คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ผู้จัดการคนใหม่ไฉไลกว่าเดิม 100%
"???/!!!" ทั้งสองหันขวับไปมองผู้ที่เสียมารยาทตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นทันที
ผิดกับชายหนุ่มข้างกายที่แสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
"มึงมาทำไมเนี่ย? ไม่มีงานการทำรึยังไง"
"ไม่มี เพราะวันนี้กูว่าง" ยุนกิตอบพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟาสีแดงตัวใหญ่ในขณะที่สายตายังคงมองร่างอวบอยู่
"งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"เดี๋ยว! ใครอนุญาตให้เธอไปไม่ทราบ!"
"........."
"เดี๋ยวนะ.....มึงรู้จักกับเธอเหรอ" อิม แจบอม ขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่เข้าใจว่าทั้งคู่ไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน
"อย่าเรียกว่ารู้จักเลยเพราะกูก็ไม่ได้อยากรู้จักกับยัยนี่สักเท่าไหร่"
"แล้วมึงมาห้ามกูไม่ให้รู้จักกับเธอทำไม"
"เพราะกูไม่ชอบยัยนี่!"
"เหตุผลมึงโคตรฟังไม่ขึ้น" แจบอมส่ายหน้าหน่ายๆกับความเอาแต่ใจของเพื่อนชาย
เคยบอกไปหลายครั้งแล้วให้ปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่แต่ก็อย่างที่เห็น...เขาไม่เคยทำมันสำเร็จสักครั้ง
"เธอต้องรับผิดชอบค่าเสื้อฉัน!"
"ฉันไม่มีเงินมากพอขนาดนั้นหรอกค่ะ" เธอรู้ดีว่าค่าเสื้อแค่ตัวเดียวของเขามันแพงหูฉี่และมันอาจจะมีมูลค่ามากกว่าเงินที่เธอทำ
งานทั้งปีเสียอีก
"แล้วเธอจะทำยังไง ถ้าเธอชดใช้ให้ไม่ได้ ฉันจะแจ้งความ"
"ไม่นะคะ! อย่าแจ้งความนะ" จีมินส่ายหน้าเป็นพัลวัน
แน่นอนว่าถ้าเขาแจ้งความกับตำรวจเมื่อไหร่ ครอบครัวเธอจะเป็นห่วงและถูกคนมองไม่ดี
เธอไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น
"งั้นเธอก็จ่ายเงินค่าเสื้อฉันมาแสนนึง"
"โห! ขี้งกเกินไปป่ะมึง สำหรับมึงอ่ะมันอาจจะแค่ขี้ปะติ๋ว
แต่สำหรับเธอใช้ได้ทั้งชีวิตเลยนะนั่น"
"จริงค่ะ!" หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยกับแจบอม
"หุบปากไปเลยมึงอ่ะ เรื่องของกูกูจัดการเอง"
"ถ้ารอให้มึงจัดการ เธอคงไม่ได้ไปไหนกันพอดี
เดี๋ยวกูจัดการแทนให้เอง"
"มึงจะทำอะไร" ยุนกิถามแจบอมด้วยความไม่ไว้ใจ
ถ้าหมอนี่ได้เอ่ยปากอะไรแล้วมีแต่เรื่องไม่คาดคิดคาดฝันเกิดขึ้นทั้งนั้น
ถ้าไม่เชื่อรอตบปากเขาได้เลย
"เธอจะรับผิดชอบยังไง" แจบอมเปิดประเด็นคำถามแรกทันทีที่เห็นว่ายุนกิไม่ค้าน
"ฉันไม่รู้ค่ะ แต่จะให้ฉันจ่ายเงินชดใช้ให้คงไม่ไหว
เพราะฉันยังเรียนอยู่หาเงินไม่ได้เยอะขนาดนั้น
แต่จะให้ฉันทำอะไรฉันทำหมดเลยนะคะเพื่อเป็นการทดแทน"
"จะให้ทำอะไรก็ทำหมดใช่มั้ย" จีมินพยักหน้ายืนยัน
แจบอมกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อคิดออกว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป คนอย่างยุนกิต้องปรับเปลี่ยนนิสัยและทัศนคติใหม่ทั้งหมดด้วยผู้หญิงคนนี้!
"ฉันจะให้เธอไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวของยุนกิจนกว่าจะเปิดภาคเรียน ถือเป็นการชดเชยค่าเสื้อก็แล้วกัน"
"ไอ้แจบอม!!" แจบอมยักไหล่อย่างไม่รู้ไม่ชี้
เห็นมั้ย? เขาว่ายังไม่ทันขาดคำเลย มันก็เล่นสะแล้ว
"มึงไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นใส่กูยุนกิ
มึงต้องขอบคุณกูด้วยซ้ำที่กูหาผู้จัดการคนใหม่ให้มึงแทนคนเก่าที่ลาออกไปเพราะทนนิสัยมึงไม่ได้
และกูก็มั่นใจว่าผู้จัดการคนใหม่ต้องทำหน้าที่ได้ดีและดัดนิสัยมึงได้"
"ไว้ใจฉันได้เลยค่ะ! ฉันทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว"
"นี่เธอ!!" จีมินหุบยิ้มลงช้าๆเมื่อถูกยุนกิชี้หน้าคาดโทษไว้
"ฉันมั่นใจในตัวเธอนะ
และฉันก็เชื่อว่าเธอต้องทำมันได้ดีจนไม่น่าเชื่อเลยล่ะ สู้ๆ" แจบอมตบไหล่หญิงสาวเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
ไม่รู้เป็นเพราะอะไรที่เขารู้สึกไว้ใจผู้หญิงคนนี้ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสองชั่วโมง
อาจจะเป็นเพราะแววตาที่มุ่งมั่นของเธอก็ได้มั้ง
"ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ"
"ปาร์ค จีมินค่ะ"
"ฉัน อิม แจบอมนะ ส่วนไอ้นี่
ฉันเดาว่าเธอคงจะรู้จักมันมาบ้างแล้ว"
"แน่นอนค่ะ" จีมินยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่
มีโอกาสเข้าใกล้ศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบขนาดนี้มีหรือเธอจะปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดลอยไป
ถ้าใครปฏิเสธพูดได้คำเดียวเลยว่า 'โง่'
"มึงหุบยิ้มไปเลยนะ เธอด้วย!!" ชายหนุ่มหันไปเอ็ดแจบอมและจีมินที่กำลังยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ
สีหน้าท่าทางเขาบ่งบอกได้เลยว่าไม่ชอบการตัดสินใจของเพื่อนแบบสุดๆ
แต่ถ้าเขาปฏิเสธก็คงถูกแจบอมเอาไปฟ้องพ่อของเขาอีกจนได้
และแน่นอนผลที่ตามมาคือเขาถูกลงโทษโดยการถูกกักขังบริเวณเป็นเวลา4วัน แล้วคิดเหรอว่าคนอย่างเขาจะทนอยู่นิ่งๆโดยไม่ทำอะไรเลย! คำตอบคือ
ไม่ได้ไง! ในเมื่อเธออยากเป็นผู้จัดการเขานัก
เขาก็คงห้ามไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาเกิดใจร้ายและโวยวายขึ้นมาจะมาบอกว่าเขาใจร้ายไม่ได้นะ
และบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่มีใครทนนิสัยเขาได้สักคน แต่ถ้าเธอทนได้ก็ทนไปสิ
เพราะเขานี่แหละ จะเป็นคนทำให้เธอทนไม่ได้เอง!
ร่างอวบในชุดลำลองแบบสบายๆหอบกระเป๋าใบใหญ่พรุงพรังขึ้นรถแท็กซี่ หลังจากที่เมื่อวานเธอตอบตกลงว่าจะไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เขาเธอก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่เธอต้องเริ่มทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่
"หลังนี้เหรอ?" จีมินพึมพำพลางมองบ้านขนาดชั้นเดียวตรงหน้า
แจบอมเป็นคนจัดการเรื่องที่พักและเรื่องการกินให้เธอเสร็จสรรพเรียบร้อย
ซึ่งบ้านพักของเธออยู่ในระแวกบ้านของเขา และแน่นอนว่าไม่มีใครขัดได้
เพราะมันเป็นคำสั่งของแจบอม
หญิงสาววางกระเป๋าลงบนโซฟา
ในขณะที่สายตายังคงมองรอบๆบ้าน ผนังที่ตกแต่งด้วยโทนสีสบายตาราวกับคนออก
แบบรู้ใจว่าเธอชอบสีแบบไหน นั่นมันทำให้คนมองยิ้มกว้าง เฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่างครบครันแบบไม่ขาดตกบกพร่อง
ร่างอวบเริ่มจัดแจงเสื้อผ้าในกระเป๋าเข้าตู้ ก่อนจะเอน
กายลงบนเตียงเพื่อพักผ่อนชั่วคราว
ครืด~~ ครืด~~ ครืด~~
ยังไม่ทันที่เปลือกตาจะกดลง
เสียงโทรศัพท์ก็สั่นครืดอยู่ในกระเป๋ากางเกง
มือเจ้าเนื้อจึงล้วงเข้าไปหยิบก่อนจะกดรับแบบลวกๆ
"สวัสดีค่ะ"
(มาหาฉันที่บ้านด้วย!) เสียงปลายสายตะคอกกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"นั่นใครคะ?"
(เธอจำเสียงฉันไม่ได้รึไง!)
"คุณ...มินยุนกิ"
(เออสิ รีบๆมาหาฉันด้วย ถ้าเธอมาช้า ฉันเอาเธอตายแน่!)
จีมินรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว คว้ากระเป๋าสะพายเป็นอันดับแรก
ที่เขาบอกมันไม่ใช่คำเตือนแต่มันคือคำสั่งว่าเธอต้องไปให้เร็วที่สุดถ้าไม่เช่นนั้นอาจจะถูกเขาหักคอก็เป็นได้
จีมินรีบตรงดิ่งมายังบ้านขนาดสามชั้นตามโลเคชั่นที่แจบอมส่งมาให้เมื่อวาน
เธอกดกริ่งสองสามครั้งก่อนเจ้าของบ้านจะเดินลงมาเปิดประตูให้
"มีอะไรเหรอคะ ถึงเรียกให้ฉันมาด่วน"
"มาทำความสะอาดบ้านให้หน่อย บ้านมันรก" เขาบอก ก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน แต่เมื่อเดินเข้าไปแล้วเธอถึงกับตะลึง
ขาสองข้างแทบเซเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องจัดการกับสิ่งตรงหน้า
ที่เขาบอกว่าบ้านมันรกคงใช้คำนี้ไม่ได้ เพราะนี่มันหลุมขยะชัดๆ!
"คุณอยู่ไปได้ยังไงเนี่ย"
"ไม่ต้องพูดมาก รีบจัดการเร็วเข้าสิ" ยุนกิสั่งก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นไปอยู่บนโซฟาเหยียดกายรอบอกคำสั่งอย่างน่าหมั่นไส้
จีมินกวาดสายตาไปรอบๆ
เธอเลือกจัดการทำความสะอาดตรงโซฟาเป็นอันดับแรกเพราะนี่ถือเป็นห้องรับแขกขนาดย่อม
ถ้าใครมาเห็นสภาพแบบนี้เข้าได้เป็นลมกันพอดี
"จะให้ฉันเอามันไปไว้ไหนคะ" จีมินคีบบ็อกเซอร์ขึ้นมาให้เขาดูพร้อมทำหน้าเหยเก
"เอาไปซัก"
"......."
"อ้อ! ฉันให้เวลาเธอแค่1ชั่วโมงนะ
เธอต้องทำให้เสร็จ" เธอเพิ่งรู้ก็วันนี้แหละว่าผู้จัดการเขาหน้าที่แบบนี้กันด้วย
-_-
1ชั่วโมงผ่านไป
จากบ้านที่ตอนแรกเหมือนหลุมขยะตอนนี้กลายมาเป็นบ้านคน(?)เหมือนเดิมแล้ว ยุนกิทำท่าวางมือลงบนโต๊ะเพื่อเช็คว่ายังมีฝุ่นหลงเหลืออยู่มั้ย
ผลที่ได้คือมันเงาวิบวับเหมือนกับตอนที่เขาซื้อบ้านหลังนี้แรกๆ
"เก่งดีนิ" เขาชมแต่ใบหน้ากลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
"ฉันเคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แค่นี้จิ๊บๆค่ะ" บอกอย่างภูมิใจตามด้วยรอยยิ้มหวาน
"เหรอ~ เดี๋ยวฉันจะเรียกให้เธอมาทำทุกวัน"
"ยินดีอยู่แล้วค่ะ ถ้าคุณไม่เหนื่อยแกล้งฉันก่อนนะคะ"
ใช่ เธอรู้ว่าเขาตั้งใจแกล้งเธอ ดูจากหมอนนั่นสิ
เขาจงใจดึงให้มันขาดเองชัดๆ มีเหรอที่อยู่ๆมันจะขาดเองโดยไม่มีต้นตอ
และยังมีอีกหลายอย่างเลยนะที่เป็นหลักฐาน
"ถามตัวเองดีกว่ามั้ย"
"ไม่จำเป็นค่ะ เพราะฉันเต็มใจทำ :)" ก็ดีไปอีกอย่างหนึ่งนะ
การที่เขาใช้ให้เธอมาที่บ้านทุกวัน เธอก็จะเห็นหน้าเขาทุกวันถึงจะได้เห็นอยู่แล้วตามหน้าที่ผู้จัดการก็เถอะ
"หยุดความคิดนั่นซะ! ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่"
"ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ไม่เลย"
"แน่ใจนะ...." ไม่ว่าเปล่า
แต่ยังสาวเท้าเข้ามาใกล้ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
จนตอนนี้รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดใบหน้าอยู่รอมร่อ เขากระตุกยิ้มเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากลัวถึงขนาดหยิกมือตัวเองแถมยังหลับตาปี๋ไม่กล้าสบตาเขาอีกต่างหาก
"เธอคิด...ว่าฉันจะทำอะไรเธองั้นเหรอ"
"........" ใช่ เธอคิด
"ลืมตาได้แล้ว ฉันไม่ตาต่ำทำอะไรเธอหรอกน่า"
ร่างสูงหัวเราะหึในลำคอก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา คอยดูปฏิกิริยาของร่างอวบตรงหน้าว่าเธอจะทำยังไงต่อไป
ก่อนรอยยิ้มจะผุดขึ้นจากใบหน้าของเขาเมื่อเห็นว่าแก้มเจ้าเนื้อแดงเหมือนลูกตำลึงสุก
"เอ่อ....งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"เดี๋ยว...." เป็นจังหวะเดียวที่มือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือของฝ่ายหญิงในขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวกลับ
ส่งผลให้ร่างอวบเสียหลักการทรงตัวถลาลงไปกองอยู่บนตัวเขาอย่างไม่ตั้งใจ
"โอ๊ย กระดูกฉันจะหักมั้ยเนี่ย"
"ฉันขอโทษค่ะ" จีมินรีบขอโทษทันทีที่ร่างสูงใต้ร่างร้องโอดโอยราวกับเจ็บมาก
แต่เมื่อเธอพยายามจะลุกขึ้นก็เหมือนกับอีกฝ่ายดันเธอไว้ด้วยมือข้างเดียวที่กำลังโอบเอวเธออยู่ในตอนนี้
"ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ"
"อยู่นิ่งๆ" เขากระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ
และเสียงของเขาเหมือนมนต์สะกดที่สั่งให้เธอหยุดนิ่งตามคำสั่งนั้นทันทีณ
ตอนนี้เธอเขินมากจนทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ยิ่งเขาขยับหน้าเข้ามาใกล้เท่าไหร่
ตัวก็ยิ่งอ่อนปวกเปียกไปเสียอย่างนั้น
"ฉันว่าเราไม่ควรอยู่ในสภาพแบบนี้นะคะ เกิดใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี"
"เธอไม่ต้องการให้ฉันทำแบบนี้เหรอ"
"........" ในฐานะแฟนคลับอย่างเธอ
เธอมองว่าการที่อยู่ใกล้ชิดเขามันเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ถ้าหากว่ามันใกล้ชิดเกินไปมันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี
"ใครๆก็อยากให้ฉันทำแบบนี้ด้วยทั้งนั้น
เธอได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่นๆเลยนะ"
"ฉันไม่อยากเอาเปรียบคนอื่นค่ะ"
"แล้วการที่เธอเสนอตัวอยากมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวฉัน
ไม่เรียกว่าเอาเปรียบรึไง"
"........."
"ฉันพูดแทงใจดำล่ะสิ"
"ปล่อยได้แล้วค่ะ!" ถ้าเกิดยังรอให้เขาพ่นวาจาใส่อยู่แบบนี้
มีหวังเธอต้องร้องไห้ให้เขาสมเพชแน่ๆ
ทางที่ดีเธอควรออกให้ห่างจากสถานการณ์แบบนี้จะดีที่สุด
"ถ้าเธอทนไม่ได้ ก็ลาออกไปซะ เพราะนี่ถือเป็นคำเตือนแรก"
"ฉันไม่ลาออกค่ะเพราะคุณแจบอมขอไว้ให้ฉันเปลี่ยนทัศนคติของคุณใหม่"
"หึ! เธอคิดว่าเธอทำได้?"
"เปล่าค่ะ แต่ทุกอย่างก็ย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้
ไม่แน่คุณอาจจะอยากให้ฉันเป็นผู้จัดการไปตลอดชีวิตเลยก็ได้"
"แน่นอนว่าฉันไม่มีทางพูดคำนั้น
เธอคอยดูได้เลยว่าฉันจะทำทุกทางให้เธอทนไม่ได้จนต้องลาออกไป"
"แล้วคุณก็รอดูไว้เลยค่ะ ว่าฉันจะทำทุกทางให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่"
ชายหนุ่มเขม่นตาใส่คนตรงหน้าที่กล้าหือใส่เขาแถมยังลอกคำพูดของเขามาเกือบทั้งดุ้น
แววตากลมโตนั่นมุ่งมั่นสะจนเขาแอบหวั่นๆ แต่เขารู้ดีอยู่แล้ว
ว่าไม่มีใครเปลี่ยนความคิดเขาได้นอกจากตัวเขาเอง
ความคิดเห็น