[Yaoi]Mini HBD Fic : The miracle of love
เรื่องราวความรัก ที่เกิดขึ้นในวันเกิดของเหล่าหนุ่ม ๆ TVXQ
ผู้เข้าชมรวม
368
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Mini HBD Fic : The miracle of love Part 1.
[Starring] Micky & Xiah
[Author] : Project_Y^^
ท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่าน หลายคนที่ต่างเดินไปเดินมาอยู่นั้นในมือจะมีกระเป๋าขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างถือเดินกันไป เจ้าของร่างบาง ๆ ที่ตอนนี้สวมเสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อนมีฮูทสวมด้านหลัง กับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง ก็กำลังกระชับเป้ที่เจ้าตัวสะพายก่อนจะเดินเรื่อย ๆ ออกมายังช่องทางขาออกของผู้โดยสาร เสียงผู้ประกาศดังมาให้ได้ยินแสดงให้เห็นถึงการต้อนรับ ขาเรียวเดินไปเรื่อย ๆ จนจำนวนคนที่มีมากนั้นเริ่มบางตา
ภายนอกอาคารสูงเพดานกระจก คนตัวเล็กหยุดยืนรออยู่ชั่วครู่เมื่อเหลียวซ้ายแลขวาพลางมองหาคนที่จะสามารถบอกสถานที่ที่เขาจะเดินทางต่อไปได้
ตำรวจสนามบิน
ตัดสินใจได้อย่างนั้นก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ ชายผิวดำที่สวมเครื่องแบบเต็มยศยืนอยู่ตรงมุมของโซนด้านนอก เขายิ้มโชว์ฟันขาวทันทีเมื่อคนตัวเล็กเอ่ยประโยคทักทายและเอ่ยปากทางถามถึงจุดหมายที่ตัวเองกำลังจะไป
Excause me!!~, How can I go to
คุณตำรวจใจดียิ้มให้ก่อนจะคว้าเอาแผนที่ขนาดย่อมมากาง ที่มีทั้งทางเดินของรถประจำทาง รถไฟใต้ดิน ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแล้วลากเรื่อย ปากอธิบายอย่างช้า ๆ เพราะเมื่อมองหน้าคนถาม ก็บอกได้ว่าไม่ใช่คนที่อยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่แน่ ๆ
เอ่อ ช้า ๆ หน่อยครับขนาดว่าพูดช้า ๆ อธิบายชัด ๆ แล้วคนตัวเล็กยังเอ่ยปากร้องขอให้ช้าลงนิด บวกอาการหัวเราะแห้ง ๆ กับความพยายามในการฟังของตัวเอง
ไม่นานนัก เมื่อเป็นที่เข้าใจเรียบร้อย เจ้าตัวจ้อยเมื่อเทียบกับความสูงของคุณตำรวจก็ก้มลงขอบคุณแล้วก็ค่อยเดินออกจากอาคารนั้นไป ในมือมีกระดาษที่เปรียบเสมือนแผนที่จากฝีมือการวาดของคุณตำรวจติดมาด้วย จุดหมายปลายทางก็อย่างที่บอกคุณตำรวจไป แต่จะถึงโดยสวัสดิภาพหรือไม่นั้นมันอีกเรื่อง
.
.
ในมือกำลังถือรูปขนาดเล็กเอาไว้ เจ้าของเพ่งมองแล้วอมยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน เมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในรูปยามได้เห็นเขาไปยืนอยู่หน้าประตู
พี่ชาย จะต้องทำตาโต ทั้ง ๆ ที่ตาเล็กนิดเดียว แล้วก็ต้องตีหัวเขาเบา ๆ ก่อนที่จะรั้งเขาเข้าไปกอดแน่ ๆ แค่คิดจุนซูก็ยิ้มกับตัวเองด้วยความสนุกสนาน
เพราะจุนโฮได้รับทุนเรียนต่อถึงได้มาศึกษาในมหาวิทยาลัยที่อเมริกา พี่ชายของเขาเก่งอยู่แล้วไม่เหมือนน้องชายที่มันมีแต่ความเปิ่นปนซุ่มซ่าม
จุนโฮ พี่ชายของจุนซู เก่งที่หนึ่ง
แค่คิดก็ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ พลางนึกถึงสีหน้าของพ่อกับแม่ที่บ้าน ก่อนที่เขาจะออกเดินทางมา ทุกคนตาโตทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าเขาจะมาอเมริกาคนเดียว ข้ออ้างคืออยากมาฉลองวันเกิด มาเซอไพร์พี่ชายสุดที่รัก
พ่อและแม่ร้องห้ามแถมยังบ่นออกมาจนเขาไม่อยากได้ยิน หน้าบึ้งเล็ก ๆ นั้นงอจนคุณตาที่เดินเข้ามาฟังบทสนทนาด้วยหัวเราะขำออกมาเสียงดัง
ให้จุนซูไปเถอะน่า ถือว่าลูกได้ประสบการณ์ชีวิต ถ้าพวกเธอไม่ให้ไป เดี๋ยวจุนซูมาเอาเงินกับตานี่ล่ะ ดีมั้ยเจ้าตัวยุ่ง
คำพูดของคุณตาทำเอาทั้งแม่และพ่อเงียบกริบ แล้วก็ยินยอมพร้อมใจให้เขามาอเมริกาคนเดียวในที่สุด ก่อนออกจากบ้านรวมทั้งที่สนามบินที่โซลแม่ยังไม่วายเตือนเรื่องความซุ่มซ่ามของเขาด้วยความเป็นห่วง
จุนซูยิ้มรับมาตลอด หัวใจโบยบินแม้จะมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ ในใจก็ตาม แต่พอก้มมองรูปที่ยิ้มให้เขาอยู่ทุกครั้งนี่ทีไร หัวใจในก็พองโต
ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตเหมือนอย่างที่คุณตาบอกไง จะมากลัวอะไรตอนนี้เล่า
เสียงประกาศภายในรถไฟใต้ดินที่บอกสถานีถัดไปทำให้ต้องรีบเก็บของที่ตัวเองถือเอาไว้ลงในกระเป๋าใบเล็กด้วยความรวดเร็ว ไม่ถึง 30 วินาทีผู้คนที่อยู่ในนั้นก็เดินออกช่องทางกันไปด้วยความรวดเร็ว จุนซูมองตามไปด้วยความรีบร้อน ยิ่งเสียงร้องเตือนของรถไฟคล้ายจะปิดประตูแล้วนั่นยิ่งทำให้รีบก้าวจนทำให้กระแทกกับคนที่กำลังจะก้าวขึ้นไปเหมือนกัน
ไม่วายหันไปขอโทษก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไป.จุนซูถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อหลุดรอดออกมาไม่นั่งรถเลยสถานีไปได้ ขาเรียวค่อยก้าวเดินไปยังทางดินขาออก ในมือกระชับกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองเอาไว้มั่น
พี่ครับอีกไม่นานเราก็จะได้เจอกันแล้วน๊า
แต่เจ้าตัวเล็กจอมยุ่งของคุณตาจะทันสังเกตมั้ย กระเป๋าใบเล็กที่เจ้าตัวจับยัดใส่ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงินแล้วก็บรรดาบัตรนานาชนิดน่ะ มันหล่นตุ้บอยู่ที่ข้างชานชาลาเมื่อครู่นี้นี่เอง
.
.
ขายาวก้าวไปเรื่อย ๆ ด้วยความเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่โปรดปรานที่ดังมาจากเจ้าเครื่องเล่นเครื่องเล็กที่พกติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา มือเง้อขึ้นผลักบานประตูที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้าเข้าไปยังด้านใน
ด้านหน้ามีป้ายติดเอาไว้ blue sky restaurant เขาก้าวไปยังไม่ทันที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าของพนักงานเสียงเรียกก็ดังมาให้ได้ยินจนต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์
เฮ๊มิกกี้!!~ มานี่หน่อยเร็วเข้าเพื่อนพนักงานที่เป็นชาวอเมริกันเรียกเขาด้วยน้ำเสียงรีบร้อน มิกกี้หันไปมองแล้วย่นจมูกทำตาขุ่น
อะไรกันนักหนาวะ!!~
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่เขาก็ยอมเดินออกไปตามคำร้องเรียก เอดิสันชี้นิ้วไปที่โต๊ะหัวมุมนั่นก่อนจะเอ่ยปากอธิบาย ลูกค้าคนนั้นเขาดูจะมีปัญหา พวกเราฟังไม่รู้เรื่องเลย แค่ฟังออกว่าเค้าไม่มีเงิน นายช่วยไปถามหน่อยได้มั้ย หน้าตาเหมือนจะมาจากประเทศเดียวกับนายน่ะ
มิกกี้เหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะเดินลากขาออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก ก็ถ้ามันไม่มีเงินจะมาเป็นธุระอะไรของเขาเล่า ไม่มีเงินก็จับส่งตำรวจไปซิ วุ่นวายจริง หน้าตาโซนเอเชียเนี่ยมันมีแต่เกาหลีหรือไง ญี่ปุ่น จีนก็มีไม่ใช่เรอะ ตูจะพูดได้มั้ยล่ะถ้ามันไม่ใช่คนเกาหลีเนี่ย
มิกกี้เดินเข้าไปใกล้ พลางจ้องมองคนที่นั่งทำตาเศร้าอยู่นั่นด้วยความเบื่อหน่าย เอดิสันพูดไม่ผิดแฮะหมอนี่ดูท่าจะมาจากประเทศเดียวกันกับเขาจริง ๆ
นี่!!~มิกกี้เอ่ยเรียกเสียงหนัก คนที่นั่งตาตกทำหน้าจะร้องไห้เงยขึ้นมามองด้วยความยินดี ที่สำเนียงและภาษาในการพูดมันคุ้นเคย ไม่มีเงินอย่างนั้นหรือ?
ลูกค้าหน้าบ้องแบ๊วหันมายิ้มให้เค้าทันทีก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาร่วงจนมิกกี้ตกใจ เฮ๊ย!!~ นี่มันอะไรกันวะ มาถามดี ๆ นะไม่ได้จะจับฆ่าเสียหน่อย
กระกระเป๋า กระเป๋าเงินผมหาย.มันหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ผมขอโทษ ผมไม่มีเงินเลย ผม..เสียงพูดปนสะอื้นนั้นทำเอามิกกี้ส่ายหน้า ก็แล้วเค้าเป็นนักประชาสงเคราะห์หรือไงที่ต้องมาฟังปัญหาบ้า ๆ นี่น่ะ
ถ้านายไม่มีเงินก็เอางี๊แล้วกัน เดี๋ยวไปช่วยข้างหลังเค้าล้างจานได้หรือเปล่า ดูของที่นายกินมันก็ไม่ได้มากมายนี่มิกกี้เสนอทางเลือก เค้าไม่อยากวุ่นวายมากนักหรอก
ครับ เมื่อครู่ผมก็อยากจะบอกเขาแบบนี้ แต่ผม.ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องเลย.ผมเลย.เค้าก็ฟังไม่รู้เรื่อง ผมขอโทษ ผม
พอแล้ว ๆ เอ้าลุกขึ้นมาซิ มัวแต่นั่งร้องไห้อยู่ได้ เร็วเข้า!!~มิกกี้บ่นออกมาเสียงดัง ก่อนจะเดินหนีเข้าไปยังหลังร้าน
คนที่ถือว่าเป็นลูกค้าเมื่อครู่ เปลี่ยนสถานะด้วยความรวดเร็ว ก็เพราะความสะเพร่าแล้วก็เปิ่นของตัวเองนี่แหละ หาเรื่องจนได้ ให้ตายซิ!!~ แค่คิดก็อยากร้องไห้ออกมาอีกรอบ ทำไมมันซวยแบบนี้นะ ทำไมหนอ!!~
.
.
Hey junsu!!~, Where your brother stay?เอดิสันถามขึ้นเมื่อเขายืนอยู่ข้าง ๆ พนักงานจำเป็นหน้าใหม่ที่กำลังล้างจานอยู่ด้วยกัน จุนซูหันมาทำตาปริบ ๆ ก่อนจะยิ้มแหย ก่อนที่จะบอกออกมา ระหว่างนั้นมือก็ล้างจานไปด้วย
เอดิสันพยักหน้ารับรู้หากเจ้าตัวยังพูดอะไรออกมาช้า ๆ อีกหลายประโยคแต่จุนซูก็ฟังไม่เข้าใจนัก แต่พอจะจับใจความได้ว่าคงจะเห็นใจที่อยู่ ๆ เขามาทำกระเป๋าสะตังค์หายไปแบบนี้
Hey Micky! Can you take him to apartment
ห้ะ??? !!~
คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทอดเนื้ออยู่หน้าเตาแทบจะสบถออกมาด้วยความอารมณ์เสีย เมื่อกี้ไอ้ฝรั่งนั่นมันว่าอะไรนะ จะบ้าเรอะเกี่ยวอะไรกันเล่า ถ้าอยากจะพาไปก็ไปเองซิ อยู่ ๆ มาโยนให้คนอื่นแบบนี้ได้ไง คนเราไม่ใช่จะว่าง ๆ นะ แถมไอ้หอพักนักศึกษาที่เจ้าตัวเล็กนี่บอกมันก็ไม่ได้ไกลจากที่นี่ซะหน่อย
ไปเอง ๆ อย่ามายุ่งนะเว๊ย!!~
"You come from the same country as him, Why don't you help him?"
ห้ะ???? !!~
ไอ้เพื่อนฝรั่งเวรนี่พูดแบบนี้ได้ไงวะ มันมัดมือชกไม่ใช่เหรอ มิกกี้จะช่วยผมใช่มั้ยครับ คำถามที่ได้ยินทำให้ต้องอ้าปากค้าง มิกกี้อยากจะเอาหน้าจุ่มเตาที่กำลังร้อน ๆ อยู่นี่จริง ๆ ทำไมมายุ่งกับตูจังวะ!!~
แล้วดูคนตัวเล็กที่มาแนะนำตัวด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้มว่า ชื่อจุนซู จะมาหาพี่ชายเนี่ยก็ทำเหมือนเค้าเป็นพระมาโปรดไปเสียเสร็จสรรพนี่ก็ทำท่าเหมือนจะเอาเค้าเป็นที่พึ่งเสียด้วย อย่ามายุ่งได้มั้ย ไม่ว่าง ไม่ทำ ไม่ไปเว๊ย!!~
.
.
ขายาวที่ก้าวด้วยความรวดเร็วทำให้คนที่เดินตามหลังบ่อยครั้งต้องรีบวิ่งตามเพื่อให้ทันกัน ก็มันกลัวจะหลงหายไป ผู้คนที่นี่จะพูดกันให้รู้เรื่องก็ลำบากยากเย็นขืนทำให้เพื่อนที่พูดภาษาแบบเดียวกันได้นี่หายไปอีกล่ะก็ จุนซู นายได้ตายแน่ ๆ
มือที่ล้วงกระเป๋ามาตลอดทางนั้น มิกกี้หงุดหงิดชะมัดที่พูดว่าไม่มา ไม่ส่งไม่พาไปไหนทั้งนั้น หากพอเห็นสายตาอ้อน ๆ ที่ปนมากับความหวังเต็มเปี่ยมจนเป็นประกายนั้นก็ทำให้ปฏิเสธไม่ลง ตกลงวันนี้ทำหน้าที่เป็นตำรวจส่งเด็กหลงทางวันนึงก็ได้วะ
มิกกี้อยู่ที่นี่นานแล้วหรือครับจุนซูถามขึ้นน้ำเสียงปนหอบ ตลอดทางคนเดินนำไม่ผ่อนระยะก้าวเยซักนิดนี่นา
นานแล้วมิกกี้ตอบออกมาเรียบ ๆ เสมองอย่างอื่นก่อนจะควักมวนบุหรี่สีขาวขึ้นมาจุดสูบพ่นควันไปเรื่อยตามทาง
มิกกี้ครับชื่อของตัวเองทำไมจะจำไม่ได้ มิกกี้หันไปมองคนหน้าใสปากแดงนั่นก่อนจะขมวดคิ้ว รอคอยฟังคำพูด หากมันกลับเงียบ
นี่มิกกี้อีกครั้งแล้ว มิกกี้หันไปมองด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิด เจ้าตัวเล็กนี่ต้องการอะไรไม่ทราบ มีอะไรน้ำเสียงเหมือนจะกระชากในที หากพอเห็นแววตาที่เหมือนสะดุ้ง มันก็ต้องรีบผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยถามกลับไปใหม่
มีอะไรละจุนซู พูดมาซิเจ้าของชื่อค่อยเริ่มมียิ้มออกมากว้างขวาง ระหว่างที่มิกกี้หยุดรอ จุนซูเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยคำพูดออกมาคล้ายเกรงใจ
ผมไม่อยากให้มิกกี้สูบบุหรี่เลยครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ
ห้ะ?????
มิกกี้เริ่มฉุน หันหน้าหนีก่อนจะเดินเร็วขึ้นด้วยอารมณ์ที่เริ่มกรุ่น ๆ คนบ้าอะไรวะ เพิ่งจะเจอหน้ากัน แถมเค้ายังช่วยเหลือแท้ ๆ ดันมาต่อว่ากันกลาย ๆ อีก ทำไม จะสูบจนตายกันไปข้างมันเกี่ยวอะไรวะ !!~
มิกกี้ มิกกี้!!~จุนซูร้องเรียก ไหล่พยายามพยุงเป้ของตัวเองเอาไว้แล้วก็วิ่งตามด้วยความรวดเร็ว หากแต่เสียงร้องเรียกของจุนซูกลับทำให้คนที่เดินนำหน้าหันมาตะคอกด้วยความรำคาญ
อะไรเล่าจะเรียกทำบ้าอะไร!!~คนวิ่งตามเลยชะงัก สะดุกกึกก่อนจะยืนนิ่ง มีสีหน้าเศร้าออกมาจนทำให้คนที่เดินนำลิ่ว ๆ ต้องหันมามองอีกรอบ
จะไปมั้ยหาพี่ชายน่ะ เดินให้มันเร็ว ๆ หน่อยซิ!!~มิกกี้พูดได้เท่านั้นก่อนจะเดินทิ้งช่วงห่างกันไปอีก จุนซูเดินคอตกตามไปเรื่อย ๆ ในอกมันบอกว่าน้อยใจที่เพราะเป็นห่วงหากถูกดุกลับมา วุ่นวาย จุนซู นายวุ่นวายกับเขามากไปรู้หรือเปล่า
.
.
ที่หน้าห้องพัก มิกกี้เป็นคนเข้าไปจัดการถามไถ่ให้จนทราบเรื่องเรียบร้อย จุนซูรู้แล้วว่าพี่ชายของตัวเองพักที่นี่ หากแต่ว่าตอนนี้ยังไม่กลับมา เจ้าของหอพักบอกอย่างนั้น
แล้วนายจะทำยังไงมิกกี้ถามอย่างขอไปที มือล้วงกระเป๋ามองไปทางอื่น จุนซูมองคนที่ทำท่าเหมือนไม่ค่อยเต็มใจมาส่งเขาแต่ต้นด้วยรอยยิ้ม
ผมก็คงจะนั่งรอพี่ที่นี่แหละครับ รอจนกว่าพี่จะมาน้ำเสียงของจุนซูทำเอามิกกี้แทบจะถามออกไปว่า ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าพี่นายจะกลับมาเมื่อไรเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า
แต่เขาก็ได้แต่เงียบ เสมองไปทางอื่น พยายามคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แค่มาส่งให้นี่ก็บุญแล้ว
งั้นเรอะ ถ้างั้นก็ไปนะมิกกี้หันมาบอก พลางทำท่าจะเดินเลี่ยงไป หากเสียงใสกลับรั้งให้ชะงักจนต้องหันมามองอีกครั้ง เอ่อ มิกกี้ครับ?
จุนซูลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ มือนิ่มเอื้อมมากุมมือใหญ่ของมิกกี้เอาไว้ ใบหน้าเนียนใสยิ้มแย้ม ก่อนจะก้มหัวลงช้า ๆ และเงยหน้าขึ้นมา ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง ขอบคุณจริง ๆ
แววตาและรอยยิ้มจริงใจเสียจนคนมองต้องแอบเมิน ก็มันไม่อยากสบด้วย ไม่อยากมองเห็นความอ่อนโยนที่เขาไม่เคยได้จากใครที่ไหนทั้งนั้น
ก็ไม่เป็นไรนี่ มีอะไรอีกมะ?คนฟังส่ายหน้าจนผมกระจาย มิกกี้พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกลาแต่ก็เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
จุนซูมองตามหลังคนที่กำลังก้าวเดินห่างออกไปก่อนจะก้มลงหยิบเป้ของตัวเองเอามานั่งกอดเอาไว้ ถึงอากาศในยามนี้จะหนาวเย็นหากจุนซูก็ไม่คิดที่จะขยับตัวเองไปไหน ก็ถ้าพี่มาแล้วไม่เจอ เค้าจะทำยังไง
.
.
มิกกี้เดินไปเรื่อย ๆ มือหนารั้งเสื้อแขนยาวของตัวเองให้แนบร่างให้มากยิ่งขึ้น ลมที่แม้แต่โชยมาเบา ๆ ก็ทำให้หนาวเยียบแทบจะถึงกระดูก สายตาหวนกลับไปมอหนทางที่เพิ่งจะเดินจากมา คนตัวเล็กยังนั่งกอดเป้ตัวเองอยู่ตรงหน้าตึก มิกกี้มองแล้วอยากจะตะโดนต่อว่าดัง ๆ ทำไมไม่รู้จักไปนั่งรอหลบลมเย็น ๆ นี่ก่อนวะ ไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง
เสียงพูดคุยที่ดังมาเรื่อยเนื่องจากมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา คำพูดคุยบางอย่างทำให้มิกกี้สะดุดแถมขาวยาวที่ก้าวอยู่ก็ชะงักกึก ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้นักศึกษากลุ่มนั้น
โทษที เมื่อครู่นี้คุยเรื่องอะไรกันอย่างนั้นหรือ?
คำตอบของนักศึกษาเหล่านั้นทำเอาเขาต้องขมวดคิ้วขึ้นมาอีกรอบ เอ่ยขอบคุณเบา ๆ แล้วทำท่าจะเดินเลี่ยง ไม่คิดจะสนใจอะไรอีก หากอะไรบางอย่างมันทำให้ความตั้งใจที่จะก้าวห่างออกไปกลับแปรเปลี่ยน
ความอุ่นที่ยังคงสัมผัสได้บนมือของตัวเอง รอยยิ้มที่จริงใจจากคนแก้มใส ที่สำคัญคำขอบคุณมันนานเหลือเกินที่ไม่เคยได้ยิน
เฮ๊ออ!!~........ยุ่งชะมัดเลย!!~........ไม่เกี่ยวเว๊ยไมเกี่ยว จะนั่งหนาวตายตรงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเว๊ย!!~
.
.
คืนนี้นายนอนตรงนั้นก็แล้วกันมิกกี้ชี้นิ้วไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่กลางห้องนั่น จุนซูมองแล้วกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเสียงร่าเริง หากพอสบตาเจ้าของห้องใบหน้าสว่างก็แอบหงอยลงไปทันที
ผมขอบคุณมากเลยครับที่ให้ผมมาพักด้วยคืนนี้ แค่มิกกี้พาผมไปส่งที่หอพักพี่ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว
ถ้านายเกรงใจก็ทำอะไรให้กินหน่อยได้มะล่ะ?มิกกี้ถามขึ้นเมื่อถอดเสื้อนอกของตัวเองเรียบร้อย คนฟังทำตาปริบ ๆ หน้าแหยทันทีทันใด คืออะไรอย่างอื่นที่จุนซูแน่ใจว่าตัวเองทำได้แย่แล้วน่ะนะ เรื่องทำอาหารมันยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่
ผม.....ผม.....ผมจะลองดูครับส่งเสียงออกมาจนคนฟังตกใจ มิกกี้พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกด้าน เปิดประตูกระจกที่คาดว่าคงจะติดกับระเบียงห้องออกไปยืนด้านนอก ไม่นานนักจุนซูก็เห็นแสงแดงวาบจุดเล็ก ๆ สูบบุหรี่อีกแล้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ
ทำท่าจะเดินออกไปต่อว่าด้วยความเคยชิน หากขาชะงักเพราะคำพูดเมื่อตอนกลางวันมันทำให้ต้องหันหลังกลับเข้าไปทำหน้าที่ที่ตัวเองรับปากเมื่อครู่เสียมันจะดีกว่า จุนซูย้ำกับตัวเองหน่อยนายอย่ายุ่งกับชีวิตคนอื่นเขา แถมถ้าคน ๆ นั้นคล้ายจะมีกำแพงที่เข้าถึงได้ยากแบบนี้
.
.
แน่ใจว่านี่อาหารที่นายทำมิกกี้ก้มลงมองไอ้สิ่งที่อยู่ในถ้วยเล็ก ๆ นั่นก่อนจะใช้ช้อนตักขึ้นมาพิจารณาอย่างไม่แน่ใจนักว่ามันจะกินเข้าไปได้
เอ่อ....ผม.....คนทำอึกอักไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวยังไง เมื่อมองไปบนโต๊ะแล้วเห็นไข่ไหม้ ๆ ข้าวเละ ๆ แถมด้วยต้มซุปผักที่สีมันเขียวพิลึก
ไม่น่าเลยชั้น หาเรื่องชัด ๆมิกกี้สบถออกมาอย่างที่ไม่รู้จะทำยังไงดีกว่านั้น ก็เออนะอุตส่าห์ไว้ใจแล้วดู น่าตามันยังจะกินไม่ได้ แล้วจะให้กระเดือกเข้าไปได้ยังไงเล่า
ขายาวก้าวไปอีกด้านด้วยความรวดเร็ว ทำท่าจะไปหยิบเสื้อแขนยาวของตัวเองหากแขนเล็กกลับรั้งเอาไว้จนต้องหันมามอง ผมขอโทษ ผม.....จนแล้วจนรอดจุนซูก็ปล่อยน้ำตาออกมาเป็นสาย คนที่กำลังจะก้าวออกจากห้องเลยได้แต่ถอนหายใจ กรรมเวรจริง ๆ มิกกี้เอ๊ย!!~ นี่แกอนุเคราะห์คนที่ตกยากหรือว่าคุณหนูที่ไหนวะเนี่ย!!~
ไม่ต้องร้อง ๆ บอกว่าไม่ต้องร้องไงยิ่งเขาพูดเสียงดังมากเท่าไรคนตัวเล็กก็ร้องไห้คร่ำครวญมากเท่านั้น คนที่ไม่เคยแม้แต่จะปลอบใครมาก่อนก็เลยโบกไม้โบกมือวุ่น โยนเสื้อแขนยาวของตัวเองไปที่โซฟาอย่างไม่สนใจ นี่อย่าร้องซิ ปัดโธ่!!~ เพราะไม่รู้จะทำยังไง เวลาคนร้องไห้ปลอบยังไงให้หยุดกันเล่า
ขอโทษ ๆ ไม่ว่าแล้ว หยุดร้องเถอะนะโอบร่างเล็กนั้นเข้ามาไว้ในอกก่อนจะกอดปลอบลูบหลังไหล่ไปมาเบา ๆ คนที่กำลังสะอื้นขืนตัวเองในตอนแรกก่อนที่จะซุกซบร้องไห้เบา ๆ เมื่อรู้สึกว่าอาการปลอบโยนที่ตัวเองได้รับมันอ่อนโยนเหลือเกิน
ความอ่อนโยนที่ได้รับจากคนที่ทำท่าเหมือนไม่เคยสนใจอะไรคนนี้
ผมแค่...อยากทำอะไรให้มิกกี้บ้าง ไม่คิดว่ามัน.....จะออกมาแบบนี้จุนซูยังสะอื้นออกมาเล็ก ๆ มิกกี้ฟังแล้วถอนหายใจ เข้าใจดีกับความตั้งใจของคน ๆ นี้ แต่ว่านะ ถ้าทำมันไม่ได้ก็บอกซิ ชั้นจะได้ไม่โมโหหิวรู้หรือเปล่า?มิกกี้พูดอยู่เหนือผมเส้นสวยที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ นั้น เอ้าทีนี้ก็หยุดร้องแล้วนะ มานี่เลยมานั่งรออยู่ตรงนี้ฉุดแขนเล็กนั้นให้ไปรอที่เก้าอี้ ส่วนตัวเองเดินตรงไปยังครัวเล็ก ๆ
รอแป๊ปเดี๋ยวจะทำของกินจากฝีมือกุ๊กชั้นเยี่ยม เอ้าเงียบได้แล้ว!!~
.
.
ทำไมมิกกี้ถึงรู้ว่าพี่จุนโฮไปฝึกงานที่รัฐอื่นล่ะครับจุนซูถามขึ้นเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว ภายหลังการได้ทานอาหารฝีมือกุ๊กจำเป็นเจ้าของห้อง
ก็มีนักศึกษากลุ่มนึงคุยกันพอดี ชั้นเผอิญได้ยินเฉย ๆมิกกี้พูดขึ้นอย่างไม่สนใจอะไรนัก สายตามองจอทีวีที่กำลังมีภาพของการ์ตูนมิกกี้เมาต์เรื่องโปรด
ผมโชคดีใช่มั้ยครับ ที่มิกกี้ใจดีให้ผมมาค้างด้วยแบบนี้ ขอบคุณมากครับจุนซูก้มหัวลงขอบคุณอีกครั้ง มิกกี้ไม่แม้แต่จะหันมามองเลยซักนิด แต่แค่พนักหน้ารับรู้
ผมกวนหรือเปล่าครับจุนซูถามขึ้นเมื่อนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความเงียบอยู่ซักพัก เจ้าของห้องได้แต่นั่งดูทีวีไม่คิดจะเขยื้อนกายไปไหน
นายจะกวนถ้าไม่เลิกพูดน่ะรู้มั้ย.ทำไมพี่นายไม่โทรมาบอกว่ากลับมาแล้วนะมิกกี้พูดอ้างขึ้น เพราะเขาเองเป็นคนให้เบอร์โทรติดต่อกับเจ้าของหอพักไว้ เมื่อถึงเวลาที่พี่ชายจุนซูกลับมาให้ติดต่อมาด้วย..คนฟังประโยคที่คล้ายกับรำคาญก็เลยหุบปากฉับ ก่อนจะเดินไปนั่งบนเบาะนุ่มข้างโต๊ะตัวเตี้ย นั่งอยู่อย่างนั้นนาน นานเสียจนรู้สึกว่ามันโงนเงนแล้วก็ค่อย ๆ เอนศีรษะตัวเองกับโต๊ะไม้ตัวเตี้ย
กว่าที่คนที่สนใจแต่จอทีวีจะหันกลับมามอง จุนซูก็หลับสนิทหัวฟุบกับโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว กรรมเวร ดูทำ นำพาความยากลำบากมาให้อีกแล้วมั้ยล่ะ มิกี้อยากจะเกาหัวตัวเองเสียจริง
ขายาวก้าวมาใกล้นั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะแอบจ้องมองพินิจเจ้าของใบหน้าเนียนใสที่หลับสนิทอยู่ตอนนี้ รอยยิ้ม กับเสียงหัวเราะใส ๆ เขาได้ยินจนจำได้ เพียงแค่พูดด้วยนิดหน่อย ไม่ต่อว่าถือสา คนที่นอนหลับก็ดเหมือนจะปลื้มอกปลื้มใจหาเรื่องคุยจนเขาต้องบอกไปว่ารำคาญ
แล้วดูเถอะ พอบอกว่าให้มานั่งเงียบ ๆ กลับมาฟุบหลับ........แถมน่ารักน่าชังขนาดนี้เสียด้วย.....ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย
ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน หากคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ตอนนี้มันทำให้อะไรบางอย่างในหัวใจเริ่มสั่นไหว ปากอิ่มมีสีแดงอ่อนเจืออยู่จนแทบอยากจะแตะแต้ม
มิกกี้ถอนหายใจออกมายาว ๆ พลางขยับเข้าไปใกล้ ๆ อีกนิด ก้มลงเพียงแค่ใกล้ชิด ก่อนจรดจมูกโด่งแตะเพียงแผ่วเบาแก้มเนียนนั้น
ก่อนจะถอยห่างออกมาอย่างระงับหัวใจตัวเอง คนที่หลับสนิทตอนนี้มีแต่ความใสซื่อ แล้วก็ไว้วางใจในตัวเขามากนัก มันไม่คุ้มหรอก ถ้าเขาจะทำลายความรู้สึกที่เชื่อมั่นนั้นด้วยความรู้สึกในด้านมืดของตัวเองแบบนี้
มือหนาโอบร่างเล็กเอาไว้ให้มาอยู่ในอก ขยับรั้งให้แนบชิด ก่อนช้อนร่างบางนั้นเอาไว้แล้วพาเข้าไปนอนในห้องของตัวเอง บนเตียงที่เขาเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวมาตลอด
มิกกี้ยกผ้าห่มมาคลี่คลุมจนตลอดร่างบอบบาง ก่อนจะยืนมองนิ่งนาน หลับฝันดีก็แล้วกันนะ....จุนซู.....
.
.
เปลือกตากระพริบปริบเมื่อรู้สึกว่าแสงจ้าสาดส่องเข้ามา จุนซูพยายามบังคับเปลือกตาที่หนักอึ้งจากความง่วงงุนของตัวเองอย่างลำบาก ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบ ๆ
หืม? เตียง ? เตียง เฮ๊ยยยยยยยยย!!~
ร้องเสียงดังอยู่ในใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้น ทำไมเขามานอนอยู่ในนี้แล้วอย่างนี้เจ้าของห้องไปนอนที่ไหนเล่า เวรจริง ๆ เลยจุนซูทำไมนายถึงได้มาเบียดเบียนห้องนอนชาวบ้านเขาแบบนี้นะ
อ้ะ!!~
สะดุดขอบด้านในของห้องจนร่างกายตัวเองถลาแล่นไปด้านหน้า จุนซูหลับตาปี๋คาดว่าคงจะหน้าทิ่มหากเสียงร้องติดจะแหบดังขึ้น อ้อมแขนแข็งแรงรัดตรึงเอาไว้ ได้เสียก่อนที่หน้าจุนซูจะทิ่มพื้นกลายมาเป็นจุ้มปุ้กลงไปในอกอุ่น ๆ แทน
จะรีบไปไหนของนาย!!~มิกกี้เอ่ยถามขึ้นน้ำเสียงเหมือนหงุดหงิด หากอ้อมแขนแข็งแรงกลับรัดเอาร่างบาง ๆ ที่กำลังตกใจนั้นเอาไว้แน่นขึ้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนเมื่อคืนในยามเช้าแบบนี้หวนกลับมาให้ได้ย้ำซ้ำจนไม่อยากปล่อยแขนนี้ไปเลย
ผม...ผมขอโทษครับ ผมไม่น่าไปเบียดเบียนนอนบนเตียงมิกกี้.......ผม........จุนซูระล่ำระลัก รีบขอโทษขอโพย คนฟังเลยได้แต่แอบอมยิ้ม....เออนะ คิดว่ามีเรื่องอะไร
ช่างมันเถอะ ปกติชั้นก็นอนหลับมันหน้าทีวีอยู่แล้วมิกกี้พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก หากคนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ยังส่ายหน้าไม่ยอมรับไปมา ส่งเสียงขอโทษขอโพยไปเรื่อย ผมนี่เบียดเบียนเอาเปรียบชะมัด ขอโทษ นะครับ นะครับมิกกี้จิ๊ปากเริ่มไม่ชอบใจ คนที่เขาบอกแล้วไม่ฟัง มัวแต่อ้าปากเอ่ยขอโทษอะไรบ้าบออยู่ได้
ก้มลงแตะปากอุ่นของตัวเองที่ริมฝีปากนิ่มอีกคนด้วยความรวดเร็ว เสียงร้องที่ต่อว่าตัวเองหายไป แถมยังชะงักนิ่ง เงียบไปถนัดใจ
เออดีนะ...ทำแบบนี้แล้วเลิกโวยวายดี มิกกี้พูดคล้ายไม่ใส่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซักนิด เขาเดินเลี่ยงไปอีกด้านก่อนจะตะโกนบอกเรียกให้ไปทานข้าวเช้า
หากคนที่ยืนนิ่งอยู่ กลับแข้งขาอ่อนก่อนจะหมดเรี่ยวแรงนั่งแหมะลงตรงนั้น ไม่ได้สนใจเสียงเรียกแม้แต่น้อย
หัวใจมันเต้นเสียจนแทบจะออกมานอกอก ใบหน้าร้อนเสียจริงร้อนมากกว่าถูกเปลวไฟลามเลียเสียอีก จุนซู นายเป็นอะไรไป
.
.
เอ๊าทำไมไม่กินเล่าหรือว่ามันไม่อร่อยมิกกี้ถามพลางคิ้วขมวด ไม่เข้าใจทำไมจุนซูถึงได้เหม่อจนเขามองแล้วแอบรำคาญ คนที่ถูกถามเลยรีบก้มหน้าตักของใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ รีบมากเสียจนสำลัก
ซุ่มซ่ามจริงนายนี่มิกกี้พูดเสียงปนหัวเราะ พลางยื่นมือไปรินน้ำใส่แก้วส่งให้ บางทีนายก็เอ๋อน่ารักดีนะ จุนซู คนฟังเงยขึ้นมามองนิ่งหลังจากไอเสียพักใหญ่ จ้องมองมิกกี้เหมือนกับไม่เคยเห็น ที่สำคัญคำพูดที่ได้ยินนั้นมันไม่คิดว่าจะได้ยินเลยซักนิด
เอ่อ....จุนซูส่งเสียงด้วยความอึดอัด มิกกี้ดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองพูดอะไรออกไป เขาเสมองไปอีกด้าน ทำท่าเหมือนไม่เคยพูดอะไรออกมาเลย ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากโต๊ะอาหาร ทิ้งให้คนตัวเล็กนั่งอยู่ตรงนั้น พลางทำตาปริบ ๆ
มิกกี้ครับจุนซูเดินเข้ามาหาหลังจากที่เป็นคนล้างจานอาหารเรียบร้อย มิกกี้เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะมองกลับไปยังวิวด้านเดิมที่ตัวเองกำลังมองอยู่
ไม่ต้องไปทำงานหรือครับวันนี้จุนซูถามขึ้นด้วยความเกรงอกเกรงใจ เขาไม่อยากเป็นภาระให้มากกว่านี้ มิกกี้พ่นควันสีขาว ๆ ออกไป ก่อนจะกดดับควันเหล่านั้นลงบนแก้วเจียรนัย สายตาคู่คมหันมาสบด้วย วันนี้วันหยุดนี่....ไม่ต้องไปหรอก มิกกี้โกหกออกไปคำโต เขาไม่อยากทิ้งให้จุนซูต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว
มันแปลกที่คิดอย่างนั้น นานแล้วที่เขาไม่เคยคิดถึงจิตใจของคนอื่น หากวันนี้กลับไม่ใช่ แค่จะปล่อยให้จุนซูต้องอยู่เหงา ๆ เพียงคนเดียวในห้องนี้เขาก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น
ดีจังครับจุนซูพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แก้มเนียนใสมีสีชมพูระเรื่อ ความจริงวันนี้วันเกิดผม คำบอกเล่าทำเอาคนฟังตาวาว ก่อนจะขมวดคิ้ว ที่ผมมาอเมริกาก็เพราะอยากมาหาพี่จุนโฮ อยากมาฉลองวันเกิดด้วยกัน เอ?ผมบอกหรือเปล่าครับว่าพี่จุนโฮเขาเกิดวันเดียวกับผม เราเป็นฝาแฝดกัน
ยิ่งคำพูดที่ได้ยิน ยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นไปยกใหญ่ มีคนหน้าตาน่ารักแบบนี้ถึงสองคนเนี่ยนะ หืม..มิกกี้นายกำลังคิดอะไรอยู่กัน
เสียดายชะมัด ทำไมพี่จุนโฮต้องไม่อยู่วันนี้ด้วยน๊า เสียแผนหมด พังไม่เป็นท่าเจ้าตัวจ้อยยังบ่นออกมาเรื่อย ๆ หากมิกกี้กลับลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อแขนยาวของตัวเองมาถือเอาไว้
มิกกี้จะไปไหนครับ??จุนซูถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะมิกกี้ไม่เพียงแต่หยิบเสื้อตัวเอง กลับขยับมือหยิบเสื้อนอกของเขาติดมือมาอีกด้วย
พานายไปฉลองวันเกิดไง เร็วเข้าซิ
จุนซูถูกฉุดแขนเบา ๆ จนต้องก้าวตามไปหากขาที่ก้าวไปเหมือนจะลอยได้ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม จุนซูแอบมองมือที่กุมมือตัวเองเอาไว้ ความอบอุ่นเล็ก ๆ แต่มันกลับทำให้หัวใจอบอุ่น จุนซูยิ้มให้ตัวเอง วันเกิด นั่นซินะ ฉลองวันเกิด กับคน ๆ นี้ดูท่าจะมีความสุขไม่น้อยเลย
.
.
TBC
ผลงานอื่นๆ ของ Project_Y ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Project_Y
ความคิดเห็น