ผลแห่งกรรม - นิยาย ผลแห่งกรรม : Dek-D.com - Writer
×

    ผลแห่งกรรม

    กรรม คือ การกระทำอันประกอบด้วยเจตนา ไม่ว่าร้ายหรือดี ล้วนส่งผลแห่งการดำเนินชีวิตของผู้คนทั้งชาตินี้และชาติหน้า

    ผู้เข้าชมรวม

    96

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    96

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 ธ.ค. 64 / 12:25 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    พ.ศ.2547

    ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ ฉันรีบจะแจงอาบน้ำแต่งตัว ทานข้าว นั่งพักครู่ใหญ่ก็ได้เวลาเดินทางไปบ้านป้าลี หญิงสูงวัยอายุราว 50 กว่า เราอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

    บ้านไม้ใต้ถุนสูง 2 ชั้นหลังพอประมาณ แบบบ้านชาวบ้านที่มีฐานะปานกลางแถวนี้พึงจะมีกันได้ มีห้องเก็บของเล็กๆ และตั่งไม้เตี้ยสร้างแบบง่ายๆ สำหรับนั่งนอนเล่นอยู่ใต้ถุนบ้าน

    " ป้าลีคะ หนูมาแล้วค่ะ " ฉันส่งเสียงเรียกป้าเจ้าของบ้าน

    " อ้าว! หนูแจ๋วเหรอ มาถึงเร็วจัง" ป้าลี โผล่หน้าออกมา " มาๆ ขึ้นมาก่อนนั่งพักสักเดี๋ยว รอป้าแป๊บนึงนะ" ป้าลีพูดเสร็จก็ผลุบตัวกลับเข้าห้องไป

    สักครู่เดียวป้าลีออกมาจากห้อง ด้วยชุดเสื้อคอกระเช้ากับกางเกงขาก๊วยแบบใส่สบายๆ อยู่บ้าน ก็พอดีกับที่ ฉันจัดแจงที่นอนสำหรับนวดผ่อนคลายไว้ข้างหน้าต่าง ที่มีพัดลมเตี้ยๆ ตั้งอยู่ดูเป็นมุมที่น่าจะสบายสุดสำหรับบ้านหลังนี้

    ป้าลีล้มตัวลงนอนตะแคงอย่างคุ้นเคย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการทำงานของฉันที่บ้านหลังนี้ " วันนี้ช่วยเน้นนวดที่น่อง กับขาให้ป้าหน่อยนะ เมื่อวานเพิ่งไปทำบุญมา เดินเยอะหิ้วของไปทำบุญด้วย เดินไกลอีกต่างหาก เมื่อยขาปวดหลังมากเลย" ป้าลี สาธยายอาการปวดเมื่อยของแกให้ฉันฟัง

    " ได้ค่ะป้า ถ้าจะให้หนูนวดเน้นจุดไหนอีกก็บอกได้อีกนะคะ" แล้วการทำหน้าที่หมอนวดของฉันพร้อมบทสนทนาของเราก็ดำเนินไปอย่างคุ้นเคย

    ป้าลีเล่าเรื่องราวชีวิตของแกให้ฉันฟังว่า สมัยที่ยังสาวอายุ 15 ปี(พ.ศ.2511) พอเรียนหนังสือจบชั้นประถมแล้ว ต้องช่วยพ่อแม่ทำนา ด้วยความที่ไม่อยากเหนื่อยยาก ก็เลยแอบพ่อแม่ไปสมัครงานในเมือง คนจีนเจ้าของร้านขายของชำได้ตกลงจ้างงานสาวลี แต่มีข้อแม้ว่าต้องอยู่ประจำที่ร้าน เพราะต้องรีบเปิดร้านแต่เช้ามืดและปิดตอนค่ำ จึงกลับบ้านมาขออนุญาตพ่อแม่ ด้วยความที่มีพี่น้องหลายคน สาวลีจึงได้รับอนุญาตให้ไปทำงานในเมืองได้

    พอสาวลีทำงานที่นั่นได้สักเดือนกว่า เจ้าของร้านก็รับลูกจ้างชายรูปร่างกำยำ มาเพิ่มอีกคนเพื่อช่วยงานแบกหาม สาวลีเรียกเขาว่า "พี่สิงห์" อายุมากกว่าลี 3 ปี ด้วยความที่ต้องร่วมงานกันทุกวันทำให้ทั้งคู่ สนิทสนมและชอบพอกันอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด ก็ลักลอบได้เสียกัน ผลที่สุดก็ได้ตั้งท้องอ่อนๆ ด้วยความที่กลัวทางบ้านรู้ จึงปรึกษาและวางแผนกับสิงห์ว่าต้องทำแท้ง จึงไปสืบเสาะหาหมอตำแยที่เขารับทำแท้งเถื่อน แล้วไปเช่าห้องราคาถูกๆ ไว้ห้องนึง จากนั้นบอกนายจ้างว่า ขอหยุดงานเพื่อกลับบ้านไปทำธุระด่วน 4-5 วัน จากนั้นก็ได้ไปให้หมอตำแยคนนั้น จัดการเอาเด็กทารกออกอย่างโหดเหี้ยม .. ป้าลีเล่าพลาง น้ำตาก็เอ่อไหลหยดลงที่หมอน แล้วป้าก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วเล่าต่อว่า พอสาวลีพักฟื้นที่ห้องเช่าพอแข็งแรง ก็ถึงเวลากลับไปทำงาน โดยที่นายจ้างไม่รู้เลยว่าสาวลีแอบหลบไปทำแท้งมา .. ป้าลีถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเล่าต่อ ..

    หลังจากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันทำงานเก็บเงิน ไปเช่าห้องเล็กๆอยู่ด้วยกัน แล้วผลที่สุดก็มีเงินมาปลูกบ้านหลังนี้อยู่ด้วยกัน หลายปีผ่านมา เราสองคนอยากมีลูก พอตั้งท้องทีไรป้าก็แท้งทุกที ถึง 3 ครั้ง จนแล้วจนรอดเราก็เลยไม่มีลูกด้วยกันอีก ป้าอยู่กับลุงสิงห์ได้ 10 ปี วันหนึ่งเขาก็เป็นลมเสียชีวิตไปดื้อๆ ป้าลีก็เศร้าเสียใจทำใจอยู่ปีนึง 

    มีเพื่อนรักสมัยเรียนประถม เขาไปมีครอบครัวอยู่ที่ไต้หวัน วันหนึ่งเขากลับมาเยี่ยมบ้าน เห็นป้าลีเศร้าเสียใจ จึงอยากช่วยเพื่อนให้หายเศร้า ก็เลยชวนไปอยู่ทำงานที่ไต้หวัน ป้าลีก็เห็นดีพอดีอยากจะไปจากบ้านเผื่อจะได้ลืมความเศร้าเสียใจจึงตกลงเดินทางไปอยู่ทำงานที่นั่น หลังจากนั้นไม่นานนักก็พบรักใหม่ได้แต่งงานอีกครั้งกับคนไต้หวัน แล้วก็ตั้งท้องมีลูกฝาแฝดเป็นเด็กผู้ชาย 2 คนหน้าตาน่ารัก ชื่อ โชค กับ ชิน 

    แล้วครอบครัวอันอบอุ่นของป้าลีก็ได้กลับมาเมืองไทยอีก 2-3 ครั้ง พอลูกฝาแฝดอายุได้ 3 ขวบ ด้วยความเป็นเด็กชายที่น่ารัก ญาติๆ ที่นี่ต่างก็รักเอ็นดูเป็นห่วงไม่อยากให้เดินทางบ่อย กลัวเกิดอุบัติเหตุทำให้หลานไม่ปลอดภัยในชีวิต จึงให้เรียนหนังสืออยู่ที่เมืองไทยและลุงๆป้าๆ ก็ดูแลให้เป็นอย่างดี ป้าลีจึงอยู่กับสามีที่ไต้หวัน และกลับมาอยู่กับลูกบ้างที่เมืองไทยเป็นครั้งคราว โดยช่วงนั้น ป้าลีมักนอนฝันร้ายเสมอ มักจะฝันถึงวันที่ลุงสิงห์พาไปทำแท้ง แล้วตกใจตื่นขึ้นมาอย่างนี้อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงคิดว่ามันเป็นเวรกรรมที่ตามติดหลอกหลอน ได้คิดหาวิธีที่จะผ่อนหนักเป็นเบาจากวิบากกรรมทุกวิถีทาง ทั้งทำบุญอุทิศส่วนกุศลปล่อยนกปล่อยปลา 

    วันหนึ่งจึงไปเป็นจิตอาสาที่สถานธรรมแห่งหนึ่งในไต้หวัน เพื่อช่วยงานจิตอาสาเป็นแม่ครัวทำอาหารเจ และหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ทำจิตน้อมสำนึกขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ด้วยสำนึกที่เคยได้ทำกรรมหนักคือการทำแท้งนั้นคือการฆ่าคนตายโดยเจตนา นับตั้งแต่นั้นมาความถี่ในการฝันร้ายของป้าลี ก็ลดน้อยเบาบางลงเรื่อยๆ ทำให้ป้าลีรู้สึกสบายใจยิ่งขึ้น และขยันทำงานจิตอาสาเพิ่มขึ้นเพื่อจะได้อุทิศบุญกุศลให้แก่ลูกที่ตายไปในครั้งนั้น

    เมื่อป้าลีกลับได้กลับมาเมืองไทยครั้งใด ก็มักจะเรียกฉันไปบริการนวดให้เสมอ พร้อมตกรางวัลอย่างงามให้ เราแลกเปลี่ยนเรื่องราวประสบการณ์ในชีวิตให้รู้ความเป็นไปของกันและกันเสมอ แต่ส่วนมากจะเป็นฉันที่เป็นนักถามและนักฟังที่ดีมากกว่า จึงรับรู้เรื่องราวชีวิตของป้าลีอย่างละเอียด

    พฤษภาคม 2554

    "พี่เทิด เสียงรถหวอตำรวจมาที่บ้านใคร มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?"

    ฉันเอ่ยถามพี่ผู้ชายเพื่อนบ้าน ที่เพิ่งขี่มอเตอร์ไซค์กลับเข้าบ้านมา หลังจากที่ฉันได้ยินเสียงรถหวอดังสนั่นหวั่นไหวเข้ามาถึงในซอยบ้านเรา .. "อ๋อ! รถตำรวจ กับรถพยาบาล มาตรวจรับศพไอ้ชิน ลูกชายป้าลีฝาแฝดน้องของครูโชค บ้านปากซอย 8 นั่นไง มันแขวนคอตายเมื่อเช้ามืด ทั้งที่แม่มันเพิ่งกลับมาได้ 5 วันเอง น่าสงสารป้าลีร้องไห้แทบเป็นแทบตาย ครูโชคพี่ชายฝาแฝดมันก็ลางาน เพิ่งกลับมาดูศพน้องชายได้สักพักก่อนหน้านี้เอง" พี่เทิดตอบฉัน

    ฉันนึกถึงเมื่อ 3 วันก่อน ที่ได้ไปนวดป้าลีครั้งล่าสุด วันนั้นป้าลีเล่าให้ฉันฟังว่า .. เมื่อคืนป้าฝันว่า ลูกที่ป้าทำแท้งไปเมื่อตอนอายุ 15 น่ะ มากอด พอป้ามองไปอีกที่ลูกคนนั้น ก็กลายเป็นชินลูกฝาแฝดคนปัจจุบัน ชินบอกแม่ว่า แม่จ๋าตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกไม่มีความสุขเลย แม่ไม่รักลูก ลูกไม่อยากอยู่กับแม่แล้ว แล้วชินก็ร้องไห้หายตัววับไป พร้อมๆ กับป้าลีก็ตกใจตื่นขึ้นมา ..

    °ปราณปณี°641209

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น