สวัสดีครับผมชื่อบาส อายุ25 ปีนี้ ผมเกิดอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานแต่ปัจจุบันมาอาศัยทำงานที่อีกจังหวัดหนึ่ง ตลอดอายุที่ผ่านมาต้องบอกว่ามีแต่ปัญหาเข้ามา นับหลังจากที่ผมได้ไปสร้างวีรกรรมในครั้งนั้น ย้อนกลับไปช่วงอายุประมาณ 11 ขวบ ผมเคยวิ่งเล่นกับเพื่อนในกลุ่มเราจะมีด้วยกันทั้งหมด 6 คนด้วยความที่เพื่อนกับตัวผมนั้นชอบอะไรที่มันสนุกและท้าทายกิจกรรมยามว่างของพวกเรา จึงเป็นอะไรที่จะชอบทำให้ผู้ใหญ่ปวดหัวอยู่เสมอ และแล้วก็มีวันหนึ่ง ได้มีเพื่อนในกลุ่มที่ชื่อว่าโจ้ เป็นเด็กอายุรุ่นเดียวกันกับผม ได้มีความคิดที่จะไปบ้านร้าง ตอนนั้นพวกเราทั้ง 5 คนมีบี มีพลอย มีลูกพลับ มีแมน แล้วก็ตัวผม พอได้ยินเรื่องที่โจ้พูดก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้นที่จะอยากลองไปท้าทาย พวกเราทั้ง 5 คนรวมตัวผมด้วยเป็น 6 คน จึงตัดสินใจกันที่จะไปและได้นัดเวลากันเป็นช่วงประมาณ 20:00 น. พอถึงเวลาที่นัดกันไว้เราก็มารวมตัวกัน สิ่งของที่แต่ละคนเอามาด้วยก็จะมีติดตัวเป็นไฟฉายบางคนก็พระ บางคนก็เอาของกินมาด้วย ลักษณะที่เห็นบ้านร้างหลังนั้นเป็นบ้าน2 ชั้น ข้างล่างเป็นปูนข้างบนเป็นไม้ พื้นที่โดยรอบมีหญ้าขึ้นคลุมเต็มไปหมดและที่สังเกตได้ง่ายบ้านหลังนี้อยู่ห่างจากผู้คนแทบจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายที่อยู่ในซอย ความมืดปกคลุมไปหมดทุกอย่างแสงที่เห็นได้อย่างเดียวในตอนนั้นก็คือแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมาตัวบ้านและพื้นที่โดยรอบจึงได้เห็นลักษณะพื้นที่โดยรอบและข้างๆบ้านยังมีต้นโพธิ์ต้นหนึ่งที่สูงใหญ่ปกคลุมตัวหลังคาบ้านอยู่ใกล้ๆกันระหว่างที่พวกเราทั้ง 6 คนกำลังเดินผ่านเข้าไปในตัวบ้านตัวโจ้ก็ได้สังเกตว่าด้านซ้ายมือมีเป็นบ้านหลังเล็กๆที่ทำด้วยไม้อัดและสังกะสีครอบลักษณะเหมือนศาลเพียงตา ด้วยความที่โจ้เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อจึงทำให้เขาได้พูดขึ้นมาว่า ' สาธุถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือผีมีจริงก็ออกมาให้เห็นหน่อยเถอะอยากเจอ ' หลังจากที่ผมกับเพื่อนได้ยินที่โจ้พูดแบบนั้นก็ได้มีการบอกตักเตือนว่าอย่าพูดแบบนี้ทำให้พลอยกับลูกพลับเกิดรู้สึกกลัวได้มีแต่ตัวของบีที่คอยปลอบเพื่อนโจ้ก็ได้พูดมาอีกว่า ' จะกลัวอะไรกันนักหนาสิ่งที่มองไม่เห็นเกิดมาถึงขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นเลย ' ทันทีที่ตัวโจ้พูดจบก็เกิดลมอย่างแรงที่พัดเข้ามาใส่ตัวพวกเราบรรยากาศเริ่มเย็นขึ้นเสียงลงที่พันกับสังกะสีทำให้สังกะสีเกิดเสียงเป็นเหมือนเหล็กแหลมที่กำลังขูดกันอยู่ ผมจึงตัดบทด้วยการที่พูดบอกให้พวกเราทั้งหมดรีบๆสำรวจและรีบกลับพวกเราเลยได้พากันเดินเข้าบ้านตัวของแมนซึ่งเป็นคนที่เงียบอยู่แล้วไม่ค่อยพูดอะไรจู่ๆแมนก็พูดขึ้นมาว่า ' เวลาพวกเราเดินอย่าแยกกันนะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกันทัน ' ผมด้วยความที่สงสัยแต่ไม่กล้าถามอะไรเพื่อนเพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนต้องมองเห็นอะไรแน่นอน แต่โจ้ก็ได้พูดขึ้นมาอีกว่า 'ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนะจะเป็นผีมาหลอกกูน่ะจะเตะให้คว่ำเลย ' ผมก็เลยได้ทำเสียงดุใส่ แล้วบอกว่าอย่าพูดแบบนี้เพราะทำให้เพื่อนๆกลัว ในตอนนั้นพวกเราตัดสินใจเดินขึ้นไปสำรวจชั้นบนก่อนเพราะอยากรู้ว่าข้างบนสภาพเป็นยังไง ในขณะที่เรากำลังเดินขึ้นบันไดไปอยู่นั้นคนที่อยู่ท้ายสุดคือ บี จู่ๆบีก็ตกใจแล้วร้อง ' เฮ้ย ' ทำให้พวกผมหยุดเดินแล้วหันมาหาบี ถามว่าบีเห็นอะไร แต่บีก็ไม่ตอบได้แต่พูดว่า 'ไม่มีอะไรเดินกันต่อเถอะ' พวกผมก็เลยได้เดินขึ้นมาถึงบนบ้านกันลักษณะบนบ้านจะเป็นห้องโล่งๆที่มีแค่เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้ใบใหญ่ๆ กับหน้าต่างที่เปิดไว้อยู่ 4 บานทำให้แสงของดวงจันทร์ส่องเข้ามาได้บ้างลักษณะที่เห็นจะมีเสาอยู่กลางบ้านเสานึงที่ผูกด้วยผ้าสามสีแล้วมีคราบแป้งเต็มเสาอยู่ และตรงกลางเสาจะมีเหมือนหิ้ง มีรูปของคนๆหนึ่งอยู่แล้วก็มีโกศใส่กระดูก ตั้งอยู่หน้ารูป พวกผมได้เดินสำรวจกันรอบๆแต่แมนได้มาหยุดอยู่ตรงเสาต้นนี้แล้วยกมือไหว้เหมือนพูดอะไรอยู่สักอย่างผมก็เลยเดินเข้าไปคุยกับแมน ในตอนที่ผมกำลังเดินไปนั้นโจ้ก็ได้ลากเก้าอี้มาจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมาตั้งอยู่ตรงหน้าเสาแล้วก็เหยียบขึ้นไปหยิบโกศกระดูกกับรูป ลงมาตอนที่โจ้หยิบลงมานั้นก็ได้พูดว่า 'พวกมึงดูดินี่น่าจะเป็นของเจ้าของบ้านหลังนี้ ' ทันทีที่โจ้พูดจบแมนก็รีบดึงรูปที่อยู่ในมือของโจ้กับรีบคว้าที่ใส่กระดูกที่อยู่ในมือของโจ้แล้วบอกว่า 'มันไม่ใช่ของที่จะเอามาเล่นเอาคืนมานี่' ตัวของโจ้ก็ไม่ยอมก็เลยได้ดึงกลับจังหวะที่แย่งกันอยู่นั้นจู่ๆมือของแมนก็ได้ดึงที่ใส่กระดูกหลุดออกมาทำให้เศษกระดูกที่อยู่ในโกศ กระจายกลางอากาศในตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าเศษกระดูกที่เป็นผงจะได้ลอยเข้าตาผมด้วยมันคันมันแสบความรู้สึกเหมือนลูกตาจะหลุดออกจากตัวผม จังหวะนั้นผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้ารีบหาน้ำมันล้างตาออกเพราะกลัวจะอักเสบ ตัวของแมนก็ได้ตกใจแล้วรีบคุกเข่ายกมือไหว้ที่รูปกับที่ใส่กระดูกโดยบอกว่าไม่ได้ตั้งใจและขอขมาที่เกิดเรื่องแบบนี้ตัวของโจ้ก็เหมือนไม่ได้สำนึกผิดแถมยังพูดติดเล่นด้วยว่า 'เอาหน่าแค่เศษกระดูกมันกระจายเองอย่าคิดมาก' ตัวของแมนเลยพูดมาว่า ' ระวังไว้เถอะมึงทำอะไรไว้เขาตามเอามึงคืนแน่ ' ตัวของโจ้ยังหัวเราะขำในขณะที่เพื่อนๆเริ่มกลัวกันหมดแล้วผมเลยตัดสินใจบอกเพื่อนๆว่างั้นกลับกันได้แล้วก่อนที่มันจะดึกมากกว่านี้เวลาตอนนั้นก็ประมาณ 3 ทุ่มครึ่งพวกเราก็เลยได้ทำการเก็บกวาดเศษกระดูกที่ตกอยู่บนพื้นบ้านแล้วเอาใส่ในที่เก็บแล้วเอาไว้ที่เดิมโดยที่แมนเป็นคนพูดกล่าวขอขมาตอนที่พวกเรากำลังเดินลงมาอยู่นั้นจู่ๆพลอยก็ได้พูดขึ้นมาว่าเหมือนได้ยินเสียงคนเดินตามหลัง แต่ทุกคนหยึดเดินเพื่อฟังเสียง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไร หลังจากที่พวกเราเดินลงมาถึงข้างล่าง โจ้ก็ขอตัวไปฉี่ในห้องน้ำหลังบ้าน จังหวะนั้นพวกผมจึงยืนรอกันอยู่ตรงกลางบ้าน พอเวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที รู้สึกเหมือนเสียงบรรยากาศรอบๆเงียบไปหมด ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงนก หรือแมลงต่างๆ รวมถึงตัวของโจ้ที่ไปเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ พวกผมจึงร้องตะโกนถามว่าเสร็จรึยัง แต่กับไม่มีเสียงตอบมา ผมกับแมน จึงเดินไปหาที่ห้องน้ำ กับไม่เจอตัวของโจ้ ตอนนั้นผมคิดว่าเพื่อนแกล้ง จึงบอกว่าไม่ตลกให้ออกมาได้แล้วจะกลับกันแล้ว แต่ก็ยังเงียบ ในทางฝั่งของ บี พลอย ลูกพลับ ก็ยืนรออยู่ที่เดิม แต่พลอยกับบอกว่ารู้สึกเหมือนมีคนเดินอยู่บนบ้าน ถามเพื่อนว่าได้ยินเหมือนกันไหม แต่บี กับ ลูกพลับตอบว่าไม่ได้ยินอะไรเลย จู่ๆทางลูกพลับก็เห็นเหมือนโจ้ เดินผ่านทางหน้าบ้านจึงเรียกชื่อขึ้น ปรากฏว่าไม่มีใครตอบกลับมา ทางฝั่งของผม ก็พยามยามเดินหาอยู่หลังบ้าน กลัวว่าเพื่อนจะเป็นอะไรไป เพราะมันเริ่มแปลกๆแล้ว ในขณะเดียวกันทางของบี พลอย ลูกพลับ ได้พากันเดินไปหาที่หน้าบ้าน พากันส่องไฟฉายตามหา กับไม่พบอะไร แต่จู่ๆเสียงร้องของลูกพลับก็ดังมาจากหน้าบ้าน ทำเอาผมกับแมนวิ่งไปหาด้วยความตกใจ ตอนที่เห็นลูกพลับกำลังร้องไห้ หวาดกลัวอะไรบางอย่าง ถามอะไรก็เอาแต่ร้องพวกผมจึงมองว่าแบบนี้ไม่ดีแล้ว ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ บีจึงอาษาขี่จักรยานไปตามผู้ใหญ่ที่บ้านมาช่วยผ่านไป 10 นาที ผู้ใหญ่กับชาวบ้านอีก 10 กว่าคนพร้อมไฟฉาย พากันถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมด พอพูดจบลุงที่อยู่มานานสุดแกก็พูดว่า ' พวกเอ็งนี่น้อ เรื่องดีๆมีไม่ทำ นี่สร้างแต่ความชิบหาย ' พูดเสร็จลุงก็ได้บอกให้คนวิ่งไปเอาธูปเทียนและดอกไม้มา ลุงได้ทำการขอขมาต่อหน้าศาลไม้นั้น แล้วบอกให้พาไปดูที่เสาต้นเรื่องบนบ้าน ลุงก็จุดธูป แล้วพูดมาว่า พ่อเอ้ย อย่าแกล้งเด็กมันเลยนะ ให้เด็กมันกลับมาเถอะ เดี้ยวฉันจะให้มันบวชไถ่โทษให้ แล้วลุงก็ปักธูปตรงเสานั้น หลังจากที่ปักธูปเสร็จจู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องไห้มาจากในตู้เสื้อผ้าที่อยู่มุมห้อง ลุงจึงได้ไปเปิดดูปรากฎว่าโจ้ไปหลบและร้องไห้อยู่ในนั้น แต่ที่น่าแปลก ตัวของโจ้ดูเหมือนคนที่เจออะไรที่น่าตกใจมา ผู้ใหญ่จึงได้พากันลงมาจากบนบ้าน แล้วพาพวกผมไปวัดตอนนั้น หลวงพ่อเห็นจึงพรมน้ำมนต์ให้ แล้วบอกว่าไม่มีอะไรหรอก เขาแค่อยากให้เอ็งกลัวและไปขอขมาเขา ลุงเลยถามโจ้ไปว่า ' เป็นไงละ ไปโดนยังไงเข้าละเอ็ง ' โจ้เลยเล่าเหตุการณ์ต่อไปนี้ให้ฟัง โจ้บอกว่า หลังจากที่ขอไปเข้าห้องน้ำข้างหลัง ตอนที่กำลังเดินไปเห็นตาแก่ๆคนหนึ่งเดินผ่านทางเดินหลังบ้านโจ้ก็ตกใจ เพราะตอนที่มาเดินสำรวจไม่เคยเห็นตาแก่ๆคนนี้เลย โจ้กำลังจะเดินถอยหลังจู่ๆ ตาคนนั้นก็มายืนอยู่ข้างหลังโจ้แล้วพูดว่า ' มึงเห็นกูแล้วนี่ ' โจ้ตัวแข็งจะพูดก็ไม่ได้ จะวิ่งก็ก้าวขาไม่ออก โจ้บอกว่าตาแกได้จับแขน แล้วบอกว่า ' มานี่กูจะพามึงไปดูอะไร ' จากนั้นก็พาโจ้เดินเข้ามาในตัวบ้าน แต่แปลกตรงที่เดินผ่านเพื่อนๆเขาทุกคนกับมองไม่เห็นเขา เหมือนเดินผ่านอากาศไป พอเดินขึ้นไปถึงชั้น 2 คุณตาก็ได้บอกว่า'' มึงรู้ไหม กูรักบ้านนี้มากแค่ไหน แต่ลูกหลานกูกับไม่นึกถึงมัน จ้องแต่จะขายที่เอาสมบัติกู กูเลยไม่ไปไหนใครมายุ่งกูก็จะไล่มันไปแต่มึงมาทำกระดูกของกูหล่น กูจะซ่อนมึงไว้จนกว่ามึงจะรู้สึกผิดแล้วมาขอขมากู'' หลังจากพูดจบโจ้ก็รู้สึกเหมือนมีคนมาดึงจากข้างหลังเอาตัวเขาเข้าไปในตู้ แล้วขังเขาไว้เขากลัวมาก เลยได้แต่ร้องไห้แต่กับไม่มีใครได้ยินเสียงเขา จนกระทั่งคุณลุงได้ทำการขอขมาเสร็จเขาถึงได้ยินเสียงของโจ้ พอหลวงตาได้ยินเรื่องที่พูดมานั้น ก็ได้คุยกับคุณลุงต่อว่าแล้วจะเอายังไงละคำเอ้ย คุณลุงก็ตอบหลวงพ่อไปว่า 'ตัวข้านะได้ขอมันไว้หากหามันเจอ ข้าจะให้มันบวชทดแทนความผิด ' หลวงพ่อเลยพยักหน้าแล้วบอกจะหาฤกษ์บวชให้โจ้ ตัดภาพมาทางของพลอย ลูกพลับ บี แมน แล้วก็ผม ได้มานั่งคุยกันถึงเรื่องที่ลูกพลับเจอ ลูกพลับเล่าว่า ตอนที่เดินมาข้างนอกเพื่อหาโจ้นั้น ได้ส่องไฟฉายไปรอบๆเพื่อหาโจ้ แต่ตอนนั้นลูกพลับได้ส่องขึ้นไปบนหน้าต่าง เห็นคุณตา ยืนอยู่แล้วชี้มาที่ตัวของพวกเขา ด้วยสายตาที่ดุ พอลูกพลับเห็นก็ตกใจเเล้วร้องไห้เหมือนที่ผมได้เล่าไป ผมก็เลยหันไปถามกับทางของบีว่าแล้วตอนที่เดินขึ้นบันไดบีเห็นอะไร บีเลยเล่าให้ฟังว่าตอนที่กำลังเดินขึ้นบันไดเขาได้สังเกตด้วยการแหงนมองขึ้นไปเขาเห็นเหมือนคุณตาแก่ๆคนหนึ่งถือไม้เท้าแล้วก็มองมาทางพวกเขาหลังจากที่เขาเห็นเขาเลยตกใจแต่พอเขาหันกลับไปอีกทีเขาก็ไม่เจอแล้ว พวกผมจึงตัดสินใจกันว่าต่อไปจะไม่ไปเล่นแบบนี้อีกไม่ว่าที่ไหนๆ ส่วนตัวของโจ้ก็ได้บวชให้คุณตาเพื่อเป็นการขอขมาในเรื่องวันนั้น ใครๆก็คิดว่าเรื่องมันจะจบแต่สำหรับผมมันกับทำให้ผมเริ่มมองเห็นสิ่งแปลกๆหลายๆอย่างมากขึ้นและนี่คือจุดเริ่มต้นของการมองเห็นผีของผม
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น