ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มรสุมคนเถื่อน (YoongiBTS & Jimin15&)

    ลำดับตอนที่ #8 : หลงทาง พานพบ จบที่เตียง 120%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 342
      2
      9 ส.ค. 60


    สองวันผ่านไป....  




          ยุนกิใช้เวลาสองวันที่ผ่านมาอย่างคุ้มค่า ช่วงนี้งานรุมเขาแทบไม่มีเวลาพัก ไหนจะถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบ คัมแบ็ค event นานาสารพัด




    "มองอะไรไม่ทราบ!?" เขาตวัดสายตาถามร่างอวบที่ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่จ้องหน้าเขาอย่างเป็นกังวล แต่ที่แปลกคือเธอไม่พูดอะไรเลย




    "........." 




    "เป็นอะไรของเธอห๊ะ!?"




    "ฉันแค่คิดมากเรื่อง...."




    "เรื่องอะไร?"




    "เรื่องที่ม่านรูดวันนั้น" 




    "แล้ว?" 




    "คุณแน่ใจเหรอว่าป้องกันดีแล้ว แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าหล่อนจะไม่ท้อง" เขาอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง! ที่นั่งกังวลมาเกือบทั้งวันเพราะไอ้เรื่องนี้นี่นะ




    "แล้วเธอคิดว่าฉันเอาถุงยางไปทำอะไร ไปกินเหรอ!? ถามจริง โง่หรือแกล้งโง่" 




    "........."




    "รีบๆทำงานของเธอไป" เขาบอกก่อนจะเอนกายลงบนโซฟา วันนี้เป็นวันพักผ่อนของเขาอีกหนึ่งวันหลังจากที่ทำงานงกๆมาโดยตลอด และวันนี้ก็เป็นอีกวันเช่นกันที่เขาใช้เธอมาทำความสะอาดบ้านให้เขา




    "มากวาดตรงนี้ด้วย" นิ้วแกร่งชี้ไปบริเวณที่ตัวเองอยู่ 




    "ตรงนั้นมันสะอาดแล้วค่ะ ฉันเพิ่งทำไป" 




    "ก็ตอนนี้มันสกปรกแล้วไง" ที่บอกว่าสกปรกเพราะเขาตั้งใจเทกาแฟลงพื้นต่างหากล่ะ รู้อยู่หรอกว่าหาเรื่องแกล้ง




    "ตรงนั้นด้วย" ชี้สั่ง แต่กลับเทขนมขบเคี้ยวลงบนพื้นอีกระลอก




    ".........." 




    "ทำให้มันเร็วๆหน่อยสิ ชักช้าอืดอาดอยู่ได้!"




    "คุณก็มาทำเองสิคะ จะได้รวดเร็วทันใจ!"




    "ระวังปากไว้หน่อยเถอะ เดี๋ยวเธอจะเถียงไม่ออก" เขามองเธออย่างคาดโทษ พลางส่งสายตาเป็นนัยๆมาให้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอรู้มันดีว่าหมายความว่ายังไง




    ".........."




    "ตามฉันมา ฉันมีอะไรให้เธอทำต่อ" 





    "อะไรอีกล่ะคะ?"




    "ก็ถึงบอกว่าให้ตามมาไง!" หลังจากที่ถูกเขาสวนกลับเธอก็เบ้ปากใส่ก่อนจะเดินตามหลังเขาต้อยๆไปที่ไหนสักแห่ง และที่แห่งนั้นคือห้องใต้ดินซึ่งเธอไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย




    "พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ?"




    "ทำความสะอาดห้องเก็บของนั่นสะ ฉันให้เวลาจนถึงเย็น"




    "มันไม่หนักเกินไปหน่อยรึไงคุณ" เถียงในขณะที่เหลือบมองห้องเก็บของตรงหน้าที่ไม่ต่างอะไรไปกับหลุมขยะดีๆนี่เอง 




    "นั่นมันก็เป็นปัญหาของเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉัน"




    "แต่คุณก็เป็นคนเอาปัญหานั่นมาให้ฉัน เพราะเช่นนั้นคุณก็ต้องรับผิดชอบมันด้วย!"




    "หมายความว่ายังไง"




    "โง่เหรอคะถึงตีความหมายที่ฉันพูดไม่ได้" จีมินยักไหล่อย่างไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะสวมใส่ผ้ากันเปื้อนให้ตัวเธอเองและให้เขาด้วย โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของชายหนุ่มตรงหน้าที่แทบจะเขมือบหัวเธอได้อยู่แล้ว




    "ฝากไว้ก่อนเถอะ" เขากัดฟันกรอด




    "ฝากอะไรคะ ฝากตัวหรือหัวใจ......อย่าคิดมากค่ะ ฉันแค่พูดเล่น" พูดจบก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ จากนั้นก็เปลี่ยนมาฮัมเพลงในขณะที่มือทั้งสองข้างยังคงงุ่นอยู่กับงานตรงหน้า 




    "......."




    "อ้าว ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะคะ ช่วยกันคนละไม้คนละมือสิ จะได้เสร็จเร็วๆ หรือว่างานง่ายๆแค่นี้คุณไม่มีปัญญา"




    "ฉันมีเว้ย! คอยดูเธอจะต้องถอนคำพูด!" ยุนกิทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะแยกตัวจากเธอมาทำความสะอาดอีกฝั่งนึง ทำไมเกมถึงได้พลิกแบบนี้ล่ะ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเถียงเขาได้ไม่ถึงห้าประโยคด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงได้บ้าบิ่นพูดจาแบบนั้นไป เขาไม่โมโหฆ่าเธอหมกถังขยะก็เป็นบุญของเธอแล้ว









    ตกเย็น....


          สภาพทั้งเขาและเธอแทบไม่ต่างอะไรไปกับการวิ่งมาราธอน แต่ถ้าหนักสุดก็คงจะเป็นชายหนุ่มที่นอนระเนระนาดอยู่บนพื้นที่ถูกทำความสะอาดแบบเอี่ยมอ่องด้วยน้ำแรงของทั้งคู่



    "ไงล่ะคุณ เหนื่อยมั้ย?" จีมินทักทายพลางนั่งยองๆลงข้างๆเขา




    "สภาพแบบนี้เธอไม่น่าถามนะ"




    "ตอนแรกอ่ะ...ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะยอมทำตามที่ฉันสั่ง นึกว่าคุณจะเป็นคนสั่งสะอีก" ใช่แล้วล่ะ ตลอดที่ทำความสะอาดมา เธอถืออำนาจมากกว่าเขา บอกอะไรก็ทำหมด ถ้าให้เรียกแบบเป็นทางการก็ ถือไพ่เหนือกว่า




    "ฉันยอมเธอแค่วันนี้วันเดียวแหละน่า! อย่าเพิ่งได้ใจไป" ว่าในขณะลุกขึ้นนั่ง




    "ขออนุญาตนะคะ" ว่าจบจีมินก็เอื้อมมือไปเช็ดหน้าให้เขาที่เครอะไปด้วยเหงื่อและฝุ่นด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบาง บรรจงเช็ดเบาๆอย่างถนุถนอม จนเขาเองยังรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนจากสัมผัสนั้น




    "........" 




    "ทำไมวันนี้คุณถึงยอมฉันล่ะคะ"




    "........" ก็แค่อยากขอโทษ ใช่ เขาอยากขอโทษที่ทำร้ายเธอทั้งคำพูดและการกระทำเมื่อวานนี้ และน่าจะรู้ดีว่าคนอย่างเขา ไม่มีทางที่จะขอโทษใครง่ายๆ จึงต้องใช้วิธีไง




    "ว่ายังไงคะ?"




    "ไม่รู้สิ" เขาตอบก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น




    "คุณไม่บอกก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณคงมีเหตุผลที่ไม่อยากบอก ฉันเข้าใจ :)" ทุกๆครั้งที่เขาพูดจาร้ายหรือดูหมิ่นเธอไปต่างๆนาๆ ผลที่ได้กลับมาคือเธอไม่โกรธ ไม่แสดงว่าตัวเองน้อยใจหรือเรียกร้องอะไรจากเขา และสิ่งที่ได้กลับมาเสมอคือรอยยิ้มจากเธอ รอยยิ้มที่ทำให้เขาสบายใจอย่างไม่น่าเชื่อ เขาอยากให้เธอยิ้มทุกๆครั้งที่เห็นหน้าเขา แต่การกระทำของเขามันสวนทางกับสิ่งที่หัวใจกำลังบอก....เขาไม่สามารถทำมันได้    




    "แต่ถึงยังไง....ก็ขอบคุณนะคะ ถึงแม้จะแค่วันเดียว แต่สำหรับฉัน มันเป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมันจากคุณ ขอบคุณที่คุณเริ่มเปิดเผยตัวตนอีกด้านออกมา ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้คุณเป็นแบบนี้ตลอดไปนะ" 




    ".........." เขาเงียบขณะที่ยืนหันหลังให้หญิงสาว




    "อาจจะใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง แต่ฉันจะรอนะคะ :)" แปลกที่ครั้งนี้เขากลับมองว่าที่เธอพูดไม่ได้เป็นการสั่งสอนเหมือนที่ผ่านๆมาแต่กลับมองว่าเป็นการให้กำลังใจอีกอย่างหนึ่ง แต่ถ้ามองเผินๆอาจจะมองว่าประโยคที่เธอพูดมันเป็นการกดดัน แต่ถ้าหากมองลึกซึ้งลงไปจะเข้าใจว่าที่เธอพูดเป็นการสัญญาว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเขา อยู่เป็นกำลังใจจนกว่าเขาจะทำมันได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ก็ตาม
















    @ประเทศแคนาดา 9.45น.




          ถือว่าเป็นโอกาสครั้งที่สองที่เธอได้มาต่างประเทศ ครั้งแรกก็เป็นการสอบชิงทุนมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาเมื่อสมัยมัธยมปลาย แน่นอนว่าเธอพูดภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่สองได้คล่องปรื๋อราวกับเป็นเจ้าของภาษา




    "วันนี้คุณอาจจะเหนื่อยหน่อยนะคะ เพราะคิวยาวทั้งวันเลย มีพักเฉพาะช่วงเที่ยงเท่านั้น" ชายหนุ่มพยักหน้ารับในขณะที่กำลังสวมเสื้อโค้ทเตรียมถ่ายแบบของนิตยสารชื่อดังของแคนาดา




    "ฝากหน่อย" ว่าพลางยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้จีมิน นี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาฝากโทรศัพท์ไว้กับเธอ ทั้งๆที่แต่ก่อนเขาจะเก็บไว้ที่ตัวเองตลอด




    "ทำงานสู้ๆนะคะ :)" หญิงสาวยิ้มหวานเพื่อให้กำลังใจชายหนุ่มที่กำลังต้องการมันอยู่พอดี นี่เธอรู้ใจเขาได้ยังไงกัน




    "แน่นอน" เขาบอกก่อนจะเดินเข้ามาเตรียมรอเซ็ตฉากแรก โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาก็กำลังยิ้มกว้างเช่นกัน




    "คุณยุนกิมีความสามารถจังเลยนะคะ นอก จากจะเป็นนักร้องแล้ว เขายังมีอินเนอร์นายแบบอยู่ในตัวด้วย" เจ้าของนิตยสารชื่อดังที่กล่าวถึงข้างต้นกล่าวชื่นชมชายหนุ่มอย่างจริงใจ นายแบบคนนี้เธอยอมลงทุนมาดูลาดเลาเองเป็นครั้งแรก แสดงว่าไม่ธรรมดาแน่นอน....




    "ฉันก็คิดแบบคุณค่ะ เขาเป็นผู้ชายที่น่าทึ่งคนนึงเลย" จีมินตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับส่งสายตาชื่นชมไปยังร่างสูง ขออวยเขาสักวันก็แล้วกันนะ




    "นั่นน่ะสิคะ ฉันเอง...ยังแอบเป็นแฟนคลับเขาลับๆด้วยนะ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ คุณเป็นคนแรก ฮ่าๆๆ" หล่อนกระซิบเบาๆปนขำ




    "จริงเหรอคะ? เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ ฮ่าๆ" จีมินเองก็ตอบกลับปนขำเช่นกัน









    @บนรถ 20.30น.



    "เหลืองานสุดท้ายแล้วใช่มั้ย?" ยุนกิถามขณะเอนกายพักสายตา




    "ใช่ค่ะ งานนี้ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงหรอก คุณยังไหวใช่มั้ยคะ?" เขาพยักหน้ารับ เธอเองก็เห็นใจเขาไม่ใช่น้อย ออกงานเดินสายไม่เว้นแต่ละวันแถมยังในประเทศและนอกประเทศตลอดเกือบทั้งปี แต่กลับมีเวลาพักไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ โอปป้าหลายๆคนที่ล้มป่วยกันก็มาจากการทำงานหนักกันทั้งนั้น พูดมาแล้วเศร้า T.T




    "ใช่ทางนี้แน่นะ?" ชายหนุ่มถามย้ำรอบที่สองเพื่อความแน่ใจ เธอพาเขานั่งรถแท็กซี่ไปยังสตูดิโอถ่ายทำคิวสุดท้ายของวัน แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอพาเขามาถูกทางหรือไม่




    "แน่สิคะ ก็ในโลเคชั่นที่ทางนั้นส่งมาก็คือที่ๆเรายืนอยู่ตอนนี้" พูดในขณะที่ตายังก้มมองมือถือตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด 




    "แล้วทำไมสถานที่มันโล่งอย่างนี้ล่ะ ไหนสตูฯ ไหนตึก ไม่เห็นมีอะไรสักอย่างเลย" สถานที่รอบๆตัวมีเพียงต้นไม้ ต้นไม้ และต้นไม้เพียงเท่านั้น! แถมถนนก็โล่งราวกับไม่เคยมีรถผ่าน ดีที่ยังมีเสาไฟจากข้างถนนพอส่องแสงสว่างให้เห็นทางอยู่บ้าง




    "........"




    "แล้วถ้าหลงขึ้นมาจริงๆ เราจะทำยังไง รถก็ไม่มีสักคัน แถมฝนกำลังจะตกด้วย" เขาว่าพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มและเห็นฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลๆ คาดว่าอีกสักพักน่าจะตก




    "ถ้าคุณไม่ช่วยอะไร ขอความกรุณายืนอยู่นิ่งๆได้มั้ยคะ" จีมินหันไปเอ็ดชายหนุ่มที่รบกวนสมาธิของเธอ ก่อนเขาจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ กลับมายืนนิ่งๆตามที่เธอสั่งแต่โดยดี....




    "แย่แล้วค่ะ! พวกเขาบอกว่าส่งโลเคชั่นให้เราผิด ความจริงแล้วมันอีกเขตนึง" เธอบอกในขณะยื่นโทรศัพท์ให้เขาดูเพื่อยืนยันว่าเธอพูดจริง




    "กลับไปฉันจะฟ้องล้มลาย คอยดูเถอะ!" 




    "ฉันไม่อนุญาตให้คุณทำอย่างนั้นหรอกค่ะ คนเราย่อมมีข้อผิดพลาดกันได้ หรือคุณจะเถียงว่าคุณไม่เคยทำผิดพลาดเลย เคยได้ ยินมั้ยคะ 'สี่ตีนยังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง' ถ้าทางนั้นเขารู้สึกผิดจริงเราก็ควรหยุดเรื่องไว้แค่นั้น"




    "โธ่แม่คุณ คนดีแม่ชีศรีประเสิรฐ -_- เวลาแบบนี้อย่าเพิ่งมาสอนกันได้มั้ย เอาเวลาไปคิดหาทางกลับกันดีกว่า" 




    "ขอโทษค่ะ ฉันพูดมากเกินไปหน่อย"




    "ควรจะรู้ตัวเร็วกว่านี้หน่อยนะ!" 




    "งั้นฉันจะลองโทรหาทีมงานดูนะคะ เผื่อว่าเขาจะช่วยอะไรเราได้บ้าง"




    "จะทำอะไรก็รีบทำเร็วๆเถอะ เหนื่อยจะแย่" ชายหนุ่มบ่นก่อนจะนั่งยองๆเพื่อคลายความเมื่อยของขา




    "คุณ!" อยู่ๆหญิงสาวก็เรียกเขาขึ้นมาสะเสียงดัง




    "อะไร!?"




    "คลื่นไม่มี! เมื่อกี้ยังมีอยู่เลยนะ" 




    "ให้มันได้อย่างนี้สิ!" 




    "แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ หรือจะลองเดินไปตามถนนนั่นดู เผื่อว่าจะเจอโรงแรมหรืออพาร์ตเมนต์" 




    "มันไม่มีหรอก ถนนเปลี่ยวรถไม่ผ่านแบบนี้ ใครมันจะไปตั้งโรงแรมกัน"




    "คุณเคยมาแล้วเหรอคะ ถึงได้รู้ว่ามันไม่มี"




    "ไม่เคยมา" เขาตอบหน้านิ่ง




    "งั้นก็ลองดูกันค่ะ!"




    "แต่ว่า....."





    ซ่า! ซ่า! ซ่า! 



    ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เถียง ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาราวกับถูกเปิดสวิตช์ เขาจึงคว้ามือเธอมายืนหลบฝนใต้ต้นไม้ชั่วคราว




    "นี่ค่ะ" มือบางยื่นร่มคันเล็กให้เขา และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่รับ จึงถือวิสาสะยัดมันใส่มือให้เขาเอง




    "........."




    "ตอนเที่ยงฉันเห็นข่าวพยากรณ์ว่าพายุน่าจะเข้า ฉันเลยซื้อร่มติดตัวมาด้วย แต่ได้มาแค่อันเดียวเพราะมันหมดพอดี" 




    "แล้วเธอเอามาให้ฉันทำไม"




    "คุณน่ะแค่โดนฝนนิดๆหน่อยๆก็ไม่สบายแล้ว งานคุณก็เยอะแยะถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมา มันจะกระทบกับงานได้" เธอเป็นแฟนคลับเขา ย่อมรู้ดีว่าเขาแพ้อะไรไม่แพ้อะไร ชอบสิ่งไหนไม่ชอบสิ่งไหน และเธอยังรู้ลึกถึงเรื่องสุขภาพเขาว่าเขาน่ะภูมิคุ้มกันน้อย น้อยกว่าผู้หญิงอย่างเธอเสียอีก




    "แล้วเธอล่ะ?"




    "ฉันหนังหนาอยู่แล้วค่ะ ฝนแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก อีกอย่างฉันมีนี่" ว่าพร้อมกับชูเสื้อโค้ทในมือให้ชายหนุ่มดู แต่แค่เสื้อมันคงบังฝนได้ไม่เท่าไหร่ ผลสุดท้ายก็คงเปียกอยู่ดี




    ".........."




    "ไปกันเถอะค่ะ ถ้าเรารอให้ฝนหยุดตกคงอีกนาน อีกอย่างยืนอยู่ใต้ต้นไม้มันไม่ปลอดภัย"
    หญิงสาวบอกก่อนจะส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มออกวิ่งไปก่อน ส่วนเธอก็วิ่งตามหลังเขาไปติดๆ ในขณะที่สายตาคู่โตยังมองซ้ายมองขวาหาที่พัก ทั้งเขาและเธอวิ่งโดยไม่รู้จุดหมายปลายทางที่แน่นอน แต่เธอมั่นใจว่ามีโรงแรมอยู่แถวๆนี้เพราะเธอเห็นแว็บๆตอนนั่งแท็กซี่มา




    "คุณยุนกิคะ! ฉันเจอแล้ว!" จีมินตะโกนแข่งกับเสียงฝนพลางชี้ไปยังตึกสองชั้นข้างหน้าที่เปิดไฟสว่างจ้า ยุนกิจึงมองตามที่จีมินชี้ก่อนเขาจะใจชื้นขึ้นมาหน่อย




    "คุณโอเคมั้ยคะ?" เธอถามหลังจากที่เข้ามายืนหลบฝนในตัวอาคารได้สักพัก 




    "เธอต่างหาก โอเคมั้ย?" 




    "ฉันโอเคค่ะ แค่นี้สบายมาก :)" อีกแล้ว เธอยิ้มอีกแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์ไหนเธอก็คงยิ้มได้ตลอดสินะ เชื่อผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ




    "อืม ก็ดีแล้ว"




    "เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ! เดี๋ยวจะโดนฝนไปมากกว่านี้" หันไปบอกชายหนุ่มด้วยสี หน้ายิ้มๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งเข้าไปยังล็อบบี้เพื่อสอบถามเรื่องห้อง




    "เหลือห้องเดียวเหรอคะ!?"




    "ใช่ค่ะ เหลือแค่ห้องเตียงเดี่ยวห้องเดียวเท่านั้น เพราะลูกค้าเช็คอินเข้ามากันเยอะและมีลูกค้าบางส่วนที่ไม่เช็คเอาท์เพราะรอให้ผ่านพายุคืนนี้ไปเสียก่อน ทางเราขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ"




    "คุณยุนกิ เธอบอกว่าว่างแค่ห้องเดียว คุณว่ายังไงคะ" จีมินหันไปถามความเห็นจากชายหนุ่ม เรื่องแบบนี้แน่นอนว่าเธอต้องปรึกษาเขาก่อนอยู่แล้ว ส่วนเขาจะว่ายังไงก็คงแล้วแต่เขา




    "ก็เอาสิ ดีกว่าเสียเวลาตากฝนไปหาที่พักใหม่" เธอพยักหน้ารับก่อนจะหันไปหาพนักงานต้อนรับสาวสวยตรงหน้าต่อ




    "นี่กุญแจห้องค่ะ ห้องอยู่ชั้นสองนะคะ คืนนี้ทางเราแนะนำให้อยู่แต่ในห้องนะคะเพราะคืนนี้พายุน่าจะหนักพอควร ผู้คนแถวนี้เฝ้าระวังกันเป็นอย่างดีเพราะเคยเจอธรรมชาติเล่นงานมาแล้ว โชคยังดีนะคะที่พวกคุณมาที่นี่ได้ทันเวลา" พอได้ยินแบบนี้แล้ว ถือว่าเป็นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่ยอมวิ่งฝ่าฝนมาที่นี่ เพราะถ้ายังอยู่ที่นั่นอาจจะไม่ปลอดภัยและอาจถึงขั้นอันตรายต่อชีวิตได้ มิหน่าล่ะ ตามท้องถนนถึงไม่มีรถผ่าน เพราะผู้คนที่นี่ไม่กล้าออกจากบ้านเพราะกลัวพายุนี่เอง
















        ภายในห้องค่อนข้างเล็กกะทัดรัดเหมาะกับการอยู่คนเดียวสะมากกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเตียง โซฟา โต๊ะเครื่องแป้งและห้องน้ำอยู่ในตัวอย่างสะดวกสบาย



    "คุณยุนกิไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนฉันเลยค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย" จีมินบอกขณะวางกระเป๋าลงบนโซฟาตัวยาว ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับชุดลำลองหนึ่งชุด



        พอกลับออกมากลับเห็นร่างอวบของฝ่ายหญิงกำลังหลับตาพริ้มดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราอยู่บนโซฟา เขาจึงสะกิดเข้าที่แขนเธอเบาๆ




    "นี่ไปอาบได้แล้ว อย่าขี้เซา" 




    "........" มือบางขยี้ตาเพื่อปรับแสงก่อนจะเดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องน้ำ....




    23.40น. ประเทศแคนาดา



    "ฉันจะนอนบนเตียง ส่วนเธอนอนบนโซฟา แล้วก็ห้ามข้ามเขตแดนฉันด้วย ถ้าฉันรู้เธอตาย!"




    "ฉันมากกว่าที่ต้องเป็นคนพูดคำนั้น" ก็ถูกไง เธอเป็นผู้หญิงส่วนเขาเป็นผู้ชาย ไม่มีทางที่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวอย่างเธอจะทำอะไรที่น่าอุจาดตาแบบนั้น




    "ก็ไม่แน่ เกิดเธอมีอารมณ์ขึ้นมา จับฉันปล้ำขึ้นมา ฉันเสียหายนะ" 




    "ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ ไว้ใจและเชื่อใจฉันได้เลยว่าฉันไม่มีทางทำเรื่องอย่างว่ากับคุณแน่นอน!" พูดในขณะจัดแจงที่นอนของตัวเองซึ่งอยู่บนโซฟาตัวยาวที่พื้นที่แทบไม่พอตัวเธอเลยด้วยซ้ำ แต่จะให้ทำไงได้-.-




    "อื้ม ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยสบายใจ" ยุนกิพยักหน้าอย่างสบายใจอย่างที่ปากพูด ก่อนจะเอนตัวลงบนเตียงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาอยู่ในระดับหน้าอก




    "ปิดไฟด้วย!"




    "เพคะองค์ชาย" จีมินประชดด้วยการพูดสุภาพนอบน้อมซ้ำยังก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟตามคำสั่งของชาหนุ่ม..




         สถานการณ์กลับมาเงียบอีกครั้งหนึ่ง ได้ยินเพียงเสียงฮีตเตอร์พอให้ไม่อึดอัด จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย จนกระทั่งยุนกิตัดสินใจทำลายความเงียบนั้นด้วยการถามไถ่อาการของหญิงสาว




    "หนาวมั้ย?"




    "คะ?" เธอถามอีกรอบอย่างไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มได้พูดกับตนหรือไม่




    "ฉันถามว่าหนาวมั้ย?"




    "นิดหน่อยค่ะ แต่ก็พออยู่ได้" ที่เขาถามเพราะเป็นห่วงเพราะผ้าห่มมีแค่ผืนเดียวซึ่งตอนนี้อยู่ที่เขา ส่วนเธอปกคลุมร่างกายให้คลายหนาวแค่เสื้อโค้ทเพียงตัวเดียว




    "นอนไม่หลับเหรอ?" เขายังถามต่อ




    "ค่ะ พอมาอยู่แปลกที่ฉันเป็นแบบนี้ตลอด....คุณก็นอนไม่หลับเหรอคะ?" 




    "อืม ฉันก็เป็นเหมือนเธอแหละ แต่ก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสถานที่แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว...ย่าห์...ปาร์คจีมิน...
    จีมินอ่า..." ไร้เสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อ เขารู้เลยว่าถ้าเงียบแบบนี้เธอคงเผลอหลับไปแน่นอน เธอก็คงเหนื่อยไม่ต่างจากเขาสินะ...




    "เธอกล้าหลับใส่ฉันได้ยังไง ยัยนิสัยไม่ดี" เขาพูดยิ้มๆให้กับร่างอวบในความมืดก่อนตัวเองจะผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกคน....





          แต่นอนไม่ถึงสองชั่วโมง เขาก็ต้องสะดุ้งตื่นกับเสียงละเมอของหญิงสาว นั่นทำให้เขานอนอยู่เฉยๆไม่ได้ จึงตัดสินใจไปดูอาการของเธอที่โซฟา 



    "ม๊าคะป๊าคะ หนูหนาว...." น้ำเสียงหวานสั่นราวกับอยู่ในขั้วโลกเหนือ อีกทั้งตัวก็สั่นเทาราวกับคนจับไข้ ไหนจะปากที่ซีดเผือดจนน่าเป็นห่วงนั่นอีก



    "เธอเป็นอะไร?" เขาพึมพำเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่แขนก่อนจะชักมือกลับด้วยความตกใจที่อุณหภูมิในร่างกายของคนตรงหน้าดูท่าจะไม่ดี และมีทีท่าว่าจะแย่ลงกว่าเดิม




    "หนาว....ป๊าคะ...หนูหนาว" ร่างอวบยิ่งกอดตัวเองขึ้นเรื่อยๆเพื่อต้องการความอบ อุ่น คนอยู่ในเหตุการณ์อย่างเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้




    "นี่เธอ ลุกไหวมั้ย? ไปนอนที่เตียงเถอะ" ชายหนุ่มถามขณะกำลังประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้น แต่ทว่าจีมินกลับดึงมือของเขาเข้าไปแนบกับแก้มเจ้าเนื้อนุ่มนิ่มนั้นอย่างออดอ้อน...




    "ปาป๊าคะ อยู่กับหนูก่อนนะ" 




    "หน้าฉันเหมือนพ่อเธอรึไงห๊ะ? แต่ช่างเถอะ! ฉันยอมเป็นพ่อให้เธอหนึ่งวันก็ได้" ยุนกิพูดกับหญิงสาวที่กำลังหลับตาพริ้มและมีมือหนาของเขายังอยู่ที่แก้ม ก่อนชายหนุ่มจะตัดสินใจยกร่างอวบไปนอนบนเตียง ค่อยๆจัดแจงห่มผ้าให้เสร็จสรรพเรียบร้อย ยืนคิดอยู่ชั่วครู่ก็นึกออกว่าตนต้องทำอะไรเป็นลำดับต่อไป....




    "แล้วเขาเริ่มเช็ดจากไหนก่อนวะ" เขามองกะละมังและผ้าขนหนูในมืออย่างคิดหนักก่อนจะตัดสินใจเริ่มเช็ดจากแขน ใบหน้าและลำคอจนกระทั่งถึง....(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)




    "ไม่เอาแล้ว...มันหนาว" จีมินละเมอด้วยน้ำเสียงงอแงสุดๆ อีกทั้งยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เห็นแบบนี้แล้ว เขาไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว




    "เด็กน้อยจริงๆ" มือหนาถือวิสาสะไปหยิกแก้มเจ้าเนื้อที่แดงเป่งด้วยพิษไข้อย่างน่าหมั่นไส้ ทั้งที่ปกติก็หมั่นไส้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งตอนป่วยเธอก็ยิ่งงอแง มันทำให้เขาหมั่นเขี้ยวปนหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน




    "ฮึก! หนูเหนื่อยจังเลยค่ะ" คนบนเตียงยังละเมอต่อไป แต่รอบนี้หนักสุดเพราะเธอร้องไห้ออกมาอีกทั้งยังซุกใบหน้าลงบนตักแกร่งของชายหนุ่ม กอดแน่นจนเขาไม่กล้าขยับหนี จึงได้แต่นั่งนิ่งๆต่อไป ใช้นิ้วแกร่งเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มออกอย่างเบามือ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น....


           เป็นเวลาเนิ่นนานที่หญิงสาวใช้ตักเขาเป็นหมอนหนุนนอน ก่อนที่ชายหนุ่มจะทนความเมื่อยล้าไม่ไหวบวกกับความง่วง เขาจึงเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นท่านอนเพื่อคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ




    "หนาว....." พึมพำในขณะที่ขยับกายอวบเข้ามาใกล้ร่างสูงเพื่อควานหาความอุ่นจากอกแกร่ง จนในที่สุดกลับกลายเป็นว่าเธอกอดเขาแนราวกับหมอนข้าง ซุกใบหน้าลงบนอกแกร่งนั้นอย่างออดอ้อน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ขยับกายออกแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้อีกฝ่ายกอดอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆจนถึงเช้าวันใหม่....















    จ๊ะเอ๋!!! มาอัพแว้วววว ตอนแรกกะว่าจะไม่อัพแล้วเพราะการบ้านเยอะมาก5555 ยังไงก็เมนท์เป็นกำลังใจในการแต่งต่อไปของไรท์ด้วยนะคะ แต๊งกิ้วววว













     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×