

    เขาดีใจเมื่อสังเกตว่าธนินทร์เริ่มป่วย มือไม้สั่นจับของตกแตกกระจาย เวลาผ่านไปอาการสั่นแรงขึ้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะแค้นใจ แต่แสนคมยังมีความเมตตา หาข้าวน้ำป้อนให้ทุกมื้อ

    “นอนเป็นง่อยแดกแบบนี้ ไม่มีใครดูแลหรอก ยกสมบัติให้กูซะ ไม่งั้นกูจะปล่อยมึงนอนตายคนเดียวที่นี่แหละ” 

    ถึงคราวแสนคมเอาคืนบ้างเพราะไม่ต้องเกรงกลัวอีกแล้ว ธนินทร์หมดฤทธิ์แสดงอำนาจ ได้แต่นอนน้ำตาไหลพราก ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยอาการโรคพาร์กินสัน เขายังจำวันที่จับนิ้วปวกเปียกของธนินทร์กดบนแป้นหมึกเพื่อประทับตราแทนการลงชื่อเพื่อถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สมบัติทั้งหมด เขาจ่ายเงินไปไม่น้อยเพื่อให้ทุกอย่างสะดวก จะได้ไม่มีใครมาเรียกร้องสิทธิ์กวนใจ 

    ธนินทร์อยู่เป็นภาระไม่นานนัก ก็จากไป

    ชีวิตใหม่ของแสนคมเปิดฉากด้วยความหรูหรา ไร่ชาหลายพันไร่ที่เชียงรายของธนินทร์สร้างรายได้มหาศาลต่อปี เขาตื่นตาตื่นใจกับบ้านพักสไตล์ฟาร์มเฮ้าส์หลังใหญ่ปลูกบนเนินเขา ลาดต่ำลงไปคือแนวต้นชาเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ความสุขล้นแน่นอกจนอยากหัวเราะให้ดังลั่นหุบเขา ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมาไกลถึงเพียงนี้ หวนนึกถึงภาพตัวเองในชุดเก่าขาด เปื้อนคราบน้ำมัน แล้วรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด แม้ผ่านมาต้องแลกกับอิสระแทบทั้งหมดก็ตาม

     เขาพบกับอาหมื่อในเช้าวันหนึ่งช่วงต้นฝน สาววัยสิบเก้าชาวอาข่าที่มารับจ้างปลูกชาในไร่ ผิวขาวผ่องจับตา  หน้าตาสวยคมจับใจยามแรกเห็น เรือนร่างเย้ายวนใจจนอดไม่ได้ต้องชวนพูดคุย

    “หนูสนใจมาทำงานแม่บ้านมั้ย ฉันอยากได้คนดูแล..” แสนคมหยอดคำ จับจ้องหน้าสาวรุ่นที่ทำตาโต ปากชมพูระเรื่อแย้มเผยอ ยิ่งปั่นใจเขาให้หมุนเป็นพายุ “ดูแลบ้าน และคอยรับใช้ช่วงที่ฉันมาพักที่นี่น่ะ” ชายหนุ่ตบท้ายด้วยยิ้มกริ่ม แววตาวาววาม มือลูบคางไปมา

    แสนคมไม่สนใจว่าจะด้วยหน้าตาหรือฐานะของเขาที่ทำให้หญิงสาวรับคำอย่างง่ายดาย เขาหวังเพียงได้ใกล้ชิดอาหมื่อ ที่สุดก็ได้เชยชมสมใจ และใช้เวลาเพียงไม่นานในการเลื่อนฐานะหญิงสาวขึ้นมาเป็นคนเคียงข้าง

    อาหมื่อช่างเอาใจ ปรนนิบัติดีพร้อมทั้งกลางวันกลางคืน จนชายหนุ่มประหลาดใจกับท่าทางเรียบร้อยนุ่มนวล แต่กลับกลายเป็นเย้ายวนเร่าร้อนทุกครั้งยามได้ชิดใกล้ เขายอมรับว่ารักและหลงจนขาดหล่อนไม่ได้ จะมีขัดใจอย่างเดียวเรื่องที่หญิงสาวขอพาพี่ชายพิการมาดูแลด้วยที่กรุงเทพฯ

    “หนูรักเขามาก แล้วเราก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้องเท่านี้แหละ ถ้าพี่ไม่ชอบ หนูก็คงต้องอยู่ที่นี่ หนูทิ้งเขาไปไม่ได้จริงๆค่ะ” เสียงออดอ้อนบวกกับแววตาเศร้าสร้อยของอาหมื่อ ปิดปากแสนคมสนิท เขาจำยอมตามคำขอแม้ไม่เต็มใจนัก จัดห้องชั้นล่างหลังบ้านให้เป็นที่พักสำหรับพี่ชายของหล่อน

    นับวันแสนคมยิ่งรักและหวงอาหมื่อมาก บอกไม่ได้ว่าทำไมต้องยอมทุกครั้งที่หล่อนเอ่ยปาก หรือจะจริงเช่นที่ธนินทร์เคยบอกว่าโชคชะตาชักพาให้มาพบกัน แต่เขาก็ไม่เคยใส่ใจจะถามถึงราศีบ้าบออะไรนั่น ไม่แม้แต่จะคิด

    “หนูตัดสินใจมาอยู่กับพี่ หนูไม่รู้ว่าพี่รักหนูจริงมั้ย” อาหมื่อเสียงเศร้า ซุกเบียดในอ้อมกอดเขา

    “แล้วทุกวันนี้ พี่ไม่รักหนูเหรอ” แสนคมก้มลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลา

    “พี่แต่งงาน จดทะเบียนกับหนูนะ” 

    แสนคมชะงัก นิ่งอึ้ง “ไม่เห็นต้องขนาดนั้นเลยนี่ แค่พี่รักหนูก็น่าจะพอแล้ว”

    “หนูไม่เคยรักใครเลย พี่คือคนแรกที่หนูรักและยอมให้ทุกอย่าง แล้วถ้าวันหนึ่งพี่เบื่อหนูขึ้นมา แล้วทิ้งหนูล่ะ หนูจะเหลืออะไร ใครจะอยากได้ผู้หญิงที่เคยมีผัวมาแล้วล่ะคะ” หญิงสาวเสียงเครือ น้ำใสหยดลงบนอกแสนคมดุจน้ำกรดที่ย่อยสลายทุกอย่างจนราบคาบ

            อาหมื่อได้ตามที่ต้องการ

    ทุกคืนกว่าอาหมื่อจะขึ้นมาบนห้องก็ปาไปเกือบสี่ทุ่ม เพราะต้องทำความสะอาด ป้อนข้าวน้ำให้พี่ชายจนแล้วเสร็จ บางคืนเขาต้องนอนงุ่นง่านเพราะหล่อนบ่นง่วง ปฏิเสธการปรนนิบัติเช่นเคย แสนคมเคยลงไปตามแต่ก็เพียงครั้งเดียว เขาไม่ชอบคนป่วย ไม่อยากเห็นปากที่บิดเบี้ยว คอที่เอียงพับทำให้น้ำลายไหลยืดตลอดเวลา เกลียดสรรพกลิ่นในห้องนั้น อับเอียนเคล้าฉุนเพราะหน้าต่างปิดไว้ตลอด หญิงสาวอ้างว่าพี่ชายไม่ชอบแสงสว่าง 

    คืนนี้ฝนพรำแต่หัวค่ำ หลายวันแล้วที่ไม่ได้ระบายความพลุ่งพล่าน แสนคมนอนจ้องหน้าจอทีวี กดเปลี่ยนช่องไปมา ที่สุดต้องปิดเพราะขาดสมาธิจะดู เหวี่ยงรีโมททิ้งลงบนเตียง ลุกขึ้นจุดบุหรี่อัดควันดับใจร้อนรุ่ม ควันขาวซ่านซึมเข้าสู่ภายใน สารความสุขหลั่งไหลช่วยผ่อนคลายได้บ้าง 

    “มันจะอะไรนักหนาวะ น่าจะตายให้พ้นๆไปซะ!” แสนคมฮึดฮัด อัดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนดีดก้นบุหรี่เข้าไปในห้องน้ำ พ่นควันขาวคลุ้งทั่วห้อง “ไอ้ห่า! เสือกเกิดมาปัญญาอ่อน เป็นภาระคนอื่นอีก”

    สิ้นเสียงบ่น แสงสว่างวาบตามด้วยเสียงครืนลั่นของฟ้ากราดเกรี้ยว ไฟดับวูบ ทุกอย่างมืดสนิทเงียบสงัด เขม้นมองไปข้างนอก หวังเห็นแสงจากไฟถนน แต่ก็ดำมืดไม่ต่างกัน 

    “เวร! ให้มันได้ยังงี้สิวะ ฝนตกไฟทีไรไฟเป็นต้องดับทุกที” ชายหนุ่มสบถขณะไสเท้าเดินไปตามทางคุ้นชิน มือคลำเปะปะไปบนโต๊ะริมหน้าต่าง ควานหาลิ้นชักเพราะจำได้ว่าเก็บไฟแช็คไว้ในนั้น 

    แว่วเสียงแกรกกรากดังมาจากหน้าห้องน้ำ แต่ความร้อนรนทำให้เขาไม่ใส่ใจ มือยังคงป่ายปะไปในความมืด

    “เฮ้ย!” 

    แสนคมสะดุ้ง ดีดตัวออกทันควัน มือสัมผัสกับบางสิ่ง คล้ายเส้นขนหยาบชวนขนลุก

    เมียววว 

    เสียงครางต่ำลากยาวทำเขาเหลียวล่อกแล่กอย่างหวาดระแวง ขยี้มือขยะแขยง แล้วต้องสะดุ้ง เด้งตัวลอย 

    “เฮ้ย! อะไรวะ”

    รู้สึกถึงบางสิ่งเคลื่อนเฉียดเท้าไป

    “อาหมื่อ!” แสนคมตะโกนสุดเสียง 

    เงียบสนิทไร้เสียงขานรับ

    “อาหมื่อ! ไปอยู่ไหนวะ” ชายหนุ่มก้าวลนลาน ไม่สนใจข้าวของที่กระแทกชนหล่นกราว 

    เพิ่งนึกออกว่ามีไฟฉายอยู่บนหลังตู้ข้างเตียง จึงควานมือขึ้นไปในความมืด คว้าได้สิ่งที่ต้องการ กดปุ่มเปิดทันที เขากวาดลำแสงไปทั่วห้อง รีบเดินเข้าไปสำรวจในห้องน้ำทุกซอกมุม ส่องลงพื้นมองหาตัวประหลาด 

    แต่ไร้วี่แวว  

    เหลืออีกแห่งเดียว ใต้เตียง

              เข้าก้มลง ส่องไฟสาดเข้าไป 

              อยู่นั่นไง! 

    แสงไฟสาดกระทบร่างดำมืด มันนั่งนิ่ง ตาสีเหลืองสะท้อนวาววับ

    “มึงออกมานี่เลย!” แสนคมเค้นเสียงกรอด ก้มตัวต่ำจนหน้าแนบพื้น ยื่นมือควานเข้าไปหมายจะคว้าแมวดำตัวเขื่องซึ่งกำลังขู่ฟ่อ ความโกรธทำให้ลืมไปว่าเขาแพ้ขนของมัน

    “โอ๊ย!” เสียวแปลบบนหลังมือ เขาหดมือกลับ 

    ก้มลงมองเห็นรอยข่วนยาวเข้าถึงเนื้อ เลือดซิบตามร่องแผล 

    “ไอ้ห่าเอ๊ย!” แสนคมโกรธจัด ผุดลุกขึ้น 

    แต่ทันใดนั้นกลับรู้สึกคันยิบในดวงตาและโพรงจมูก ระคายลำคอ ไอแห้งติดกันจนหอบเหนื่อย 

    “โอย..” ร่างล่ำสันซวนเซล้มลงบนเตียง ครางเสียงครืดคราดด้วยหายใจเริ่มติดขัด 

    ไฟฉายหลุดจากมือตกลงบนฟูก ลำแสงสาดเป็นวงไปยังโต๊ะริมหน้าต่างต้องวัตถุบางอย่าง แม้จะหอบเหนื่อย แต่แสนคมไม่วายตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

    รูปสลักเทอร์ควอยซ์ สะท้อนเงาวาววามตั้งเด่นอยู่บนนั้น!

    เขาจำได้แม่นว่าตั้งแต่ธนินทร์ตาย ก็เก็บมันเข้ากระเป๋าแล้วซุกไว้ในตู้เก็บของชั้นล่างแล้วนี่นา 

    แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

    แสนคมขนลุกเกรียว เสียงธนินทร์ก้องขึ้นในหัว

    “มันเป็นของเก่า ไม่รู้มีอาถรรพ์หรือคำสาปอะไรติดมาด้วยหรือเปล่า”

    ชายหนุ่มไม่กล้าละสายตาจากรูปสลักขณะถดตัวไปยังโต๊ะหัวเตียง เปิดลิ้นชัก หยิบหลอดพ่นออกมากดพ่นยาแล้วสูดหายใจเข้า เพียงครู่อาการหอบเหนื่อยก็เริ่มทุเลาลง แต่ความหวาดหวั่นยังครอบคลุมทั้งห้องไม่คลาย แสนคมทนนั่งจ้องรูปสลักร่วมครึ่งชั่วโมง ไฟจึงสว่างขึ้น อาหมื่อกลับขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน 

    “หายไปไหนมาตั้งนาน รู้มั้ย พี่เกือบตาย” แสนคมตวาด

    “ไฟดับ มันมืดมาก หนูขึ้นมาไม่ได้ค่ะพี่”

    “เอาไอ้รูปปั้นบ้านั่นออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เขาชี้ไปยังรูปสลัก “มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” 

    “หนูก็ไม่รู้ค่ะ” อาหมื่อปฏิเสธ หน้าเสีย

    “เล่นเอาตกใจแทบตาย แล้วมีไอ้แมวเปรตที่ไหนไม่รู้อยู่ในห้องนี้ด้วย บอกกี่ครั้งแล้วว่าปิดประตูให้สนิท ถ้าเจออีกที จะฟาดให้ดิ้นตายคามือเลย”

    “แมว อยู่ในห้องนี้เหรอคะ?” แสนคมหมั่นไส้หน้าตาเหลอหลาของอีกฝ่าย 

    “เออสิ แมวดำตัวใหญ่ยังกะหมา”

    อาหมื่อเดินค้นจนทั่วห้อง แต่ไม่พบวี่แววของแมวตัวนั้น แสนคมนำรูปสลักใส่ถุงแล้วยัดลงในกระเป๋า ล็อคกุญแจจนแน่นหนา แม้จะโล่งใจขึ้น แต่คำถามยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หาย 

    แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีก 

    แสนคมเผลอหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นขึ้นมา ไม่พบอาหมื่อในห้อง 

    แมวดำตัวเขื่องปรากฏตัวในห้องนอนอีกครั้ง และรูปสลักก็ย้ายมาอยู่บนโต๊ะหัวเตียง อาการหอบหืดกำเริบจนแทบปลิดชีวิต แสนคมทั้งหวาดกลัวทั้งโมโห รุ่งขึ้น เขาจัดการขายรูปสลักให้กับคนรับซื้อของโบราณไปในราคาหลักหมื่น 

    แม้ไม่เข้าใจและไม่รู้จักที่มาของรูปสลัก แต่คำบอกเล่าของธนินทร์ทำให้นึกเสียดายไม่น้อย ถ้าหาที่ปล่อยดีๆ อาจจะได้ถึงหลักแสน แต่เหนืออื่นใด เขาอยากกำจัดมันไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด

     

    ปีนี้ความหนาวมาเยือนเร็วกว่าปีก่อน เพียงช่วงปลายพฤศจิกายน เมืองหลวงยังสัมผัสได้ถึงไอเย็น แต่ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง กรุงเทพฯเป็นสวรรค์ช่วงอาทิตย์ตกและกลายเป็นนรกยามอาทิตย์ขึ้นตลอดปีอยู่แล้ว 

    แสนคมตั้งใจเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปพักผ่อนและดูกิจการที่ไร่เพราะฤดูการเก็บเกี่ยวชามาถึงแล้ว เขาไม่ต้องมีความรู้เรื่องการบริหาร ผู้จัดการไร่คนเก่าแก่เป็นตัวแทนในทุกเรื่อง โดยเฉพาะผลตอบแทนรายปีที่โอนเข้าบัญชีให้ หน้าที่อย่างเดียวคือใช้ชีวิตให้สุขสบายเท่านั้น ชายหนุ่มโล่งใจที่ห่างไกลจากเรื่องประหลาดในบ้านที่กรุงเทพฯได้ บรรยากาศในไร่กลางไอหนาวผ่านไปด้วยความสุขเพียงสองวัน

    คืนนั้น เสียงหนึ่งปลุกแสนคมให้ตื่นขึ้น รู้สึกถึงความหนาวจับอยู่ในทุกอณูพื้นที่ แสงจันทร์ข้างขึ้นสาดเข้ามาในห้อง เขามองเห็นร่างดำมืดเดินสี่ขาอยู่บนหลังตู้ในห้องนอน แวบแรกคือฉงนใจ หน้าต่างทุกบานแง้มไว้พอให้ลมผ่าน แมวดำตัวใหญ่ขนาดนั้นไม่สามารถลอดเข้ามาได้อยู่แล้ว ประตูทางเข้าห้องและอีกบานเชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอกก็ปิดสนิท

    แล้วมันเข้ามาอยู่ในห้องได้ยังไง

    เพราะประสาทตื่นตัวจนหายง่วง หันไปมองอีกครั้ง 

    หลังตู้ว่างเปล่า

    ชายหนุ่มเดินสำรวจทุกพื้นที่ ไม่พบแม้แต่เงาของมัน เขาเดินตรงไปห้องน้ำ เปิดสวิตช์ไฟ ผลักบานประตูเข้าไป

    “เฮ้ย!” แสนคมร้องลั่นถอยหลังกรูด จ้องเขม็งบนโถชักโครก 

    รูปสลักสีฟ้าตั้งอยู่บนนั้น!

              แสนคมนอนไม่หลับทั้งคืน ทั้งกลัวทั้งงุนงงปนกันวุ่นวาย ดื่มกาแฟเข้มดำแก้วใหญ่เพื่อสะกดความง่วงไว้ เขานั่งจ้องวัตถุที่ห่อด้วยถุงดำหลายชั้นไม่วางตา ราวกับกลัวว่ามันจะลุกออกมาอีก 

    เขาเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว พอรุ่งสาง รีบขับรถกระบะคันเก่าออกไปในขณะทุกชีวิตในไร่ยังหลับใหล ใจเลื่อนลอยพาชายหนุ่มขับเรื่อยไปตามเส้นทางจนเข้าสู่แนวป่า เขาหยุดรถก่อนข้ามสะพานสูงทอดยาวเหนือลำน้ำ คว้าห่อถุงดำติดมือ เดินดุ่มไปกลางสะพาน

    หน้าหนาว ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเร็วกว่าปรกติ อากาศเย็นเยือกเพราะห่างไกลจากตัวเมืองและอยู่บนเนินเขาแวดล้อมด้วยป่าไม้ บนระเบียงโล่งกว้างเชื่อมต่อกับห้องนอน แสนคมยืนสูบบุหรี่ ทอดสายตามองแสงไฟวิบวับจากหมู่บ้านกะเหรี่ยงข้างล่างแต้มเป็นจุดเล็กสีเหลืองพรายพร่างบนบรรยากาศสีน้ำเงินเข้ม ทิวเขาทอดตัวยาวกำลังถูกกลืนหายไปในม่านดำ ดวงจันทร์แย้มขอบเหลืองเรื่อขึ้นหลังเขาทีละน้อย กลิ่นดอกไม้ป่าเคล้าไอเย็นโชยอวลเตือนชายหนุ่มให้กระชับเสื้อคลุม อากาศเย็นมีผลต่อโรคประจำตัวเขาไม่น้อย เรื่องประหลาดยังติดค้างในใจไม่จาง ความรู้สึกแปลกเกิดขึ้นในใจมาหลายวัน โดยเฉพาะคืนนี้ ใจสั่นหวิว รับรู้ถึงลมหายใจไม่สุดปอด 

    มองไปด้านล่าง เห็นแสงไฟลอดจากบ้านหลังเล็กท่ามกลางสวนลิ้นจี่ อาหมื่อคงกำลังวุ่นกับงานดูแลพี่ชาย กว่าจะขึ้นมาคงอีกนาน ชายหนุ่มตัดสินใจกลับเข้าห้องนอน ความเหนื่อยล้าทำให้เผลอหลับไป 

    มาสะดุ้งตื่นอีกครั้ง มองไปรอบกาย ทุกอย่างดูมืดสลัว แว่วเสียงจิ้งหรีดกรีดปีกมาจากที่ไกล มีเพียงแสงจันทร์อ่อนจางช่วยไล่ความวังเวงออกไปได้บ้าง

    เมี้ยวว..

    เสียงครางแหลมทำเอาสะดุ้ง แสนคมนอนหงายนิ่งใต้ผ่าห่ม กลอกตาไปมา ไม่กล้าขยับตัว ผ่อนลมหายใจเบาที่สุดเหมือนกลัวมันจะรู้ว่าเขาตื่นอยู่ เหงื่อเริ่มซึมไหลทั้งที่อากาศหนาวเยือก

    รู้สึกเสียวปลายเท้าวาบ ผงกหัวขึ้นมอง เห็นแสงจันทร์สาดกระทบบางสิ่งนอกหน้าต่าง ความกลัวก้อนใหญ่โถมใส่จนหนาวสะท้าน

    ร่างดำมืดนั่งนิ่งเหมือนรอเวลา ดวงตาวาววามเรืองแสงจ้องมายังเขา

                    มันมาอีกแล้ว..

    แสนคมเลื่อนมือไปข้างเตียง ควานหาวัตถุยาวที่เตรียมไว้ กำลังจะลุกขึ้น พลันรู้สึกถึงฝอยละอองปลิวมาในอากาศ ชายหนุ่มพ่นลมออกไล่อาการเคืองในโพรงจมูก ดวงตาคันยิบ ในลำคอเริ่มเหนียว หายใจครืดคราดจนหอบ 

    บางสิ่งปลิวมาติดแก้ม เขายกมือขึ้นจับออก สัมผัสจากปลายนิ้วบอกได้ทันที

                       ขนแมว!

    แสนคมไอแห้งจนปวดท้อง หายใจติดขัดากยิ่งขึ้น พยายามสูดลมเข้าแต่ได้ยินเพียงเสียงวี้ดแหลมผ่านลำคอ ชายหนุ่มพยายามประคองตัวมาที่โต๊ะหัวเตียง เปิดลิ้นชักควานหากระบอกยา 

                        แต่ว่างเปล่า

    ไม่มีเวลาแม้แต่จะโมโห เขาพยายามเดินออกจากห้อง ก้าวลงบันใดอย่างเชื่องช้า จุดหมายคือบ้านหลังเล็กข้างล่าง อาหมื่อจะช่วยเขาได้ แสงไฟสลัวจากโคมกลางห้องนำทางไปจนถึงประตูหลังบ้าน ออกแรงเลื่อนบานกระจก ก้าวออกไป แต่ก็ต้องชะงัก

    “เฮ้ย!”

    กลางลานกว้างหลังบ้าน แสงจันทร์ส่องกระทบรูปสลักประหลาดตั้งประจันหน้าอยู่ สีฟ้าวาววามเรืองแสงอยู่ในความมืด

    แสนคมขนลุกซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้า ความกลัวกลบความพิศวงไปสิ้น เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินฝ่าความมืดผ่านพุ่มไม้ไปจนถึงหน้าบ้าน กำลังจะดึงบานประตู 

              “บ่เอาน่าอ้าย” เสียงออดอ้อนเคล้าหัวเราะระริกรื่นฉุดมือเขาไว้ แสนคมใจเต้นรัว สังหรณ์แล่นวูบ สังเกตเห็นแสงไฟลอดรอยแตกของบานหน้าต่าง เขารีบก้มลงแนบตาส่องทันที

              ภาพที่เห็นทำเอาชายหนุ่มตัวชา แขนขาอ่อนแรง ลืมความกลัวและอาการหอบหืดไปหมด

              ร่างเปลือยของอาหมื่อขาวโพลนกลางแสงไฟนอนทอดตัวบนเตียง แต่ที่น่าตกใจมากกว่าคือชายหนุ่มในสภาพเดียวกันที่กำลังนอนกอดผู้หญิงของเขาอยู่นั้น

              คือพี่ชายที่อาหมื่อบอกมาตลอดว่าปัญญาอ่อน!

              “น้องต้องขึ้นไปแล้วเน่อ เดี๋ยวไอ่นั่นตื่นขึ้นมาบ่เจอน้อง มันจะโวยวายอีก” อาหมื่อพยายามแกะมือที่กำลังซอกซอนไปตามเนื้อตัว

              “ยังบ่ดึกเท่าไหร่นี่ ขอชื่นใจ๋อีกสักกำเนาะ” 

              “เก็บไว้พรุ่งนี้เต๊อะเนาะอ้าย จะได้มาฉลองวันเกิดน้องตวยไง” 

               หล่อนกำลังลุกขึ้น แต่กลับถูกฉุดลงไปอีกครั้ง เสียงหัวร่อเริงร่านบาดหัวใจคนแอบดูจนปวดแปลบ แสนคมตัวสั่นเทิ้ม บอกไม่ถูกว่าด้วยอารมณ์ภายในหรืออากาศยามดึก แต่ที่บ่งบอกชัดเจนคือน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม 

    เขาละสายตาจากช่องมอง ยืนพิงผนังอย่างคนหมดแรง เสียงหญิงสาวร้องครางลอดออกมาดุจเหล็กแหลมแทงทิ่มใจจนขาดกระจุย

    ร่างล่ำสันค่อยทรุดลงกองบนพื้น ลมหายใจเฮือกสุดท้ายเคล้าความเจ็บปวดคั่งแค้นสูดเข้าปอดจนสุด กายกระตุกก่อนคลายลงพร้อมจิตดับวูบ

     

              “ไผจะนึกว่าวันหนึ่ง น้องจะได้กล๋ายเป๋นคุณนายเจ้าของไร่ชา” 

    อาหมื่อยืนเกาะราวระเบียง กวาดตามองไปทั่วอาณาจักรกว้างใหญ่ตรงหน้า แดดยามเย็นอาบร่างขาวผ่องตัดกับสีแดงของชุดนอนบางพริ้ว

              “น้องนี่เก่งแต๊ๆอาหมื่อ”

    เสียงจากชายร่างสูงกล้ามหนั่นแน่น ใบหน้าคมคาย สวมกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียวเดินผ่านประตูห้องนอนเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง เขาก้มลงจุมพิตแก้มนวลปลั่ง 

    “แต่ฮู้ก่อ อ้ายใจ๋จะขาดทุกครั้งที่น้องอยู่กับมัน”

              “แล้วคุ้มก่อล่ะอาโซ” อาหมื่อหันมา ยกมือโอบลำคอชายหนุ่ม “บอกแล้วว่าน้องฮักอ้ายคนเดียว ที่ทำตึงหมดนี่ ก็เพื่อเฮาสองคนทั้งนั้น”

    “ไหนเล่ามา ว่าหลอกไอ่ง่าวนั่นจะใด อ้ายอยากฮู้” 

    “จะไปยากอะหยัง” หญิงสาวหัวเราะร่วน “มันเคยเล่าเรื่องรูปปั้นสีฟ้าให้น้องฟัง เห็นมันซ่อนไว้ในกระเป๋า เลยแอบเอาไปให้ร้านขายของเก่าดู อ้ายฮู้ก่อ ของนั่นราคาสูงขนาดเน่อ น้องก็เลยเอาไปให้ช่างทำเลียนแบบมาตั๋วสองตั๋ว มันง่าวขนาด ดูบ่ออกเลยว่าของที่อยู่กับมันเป๋นของปล๋อม”

    “สุดยอดเลย สมกับเป๋นเมียอ้ายแต๊ๆ” อาโซหอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่

    “อ้ายก็ใช่ย่อยนี่ เล่นบทคนพิก๋ารได้เหมือนจนไอ่ง่าวนั่นบ่สงสัยเลย”

    อดีตชายพิการจอมปลอมหัวเราะชอบใจก่อนถามต่อ “แล้วของจริงล่ะ ต๋อนนี้อยู่ไหน”

    “บ่บอก” อาหมื่อเอียงคอ ทำหน้ายียวน

    “บ่บอกแม่นก่อ” ชายชื่ออาโซดึงร่างอวบอัดเข้ามากอด ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากกับซอกคอ ไล่เรื่อยลงเนินขาวเนียน “จะหอมให้ขาดใจต๋ายไปเลย”

    “บอกแล้ว ปล่อยน้องก่อน” หญิงสาวร้องพยายามดันตัวออก อาโซคลายอ้อมแขน แต่ยังคลอเคลียไม่ห่าง

    “น้องเอาลงขายในเว็บ กำเดียวก็มีคนติดต่อขอดูของแล้ว ได้เงินตั้งสองแสนแน่ะ ไอ่คนซื้อนั่นก็

    รีบจ่ายเงิน ยังกะกลั๋วน้องจะเปลี่ยนใจ๋” อาหมื่ออวด “แล้วน้องก็วางแผนสร้างเรื่องให้ดูเหมือนรูปปั้นนั่นมีชีวิตหลอกไอ้ง่าวนั่น มันกลั๋วจนหัวหดเลยละ”

    “แล้วแมวดำนั่นล่ะ”

    “ธัมโม กะอีแค่แมวดำ หาที่ไหนก็ได้ ต๋อนอยู่กรุงเทพฯ น้องก็จ้างหมู่วินมอไซค์ไปเซาะหาให้ พอมาถึงที่นี่ ในหมู่บ้านข้างล่างปู๊น มีเยอะแยะ จะเอากี่ตั๋วล่ะ”

    “น้องนี่มันร้ายขนาดเนาะอาหมื่อ จะอี้ต้องถูกลงโทษให้หนัก” 

    ชายหนุ่มช้อนร่างอวบขึ้นแล้วพาเดินเข้าห้องนอน เสียงหัวเราะร่วนดังลอดออกมาก่อนจะเงียบไป

    คืนนี้ อากาศภายนอกจะหนาวเหน็บเพียงใดแต่ไม่อาจกลบความร้อนระอุภายในห้องนอนของเรือนพักกลางไร่ชาได้เลย  

     

    เสียงแปลกแทรกขึ้นในความเงียบสงัด ปลุกอาหมื่องัวเงียตื่นขึ้น รู้สึกลำคอคอแห้งผากทำให้นึกอยากดื่มน้ำ หน้าห้องมีตู้เย็นขนาดเล็กบรรจุน้ำและเครื่องดื่มไว้แก้กระหายยามค่ำคืน

    หล่อนค่อยๆยกแขนที่ตระกองกอดขึ้นแล้วลอดตัวออกมาแผ่วเบา ไม่กล้าเปิดไฟเพราะกลัวคนบนเตียงจะตื่น 

    แสงจันทร์ข้างแรมอ่อนๆยังพอพึ่งพาความสว่างได้ เหลียวมองไปรอบห้อง ทุกอย่างดูนิ่งสนิทและจมอยู่ในความสลัวราง หล่อนจรดเท้าลงบนพื้นเย็นเยียบดุจน้ำแข็งจนอดสะดุ้งไม่ได้ ใจยังหวาดหวิวเพราะงานศพของแสนคมเพิ่งผ่านไปได้เพียงอาทิตย์เดียว พยายามสะบัดภาพใบหน้าคนตายที่แล่นวาบเข้ามาในความคิดออกไปโดยเร็ว

    หญิงสาวหายใจเข้าลึกยาวรวบรวมความกล้าก่อนจะก้าวออกจากห้องนอน เลื่อนบานกระจกฝ้าออกช้าๆ กำลังเอื้อมมือจะกดสวิตช์ไฟ 

    พลันกลิ่นหอมเอียนคล้ายกลิ่นธูปลอยมากระทบจมูก พาขนบนคอตั้งชันแล้วไล่เกรียวไปทั่วกาย 

    วูบหนึ่งคิดเปลี่ยนใจหลังกลับ แต่อาการแหบแห้งในลำคอทำให้ฝืนใจไปต่อ หล่อนเร่งควานมือไปในความมืดหาสวิตช์ไฟบนผนัง อย่างน้อยความสว่างก็ช่วยลดความน่ากลัวลงไปได้มากโข

    พรึ่บ 

    แสงนีออนสาดสว่างจ้าขึ้นทันที

    แต่แล้วอาหมื่อก็ต้องยืนตัวแข็งทื่อ ตาเบิกโพลง ยกมือขึ้นปิดปากก่อนเสียงกรีดร้องจะระเบิดออกมาด้วยความตระหนกสุดขีด

    “กรี๊ดด!”

    ท่ามกลางความมืดนอกห้อง รูปปั้นเทอร์ควอยซ์เรืองแสงวาบโดดเด่นอยู่กลางห้อง คล้ายกำลังยืนรอหล่อน

    อยู่นานแล้ว

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×