คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Mini HBD Fic : The miracle of love 4
Mini HBD Fic : The miracle of love
[Starring] Yunho & Jaejoong
[Author] : Project_Y^^
“เมื่อกี้จุนซูบอกว่ามิกกี้จะอยู่ที่นี่ถึงวันไหนนะ”เสียงหวานจากอาจารย์สอนทำขนมประจำตัวถามขึ้นเมื่อทั้งคู่กำลังยืนอยู่ในห้องครัวด้วยกัน
“สิ้นเดือนครับ”จุนซูตอบออกมาแต่สายตายังคงจับจ้องก้อนเค้กขนาดเล็ก มือก็เกร็งบีบครีมลงไปเรื่อยๆ ด้วยความกลัวว่าหน้าตามันจะดูไม่ได้
“ดีจริง ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งหลายวัน พี่ล่ะอิจฉาจริง ๆ คนมีความรักเนี่ย”ปลายเสียงมีแววล้อเลียนอย่างเห็นได้ชัด แจจุงเหลือบสายตารอมองหน้าแดง ๆ แก้มชมพูของน้องชาย หากกลับกลายเป็นว่า จุนซูเงยหน้าขึ้นมาสบด้วยแววตาระยับ ไม่มีวี่แววเก้อเขินเลยซักนิด “พี่แจจุงก็ลองมีความรักซิครับ จะได้มีความสุขเหมือนผมไง”
แจจุงอยากจะขำออกมาดัง ๆ เออนะ ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปจริง ๆ แฮะ ดูซิ เจ้าคนขี้อายคนนี้กลายเป็นคนที่ยอมรับความจริงได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน “ผมรู้พี่แจจุงกำลังนินทาผมในใจใช่มะ? ความจริงผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกครับ ยังเป็นเจ้าคนจอมเปิ่น ขี้อายเหมือนเมื่อก่อนนั่นแหละ” ปลายเสียงเว้นว่างไปเล็กน้อย พลางสูดลมหายใจเข้าไปแรง ๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับอย่างเห็นได้ชัด
“เพียงแต่กับมิกกี้ วันเวลามันคอยบอกผมว่า ผมควรจะเก็บความสุขในช่วงระยะเวลาแบบนี้เอาไว้ ไม่ใช่มัวแต่มาเขินอายอยู่ เราอยู่ด้วยกันได้อีกไม่กี่วันก็ต้องจากกันอีกแล้วนี่ครับ”แม้ปลายเสียงจะมีแววหม่น หากแววตายังคงมุ่งมั่น “เพราะฉะนั้นพี่แจจุงไม่ต้องแปลกใจหรอก ถ้าผมจะกลายเป็นคนแบบนี้ในช่วงเวลาที่เรายังได้อยู่ด้วยกันนี่น่ะ”
แจจุงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินเข้ามาหา สองมือยกขึ้นแตะแก้มใสของคนตรงหน้าก่อนจะกดลงแกล้งด้วยความเอ็นดู “ไอ้ตัวเล็กของจุนโฮนี่ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะเนี่ย พี่ไม่อยากจะเชื่อ”
น้ำเสียงมีแววขันในที “พี่ดีใจที่จุนซูยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ยอมที่จะรอแบบนี้ เอาเถอะอย่าทำให้พี่อิจฉามากกว่านี้เลยตั้งใจทำไป เดี๋ยวเค้กวาเลนไทต์จะออกมาหน้าตาไม่ดี”แจจุงเลี่ยงไปดูเค้กอีกก้อนของตัวเองที่กำลังเหลืองได้ที่อยู่ในเตาอบ
“แล้วพี่แจจุงไม่อยากมีคนรักบ้างหรือครับ?”เสียงใสถามมาจากข้างหลัง แจจุงหันมาหลิ่วตาก่อนคิ้วจะเลิกขึ้นสูงเหมือนเป็นการถามตัวเอง “จะอยากมีหรือไม่อยาก....มันก็ไม่มีใครให้พี่รักอยู่ดีนั่นล่ะ......สาว ๆ สมัยนี้คงจะหายากคนที่จะทำอาหารได้อร่อยกว่าพี่น่ะ”แจจุงพูดติดตลก พลางหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ที่สำคัญพี่ก็เบื่อผู้หญิงด้วย มีพี่สาวตั้งหลายคนแบบนั้น ทำเอาพี่เอือมไปเหมือนกัน”คราวนี้เป็นจุนซูที่หัวเราะออกมาบ้าง แถมยังอดที่จะแซวกลับมาอีกหนไม่ได้
“ก็แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะครับ”
แจจุตาโตมองจุนซูเหมือนไม่เคยเห็น ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “แล้วพี่จะไปหาผู้ชายที่ไหนล่ะ?....คงมีหรอกนะ”แจจุงเดินเข้ามาใกล้โยกหัวของจุนซูไปมาด้วยความสนุกสนาน เสียงงึ่มง่ำบ่นพึมของน้องชายตัวเล็กยิ่งทำให้แจจุงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“โอเค ๆ ก็ถ้าใครดันเผลอหลงเข้ามาในชีวิตพี่ตอนนี้ พี่ก็จะลองรับเอาไว้พิจารณาก็แล้วกัน.....แต่ดูท่าจะยากนะ”
.
.
ลักษณะอาการของคนที่ตัวเองกำลังนั่งพินิจพิจารณาอยู่ตอนนี้ทำให้ต่อมความสงสัยพุ่งเกินปรอท ชายหนุ่มผมสีทองจ้องมองเพื่อนรักของตัวเองอยู่นานหลายนาทีแล้ว แต่ท่าทางคิ้วยุ่ง ๆ ฟึดฟัดขีดเส้นยาว ๆ ลงไปบนกระดาษชาร์ตยิ่งทำให้มึน จนอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถามแก้ความสงสัย
“เป็นอะไรของนายวะ เห็นทำหน้าแบบนี้มาสองสามวันแล้วนะโว๊ย ถูกป๊าด่าหรือไง”เหตุผลเดียวที่ตัวเองนึกได้ก็ดูเหมือนจะเป็นข้อนี้ หากสายตาที่เหลือบขึ้นมาสบกัน ทำท่าทางเหมือนจะแง่ง ๆ ใส่คล้ายเจ้าตัวถูกวิญญาณตัวอะไรเข้าสิงเนี่ยทำให้คนถามต้องยกหนังสือขึ้นมากันเอาไว้ก่อน
“เออ ป๊าด่ามันก็เรื่องนึง....แต่ตอนนี้ชั้นกำลังแค้น”ซุ่มเสียงบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี นั่นมันยิ่งทำให้คนฟังขยาด เพราะเป็นเพื่อนกันมานานจึงรู้ ว่าถ้าไอ้หมอนี่โมโห....คาดว่าจะต้องระเนระนาดแน่ ๆ ถ้าเข้าไปขวาง
“มันเรื่องอะไรหรือวะ บอกได้เป่า?”ถามเสียงเบาออกไปอีกคน ต่อมความอยากรู้ชนะความกลัวหัวแตก สายตาคมวับหันมามองทันที ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ พยายามทำท่าไม่อยากนึกถึง หากน้ำเสียงที่ค่อย ๆ เล่าออกมากลับรู้สึกได้ถึงแรงอาฆาต
“ชั้นขับรถเกือบชนไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้วันที่ป๊าโทรมาตาม.....แต่ดันถูกไอ้บ้าที่ไหนอีกคนก็ไม่รู้ เอาถังขยะทุ่มใส่หัวเนี่ย”
คนฟังอ้าปากค้างไปแล้วกับคำพูดที่ได้ยิน คนอย่างไอ้คุณชายตรงหน้าเนี่ยนะ ถูกถังขยะทุ่มใส่หัวน่ะ เป็นไปไม่ได้...ไม่เชื่อหรอก....
“นายไม่ต้องทำหน้าแบบนี้เลยไอ้ฮวอคแจ เรื่องจริงมันถึงได้ทำให้ชั้นแค้นอยู่แบบนี้ไง พอชั้นขับรถไปหาป๊าเลยถูกด่าชุดใหญ่เพราะว่าไปไม่ทัน แม่งซวยชิบหายเลยวันนั้นน่ะ คอยดูนะ ถ้าได้เจออีกเมื่อไร พ่อจะซัดให้ยับเลย”
ฮวอคแจทำหน้าตาเชื่อเต็มที่เพราะรู้ดี ลองเพื่อนรักของเค้าคนนี้แค้นใคร มันคนนั้นได้เจอผลตอบแทนที่สาสมแน่ ๆ “ว่าแต่นายรู้จักไอ้คนที่เอาถังขยะทุ่มใส่นายหรือวะ ยุนโฮ?”
“ไม่รู้?.....แต่อีกเดี๋ยวคงรู้”คำตอบทำให้สายตาเพื่อนรักเบิกกว้าง “นี่ อย่าบอกนะว่านาย.................”ฮวอคแจชี้หน้าเพื่อนของตัวเองค้างตาโตด้วยความพยายามให้ไอ้ที่ตัวเองคิดเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดไปเอง
“เออ ไม่ต้องมาชี้หน้า อีกไม่กี่วันชั้นคงได้รายงานเรื่องไอ้บ้านั่นแน่ นักสืบของพ่อทำงานดีเสมอ”รอยยิ้มอาฆาตผุดขึ้นจนทำให้คนฟังแขยงขนตั้งชัน หวาดกลัวแทนคนที่ยุนโฮมันจะไปหาเรื่อง
ถ้างานนี้ไม่หยอดน้ำข้าวต้มคงไม่ต้องมาเรียก ไอ้เพื่อนรักเขานี่ ว่าคุณชาย ยุนโฮ แน่ ๆ
.
.
“ป้าขอบใจที่แจจุงจะยอมไปแทนนะลูก ไม่อย่างนั้นป้าต้องโดนเล่นงานแน่ ๆ”น้ำเสียงที่พูดไปทำให้คนฟังแค่ยิ้มรับแล้วก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้ลำบากอะไรเลยซักนิด
“แค่ไปสอนทำเค้กเองครับป้าไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้น ผมถนัดอยู่แล้วด้วย”แจจุงยิ้มอ่อนหวาน พลางเดินเข้ามากอดเอวอวบ ๆ ของผู้เป็นป้าเอาไว้ “นี่ถ้าครูสอนคนนี้เค้าไม่ป่วยล่ะก็ ไม่ต้องเดือดร้อนถึงแจจุงหรอกจ้ะ ยังไงป้าก็ขอบใจมาก ถ้างั้นป้าจะโทรไปบอกเขาก่อนนะ”นางตบหัวแจจุงเบา ๆ ก่อนจะเลี่ยงหันไปโทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้าง
แจจุงเดินมานั่งลงที่เก้าอี้รับแขกระหว่างรอผู้เป็นป้ากลับมา ที่นี่คือโรงเรียนสอนทำอาหารที่ป้าของเขาเปิดขึ้น แจจุงเคยเข้ามาช่วยงานที่นี่หลายครั้งแล้วตามคำขอร้องซึ่งมันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง การที่เขาได้อยู่กับของที่ชอบที่ถนัดมันทำให้มีแต่ความเพลิดเพลินมากกว่าความเบื่อหน่าย
มันว่างจากการไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แถมตอนนี้ยังไม่ต้องไปขลุกอยู่ที่บ้านจุนซูอีกด้วยเพราะคนนั้นตอนนี้มีคนดูแลเต็มที่ ไอ้เรื่องแค่ไปสอนทำอาหารตามบ้านแทนอาจารย์ที่เขาไม่สบายเท่านี้เรื่องเล็กมาก
“แจจุงจ้ะ นี่เป็นแผนที่กับเลขที่บ้านนะ ส่วนนี่เป็นหนังสือจากร้านให้คุณผู้หญิงแกด้วย”คุณป้าส่งเอกสารกับกระดาษมาให้ “ช่วงนี้งานที่ร้านก็ออกจะยุ่ง เราดันมาขาดคนไปเสียอีก นี่ถ้าไม่ได้หลานป้าคงแย่”คำพูดพร้อมอาการถอนหายใจอย่างโล่งอกของคุณป้าทำให้แจจุงขำออกมาเบา ๆ “ถ้างั้นผมไปนะครับ”เข้ามากอดคุณป้าอีกทีก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป
คุณป้าเจ้าของกิจการถอนหายใจอย่างโล่งอกอีกรอบเมื่อลับหลังหลานชายไปแล้ว ความจริงจะส่งอาจารย์คนอื่นไปก็ได้ หากแต่คนที่จะไปสอนกลับระบุตัวคนสอนมาแล้ว แต่ก็ดันเกิดปัญหา ไม่เป็นไปตามที่ตกลง
อาจารย์คนที่ฝ่ายนั้นต้องการมาป่วย ถึงจะเป็นเรื่องสุดวิสัยแต่ก็ต้องรับผิดชอบ ให้หลานเจ้าของโรงเรียนไปแบบนี้แหละ ถึงจะเท่าเทียมกับฐานะคนที่กำลังจะไปสอน
เหอะ ดีเท่าไรแล้วที่แจจุงยอมไป ไม่อย่างนั้นคงถึงขั้น ตัวเองต้องไปสอนเองแน่ ๆ แค่เอ่ยชื่อนามสกุลของอีกฝ่ายขึ้นมา
.
.
มืดแกร่งกุมกระชับพวงมาลัยรถของตัวเอง หากสายตากลับมองไล่ออกไปนอกกระจก รถที่กำลังสวนออกจากบ้านทำให้สายตามองไปโดยให้ความสนใจไม่น้อย
ดูท่า ม๊าจะหาเรื่องเรียนทำขนมอีกแน่....บรื๊อ แค่คิดก็อยากจะหนีออกจากบ้านแล้ว
ยุนโฮขับรถของตัวเองเข้าไปจอดหน้าบ้านก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปขึ้นห้องของตัวเอง ไม่อยากถูกลากไปชิมอาหารฝีมือคุณแม่บังเกิดเกล้า เพราะว่าขยาด
เขาเคยต้องกินไอ้อะไรซักอย่างที่จำชื่อไม่ได้ หน้าตามันดูไม่ได้เอาเลย แถมรสชาติหนักกว่าหน้าตาไปอีก ขืนวันนี้ถูกลากไปกินอะไรก่อนจะออกไปเฮกับเพื่อนล่ะก็ คงได้ท้องร่วงเป็นแน่แท้
ขายาวค่อย ๆ ก้าวไปอย่างเงียบเชียบ สายตาพยายามสอดส่ายระแวดระวังอย่างที่สุด ยุนโฮถอยหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อมายืนหลบอยู่ตรงแจกันขนาดใหญ่ตรงทางขึ้นชั้นบนยังห้องส่วนตัวของตัวเอง
เหลวซ้ายแลขวา เข้าใจว่าปลอดภัยเป็นแม่นมั่น ขายาวรีบก้าววิ่งขึ้นไปบนบันไดด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะมายืนถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่ในห้องของตัวเอง
งานนี้คุณแม่พลาด ดูท่าจะไม่ได้ยินเสียงรถของเขาที่เข้ามา.....ยุนโฮนายปลอดภัยล่ะ......
ผิวปากเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความสุข พลางคิดถึงความสนุกสนานที่จะได้เจอคืนนี้.....ก็คุณชายยุนโฮจะไปท่องราตรี มันก็ต้องครื้นเครงกันหน่อย
.
.
“ว๊าว หน้าตาหน้าทานมากเลย”คุณผู้หญิงส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ เมื่อแจจุงเปิดเตาอบออกมาแล้วเค้กที่ต่างบรรจงช่วยกันทำมันหน้าตาดีเกินคาด แต่เรื่องรสชาตินั้นคงต้องรอชิมอีกที
“ไม่เลวเลยนะครับสำหรับการทำครั้งแรกของคุณหญิงเนี่ย ผมว่าถ้าลองฝึกอีกหลาย ๆ หนหน้าตามันต้องสวยมากกว่านี้แน่ ๆ เลยครับ”แจจุงหันมาพูดให้กำลังใจ ในขณะที่คนทำยิ้มจนแก้มปริ นางดินเข้ามาใกล้เค้กก้อนนั้นก่อนจะค่อย ๆ ใช้มีดแตะลงไปเบา ๆ “ชั้นชิมเลยได้มั้ย?”
แจจุงพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะค่อยตัดชิ้นเค้กออกมา คุณหญิงค่อย ๆ แตะลิ้นลงเบา ๆ ก่อนจะกลืนเนื้อเค้กนิ่ม ๆ นั้นลงคอ ดวงตาเบิกกว้างก่อนที่รอยยิ้มจะวาดเต็มแก้มอีกครั้ง
“อร่อย....ชั้นทำเค้กอร่อยแล้ว”แจจุงยิ้มอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะตัดชิ้นเค้กขึ้นมาชิมบ้าง ก่อนย้ำชื่นชมคุณหญิงจนยิ้มแก้มแทบแตก “เก่งมากเลยล่ะครับคุณหญิง”
คำพูดของแจจุงทำให้คุณหญิงยิ้มออกมากว้างขวาง นางค่อย ๆ ยื่นมือมาจับมือของแจจุงแน่น บีบเบา ๆ ก่อนจะพูดขอบคุณอย่างจริงใจ “อาจารย์สอนเก่งจังนะ ชั้นขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของผมครับ......อีกอย่าง คุณหญิงมีฝีมืออยู่แล้วด้วย ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”
“แหม อาจารย์นี่ล่ะก็......งั้นเอาอย่างนี้นะ ค่ำนี้อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกัน ชั้นจะเลี้ยงตอบแทน นะ”
สายตาที่มองมากับอาการที่แสดงออกทำให้แจจุงพยักหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะอยากกลับไปทำงานของตัวเองแล้วก็ตาม “ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอออกไปโทรศัพท์หาที่บ้านก่อนนะครับ”แจจุงขอตัวเลี่ยงออกมาจากครัว
ขาเรียวค่อย ๆ เดินมานั่งลงตรงม้าหินอ่อนที่ตัดขึ้นเป็นม้าตัวเตี้ยสวยงามอยู่ตรงบริเวณริมน้ำตกที่กำลังไหลเอื่อย “แม่หรือครับ ค่ำนี้ผมไม่กลับไปทานข้าวเย็นด้วยนะครับ........พอดีมาทำงานให้คุณป้าแล้วที่นี่เค้าจะเลี้ยงข้าว”
“ครับ....แค่นี้นะครับ”ค่อยวางสายลงก่อนจะหย่อนมือถือของตัวเองลงกระเป๋า ก่อนที่จะลุกขึ้นทำท่าจะเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง หากหน้าตัวเองกลับชนกับอะไรซักอย่างที่มันหอมจนแทบจะฉุน แจจุงถอยหลังมามองพลางแตะหน้าผากตัวเองไปมาด้วยความมึนเล็กน้อย
“เดินประสาอะไร”เสียงตวาดมาอย่างอารมณ์เสียทำให้แจจุงต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง ใครบางคนที่ทำหน้ายักษ์อยู่ตอนนี้ ในขณะที่อีกคนดวงตาเบิกกว้างโตขึ้นด้วยความคาดไม่ถึง
“นาย..............นี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ”ตอนแรกที่ตั้งใจจะต่อว่าออกมาอย่างหัวเสียเพราะเข้าใจว่าเป็นคนใช้ในบ้านเปลี่ยนไป ยุนโฮชี้หน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยอาการที่เรียกว่า โกรธจนตัวสั่น ไอ้คนที่เอาถังขยะทุ่มหัวเขามันมายืนลอยหน้าอยู่ในบ้านเขาเองตอนนี้
แถมยังทำผิดซ้ำสองเดินมาชนจนเค้าต้องเจ็บอกอีกรอบ มือแข็งแรงฉวยท่อนแขนเรียวจับแน่น ก่อนจะบีบรัดจนแจจุงต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ทำบ้าอะไรของนายวะ ปล่อยนะ”สองมือพยายามดิ้นให้หลุดพ้น หากเรี่ยวแรงไม่สามารถสู้ได้
ยุนโฮก้มลงมาจนใกล้ สายตาแข็งกร้าวจ้องลึกไปยังแววตาอีกคนที่ตอนนี้มีแววตื่นตระหนก “ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องไปตามหาให้เหนื่อย มาให้แก้เค้นถึงบ้านแบบนี้” ไม่รู้ไม่สนหรอกว่าอีกคนจะเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ยุนโฮไม่สนใจอีกแล้ว ข้อมือเพิ่มแรงบีบรัดจนแจจุงต้องนิ่วหน้า ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เฮ๊ย ปล่อยนะ ไอ้บ้า นายเป็นใครวะ”พยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวรอด หากตัวเองที่หลังถูกตรึงไว้กับกำแพง ท่อนแขนถูกบีบกด แถมลำตัวยังถูกเบียดชิดจากร่างสูงแกร่งของคนตรงหน้านี้อีก หมดสิ้นหนทางจะหาทางไป แถมน้ำเสียงของคนใจร้ายที่จับยึดมือเขาตอนนี้มันก็น่ากลัว แววตาที่ราวกับว่าอาจจะถูกฆ่าตรงนี้
“เป็ฯใครอย่างนั้นเหรอ? จะบอกว่าจำคนที่นายทำให้ขายหน้าไม่ได้ใช่มั้ย?”ยุนโฮก้มลงมาจนชิด จมูกโด่งแทบจะติดปากนิ่ม แจจุงเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วย ตอนนี้มันไม่อยากรู้จัก ขอแค่หลุดออกไปจากการกอดกุมนี่เป็นพอ แววตา สีหน้า ท่าทางหมอนี่มันน่ากลัว.....กลัว....
“ปล่อยนะ.....ชั้นเจ็บ”พยายายามร้องออกมา หากยุนโฮกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างไม่สนใจอะไรซักนิด “นายมันก็แค่เจ็บตัว แถมเจ็บแค่นี้ยังน้อยไป.........น้อย.....สำหรับการทำให้คุณชายยุนโฮต้องขายหน้า รู้เอาไว้ซะ”ปลายเสียงตะโกนออกมาดังลั่น ดังเสียจนแจจุงสะดุ้งสุดตัว แววตามีร่องรอยเหมือนน้ำใสจะมาคลอด้วยความกลัว
หากเสียงนั้นคงจะดังมากจึงทำให้คนที่อยู่อีกด้านค่อย ๆ เดินออกมามองคนสองคนด้วยสีหน้าแปลกใจ ลูกชายของนางกำลังทำท่าเหมือนจะฆ่าคนที่เป็นอาจารย์สอนทำขนมมือหนึ่งของเธอ เกิดอะไรขึ้น
“นี่ยุนโฮ เกิดอะไรขึ้นลูก แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น”นางเดินมาหยุดใกล้ ๆ ยุนโฮเหลือบสายตามามองคนที่เป็นมารดาของตัวเอง หากท่อนแขนยังไม่คิดจะปล่อยเลยซักนิด
“ผมแค่จะจัดการกับคนที่ทำให้ลูกคุณแม่ขายหน้ามันก็เท่านั้น”
แจจุงเหลือบสายตามองอย่างไม่เข้าใจนัก ไอ้หมอนี่มันพูดอะไรกัน เขาไปทำอะไรให้ตอนไหน ทำไมถึงได้จงเกลียดจงจังกันนัก ทั้งที่เพิ่งจะเคยเจอหน้าก็ถูกจับยึดมือจนเจ็บไปหมดแบบนี้เนี่ย “อาจารย์ของแม่เนี่ยนะ แจจุง ทำอะไรให้ลูกได้ยังไงกันจ๊ะ แม่ไม่เข้าใจ”นางเดินเข้ามาใกล้ พยายามใช้สายตาบอกกลาย ๆ ให้ลูกชายของตัวเองปล่อยมืออาจารย์คนเก่งของตัวเองซะที
“แจจุงมาสอนแม่ทำเค้กนะลูก ไม่ได้ไปทำอะไรให้ยุนโฮหรอก ปล่อยอาจารย์แม่เสียเถอะ” ยุนโฮอยากจะอ้าปากโวยวายเมื่อเห็นสีหน้าแม่ของตัวเอง นี่แม่กำลังใช้ให้เขาปล่อยมือคนที่มันเคยทำให้เขาขายหน้านะ เฮ๊ย!!~ ทำไมแม่บอกแบบนี้
“แจจุงเป็นอาจารย์ของแม่นะจ้ะ ยุนโฮ ปล่อยเสียที”ปลายเสียงมีแววเข้มขึ้นเล็กน้อย ยุนโฮค่อยปล่อยมือลงอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะเดินฮึดอัดไปอยู่ข้าง ๆ หากแววตายังไม่วายกรุ่นจะหาเรื่องเข่นเขี้ยวไม่หยุด
แจจุงจับมือของตัวเองขึ้นมาดู มันแดงเป็นรอยจ้ำถูกบีบจนแน่น มือเนียนค่อยลูบไล้ท่อนแขนตัวเองไปมาก่อนจะเดินเลี่ยงมายืนข้าง ๆ คนที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวเองจากคนบ้า
“เชิญทางนี้ดีกว่าจ้ะ แจจุง ลูกชายของคุณหญิงคงจะจำคนผิด”นางเชื้อเชิญให้แจจุงเดินเลี่ยงมาอีกด้าน คล้อยหลังแจจุงที่เดินเลี่ยงเข้าไปในครัวแล้ว นางค่อยหันมามองลูกชายตัวเองที่ยืนทำท่าโมโหลมจะออกหูเพราะแก้แค้นไม่สำเร็จนั้นด้วยสายตาที่เหมือนเป็นคำสั่ง
“ยุนโฮ แม่ว่าลุกจำคนผิดแล้วล่ะ หรือถึงจะจำถูก แจจุงก็เป็นอาจารย์ของแม่.......ดังนั้นไม่ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงช่วยทำเป็นลืม ๆ ไปนะลูกนะ......เพราะคนของแม่ถ้ามีคนอื่นมายุ่งวุ่นวาย ยุนโฮคงรู้ว่าแม่จะจัดการยังไง”
ยุนโฮตาโตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อฟังจบประโยค เมื่อกี้แม่ว่าอะไรนะ แม่บอกว่าห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวกับอาจารย์ของแม่ ถ้ายุ่งแม้แต่เค้าที่เป็นลูกแม่ก้ไม่สนใจอย่างนั้นหรือ?
เฮ๊ย....นี่เค้าเป็นลูกนะ ทำไมถึงได้ให้ความสำคัญน้อยกว่าไอ้บ้านั่นเล่า แม่นะแม่ ทำแบบนี้แล้วเค้าจะแก้แค้นยังไงวะเนี่ย?
สมองพยายามคิดหาหนทางด้วยความหัวเสียที่สุด หากจะวิ่งไปกระชากคอคนที่อยากจะแก้แค้นมันก็ทำไม่ได้ คนอื่นอาจจะมองว่าเขาน่ากลัว แต่ถ้าเป็นแม่ บทจะน่ากลัวขึ้นมา เค้าก็สู้ไม่ได้
เว๊ยยย ทำไงดีวะ
ทำไงให้แก้แค้นให้อาจารย์แสนดีของแม่ได้..........อ๊ากกกกกกกกกกกก.............ไอ้ฮวอคแจ มาช่วยกันคิดหน่อยเว๊ยยยยย
ยุนโฮเดินงุ่นง่านออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิดที่สุดในชีวิต ไม่เคยเลย ไม่เคยที่คนอย่างคุณชายยุนโฮมันจะต้องมาแพ้ให้กับอะไร ไม่ยอม ต้องหาทางจนได้ เรื่องอะไรจะยอมให้ถูกทำให้ขายหน้าแล้วไอ้คนทำลอยหน้าลอยตาไปได้ง่าย ๆ แบบนี้
เอาวะ......ต่อให้เบื้องหลังของไอ้คน ๆ นั้นมันจะเป็นแม่ของตัวเองก็ตาม.........ยุนโฮงานนี้คือการเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายล่ะวะ.....ฃ
TBC จ้ะ
ความคิดเห็น