นี่ฉันต้องมีทั้งภรรยาและสามีเลยยังงั้นหรอ?!? - นิยาย นี่ฉันต้องมีทั้งภรรยาและสามีเลยยังงั้นหรอ?!? : Dek-D.com - Writer
×

    นี่ฉันต้องมีทั้งภรรยาและสามีเลยยังงั้นหรอ?!?

    เรื่องราวในดินแดนโลกเวทมนต์ของชายหนุ่มที่มีชื่อว่าฮายาโตะ ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายของตระกูลชื่อดัง เขาถูกพ่อแม่บังคับให้หาคู่หมั้นซึ่งไม่ใช่หาแค่ภรรยาเท่านั้นแต่ยังต้องหาสามีด้วยเพราะอะไรถึงเกิดแบบนั้นกันนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    157

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    128

    ผู้เข้าชมรวม


    157

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    9
    จำนวนตอน :  26 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  25 พ.ย. 67 / 21:55 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       ฤดูใบไม้ผลิอันสดใสปกคลุมท้องฟ้าด้วยสีฟ้าครามอันกว้างใหญ่ อากาศที่อบอุ่นทำให้กลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจายไปทั่ว ช่วงเวลานี้เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจอย่างที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสวนของคฤหาสน์ตระกูลมาซากิ ที่เต็มไปด้วยต้นซากุระที่กำลังเบ่งบาน ดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งราวกับมีการเฉลิมฉลองชีวิต แต่ทว่า บรรยากาศที่แท้จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย

       ภายในคฤหาสน์ เสียงทะเลาะเบาะแว้งระหว่าง ฮายาโตะ และ พ่อแม่ของเขาดังก้องอยู่ในห้องโถง ก้องกังวานดั่งเสียงฟ้าผ่าที่ไม่หยุดยั้ง แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยความงดงามและรื่นรมย์ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอึดอัด เมื่อเสียงของคำพูดที่แหลมคมพุ่งเข้ามาตัดผ่านอากาศ คำพูดเหล่านั้นไม่เพียงแต่ทำลายบรรยากาศอันสดใสเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในใจของ ฮายาโตะ

       ฮายาโตะ ยืนอยู่กลางห้อง จ้องมองพ่อแม่ของเขาที่แสดงท่าทีกังวลและโกรธเคือง ใบหน้าของเขาสะท้อนถึงความสับสนและไม่สบายใจ คำพูดของพวกเขาเข้ามากัดกินจิตใจเขา ในขณะที่นอกหน้าต่าง ดอกซากุระเริ่มโปรยปรายลงมาเป็นเกล็ดสีชมพู เสมือนดอกไม้กำลังร้องไห้ร่วมกับความรู้สึกของเขา

       “ทำไมถึงไม่เข้าใจ? ผมแค่ต้องการเลือกเส้นทางของตัวเอง!” 

       ฮายาโตะ กล่าวเสียงดัง ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของพ่อแม่ที่ยังคงถกเถียงกันอย่างดุดัน เขารู้สึกเหมือนเป็นเครื่องจักรที่ถูกควบคุมในชีวิตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

       แสงแดดส่องสว่างเข้ามาในห้อง แต่กลับไม่สามารถทำให้ความมืดมนในใจของฮายาโตะเบาบางลงได้ ในช่วงเวลานี้ แม้ฤดูใบไม้ผลิจะพาเอาความสดใสและความหวังมาด้วย แต่สำหรับเขา มันกลับเป็นการรอคอยที่จะค้นพบเส้นทางของตนเองในโลกที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความคาดหวัง

       แล้วเสียงทะเลาะกันก็ยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ ฮายาโตะ ยืนอยู่ในความรู้สึกที่โดดเดี่ยว ท่ามกลางความสงบที่ไม่เคยมีอยู่จริง

       เสียงทะเลาะเบาะแว้งในห้องนั้นไม่เพียงแต่สร้างความตึงเครียดให้กับ ฮายาโตะ แต่ยังส่งผลต่อเหล่าพ่อบ้านและแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วย ความกังวลใจลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ขณะที่พ่อบ้านก้าวไปข้างหน้า เขากระซิบกับแม่บ้านด้วยเสียงเบาๆ ว่า 

       “คุณชายทำไมถึงมีปัญหากับท่านพ่อและท่านแม่อีกแล้วนะ? เหตุใดจึงเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้?”

       “ฉันก็ไม่แน่ใจ” 

       แม่บ้านตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือ 

       “แต่เราควรจะเข้าไปหรือเปล่า?”

       ทันใดนั้น พ่อของฮายาโตะก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง 

       “ฮายาโตะ แกต้องแต่งงาน จะมีสามีหรือภรรยาก็ได้!”

       คำพูดนี้ทำให้เราพ่อบ้านและแม่บ้านชะงักไปทันที ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ สิ่งที่ได้ยินนั้นทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าฉับพลัน 

       “นายท่านยินยอมให้คุณชายมีสามีได้ด้วยหรอ?” 

       พ่อบ้านถามออกมาโดยไม่รู้ตัว

       ในขณะที่สังคมในยุคนี้การที่บุตรชายจะมีภรรยาเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่การให้ลูกชายของตนมีสามีกลับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง และในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความสับสน เสียงของพ่อของฮายาโตะยังคงดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา

       “แกก็รู้ตัวดีว่าแกสามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิง” 

       พ่อของฮายาโตะกล่าวต่อไป 

       “ถ้าแกต้องการ..ไม่สิ..ถ้าจะพูดให้ถูก...แกต้องมีทั้งสามีและภรรยาพร้อมกันไปเลย!”

       ความรู้สึกวุ่นวายเกาะกุมเราพ่อบ้านและแม่บ้าน พวกเขาต่างคิดในใจว่าความคิดนี้มันบ้าหรือเปล่า? ในขณะที่ ฮายาโตะ เองกลับรู้สึกหงุดหงิดและสับสนเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น 

       “ผมรู้ แต่ทำไมต้องให้ผมต้องมีสามีด้วย? แค่ภรรยาคนเดียวก็พอ!” 

       เขาเถียงเสียงดังขึ้น

       “ฮายาโตะ!” 

       แม่ของเขาเรียกชื่อเขา 

       “เรามีเรื่องสำคัญจะต้องบอกลูก”

       เสียงนี้ทำให้ ฮายาโตะ เงียบลง เขาเฝ้ามองพ่อแม่ของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ความลับที่พวกเขาอ้างถึงนั้นมันคืออะไรกันแน่? ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลว่าความลับนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเขาอย่างไร

       “มันเกี่ยวข้องกับพลังของลูก” 

       พ่อของเขาพูดต่อ 

       “เราไม่ได้ตั้งใจจะบังคับแก แต่ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง”

       ในขณะที่อากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกอบอ้าว ความตึงเครียดในห้องก็ดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ ฮายาโตะรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในไม่ช้า และเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ซ่อนอยู่ภายในครอบครัวของเขา

       พ่อแม่ของฮายาโตะมองหน้ากันอย่างหนักแน่นก่อนที่จะเริ่มพูดต่อไป 

       “ฮายาโตะ ลูกก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าลูกมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่ในตัวพอสมควร พลังนี้เป็นสิ่งที่ตกทอดในตระกูลของเรา แม้จะเป็นคนในตระกูลเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้พลังนี้ได้ทุกคน”

       ฮายาโตะ นั่งฟังด้วยความตึงเครียด สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม 

      “เพราะผมเป็นคนเดียวที่สามารถใช้พลังนี้ได้ในรอบ 30 ปี?”

       “ใช่ แกคือผู้ที่ได้รับเลือก” 

       พ่อของเขาอธิบาย 

       “พลังนี้แลกมาด้วยความเปลี่ยนแปลงของเพศสภาพ กล่าวคือ เมื่อผู้ชายใช้พลัง เขาจะกลายเป็นผู้หญิง และในทางกลับกัน ผู้หญิงจะกลายเป็นผู้ชายเมื่อใช้พลัง”

       ฮายาโตะ ไม่ได้รู้สึกสะดุ้งเมื่อได้ยิน เขาเข้าใจดีถึงความเสี่ยงที่เขาต้องเผชิญ แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่พ่อแม่ของเขายังไม่ได้พูด 

       “แต่มีสิ่งหนึ่งที่ลูกยังไม่รู้...” 

       แม่ของเขาพูดอย่างช้า ๆ ก่อนจะหยุดไปเพื่อสร้างความตึงเครียดในอากาศ

       “สิ่งนั้นคืออะไร?” 

       ฮายาโตะ ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ

       “มันคือคำสาปที่ผูกพันกับพลังนี้” 

       พ่อของเขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ 

       “เมื่ออายุครบ 25 ปี ผู้ใช้พลังนี้จะต้องแต่งงานกับทั้งสองเพศ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ แกจะต้องมีทั้งสามีและภรรยา”

       ความเงียบเข้าครอบงำห้อง ขณะที่คำพูดนี้ทำให้ ฮายาโตะ รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา 

       “ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ฉันต้องมีสามีและภรรยาเหรอ?” 

       น้ำเสียงของเขาสั่นไหวด้วยความสับสนและความเครียด

       “ใช่” 

       แม่ของเขาตอบ 

       “และไม่เพียงแค่ต้องมีสามีและภรรยาเท่านั้น แต่ผลของคำสาปต้องทำให้ภรรยาของตนตั้งท้อง และลูกก็ต้องตั้งท้องกับสามีของลูกด้วย”

       “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ทำไมต้องเป็นฉัน?” 

       ฮายาโตะ ถามด้วยน้ำตาเริ่มจะไหล ความกดดันจากความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับมันมากเกินไปสำหรับเขา เขารู้สึกว่าความเป็นตัวเองของเขากำลังจะหายไป

       “มันคือคำสาปที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา” 

       พ่อของเขาอธิบาย 

       “ถ้าแกไม่ทำตาม แกจะต้องเผชิญกับผลร้ายแรงที่อาจถึงแก่ความตาย”

       เสียงนี้ทำให้ ฮายาโตะ รู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามตั้งสติและคิดถึงอนาคตของตน 

       “ฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้... ฉันไม่ต้องการที่จะต้องเลือกทางนี้”

        ความวิตกกังวลทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตของตัวเองได้

       พ่อแม่ของเขามองเขาด้วยความเห็นใจ 

       “เรารู้ว่านี่เป็นเรื่องยากสำหรับแก แต่เราจะอยู่ข้างแกเสมอ แม้ว่าเส้นทางที่แกต้องเดินจะเต็มไปด้วยอุปสรรค”

       ฮายาโตะ เงียบไป ขณะที่น้ำตาของเขาเริ่มหลั่งออกมา เขารู้ว่าชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไป และเขาไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายนี้

       เมื่อพ่อแม่ของฮายาโตะเห็นว่าเขามีอาการเครียดมาก พวกเขาจึงมองหน้ากันด้วยความห่วงใย 

       “ฮายาโตะ” 

       แม่ของเขาเอ่ยขึ้น 

       “ไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ เราไม่อยากให้ความเครียดนี้ส่งผลกระทบกับสุขภาพของลูก”

       “แต่ว่า...” 

       ฮายาโตะ รู้สึกมีหลายสิ่งที่ยังต้องพูด ต้องคิด เขาไม่อยากให้ปัญหานี้ถูกละเลย

       “เรารู้ว่าแกยังมีเวลาอีก 5 ปีในการเตรียมตัว” 

       พ่อของเขาพูด 

       “แต่เราอยากให้รู้เรื่องนี้ก่อน เพื่อที่แกจะได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”

       “เราอยู่ข้างลูกเสมอ” 

       แม่ของเขาเสริม 

       “แต่ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะนะ ความคิดมากจะทำให้ลูกล้า”

       ในที่สุด ฮายาโตะ พยักหน้า เขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาห่วงใยเขาจริงๆ จึงตัดสินใจเดินออกจากห้องไป สายตาของเขาจดจ่อไปที่พื้นขณะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง จิตใจเต็มไปด้วยความกังวลและคำถามที่ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้

       เมื่อถึงห้อง ฮายาโตะ ปิดประตูและนั่งลงบนเตียง ความเงียบเข้ามาแทนที่เสียงวุ่นวายในห้องเมื่อครู่นี้ เขาเอนตัวพิงหัวเตียงและหลับตาลง พยายามดึงตัวเองออกจากความคิดที่รุมเร้า

       ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กลอยเข้ามาในหัวของเขา ความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนกำลังเรียกหาทางออกในใจของเขา เขานั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ขณะที่จิตใจของเขายังคงต่อสู้กับความกังวลที่ซับซ้อน เขารู้ว่าพ่อแม่เขาไม่ได้หลอกเขาแน่นอน เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวัยเด็กกับเขาหลายๆเรื่องทำให้รู้ว่าสิ่งแปลกๆมักเกิดขึ้นอยู่รอบเขาเสมอ

       “ทำไมฉันถึงต้องเผชิญกับเรื่องนี้?” 

       ฮายาโตะ ถามตัวเองในใจ เสียงของพ่อแม่ที่บอกให้เขาพักผ่อนกลับไปก้องอยู่ในหัว เขาต้องหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองเข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด

       เขาลืมตาขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังเริ่มลับขอบฟ้า อากาศเย็นสบายทำให้เขารู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ความกังวลยังคงวนเวียนอยู่ในใจ

       “ฉันต้องทำยังไงดี?” 

       เขาถามตัวเองอีกครั้ง


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น