[NC Fiction Contest] The Last Night - [NC Fiction Contest] The Last Night นิยาย [NC Fiction Contest] The Last Night : Dek-D.com - Writer

    [NC Fiction Contest] The Last Night

    โดย a1234

    คุณบอกผมได้รึเปล่าครับ ว่าคุณคิดว่าคุณเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่? จากที่ผมเห็น ผมว่า...คุณก็แค่เด็กคนหนึ่ง ที่เล่นละครเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นแหละครับ....

    ผู้เข้าชมรวม

    1,621

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.62K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.พ. 53 / 19:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    National Children's Fiction Contest ; )

    จ๊ะ 


    โดย สาวงาม โพก้าดอทสีม่วง


    อืม...มันไม่ได้ห้ามวาย โพก้าก็ไม่ได้วาย แต่ก็ไม่เชิงไม่วาย -.,-


    จากกระทู้ : NC ล่าสุด : D


    รายละเอียดเรื่องต่างๆ :

    เรื่อง : โตขึ้นหนูอยากจะเป็นอะไรเหรอ writer : แืท้เที่ยงไม่เอียงเอน (Poly1800) - เมื่อ "ความฝัน" และ "วัย" แปรผกผันกัน
    เรื่อง : เงาปริศนา ? writer : UnSpokenWord (LostCause) - เรื่องราวอันน่าขนพองสยองเกล้าในค่ำคื่นของ "หนุ่ม"
    เรื่อง : อีกมุมหนึ่งเล็กๆ writer : pergula (mimimim) - สังคม ชนชั้น และการแบ่งแยก ทำให้เด็กคนหนึ่งไม่ได้รับ "สิ่งที่ผู้อื่นได้รับ"
    เรื่อง : หิ่งห้อยกับพระจันทร์ writer : น้ำโขง - เมื่อ"หิ่งห้อย"ตัวหนึ่งคิดจะแข่งแสงกับ"ดวงจันทร์" แต่มันก็พบว่า...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      คุณบอกผมได้รึเปล่าครับ ว่าคุณคิดว่าคุณเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่?

      จากที่ผมเห็น ผมว่า...คุณก็แค่เด็กคนหนึ่ง ที่เล่นละครเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นแหละครับ

       

                      ภายในห้องที่ปกคลุมด้วยความมืด ผมได้แต่นั่งกุมมืออยู่ในความมืดพลางครุ่นคิดคนเดียวอยู่ในห้องห้องนี้ ในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากนักนอกจากเก้าอี้และโต๊ะทำงาน 1 ตัวกับเอกสารกองพะเนินที่รอให้ผมเซ็นอีกมากมาย

                      ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันหยุดที่รอคอยถูกทำลายไปด้วยกระดาษเอกสารบนโต๊ะกับป้าย ประธานบริษัทที่ค้ำคอผมอยู่ตอนนี้

      ความหวังที่จะได้พักผ่อน

      ความสุขที่จะได้อยู่ท่ามกลางสิ่งที่รัก

      ความฝันในตอนเด็กที่เคยคาดหวังไว้

      ถูกหักทิ้งลงเพียงเพราะคำสั่งของคนที่บ้านซึ่งเป็นคนวางกรอบให้ผม ผมได้แต่วาดและระบายภาพในกรอบเท่านั้น หวังจะมีปาฏิหาริย์ที่จะมีอะไรทำลายกรอบนี้ทิ้ง แต่ก็ไม่มีเลยซักครั้ง...

                      ผมหลับตาลงช้าๆ ฟังเสียงลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดไว้ ผ้าม่านสีดำโบกปลิวสะบัดท่ามกลางความมืด เสียงสิ่งของบางอย่างหล่นตุ้บลงมาบนพื้นห้อง แต่ผมเหนื่อยกว่าจะเปิดเปลือกตาและจ้องไปยังตรงนั้น...

      อะไรบางอย่างสัมผัสมาที่ใบหน้าของผม เป็นสัมผัสที่เย็นยะเยือก แต่ให้ความรู้สึกสบายและปล่อยวางมากกว่าก่อนหน้านี้ ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตาช้าๆ มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และพบว่าเจ้าของสัมผัสนั้นคือ...

      เด็กชายตัวเล็กๆ สวมเสื้อแขนยาวสีขาวทับด้วยชุดสูท กางเกงขาสั้นสีดำ ถุงเท้ายาวสีเทากับรองเท้าหนัง

      ดวงตาสีโกเมนฉายแววความสนุกสนาน

      ริมฝีปากเหยียดยิ้มยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ ผมทรงยุ่งเหยิงสีน้ำตาลกับหมวกทรงสูงใบเล็ก

      มือข้างขวาของเด็กน้อยกำลังยืนมาสัมผัสที่ใบหน้าของผม อีกข้างถือไม้เท้าหัวมนกลม

       ดูปราดเดียวก็รู้ว่าทำจากเนื้อไม้ชั้นดี ที่หัวไม้เท้าฝังเหรียญเป็นตราอะไรซักอย่างที่ผมไม่สามารถระบุได้

                      “สวัสดีครับ” เด็กน้อยยังคงยิ้มแย้มอารมณ์ดี น้ำเสียงสุขุมผิดกับวัยทำให้ร่างเล็กบนโต๊ะดูแปลกตาจากที่เด็กวัยไม่เกินสิบขวบควรจะเป็น

                      “หนู...เป็นใคร” ผมยังคงระมัดระวังตัวเองไว้ ตาเลื่อนมองไปยังที่ประตูที่ยังคงปิดลงกลอนหนาแน่น ถ้าอย่างนั้นเด็กคนนี้คงไม่ได้เข้ามาแบบคนปกติแน่ ไม่ว่าจะทะลุหรือกระโดดมาจากหน้าต่างก็ตาม

                      “ถึงผมบอกไป คุณก็ไม่รู้อยู่ดีแหละครับ” เด็กน้อยยังคงยิ้มกับผม แววตาขี้เล่นกลอกมองไปรอบๆ ห้อง ผมได้แต่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเก้าอี้ทรงสูง เด็กคนนี้เป็นอะไรกันแน่ แล้วเขาต้องการอะไรกับผม...

                      “ไม่ต้องกลัวครับ...ผมชื่อโกเมนยินดีที่ได้รู้จัก” โกเมนเอ่ยเสียงสุขุมต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก ดวงตาสีเดียวกับชื่อของเด็กน้อยจ้องมาที่ผม มือที่จับบนใบหน้าเลื่อนต่ำลงมาที่มือของผม มือเล็กๆ จับมือของผมอย่างอ่อนโยน แม้มือของโกเมนจะเย็นมากก็ตาม

      เฮ้ย! เย็นมาก...สรุปแล้วโกเมนเป็นใครกันแน่ ผีหรือคน?

                      “ผมไม่ใช่ทั้งผีหรือมนุษย์ครับ ผมเป็นวิญญาณ...” โกเมนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าวิญญาณกับผีมันต่างกันตรงไหน! แล้วเด็กตัวแค่นี้ทำไมดูสุขุมกว่าคนอย่างผมตั้งเยอะ!

                      “คุณไม่ควรสังเกตคนจากรูปลักษณ์ฝ่ายเดียวนะครับ...ไม่ว่าร่างกายของผมจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ วิญญาณภายในของผมก็ยังคงเป็นผม เหมือนกับมนุษย์อย่างคุณ แม้ร่างกายจะเติบโต แต่ในจิตวิญญาณของคุณก็แค่เรียนรู้ที่จะทำตามแบบผู้ใหญ่ปกติ มนุษย์ทุกคนเป็นแบบนั้นครับ...บอกตัวเองว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ด้วยการกำหนดอายุ แต่จริงๆ ผู้ใหญ่ในความเข้าใจของผมแล้ว มันคือการเติบโตจากจิตวิญญาณครับ...”

                      “เธอพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” ผมส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจ การเจริญเติบโต? ร่างกาย? จิตวิญญาณ? รวมๆ แล้วมันก็แค่คนคนเดียวกันไม่ใช่หรือไงนะ

                      “จากที่ผมเห็น ผมว่า...คุณก็แค่เด็กคนหนึ่ง ที่เล่นละครเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นแหละครับ คุณไม่ต่างอะไรจากเด็กที่เดินตามเส้นที่คนอื่นขีดไว้ ถ้าคุณเผลอหลุดออกมาจากเส้นนั้น คุณก็ทำอะไรไม่เป็น” โกเมนยังคงพูดเสียงเรียบ ผมก็ยังปรับตัวไม่ถูก มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกว่าควรจะทำยังไง...

                      “เปิดใจรับบ้างสิครับ...ใจคอคุณจะให้ผมพูดตลอดเวลาเลยหรือครับ” โกเมนเอียงศีรษะ สายตาทอดยาวไปยังโซฟาที่วางอยู่กลางห้อง มันเป็นสีเดียวกับผนังห้องจนบางครั้งผมก็ลืมไปว่ามีมันอยู่ด้วย

                      “เอ่อ...นั่งก่อนสิ” ผมผายมือไปทางโซฟา เด็กน้อยกระโดดลงจากโต๊ะพลางเดินก้าวไปโดยมีไม้เท้าขนาดพอดีร่างเล็กและกระโดดนั่งบนโซฟา

                      “ชาหน่อยมั้ย? หรือจะเป็นกาแฟ...” ผมถามโกเมน เขาพยักหน้าเบาๆ

                      “ผมขอโกโก้ร้อนละกันครับ ข้างนอกอากาศหนาวมาก ตัวเย็นไปหมดแล้ว”

      ไม่ใช่ว่าเย็นอยู่แล้วเหรอ...

                      “โอ๊ะ ถ้าเรื่องผิวของผมล่ะก็ อันที่จริงมันก็ไม่เย็นเจี๊ยบนะครับ แต่วันนี้อากาศหนาวมากไปหน่อยมันก็เลยเย็นมากเท่านั้น ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ” โกเมนหัวเราะร่า ผมเดินไปชงโกโก้ร้อน จากโต๊ะริมห้องที่นานๆ ทีจะได้ใช้ บนโต๊ะมีซากซองกาแฟสำเร็จรูปที่ผมใช้เป็นที่พึ่งยามที่อยู่ทำงานดึกๆ

                      ผมยื่นแก้วให้โกเมน มือเล็กๆ รับแก้วไปประคอง ค่อยๆ จิบเบาๆ ผมนั่งลงข้างๆ โกเมน เด็กน้อยยิ้มให้ผมบางๆ มือที่ประคองแก้วค่อยๆ เลื่อนมาจับมือผมไว้อีกครั้ง ส่วนอีกข้างก็ยังคงถือแก้วที่เหลือโกโก้ครึ่งแก้วไว้ ควันร้อนยังออกมาจากแก้ว กลิ่นโกโก้ตลบอบอวนทั่วห้องที่มีแต่กลิ่นกระดาษและหมึก

      ไม่รู้เพราะความร้อนจากแก้วโกโก้ที่ถ่ายทอดมายังมือของโกเมน หรือเพราะความอบอุ่นจากรอยยิ้มของเด็กน้อยทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

                      “หน้าที่ของวิญญาณอย่างผม...คือการทำให้มนุษย์อย่างพวกคุณรู้ถึงหัวใจและจิตใจของตัวเอง อันที่จริงยังมีวิญญาณอีกมากมายที่อยู่ทั่วไปหมด เพียงแต่คุณอาจไม่เห็นหรือคุณอาจยังไม่ใช่คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกผม วิญญาณแต่ละตนจะไปหาใครนั่นก็ไม่สามารถรู้ได้ครับ การที่ผมมาหาคุณ...ก็เหมือนการบังเอิญเจอ และคุณต้องการความช่วยเหลือจากผมไงครับ”

                      “แต่ฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ...แล้วเธอเข้ามาได้ยังไงน่ะ!

                      “มันไม่สำคัญหรอกครับ เพราะทันทีที่ผมสามารถทำให้จิตวิญญาณของคุณเติบโตขึ้น นั่นก็หมายถึงเสร็จหน้าที่ของผมครับ”

                      “แล้วถ้าอะไรนั่นของฉันมันไม่โตขึ้นล่ะ นายจะทำยังไง”

                      “ผมก็ต้องอยู่ต่อจนกว่างานผมจะเสร็จสิครับ! “ โกเมนปล่อยมือที่จับมือผมและประคองแก้วในมืออีกครั้ง ดื่มโกโก้ในแก้ว ผมมองอย่างเอ็นดู เด็กตัวเล็กๆ ที่ทำอะไรอิสรเสรี เด็กตัวเล็กๆ ที่พูดจาฉะฉานมีความมั่นใจโดยที่ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง

      ผมจะเป็นแบบเด็กคนนี้ได้รึเปล่านะ

                      “ฮ้า ขอบคุณสำหรับโกโก้นะครับ อุ่นขึ้นเยอะ” โกเมนยิ้มแยกเขี้ยว ส่งแก้วเปล่าให้ผม ผมวางมันลงกับโต๊ะตัวเล็กข้างๆ หันกลับมามองที่โกเมนอีกครั้ง

                      “ตาเธอสวยดีนะ”

                      “ขอบคุณครับ เพราะงั้นผมถึงได้ชื่อโกเมนไงล่ะ...ว่าแต่คุณล่ะครับ ชื่อของคุณมีที่มายังไง”

      ผมนั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบกลับไป

                      “ฉันจำไม่ได้แล้วล่ะ” ผมส่ายศีรษะ โกเมนเอียงคอเล็กน้อย และยิ้มกลับมา

                      “ผมคิดว่าจำได้...แค่ไม่อยากพูดถึงมันต่างหากครับ เอาล่ะ! วิธีเดียวที่จะให้เด็กอย่างคุณลืมตาขึ้นมามองโลกความเป็นจริงได้ก็มีทางเดียวเท่านั้น...อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยอยากใช้หรอกนะครับ” ผมยังไม่ทันจะได้ถามโกเมนว่าเขาจะทำอะไร โกเมนก็ลงจากโซฟาและยืนบนพื้น คว้าไม้เท้าที่วางไว้ขึ้นมาบิดปลอกไม้เท้าด้านนอกออก เสียงด้ามไม้เท้าหลุดออกจากส่วนหัวเบาๆ เผยให้เห็นด้ามมีดคมกริบที่อยู่ด้านใน แสงสะท้อนจากคมมีดไปยังใบหน้าของโกเมน ดวงตาสีโกเมนจ้องที่ด้ามมีดไม่กะพริบ ผมได้แต่ยืนมองอย่างตกตะลึง

      แม้กาลเวลาไม่อาจเปลี่ยนผัน คืนวันมิอาจย้อนคืน สิ่งอื่นไม่อาจหยุดยั้ง แต่พลังเดียวที่กล้าแกร่งคือจิตใจ...จงตื่นจากการหลับใหล และเติบโตอย่างที่เจ้าควรจะเป็น

                      โกเมนร่ายบทเพลงเบาๆ แม้ไม่มีดนตรีและทำนอง แต่น้ำเสียงสุขุมของโกเมนก็ซึมลึกเข้าไปในจิตใจของผม เสียงจังหวะหัวใจชัดเจนราวกับเข้ามาเป็นทำนองให้กับเสียงร้องของโกเมน รอบๆ ด้านตอนนี้ราวกับหยุดนิ่งไป ผ้าม่านที่ปลิวไสวถูกหยุดไว้ในชั่วขณะหนึ่ง สัมผัสแรงลมที่ผิวกายก็หยุดไป โกเมนยังคงร้องเพลงต่อไปจนบรรยากาศรอบด้านเริ่มเปลี่ยนไป

       

      จากห้องแคบๆ ในตึกสูงกลายเป็นสวนสาธารณะกว้างใหญ่ ท่ามกลางหิมะตกเบาๆ แต่ถึงแม้ผมกับโกเมนจะยืนอยู่บนพื้นหิมะสีขาว แต่กลับไม่มีสัมผัสใดๆ ที่บอกว่าเราอยู่ที่นี่ มันเหมือนเป็นเพียงการดูภาพจากโทรทัศน์เพียงเท่านั้น

                      “ที่นี่ที่ไหน” ผมหันไปถามโกเมน ร่างเล็กขยับหมวกทรงสูงช้าๆ และยิ้มให้ผม

                      “ในความทรงจำของคุณครับ บางทีหัวใจที่เป็นเด็กของคุณอาจปิดมันไว้ เพื่อไม่ให้ความเศร้ากัดกินหัวใจมากไปกว่านี้ก็ได้ครับ”

                      “ฉันจำไม่ได้...”

                      “งั้นเราก็แค่ยืนอยู่ตรงนี้ รอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นดูสิครับ” โกเมนเดินมายืนข้างๆ ผม ผมชะเง้อมองสิ่งที่จะเกิดขึ้น และแล้วก็ต้องตกใจเมื่อสายตาไปสะดุดกับเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งที่กำลังเดินมาทางผม ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่ไม่หยุดไหล ชุดและเสื้อคลุมทำจากเนื้อผ้าชั้นดีบ่งบอกให้รู้ถึงฐานะทางบ้าน...ดูแค่ปราดเดียวผมก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนั้นเป็นผมเอง ความทรงจำในหัวค่อยๆ ย้อนกลับมา สิ่งที่อยากลืมก็กลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

                      “ร้องไห้ทำไมเหรอครับ” โกเมนเดินเข้าไปหาตัวผมตอนเด็ก เด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองโกเมน ใบหน้าบ่งบอกความเสียใจ

                      “ทำไมฉันต้องทำอะไรตามที่ทุกคนบอกด้วย ฉันถูกห้ามทำอะไรตั้งหลายอย่าง” ตัวผมบ่นกระปอดกระแปด โกเมนพยักหน้าช้าๆ

                      “แค่นี้เหรอครับ”

                      “ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเด็กแท้ๆ แต่พ่อกับแม่กลับไม่สนใจและไล่ให้ฉันไปเรียน หลายวันก่อนฉันถามพวกเขาว่าชื่อของฉันมาจากอะไร พวกท่านบอกว่าเป็นแค่ชื่อเรียก ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาก ทั้งๆ ที่เพื่อนคนอื่นไม่ได้เป็นแบบนี้ซักหน่อย” เด็กน้อยร้องไห้โฮ ระเบิดอารมณ์ใส่โกเมน โกเมนได้แต่ทำหน้าเรียบ หันมาพูดกับผมเบาๆ

                      “เห็นรึเปล่าครับ นี่เป็นสิ่งที่คุณอยากจะลืมมากที่สุด...สิ่งที่ทำให้จิตใจของคุณกลัวเกินกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และพยายามเล่นละครปกปิดความเสียใจ คุณเข้าใจรึเปล่าครับ? ผมกำลังบอกคุณว่าตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะเลิกหนีความกลัวและเปิดรับความจริงซะทีนะครับ”

                      “เธอหมายถึงอะไร” ผมส่ายศีรษะและหันหลังให้โกเมน เสียงเท้ากระทบกับพื้นดังมาใกล้ๆ มือเล็กๆ แตะที่มือของผม

                      “การวาดรูปให้สม่ำเสมออยู่ในกรอบ มันลำบากกว่าการวาดรูปนอกกรอบอีกนะครับ ทำไมคุณไม่ลองเดินออกมาจากเส้นที่ถูกขีดไว้ ผมว่ามันจะดีกว่านะครับ” ผมหันไปมองโกเมน เด็กน้อยยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน บรรยากาศรอบๆ ตัวค่อยๆ เลือนรางไป ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ผมกลับมาสู่ห้องเดิมอีกครั้ง ห้องแคบๆ บนตึกสูง ห้องที่มีกลิ่นกระดาษกับหมึก...แต่ตอนนี้ร่างที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมกลับหายไปโดยที่ผมไม่ทันรู้สึกตัว ผมหันมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่มีวี่แววใดๆ หมวกทรงสูงใบเล็กถูกวางอย่างมีระเบียบบนโซฟา ผมเดินเข้าไปถือมันไว้ ภายในหมวกมีกระดาษแผ่นหนึ่งพับเรียบร้อย ลายมือที่เขียนด้วยหมึกสีดำเขียนจ่าหน้าถึงผม

       

      ถึงแม้ผมจะไม่ทราบที่มาของชื่อคุณ แต่คนที่อยู่ในช่วงเวลาอันยาวนานมานานอย่างผมก็ทราบครับ ว่าชื่อของคนเราเป็นแค่ชื่อที่ใช้เรียกเท่านั้น สิ่งสำคัญคือเจ้าของชื่อนั้นจะทำอย่างไรให้แตกต่างจากคนอื่น นั่นหมายถึงความกล้า กล้าที่จะเผชิญเรื่องต่างๆ ไงครับ ถ้าคุณเจ็บปวดที่จะต้องยืนอยู่บนเส้นที่คนอื่นขีดไว้ คุณก็แค่ก้าวออกมา ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเหยียบมันครับ ในโลกนี้อาจมีคนชื่อแบบคุณอีกเป็นร้อยเป็นพัน แต่ผมเชื่อว่าบนโลกนี้ มีคุณคนเดียวที่สามารถทำให้ตัวเองแตกต่างออกไปได้

      ขอให้ละครของคุณจบลงในเร็ววัน

      โกเมน

      ผมพับกระดาษเก็บสอดไว้ที่หมวก วางมันลงบนส่วนหนึ่งของโต๊ะทำงานและลงมือทำงานต่ออีกครั้ง อันที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกับการทำงานนี้ ความจริงผมก็ชอบด้วยซ้ำ แต่ผมคงจะเบื่อที่ถูกบังคับให้ทำโน่นนี่มากกว่า ถึงได้ปฏิเสธ บางครั้งก็ไม่มีอะไรน่ากลัวมากนัก ผมน่าจะลองสนุกกับงานนี้อีกนิดหน่อย

      ผมมองหมวกทรงสูงสำหรับเด็กเป็นระยะ ไม่นานนักเอกสารกองโตก็ถูกจัดเป็นระเบียบอยู่ในแฟ้ม ผมถอนหายใจและเก็บแฟ้มนั้นไว้บนชั้นหนังสือ หันหลังให้กับโต๊ะทำงาน

      มีอะไรบางอย่างสัมผัสมาที่แผ่นหลังของผม...เด็กตัวเล็กๆ กำลังกอดผมอย่างอ่อนโยน โกเมนปล่อยผมให้หันกลับไปมอง เขายิ้มอีกครั้ง

                      “ผมดีใจที่เห็นคุณเติบโตขึ้นนะครับ ทีนี้ผมก็มั่นใจได้แล้วว่าคุณจะเลิกเล่นละครได้ซักที”

                      “ขอบคุณนะ...” ผมส่งยิ้มให้กับโกเมนเป็นครั้งแรก เอามือลูบศีรษะและผมยุ่งเหยิงสีน้ำตาลของเด็กน้อย โกเมนหัวเราะคิกคัก

                      “หมดหน้าที่ของผมแล้วครับ ท่าทางผมจะลืมหมวกนะ แต่ช่างเถอะ ใบนั้นยกให้คุณแล้วกัน บ๊ายบาย” โกเมนโบกมือให้กับผม ทันใดนั้นร่างเล็กก็วิ่งไปยังหน้าต่างและกระโดดหายออกไป

       

      ผมวิ่งตามไปดูที่หน้าต่าง ก้มมองลงไปที่ด้านล่าง ไม่ว่าจะมองไปด้านใดก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กน้อย บรรดารถราข้างล่างวิ่งตัดหน้ากันไปมา แม้จะดึกมากแล้วแต่การจราจรก็ไม่เคยเงียบเหงา ท้องฟ้ามืดครึ้มมองเห็นดวงจันทร์และดวงดาว ผมมองบรรยากาศภายนอกห้องแคบๆ นี้ไปพลาง โดยไม่รู้สึกเลยว่าได้มีใครเปิดประตูที่ปิดแน่นหนาก้าวเข้ามายังด้านหลังผมอย่างเงียบงัน...

       

      พลั่ก!

       

                      ร่างของผมค่อยๆ ตกลงสู่พื้นช้าๆ ยังไม่ทันหันกลับไปมองว่ามีใครเข้ามาที่ด้านหลังผมก็ตกลงมา

      วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเห็นความสำคัญของชีวิต...

      เป็นวันแรกที่อยากทำให้ตัวเองแตกต่าง

      แต่ดูเหมือนว่าคืนนี้ของผมจะจบลงไป...ตลอดกาล

                      “อย่างน้อยตอนนี้ผมก็บอกคุณได้ครับว่าคุณไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว” โกเมนแย้มยิ้มอยู่ข้างๆ ผม ร่างของโกเมนก็ค่อยๆ ตกลงมาพร้อมกับผมเช่นกัน

                      “ไม่ต้องกลัวนะครับ คุณก็แค่หลับไป...แล้วพอคุณตื่นขึ้นมา ผมก็อยู่ข้างๆ คุณ” ร่างเล็กของโกเมนค่อยๆ หายไป เปล่า...เขาไม่ได้หาย เขากลืนกินและสลายไปกับหมอก แต่ผมรู้ว่าเขายังอยู่ข้างๆ ผม ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นของเด็กน้อยคนนี้ได้

      ผมค่อยๆ หลับตา นึกย้อนไปถึงอดีต ผมยิ้มให้กับค่ำคืนที่แสนยาวนานนี้ มันเป็นคืนที่ดีที่สุดแล้วล่ะในชีวิตผม...

       

      อา...ทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกว่าตึกนี้สูงจังเลยนะ

       

       

       

       

       

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×