ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มรสุมคนเถื่อน (YoongiBTS & Jimin15&)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตำแหน่งที่ไม่มีใครทำแทนได้ 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 236
      1
      1 ส.ค. 60


    "เอาไป!"  ยุนกิโยนแฟ้มเอกสารพร้อมแล็ปท็อปให้หญิงสาวโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรับได้หรือไม่ ก่อนเขาจะก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถตามด้วยจีมินเข้ามาติดๆ




    "ไอ้แจบอมคงจะสอนงานให้เธอแล้ว"



    "ค่ะ เขาบอกฉันผ่านSNSแล้ว" 



    "ก็ดี" 




    "ตอนเช้าคุณมีงานที่ห้างFนะคะ ส่วนตอนบ่ายที่ยงซาน" 




    "อืม"  ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ จากนั้นก็เอนกายพักหลังชั่วคราว



    "แล้วก็ตอนเย็น...."



    "แล้วค่อยบอก ฉันจะนอน"



    "โอเคค่ะ"   หญิงสาวเป็นอันต้องยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าเกิดเธอขัดก็คงถูกตอกกลับมาแหงๆ



    "พอถึงห้างเธอช่วยกันแฟนคลับออกจากฉันด้วย"  เขาพูดในขณะที่เปลือกตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท



    "หน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของการ์ดไม่ใช่เหรอคะ"  



    "ก็ใช่ แต่ฉันอยากให้เธอทำ" เขาลุกขึ้นพร้อมกับจ้องมองเธออย่างเอาเรื่อง



    "แต่ว่าฉันต้องคอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ เวลาที่คุณต้องการอะไรจะได้บอกฉันโดยตรง"



    "เธอเพิ่งจะมาทำงานวันแรกเธอจะไปรู้ดีได้ยังไง หน้าที่ของเมเนฯน่ะต้องคอยดูแลความปลอดภัยของศิลปินอยู่ห่างๆ" 



    "แต่จากที่ฉันตามโอปป้าไปงานต่างๆก็เห็นแต่การ์ดกันทั้งนั้นนะคะ ส่วนเมเนฯก็คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ"   จีมินยังยืนยันคำเดิมจากสิ่งที่เธอเห็นมา นั่นสร้างความหงุดหงิดให้เขาอีกละรอก ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเข้าออกเรียกสติให้ตัวเองใจเย็นๆก่อนที่เขาจะทนไม่ไหวโยนเธอลงจากรถสะก่อน



    "เธอจะเถียงให้ได้เลยใช่มั้ย"



    "ใช่ค่ะ"  ตอบหน้าตาย



    "นี่เธอ!!" 



    "ฉันรับปากกับคุณแจบอมไว้แล้วว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"



    "ไอ้แจบอมมันเป็นพ่อเธอรึไง ถึงจะเชื่อมันขนาดนั้น"



    "ถามตัวเองดีกว่าค่ะ โอ๊ะ ขอโทษค่ะ"   หญิงสาวรีบโค้งหัวขอโทษอย่างรวดเร็วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป ยุนกิหันขวับมามองคนข้างๆด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร นี่ขนาดวันแรกเธอยังต่อปากต่อคำกับเขาขนาดนี้ มีหวังวันต่อๆไปเขาจะไม่มีอำนาจอะไรเหลือเลย!



    "ไม่มีทาง!"



    "อะไรนะคะ"



    "เผือก!" 



    "O.O"  จีมินถึงกับอ้าปากเหวอทันทีที่ถูกอีกฝ่ายตอกกลับ คำพูดและท่าทางของเขาเล่นเอาเธอไปไม่เป็นเลยล่ะ















    ห้างF



         ทันทีที่รถจอดสนิท ยุนกิก็รีบสาวเท้าเข้าไปในห้างโดยไม่รอเธอเลยสักนิด เอาแต่มุ่งหน้าอย่างเดียวจนเธอต้องรีบวิ่งไปเดินอยู่ข้างหลังเขา



    "มันดีอย่างนี้นี่เอง"  หญิงสาวหัวเราะคิกๆอย่างพออกพอใจ จากที่แต่ก่อนได้แต่วิ่งไล่ตามศิลปินแถมยังต้องฝ่าฝูงชนนับร้อยนับพันเพื่อหวังถ่ายรูปหรือเข้าใกล้ แต่ก็ถือว่าไกลอยู่ดีเพราะแค่เสี้ยวหน้าก็ยังเห็นไม่ค่อยชัด แต่วันนี้เธอได้มีโอกาสยืนตัวติดเขา ได้มองเห็นหน้าเขาได้แบบเต็มๆ บอกเลยว่ายิ่งกว่าความฝันเสียอีก



    กรี๊ด!~~ กรี๊ด!~~ กรี๊ด!~~



    เสียงกรีดร้องของแฟนเกิร์ลและแฟนบอยยังคงดังต่อเนื่องและดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อร่างสูงเดินผ่าน เขาขยับแว่นตากันแดดลงเล็กน้อยก่อนจะโบกมือทักทายพอเป็นพิธี 



    "มัวแต่ยืนทำอะไรตรงนั้น มาเดินข้างๆฉันนี่!" ยุนกิหยุดเดินแล้วหันไปกระซิบสั่งจีมินที่ยังเดินตามหลังเขาต้อยๆ



    "ค่ะ"



    "ถ้าเกิดแฟนคลับเข้าถึงตัวฉันได้ รับรองเธอศพไม่สวยแน่"  เขาก็แค่ขู่ไปงั้นๆแหละ เพราะไม่มีใครเข้าถึงตัวเขาได้ขนาดนั้นหรอก ก็แหง การ์ดมีเป็นสิบๆฝ่ามาได้ก็กราบแล้วล่ะ ที่เรียกเธอมายืนข้างๆก็แค่....หาอะไรสนุกๆทำก็เท่านั้น




    "เก็บของให้ฉันหน่อย ไม่รู้อะไรตก"  ชายหนุ่มว่าพลางทำท่ามองหาของทั้งๆที่ความเป็นจริงเขาไม่ได้ทำมันตก แต่จงใจทำตกต่างหาก





    "ตรงไหนเหรอคะ"



    "แถวที่ฉันยืนนี่แหละ"   จีมินพยักหน้าก่อนจะก้มลงหาของดังกล่าว แต่ทันทีที่นั่งยองๆเธอก็ล้มพับลงไปกับพื้นด้วยขาของใครคนหนึ่งที่ชนเข้าจังๆ แถมยังตามมาด้วยเท้าอีกหลายชีวิตที่วิ่งเหยียบโดยไม่เห็นว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้  มือเจ้าเนื้อเกิดรอยแดงเป็นปื้นๆเนื่องจากถูกเหยียบ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น เก็บพวงกุญแจที่คาดว่าเขาน่าจะทำตกไว้ใส่ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะรีบวิ่งตามยุนกิเข้าไปในห้องพักที่ทางห้างได้จัดเตรียมไว้ให้










          ทางด้านของชายหนุ่ม เขายังคงนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจเฉิบ นอกนั้นก็แค่รอดูสภาพของผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ที่ตอนนี้ไม่รู้กำลังตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน 




    "นี่ใช่ของคุณมั้ยคะ" ใบหน้าหล่อเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงเหนื่อยหอบตรงหน้า ก่อนจะพบว่าร่างอวบของจีมินยืนหายใจถี่ๆยื่นพวงกุญแจที่เขาจงใจทำตกมาให้ 




    "ขอบใจ"  ชายหนุ่มกล่าวสั้นๆ พลันสายตาเหลือบไปเห็นมือเจ้าเนื้อแดงเถือกจนเขาก็ยังแอบตกใจแต่ก็ตีหน้านิ่งไม่แสดงอาการใดๆออกมา



    "มือไปโดนอะไรมา"  แกล้งถามทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร




    "เอ่อ....ระหว่างทางมาฉันหกล้มน่ะค่ะ" 




    "อือ"  เขาพยักหน้ารับรู้ในขณะที่สายตาก็ยังเลิกมองมือของเธอไม่ได้ จนอีกฝ่ายต้องเอามือไปไขว้หลังเพื่อปิดบังเอาไว้ 




    "งั้นฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบนะคะ เดี๋ยวมา คุณต้องการอะไรเพิ่มมั้ยคะ"




    "ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ"



    "ค่ะ"  จีมินโค้งหัวเล็กน้อยก่อนจะรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น เหตุก็เพราะเธอเจ็บข้อมือแปลบๆแถมมันยังเริ่มบวมและแดงขึ้นอีกต่างหาก แต่อย่าคิดว่าบาดแผลแค่นี้จะทำให้เธอถอดใจได้ เพราะต่อให้เขาทำมากกว่านี้เธอก็ยังทนได้อยู่ดี










     
           ภายในรถมีแต่ความเงียบสงัด หลังจากจบงานจากห้างมา เขาก็เอาแต่เงียบทั้งๆที่ไม่ค่อยพูดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รอบนี้ยิ่งไม่พูดอะไรเลย มันทำให้เธอเป็นห่วงเขาขึ้นมา




    "เป็นอะไรไปเหรอคะ หรือไม่สบาย"




    "........."



    "ให้ฉันลงไปซื้อยาให้มั้ย"  ยุนกิหันมามองคนข้างกาย แววตาและน้ำเสียงของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าเป็นห่วงเขามาก มากกว่าตัวเองที่เป็นมากกว่าเขาด้วยซ้ำ



    "หุบปากไปเลยไป ฉันกำลังใช้สมาธิ"



    "ขอโทษค่ะ"  ประโยคนี้เป็นประโยคสุดท้ายของบทสนทนา ก่อนสถานการณ์จะกลับมาเงียบอีกครั้ง จนกระทั่งรถหยุดที่ลานจอดรถในภัตตาคาร เพราะตอนนี้ก็เลยเวลาทานข้าวมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว



    "ไป........" 




    "ฉันจะยืนรอคุณอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ทานข้าวให้อร่อยนะคะ"  ประโยคคำชวนของเขาเมื่อสักครู่กลืนหายลงคอไปอย่างอัตโน มัติเมื่อถูกอีกฝ่ายพูดดักขึ้นก่อน เขาจึงแกล้งเออออไปตามสถานการณ์








    เวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ายุนกิจะเดินออกมา ปกติแล้วคนเราใช้เวลากินข้าวแค่ชั่วโมงครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมงโดยเฉลี่ย สงสัยเขาจะพิเศษกว่าคนอื่น เพราะกว่าจะเคี้ยวข้าวได้แต่ละคำก็คงกินเวลาไปประมาณห้านาที! -.-



    "คุณยุนกิ ตอนบ่ายคุณมีงานต่อนะคะ คุณจะมาเอ้อระเหยลอยชายแบบนี้ไม่ได้" เมื่อทนรอเขาไม่ไหว จีมินจึงตัดสินใจเดินเข้ามาตามเขาด้านใน แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายยังคงนั่งจิบน้ำชาเล่นโทรศัพท์โดยไม่รู้จักเวล่ำเวลา



    "ก็มันเป็นสิทธิ์ของฉันนี่" 



    "ฉันเข้าใจค่ะว่ามันเป็นสิทธิ์ของคุณ คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่คุณต้องแยกแยะเวลางานกับเวลาส่วนตัว อันไหนคือพักอันไหนคือทำ"



    "แล้วไง?"



    "คุณยังไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดอีกเหรอคะ"



    "ฉันเข้าใจ! แต่ฉันแค่ไม่อยากทำ"



    "แล้วคิวงานที่เหลือล่ะคะ" 



    "เธอก็โทรไปยกเลิกเขาสิ แค่นี้เรื่องก็จบ"  ชายหนุ่มยืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรกระชับเสื้อยีนส์ของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินกระแทกไหล่หญิงสาวออกไป



    "เราทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ!"  จีมินวิ่งตามร่างสูงออกมาและเห็นว่าเขาไม่หยุดเดินเธอจึงถือวิสาสะคว้าเข้าที่แขนของเขา และมันก็เป็นผลเพราะชายหนุ่มหยุดเดินและหันกลับมามองเธออีกครั้ง




    "ทำไมจะทำไม่ได้! เอาเบอร์มาสิเดี๋ยวฉันจะโทรไปยกเลิกเอง"




    "คุณเป็นอะไรไป เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายฉันตามอารมณ์คุณไม่ทัน"



    "นี่แหละนิสัยฉัน ถ้าเธอทนไม่ได้ก็ลาออกไปสิ" 



    "ทำไมคุณถึงพูดแต่เรื่องลาออกล่ะคะ"



    "ช่างเถอะ! แล้วเรื่องงานวันนี้ยกเลิกทั้งหมด หรือไม่เช่นนั้นเธอก็ทำแทนฉันก็แล้วกัน"  ว่าก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนเบาะ เตรียมจะปิดประตูรถแต่ทว่าจีมินกลับยื่นมือไปยื้อไว้ได้ทันก่อนที่ประตูจะปิดลง เขาตวัดสายตามองร่างบางอย่างเคืองๆ อีกทั้งยังใช้สายตาขู่ว่าถ้าหากเธอไม่ปล่อยเขาจะไม่ทนอีกต่อไป



    "ไม่มีใครทำแทนคุณได้หรอกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือเทวดาหน้าไหนก็ไม่มีใครแทนคุณได้ เพราะมันคือหน้าที่และตำ แหน่งของคุณ ฉันอยากให้คุณลองไปคิดดูอีกทีนะคะ"




    "จะปล่อยหรือไม่ปล่อย!"  หญิงสาวจำต้องปล่อยมือออกอย่างไม่มีทางเลือกเพราะขืนยังฉุดเขาต่อไปตัวเองอาจไม่ปลอดภัย 




    "เอาแต่ใจตัวเองชะมัด"  จีมินพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างเอือมๆพลางมองตามรถตู้คันสีดำที่แล่นออกไปจนลับสายตา อย่างที่แจบอมบอกไว้จริงๆว่าเขามันโคตรเอาแต่ใจและไม่ยอมฟังใครหน้าไหนทั้งนั้นแม้กระทั่งแม่ตัวเอง  และเธอพอจะรู้แล้วว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ยังไง















    20.50 น.

           ยุนกิยกขาพาดโต๊ะในห้องรับแขกกลางบ้าน กระดิกเท้าไปมาอย่างคิดไม่ตกว่าตัวเองควรจะทำเช่นไรต่อไป เขากลับมาถึงบ้านนานพอสมควรและใช้เวลาหมดไปกับการเล่นเกมสะส่วนใหญ่ 



    "แม่ง! แพ้อีกละ"  เขาโยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างหัวร้อนเมื่อแพ้เกมทั้งที่ไม่ควรแพ้ ก่อนจะยกเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เข้าปากรวดเดียวหมด




    ติ๊งงงง~ ต่องงงง~ 



    เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้เขาละความสนใจจากมือถือตรงหน้ารีบชะเง้อดูแขกที่มาใหม่ และเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร รอยยิ้มมุมปากก็กระตุกขึ้นทันที



    "มีอะไร" 



    "ขอบคุณที่คุณยอมไปร่วมงานที่ยงซานนะคะ ทางนั้นโทรมาขอบคุณถึงแม้คุณจะไปช้าก็ตาม"  ตอนแรกเธอก็คิดว่าเขาจะไม่มีความรับผิดชอบและทิ้งงานนั้นไป แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมไปร่วมงานหลังจากที่ทิ้งเธอไว้ที่ภัตตาคารคนเดียว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไปตามตารางหมดเพราะช่วงเย็นที่ผ่านมาเขาขอปลีกตัวกลับบ้านก่อนทั้งๆที่ยังมีงานเหลืออยู่



    "........."



    "แต่คุณก็ไม่ได้ไปร่วมงานที่ปูซานเมื่อช่วงเย็น" 



    "มันไกลเธอก็รู้ อีกอย่างฉันเหนื่อย ไหนจะต้องเดินทางอีก เธอไม่เป็นฉันเธอไม่รู้หรอก"



    "ฉันว่าคุณมีสปิริตมากพอนะคะ การเดินทางจากโซลไปปูซานไม่ถือเป็นเรื่องยากสำหรับคุณหรอก แต่คุณมีจุดประสงค์อื่นที่ตั้งใจหลีกเลี่ยงงาน"



    "จุดประสงค์บ้าอะไรของเธอ"  ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พร้อมจ้องหน้าหวานของอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ เขาตั้งท่าเตรียมพร้อมกระโจนใส่ ถ้าหากว่าคนตรงหน้าไม่ยอมตอบ



    "ก็จุดประสงค์ที่คุณพยายามหาเรื่องให้ฉันเพื่อหวังให้ฉันหลุดจากตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของคุณ ฉันพูดถูกใช่มั้ยคะ" ใบหน้าหวานใสเชิดขึ้นอย่างท้าทายโดยไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายถึงแม้จะรู้สึกประหม่าเวลาสบตากับเขาก็เถอะ  ยอมรับตรงๆเลยว่าเขารู้สึกทึ่งในตัวผู้หญิงคนนี้อยู่ไม่น้อย ไหนจะสีหน้าท่าทางที่เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น โดยเฉพาะแววตาที่แสดงถึงความเข้มแข็งและเอาจริงเอาจังตลอดเวลา แต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ยังไงก็ต้องแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นอยู่วันยังค่ำแม้เปลือกนอกจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม และเขาก็เชื่อว่าเธอทนวาจาร้ายและคำพูดดูหมิ่นของเขาไม่ได้หรอก สักวันเธอจะต้องขอยอมแพ้และแสดงความอ่อนไหวออกมาให้เห็นเอง 



    "รู้เอาไว้ก็ดีแล้ว ต่อไปเธอก็เตรียมรับมือฉันให้ดีๆล่ะ เพราะนี่ถือว่าฉันเตือนเธอแล้ว" 



    ".........."



    "อีกอย่างนึง....."  เขาเว้นวรรคพร้อมขยับกายเข้ามาใกล้ในระยะประชิด โน้มใบหน้าลงมาใกล้บริเวณใบหูจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคอ  "อย่าคิดจะจับฉันด้วยวิธีนี้เพราะต่อให้เธอเอาตัวเข้าแลก ฉันก็ไม่สนใจเธออยู่ดี" 



    "ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากคุณ"  ว่าพร้อมกับพยายามดันแผงอกของอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตัวแต่คนตัวสูงยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม 



    "ยังมีอะไรที่เธอยังไม่ได้ยินอีกเยอะเลย สนใจไปฟังต่อที่เตียงกับฉันมั้ยล่ะ" 



    "ถอยออกไปได้แล้วค่ะ!"  ปากก็พูดมือก็ทุบแต่ดูเหมือนว่าแรงที่เธอส่งผ่านกำปั้นจะไม่กระทบกระเทือนถึงคนเอาเปรียบเลยแม้แต่นิดเดียว แถมเขายังถือวิสาสะคว้าเอวของเธอพร้อมกับดันเข้าหาตัวเอง ทำให้หน้าอกของเธอไปชนกับแผงอกเขาอย่างไม่ตั้งใจ




    "คุณยุนกิอย่าทำแบบนี้นะ"



    "ฉันคิดว่าเธอชอบมันสะอีก" ชายหนุ่มพูดเสียงหวานเพื่อตั้งใจแกล้งอีกฝ่ายเล่นๆ แต่เขาไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขามันทำให้หัวใจคนบางคนแถวนี้เต้นแรงจนแทบจะระเบิดตู้มออกมาอยู่แล้ว



    "ฉันเปล่าค่ะ! ปล่อยได้แล้วเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่" 



    "เธอกลัวว่าจะเป็นข่าวกับฉันรึไง"



    "........." ก็ใช่น่ะสิ! เธอพูดในใจ



    "ผู้จัดการส่วนตัวแอบกิ๊กกั๊กกับมินยุนกิ นักร้องชื่อดัง ความสัมพันธ์ถึงขั้นเลยเถิดแล้ว"  ชายหนุ่มยังคงสนุกที่ได้แกล้งคนในอ้อมแขนและเขายิ่งได้ใจเมื่อเห็นว่าจีมินทำหน้าไม่ชอบใจที่เขายกเอาเรื่องแบบนี้ขึ้นมาสมมติ



    "ฉันไม่ตลกนะคะ! ถ้าเกิดมันเป็นข่าวขึ้นมาจริงๆคุณจะหัวเราะไม่ออก" 




    "ถ้าจริงแฟนคลับฉันคงเข้าใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีทางที่ฉันจะตาต่ำไปทำอะไรผู้หญิงแบบเธอ"




    "คุณมันปากร้ายที่สุด"




    "เพิ่งรู้เหรอครับ หืม?" มือหนาเชยคางมนขึ้นมาเบาๆก่อนที่เขาจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะหึๆในลำคอ เธอเพิ่งทำงานให้เขาเป็นวันที่สองยังโดนเขาพูดจาใส่ขนาดนี้ ไม่รู้วันต่อๆไปเธอจะต้องรับมือกับอะไรที่จะตามมาอีกบ้าง คิดแล้วก็หนักใจ !-.-








































    { Winter Dark Theme }
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×