ชีวิตรักของชญาช์พัชญ์ - นิยาย ชีวิตรักของชญาช์พัชญ์ : Dek-D.com - Writer
×

    ชีวิตรักของชญาช์พัชญ์

    ใครจะคิดว่าการมีชีวิตอยู่มันไม่ง่ายเลยสักนิด

    ผู้เข้าชมรวม

    93

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    18

    ผู้เข้าชมรวม


    93

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  7 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.ย. 67 / 06:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


    ตอนที่ 1

    เด็กน้อยลืมตาดูโลก

    อุแว้ ~~

    เสียงร้องของเด็กน้อยดังขึ้น เด็กหญฺิงที่อายุได้เพียงสองเดือนนอนอยู่บนพื้นที่มีเพียงผ้าอ้อมสีขาวปกคลุมส่งเสียงร้องดังขึ้นเหมือนกับว่าเธอกำลังขอความช่วยเหลือ

    "ว๊าย ตายแล้วแววตานี่"

    "จริงด้วยแม่ แล้วแม่แววตามันไปไหน"

    สองตายายคู่สามีภรรยาเปิดประตูออกมาดูตามเสียงร้องก็เจอเด็กน้อยคุ้นหน้าคุ้นตานอนอยู่ หญิงสูงวัยไม่รอช้ารีบอุ้มเด็กน้อยเข้าอ้อมกอดทันที

    "สงสัยแม่มันไม่เอาแล้วแหละ ญามันโทรมาเมื่อคืนว่าจะเอาแววตามาให้แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเอามาให้เลยวันนี้"

    "แล้วเราจะเอายังไงกันละแม่"

    "ก็คงต้องเลี้ยงมันแหละพ่อ ส่วนที่เราคิดกันว่าจะเปิดร้านขายขนมจีนคงทำไม่ได้แล้วละ"

    "ไม่เป็นไร พ่อจะหาเลี้ยงเองพ่อยังทำไหว"

    สวัสดีทุกคนฉันชื่อว่าแววตา และนั่นคือบทชีวิตของฉันแต่นั่นคือ แค่จุดเริ่มต้นของชีวิตของฉันเท่านั้น ชื่อจริงของฉันมีชื่อว่า วิลาวรรณ์ มีที่มาจาก วิ มาจากชื่อของพ่อ ลา มาจากชื่อของแม่ วรรณ์มาจากนามสกุลของย่า และแน่นอนย่าของฉันก็คือสองตายายที่อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาจากพื้น แล้วเด็กน้อยคนนั้นก็คือฉันเอง ตอนนี้ฉันอายุ 24 ปี ที่ได้ตัดสินใจมาเขียนนิยายเรื่องนี้ไว้เพราะคิดได้แล้วว่าชีวิตของคนเรานี่ไม่มีอะไรแน่นอน หากวันนึงฉันได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วได้กลับมาเกิดใหม่ในช่วงระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันก็ขอโอกาสให้ฉันได้กลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้อีก

    ย้อนกลับไปเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ในปีพ.ศ.2543 หลังจากที่ตากับยายที่มีชื่อว่า ย่าคิดกับ ปู่ประสิทธิ์รับเลี้ยงเด็กน้อยเพศหญิงที่เป็นหลานแท้ ๆ ของย่าคิดนั้นต้องท้าวความก่อนว่า ย่าคิดเคยมีครอบครัวมาก่อนที่จะมาอยู่กินกับปู่ประสิทธิ์และมีลูกชายที่ติดมาถึง 4 คนและแน่นอนว่าเด็กหญิงน้อยคนนี้คือลูกของลูกชายคนใดคนหนึ่งของย่าคิด

    ส่วนปู่ประสิทธิ์นั้นก็เคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้วเช่นกันมีลูก 3 คนแต่ลูกนั้นได้อยู่กับภรรยาคนเก่าทั้งสองจึงได้ตกลงใช้ชีวิตด้วยกันแต่ไม่มีลูกด้วยกันเพราะทั้งสองอายุเยอะกันพอสมควรแล้ว แม้ว่าฐานะของทั้งสองจะไม่ได้ร่ำรวยในตอนนั้นแต่ก้ถือว่าไม่ได้ขัดสนมีภาระหนี้สินอะไร จนกระทั่ง......

    กริ้งงงงงง!!!

    เสียงโทรศัพท์เครื่องใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นมืออวบกร้านหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฎเบอร์แปลกไม่คุ้นตาจึงรีบกดรับสายทันที

    "สมคิด รับสายค่ะไม่ทราบว่าใครโทรมาค่ะ"

    สมคิด คือชื่อเต็ม ๆ ของย่าคิด ส่วนใหญ่คนที่รู้จักก็จะเรียกว่าคิดตลอด เมื่อปลายสายได้ฟังเสียงของคนที่พยายามติดต่อก็รีบแสดงตัวทันที

    "แม่ นี่ญานะ ญาจะโทรมาถามแม่ว่าแม่จะเอาแววตาไว้เลี้ยงดูเองไหม"

    "ทำไมญา เกิดอะไรขึ้น"

    "ถ้าแม่ไม่เอามัน ญาจะขายมันไปให้คนที่เขาอยากมีลูก ญาเลี้ยงมันไม่ไหวแล้ว"

    "ไม่ต้องถ้าญาไม่เอาแม่เลี้ยงเอง ยังไงก็หลานแม่"

    "ได้แม่ แล้วญาจะเอาแววตาไปให้"

    สายตัดไปทันทีเมื่อปลายสายได้คำตอบ แต่ความเครียดกลับมาตกอยู่ที่ย่าคิด การเลี้ยงเด็กคนนึงเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งเวลา อีกอย่างอายุของย่าคิดก็เริ่มเยอะ

    "เป็นอะไรแม่ ใครโทรมา"

    "ญา มันจะเอาแววตามาให้"

    ปู่ประสิทธิ์เห็นสีหน้าที่ดูเป็นกังวลของย่าคิดจะถามไถ่ แต่ก็ไม่แปลกใจที่แววตาจะมาอยู่กับทั้งสองเพราะเมื่อก่อนนั้นแววตาก็อาศัยอยู่ในความดูแลของทั้งปู่และย่าก่อนที่ญาจะขอเอาแววตากลับบ้านของตัวเองไปพักใหญ่แล้วเพิ่งจะติดต่อกลับมา

    แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปได้เร็วขนาดนี้ เพราะเหตุการณ์ยังผ่านไปไม่ถึงวันแววตาก็มาอยู่ที่หน้าประตูบ้านของย่าคิดกับปู่ประสิทธิ์อย่าไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนทั้งสองเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน ที่สำคัญไม่มีวี่แววของญาที่เป็นแม่ของแววตาเลยด้วยซ้ำ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    มาถึงตอนนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วพ่อของแววตาหายไปไหน ท้าวความไปในตอนที่ญากำลังตั้งท้องแววตา เรื่องราวของความรักไม่มีอะไรแน่นอน ในตอนที่รักอะไรก็คงยังดี ชื่นมื่นหวานชื่นฤดี แต่แล้วเมื่อหมดรักอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปจากมีแต่คำหวานก็กลายเป็นคคำหยาบคายบั่นทอนจิตใจกัน หลังจากที่เด็กน้อยที่เกิดจากความรักได้ลืมตาดูโลกได้ไม่นาน พ่อกับแม่ก็แยกทางกัน ทั้งสองพยายามปรับจูนกันเพื่อให้เป็นครอบครัวได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถประกอบแก้วที่แตกขึ้นมาได้

    ในตอนที่ตัดสินใจจะแยกทางกันอย่างมีความรับผิดชอบแต่แล้วเมื่อต่างคนต่างไปเจอโลกใบใหม่ที่คิดว่าดีกว่าโลกที่มีเด็กน้อยที่เป็นภาระคนนี้อยู่จึงผลักเด็กน้อยให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของคนอื่นแทน แล้วจึงต่างไปใช้ชีวิตของตัวเองอย่างอิสระ

    อุแว้ อุแว้~~

    มือหนารีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นทันทีที่ส่งเสียง สายตาสองคู่กำลังจ้องมองเด็กหญิงคนนี้อย่างน่าสงสาร ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมหรือบุญสัมพันธ์จึงทำให้ทั้งสามได้มาอยู่ด้วยกัน แต่ย่าคิดและปู่ประสิทธิ์ก็ตัดใจไม่ลงที่จะให้เด็กน้อยไปอยู่กับใครที่ไหนไม่รู้ไม่ได้

    "ไหน ๆ เราก็ไม่มีลูกกัน งั้นก็เอาแววตาเป็นลูกของเราสองคนเถอะ"

    ปู่ประสิทธิ์เอ่ยถามย่าคิดขึ้น ในเมื่อเรื่องราวมันมาไกลขนาดนี้ก็คงต้องทำหน้าที่พ่อและแม่แทนให้ดีที่สุด ไม่ว่าแววตาโตขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไงแต่ตอนนี้เด็กน้อยยังต้องการใครดูแล

    "หวังว่าตอนแก่เฒ่าไปจะมีคนคอยดูแลเนาะพ่อ"

    ทั้งสองพยักหน้ามองตากัน และหลังจากนั้นชีวิตของสองคนตายายก็เปลี่ยนไปพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ พบเจอกับความเหน็ดเหนื่อย ลำบากมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และจับมือฝ่าฟันกันมาตลอด จนแววตาเริ่มเดินเบาะแบะ ส่งเสียงอ้อแอ้ได้

    รอยยิ้มที่ส่งพร้อมความรักอันบริสุทธิ์ให้เด็กน้อย ส่งผลให้เด็กน้อยคนนี้ได้มีชีวิตที่อบอุ่นและปลอดภัยและเรียกย่าคิดว่า แม่ และเรียกปู่ประสิทธิ์ว่า พ่อ ตลอดมา

    ทำให้ผู้คนรอบข้าง ญาติสนิทมิตรสหายต่างพากันนินทาว่าร้ายว่า เอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงก็เหมือนเอาเหมี่ยงเขามาอม

    "ไปเลี้ยงลูกให้คนอื่นเดี๋ยวพอแววตามันโตพอใช้งานได้เดี๋ยวแม่มันก็มาเอาไป"

    "ไม่มีทาง เพราะตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ญามันก็ไม่ติดต่อมาเลย"

    ปู่ประสิทธิ์โต้ตอบเพื่อนบ้านขี้สงสัยอย่างมั่นใจว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น เขาเลี้ยงแววตามาตั้งแต่เด็กหลงรักเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ไม่มีวันยอมให้แววตาต้องกลับไปอยู่กับญาที่ขึ้นชื่อว่าแม่ ผู้ให้กำเนิดแต่ไม่ใช่ แม่ผู้ให้ความรักแน่นอน

    หลังจากเหตุการณ์นั้นปู่ประสิทธิ์ก็เก็บเรื่องนี้ไปคิดมากและหาวิธีป้องกัน จึงตัดสินใจไปปรึกษาที่อำเภอ เพื่อที่จะขอแววตาเป็นลูกบุญธรรมให้ทั้งสองคนสามีภรรยา

    "มันเป็นไปไม่ได้นะครับ การที่จะรับเด็กคนนึงเป็นลูกบุญธรรมนั้นต้องพร้อมทั้งฐานะ และเงินทอง พวกคุณหาเช้ากินค่ำไม่สามารถดูแลชีวิตเด็กให้อยู่ดีอย่างสุขสบายได้ หรือพูดง่าย ๆ คือทำได้แค่มีชีวิตรอดไปวัน ๆ ได้"

    เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ทั้งย่าคิดและปู่ประสิทธิ์ก็ทำได้แค่ยอมรับความจริงเพราะตั้งแต่เขารับแววตามาดูแล พวกเขาลำบากมากขึ้นจริง ๆ ปู่ประสิทธิ์ต้องทำงานคนเดียวเงินค่าจ้างแค่วันละ 100 บาทแทบจะไม่พอใช้จ่ายในแต่ละวันต้องยอม อดมื้อกินมื้อเพื่อเอาเงินไปซื้อนมให้แววตา

     

    ฝากเป็นกำลังใจให้ ย่าคิด และ ปู่ประสิทธิ์ด้วยนะคะ 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น