ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แย่แล้ว .. เผลอหลงรักคุณดาวเสาร์ (Yuri) - End

    ลำดับตอนที่ #8 : เพื่อนใหม่ของหมอ | Re-write

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 62





    สาคูไส้หมูส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วบริเวณบ้าน พรุ่งนี้เป็นวันพระใหญ่ ยายชอบทำสาคูไส้หมูไปถวายพระ ฝีมือยายเทียบเท่าระดับชาววังได้เลยทีเดียว 
    ฉันลงมานั่งช่วยยายปั้นไส้สาคูอยู่ตรงตั่งไม้หน้าบ้าน บ่ายคล้อยแล้วพี่หมอก็ยังไม่ออกมาจากบ้าน ฉันนั่งปั้นไปก็ชะเง้อมองไปทางบ้านพี่หมอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่การปรากฏตัวของพี่หมอเริ่มมีอิทธิพลกับฉัน  

    ชะเง้ออยู่ได้ไม่นาน ร่างสูงคุ้นตาก็เดินออกมาจากบ้าน กำลังเดินขึ้นมาตามทางชัน ฉันเห็นแล้วก็รีบก้มหน้ามองไส้สาคูในชามใบโต ไม่รู้ทำไมต้องดีใจด้วยที่เห็นหมอ แถมตอนนี้ฉันก็หุบยิ้มไม่ได้ด้วย 
    หมอใส่กางเกงขาสั้นสบายๆ กับเสื้อยืดตัวใหญ่สีเขียวเข้ม หมอเป็นคนไม่ชอบใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด แถมเป็นสีพื้นไม่มีลวดลายเสียส่วนใหญ่ 
    ฉันรู้สึกได้ว่าหมอกำลังเดินใกล้ถึงแล้ว เลยเผลอเงยหน้าขึ้นไปมอง สบเข้าพอดีกับสายตาของหมอที่กำลังมองฉันอยู่ เจ้าตัวยิ้มกว้างส่งให้ ส่วนฉันก็ยิ้มตอบกลับไป รีบขยับตัวกับชามสาคูออก เพื่อให้หมอมีพื้นที่ได้นั่ง
    “ทำอะไรกันอยู่คะ หอมจัง” 
    เสียงทุ้มของหมอถามขึ้น ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างฉัน 
    “ทำสาคูลูก กินเป็นไหม”
    “ของโปรดของปั้นเลยค่ะ” 
    เข้าใจอ้อนคนแก่นี่หว่า ฉันเผลอแอบเบะปากอีกแล้ว ไม่รู้หมอสังเกตเห็นไหม 

    “ทำไมทำเยอะจังล่ะคะ” 
    “พรุ่งนี้วันพระใหญ่ค่ะ ยายจะทำไปถวายพระ” 
    ฉันตอบแทนยาย พี่หมอพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะก้มลงสูดกลิ่นหอมในชามไส้สาคูที่วางอยู่ตรงตักฉัน 

    “หอมจัง .. น้องเอยทำเองเหรอ”
    ฉันกำลังจะอ้าปากโม้ความเก่งกาจของตัวเอง แต่ดันลืมไปว่ายายนั่งอยู่ตรงนี้ ความจริงที่เกินจริงไปหน่อยเลยออกมาจากปากยายจนหมด  

    “โอ้ย รายนี้ทำอะไรเป็นกัน ให้มาช่วยปั้นไส้แค่นั้นล่ะ”
    “แต่หนูก็ปั้นสวยปะล่ะ” 
    “รอบหน้ามาช่วยทำไส้เลยนะ หัดทำไว้บ้างเป็นผู้หญิง” 
    แล้วยายก็ลากยาวไปจนถึงตอนที่ฉันอาจต้องออกเรือน แล้วไม่สามารถทำอะไรให้สามีทานได้เลย ก็คือไปไกลเกินไปมาก อันดับแรก ฉันคงต้องหาสามีที่ไม่ชอบกินสาคูไส้หมูก่อนสินะ .. แต่เมื่อกี๊พี่หมอบอกว่า เป็นของโปรดของพี่หมอเหรอ 
    หรือว่าฉันควรจะหัดทำดี 

    ยายยังบ่นอะไรต่อไม่รู้ตอนที่เดินกลับเข้าครัวไปเอาไส้มาปั้นเพิ่ม ตอนแรกฉันจะเดินไปเอาให้แต่ยายเห็นฉันเดินโขยกเขยกแล้วรำคาญ เลยสั่งให้ฉันนั่งรออยู่เฉยๆ ที่จริงแล้วข้อนี้ฉันเถียงยายกลับได้นะ ยายเดินโขยกเขยกกว่าฉันอีก แต่เดี๋ยวยายไม่จบ 
    “เมื่อคืนหลับสบายไหม”
    เสียงทุ้มของพี่หมอถามขึ้น เจ้าตัวล้างมือในขันน้ำที่วางเตรียมไว้ ก่อนจะหยิบไส้ในชามขึ้นปั้นเป็นก้อนกลมๆ 

    “อื้ม”
    “เหมือนกันเลย” พี่หมอคลี่ยิ้มบางออกมา ท่าทางดูชอบใจกับคำตอบของฉัน
    “นึกว่าวันนี้จะไม่ออกมาจากบ้านแล้ว”
    “มองหาพี่ด้วยเหรอ”
    “เปล๊า ยายถามหาหรอก” 
    พี่หมอหันมองหน้าฉันแล้วก็อมยิ้มเหมือนรู้ทัน
    “จะพยายามเชื่อแล้วกัน” 
    “น้องเอย ปั้นอะไรก้อนใหญ่ขนาดนั้น พระจะฉันเข้าไปยังไงหมดทั้งคำหะ” 
    ยายเดินออกมาพอดีพร้อมไส้สาคูในชามที่เอามาเติม ทันได้เห็นก้อนสาคูในมือที่ฉันปั้นเพลินไปหน่อย เพราะหมอชวนคุยนั่นแหละ ฉันเลยเสียสมาธิ ปั้นเสียก้อนเบ้อเร่อ ส่วนคนข้างตัวได้ยินฉันโดนดุก็เอาแต่ยิ้มชอบใจ 

    “วันนี้มีลูกมือหลายคนเลยนะครับ”
    ลุงนะขับรถกลับมาจากในเมืองพอดี หลังรถอัดแน่นไปด้วยต้นทิวลิปที่กำลังออกดอกช่อเล็กช่อน้อย แม่ให้ลุงนะไปเหมามาจากในเมืองตั้งแต่ยังเป็นต้นอ่อน ก่อนจะเอามาลงดินแล้วปลูกไว้รอบรีสอร์ท 
    “เดี๋ยวปั้นช่วยค่ะ”
    คุณหมอแสนใจดี ล้างมือตัวเองในขันน้ำ ก่อนจะเดินไปทางรถกระบะที่จอดอยู่ ดึงแขนเสื้อถลกขึ้นสูง ก่อนจะกระโดดอย่างคล่องแคล่วขึ้นไปหลังรถ ลำเลียงต้นไม้ส่งให้ลุงนะที่รออยู่ด้านล่าง 
    ไม่น่าเชื่อว่าการมีหมอมาอยู่ด้วยอีกคนในบ้าน จะเปลี่ยนบรรยากาศที่นี่ให้น่าอยู่ขึ้นได้ ก่อนปิดเทอมสองอาทิตย์ ฉันยังโอดครวญกับป้าอยู่เลยว่าไม่อยากกลับบ้าน หาข้ออ้างสารพัดตั้งแต่ขอไปเรียนพิเศษ ไปเข้าค่าย สารพัดเหตุผลงัดมาใช้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล 
    แค่เห็นหมออยู่ตรงหน้า ทำนั่นทำนี่ช่วยคนอื่น ฉันก็ยิ้มได้แล้ว ยิ้มเพราะได้เห็นรอยยิ้มของหมอ 
    คนบางคนเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตา คนบางคนไม่สมควรถูกทำให้เสียใจ แล้วหมอก็คือคนนั้น 

    พี่หมอไม่ย้อนกลับมาหาสาคูอีกต่อไปแล้ว เจ้าตัวนั่งเก้าอี้ตัวจิ๋วท่ามกลางทิวลิปรอบตัว กำลังช่วยลุงนะเอาต้นไม้ลงกระถางปลูก เสียงหวานทุ้มก็ชวนลุงนะคุยเรื่องต้นไม้ไปเรื่อย 
    อยากให้เป็นแบบนี้ทุกวันเลย 


    ไส้สาคูหมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือเอาไปห่อแป้งก่อนจะนำไปนึ่ง ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องทำกันหลังบ้านที่มีเตานึ่งอันใหญ่วางตั้งอยู่ ยายให้ฉันนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ต้องตามเข้าไป ไม่ใช่ว่ายายอยากให้ฉันสบายหรอก แต่เพราะฉันเคยห่อแป้งแล้วไส้เละทะลักออกมาเปื้อนทั้งเตา ภารกิจสาคูของฉันเลยจบลงแค่นั้น 
    คงคิดว่าฉันได้นั่งเฉยๆใช่ไหมล่ะ คิดผิดแล้ว คุณนายนิ่มไม่ปล่อยให้ฉันได้ทำแบบนั้นหรอก ตอนนี้ฉันได้งานพับดอกบัวมาทำเพิ่มแล้ว 
    เดาว่าหมอไม่น่าทำเป็นหรอก หมอน่ะ เหมาะกับทำสวนแบบนั้นแหละถูกแล้ว 
    ฉันเผลอหัวเราะกับจินตนาการของตัวเอง ไม่รู้ว่าดังเกินไปไหม แต่หมอดันเงยหน้าขึ้นมาพอดี แถมยังลุกขึ้นเดินมาทางฉันด้วย เอาแล้วไง ..
    “น้องเอยตักน้ำให้พี่กินหน่อยสิ”
    “ก็ตักเองสิ หนูพับดอกบัวอยู่”
    “มือพี่เลอะ ตักน้ำได้ยังไง ตักให้หน่อยไม่ได้เหรอ”
    ฉันมองเลยไปที่มือหมอ สองมือเลอะเปรอะดินไปหมด เห็นแบบนั้นฉันเลยยอมใจดีวางมือจากดอกบัว เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำใบเล็กจ้วงลงไปในกระติกน้ำ ก่อนจะยื่นแก้วให้หมอ
    “ป้อนด้วยสิน้องเอย”
    ฉันอ้าปากค้างทันที ตั้งท่าจะโวยวาย ดูเหมือนหมอจะรู้ทันถึงได้พูดดักคอฉันไว้ก่อน

    “พี่ถือไม่ได้ ขืนถือไปแก้วก็เลอะหมดสิ” 
    หมอมีเหตุผลอีกแล้ว ฉันเกลียดเหตุผลของหมอเหลือเกิน เหตุผลที่ฉันต้องคอยยอมรับอยู่เรื่อย 

    ฉันส่งแก้วยื่นไปใกล้หน้าหมอ เจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือดีด้วยการขยับตัวก้มลงมาใกล้ หมอกำลังกินน้ำในแก้วที่ฉันถือให้ ซัดไปจนเกือบหมดแก้วก่อนเจ้าตัวจะกลับมายืนตัวตรงตามปกติ 
    “ชื่นใจจัง”
    “เวอร์ ก็น้ำเย็นปกติไหม”
    “ไม่ปกติสิ น้องเอยป้อนให้เชียวนะ มันต้องชื่นใจกว่าน้ำแก้วอื่นอยู่แล้ว”
    หมอ หมอพูดอะไรออกมา เอาอีกแล้วนะหมอ 
    เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาแบบนี้อีกแล้ว เมื่อไหร่หมอจะเลิกทำแบบนี้สักที ถ้าหมอเป็นผู้ชาย สิ่งที่หมอทำอยู่เขาเรียกว่า ทอดสะพาน หรือภาษาง่ายๆก็คือ อ่อย 
    หมอกำลังอ่อยฉันอยู่นะ 

    “น้องเอยแพ้ดอกบัวเหรอ ทำไมหน้าแดง”
    “ตลกและหมอ” 
    พี่หมอหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งฉัน แต่หมอขำได้ไม่นานหรอก คอยดูทีของฉันบ้าง

    “อยากชื่นใจกว่านี้ปะ”
    “ทำยังไงเหรอ .. เห้ย” 
    ฉันตักน้ำเย็นในกระติกสาดใส่หมอจนเจ้าตัวกระโดดถอยหนีแทบไม่ทัน ถือเป็นการเอาคืนที่หมอมาบังอาจทำให้ฉันหวั่นไหว เจ้าตัวยืนกระพือเสื้อของตัวเอง ก่อนจะอมยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา พลางชี้มาทางฉันประหนึ่งว่าฝากไว้ก่อน ส่วนฉันที่ได้แกล้งหมอก็หัวเราะลั่น ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ 

          “น้องเอย สาดน้ำใส่พี่เขาแบบนั้นได้ยังไง” 
    พระเจ้า ใครปล่อยคิวยายออกมาตอนนี้  

    ฉันทำหน้าแหยหันกลับไปหาเจ้าของเสียง ไม่รู้ว่าเดินออกมาตั้งแต่ตอนไหน ยายท้าวสะเอวเดินจ้ำตรงมาหาฉัน ชี้นิ้วใส่ฉันยิกยิก ตามด้วยประโยครัวเร็วที่เล่นเอาสำนึกผิดกันไม่ทัน
    “เล่นอะไรไม่รู้จักดู เกิดพี่เขาป่วยขึ้นมาจะทำยังไง” 
    “ป่วยอะไรยาย โดนน้ำแค่นี้เอง”
    “ยังจะเถียงอีก ดูซิหมอเปียกไปหมดแล้ว”
    “ไม่เป็นไรค่ะ อย่าว่าน้องเอยเลย ปล่อยทิ้งไว้สักสามสี่ชั่วโมงก็น่าจะแห้งแล้ว”
    หมอ หมอบ้า สามสี่ชั่วโมงบ้าอะไร ลมแรงขนาดนี้ไม่ถึงชั่วโมงก็แห้งแล้วไหม หมอตั้งใจพูดให้ตัวเองดูน่าสงสารล่ะสิไม่ว่า ฉันรู้ทันหมอหรอก 
    “โอ้โห ชั่วโมงเดียวก็แห้งแล้วปะ”
    “เถียงยายไม่พอ ยังไปเถียงหมออีก ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
    ฉันส่งค้อนอันโตไปให้หมอพร้อมกับสายตาเคียดแค้น ส่วนหมอก็ยืนยิ้มกว้างลูกเดียว เดินกลับไปนั่งทำต้นไม้ต่อแล้ว เหมือนได้ยินเสียงผิวปากลอยมาตามลมด้วย ส่วนฉันก็นั่งฟังยายบ่นอีกเป็นโขยง 
    เมื่อไหร่ทุกคนจะดูออกว่าหมอไม่ได้ใสซื่อเหมือนอย่างที่เห็น ฉันกลายเป็นผู้ร้ายอยู่เรื่อยเลย 




    เราสงบศึกกันไปพักใหญ่ ต่างคนต่างทำงานของตัวเองไปเรื่อย จนกระทั่งมีรถมอเตอร์ไซค์สีชมพูขี่เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน พี่หมอที่นั่งอยู่แถวนั้นพอดี เห็นว่าเป็นใครที่มา เจ้าตัวร้องตะโกนทัก ก่อนจะผละจากกองทิวลิปเดินมาหาสาวเจ้าของมอเตอร์ไซค์สีหวาน 
    “มาได้ยังไงแพรว”
    “แพรวจำได้ว่าพี่ปั้นบอกว่าพักอยู่ที่นี่ ก็เลยแวะมาหาค่ะ”
    เสียงหวานละมุนตอบกลับพี่หมอ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนในหมู่บ้าน หน้าตาจิ้มลิ้ม ผมบ๊อบทรงสั้นสีน้ำตาลอ่อนให้อารมณ์เหมือนสาวญี่ปุ่น ตัวก็เล็กนิดเดียว ฉันน่าจะสูงกว่าด้วยซ้ำไป ยิ้มก็หวาน ดูท่าจะเป็นคนอัธยาศัยดี
    ทำไมถึงรู้จักหมอได้ล่ะ หมอรู้จักคนอื่นนอกจากฉันด้วยเหรอ

    “ทำอะไรอยู่เหรอคะ แพรวมากวนไหม”
    “อ๋อไม่เลย ช่วยลุงเขาทำต้นไม้น่ะ แพรวมาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า”
    พี่หมอยืนสะบัดมือไล่ดินที่เกาะอยู่ออก พูดพลางส่งยิ้มกว้างให้ผู้หญิงตรงหน้า แบบเดียวกับที่ยิ้มให้ฉัน แปลว่าหมอก็ยิ้มแบบนี้กับทุกคนสินะ ฉันก้มหน้าพับดอกบัวในมือต่อ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหน่วงๆขึ้นมา ไม่ค่อยอยากเห็นภาพตรงหน้าเท่าไหร่ 

    “แพรวจะชวนพี่ปั้นไปกินหมูกระทะค่ะ แพรวว่าพี่ปั้นยังไม่เคยไปกินหรอก .. เด็ดมากแพรวบอกเลย”
    “จริงเหรอ”
    “อื้ม ไปนะ อยู่ตรงสะพานนี่เอง” 
    ฉันเผลอเงยหน้าขึ้นดู ในใจนึกอยากให้พี่หมอปฏิเสธ พี่หมอยืนนิ่งไปสักพัก ก่อนเจ้าตัวจะช้อนสายตาขึ้นมาเจอฉันที่เผลอมองอยู่พอดี ฉันทำเป็นก้มหน้าตั้งใจพับดอกบัวในมือ หากแต่กลับรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ 
    “น้องเอย ไปด้วยกันไหม ..”
    พี่หมอนึกถึงฉันด้วย ฉันหลุดยิ้มออกมาแต่แค่แวบเดียวที่รู้สึกตัว ฉันก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ ดูเหมือนจะไม่รอดพ้นสายตาพี่หมอ 

    “ใครเหรอคะ”
    “น้องพยาบาลที่ทำงานอยู่ด้วยกัน” 
    ว่าแล้วเชียว ว่าต้องเป็นใครสักคนที่โรงพยาบาล เขาเรียกพี่หมอว่าอะไรนะ พี่ปั้นเหรอ .. ฉันไม่เห็นเคยได้เรียกชื่อเล่นพี่หมอเลย 

    “ไปไหม” 
    พี่หมอถามย้ำอีกครั้ง ฉันหันไปมองคนที่มาชวน หญิงสาวผงกหัวเล็กน้อยพลางส่งยิ้มมาให้ฉัน เจ้าตัวไม่ได้เดินเข้ามากับพี่หมอ ดูเหมือนกำลังเพลินอยู่กับดอกทิวลิป 
    “ไม่ไปดีกว่าค่ะ พี่หมอไปกับเพื่อนเถอะ”
    “ทำไมล่ะ” รอยยิ้มของพี่หมอหายไป เจ้าตัวนั่งลงที่ตั่ง หันหน้าเข้าหาฉัน 
    “เขามาชวนพี่หมอไม่ได้มาชวนหนู อีกอย่างนึง ขาหนูก็เจ็บอยู่ เดินตักของไม่ไหวหรอก”
    “ก็ไม่ต้องเดินสิ อยากกินอะไรก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่เดินไปหยิบให้ก็ได้” 
    ฉันเชื่อว่าพี่หมอทำได้อย่างที่พูด ถ้ามันเกิดขึ้นจริง .. ฉันจะหวั่นไหวมากกว่านี้ไหมนะ 

    “ไม่เอา พี่หมอไปเถอะ หนูไม่ไปหรอก” 
    “แต่พี่อยากให้น้องเอยไปด้วย”
    “เอาไว้วันหลังก็ได้ เดี๋ยวเราค่อยไปกินกันสองคนไง” 
    “สัญญาแล้วนะ” 
    พี่หมอกลับมายิ้มเหมือนเดิมแล้ว มองดอกบัวในมือฉันแล้วก็อมยิ้ม ทำยังไงดี ฉันไม่อยากให้หมอไปเลย 

    “ตักน้ำให้กินอีกทีได้ไหมก่อนไป”
    “ก็จะไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ล้างมือแล้วก็ตักเองสิ”
    “ก็อยากให้ป้อน .. แต่คราวนี้ห้ามแกล้งอีกนะ ของเก่ายังไม่แห้งเลย” 
    ฉันหลุดหัวเราะออกมา พี่หมอทำให้ฉันรู้สึกดีเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง 
    “เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะแพรว มีเด็กแถวนี้แกล้งสาดน้ำใส่ เสื้อเปียกหมดเลย”
    กินน้ำจากมือฉันเสร็จ พี่หมอก็ตะโกนบอกคนที่รออยู่ แถมยังหันมาแขวะจนฉันต้องทำท่าเหมือนจะสาดอีกรอบ เจ้าตัวถึงได้หัวเราะลั่นก่อนจะเดินกลับลงไปที่บ้านตัวเอง 

    พี่หมอน่ารักกับทุกคนรอบตัวแบบนี้ ใครใครเขาก็อยากอยู่ใกล้ หมอมีเพื่อนใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าเป็นแบบนี้ หมอไม่จำเป็นต้องมาคุยเล่นกับฉันแล้วก็ได้ หมอคงไม่เหงาแล้ว 
    “พี่เขาไปกินข้าวกับเพื่อน เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว .. ทำหน้าเศร้าอะไรขนาดนั้น”
    ยายพูดขึ้น อมยิ้มแล้วก็มองมา ฉันเลยขยับเข้าไปซบยายพลางพับดอกบัวในมือต่อ เผลอถอนหายใจออกมา มองดอกบัวในมือ .. เป็นฉันซะเองที่รู้สึกเหงา 








    สองทุ่มครึ่ง ..
    กินหมูกระทะอะไรกัน จะสามทุ่มอยู่แล้วยังไม่กลับมาอีก 
    ฉันนั่งอยู่ริมหน้าต่างตรงห้องนอน บ้านของหมอยังปิดไฟมืด แถมไม่มีเสียงมอเตอร์ไซค์สักคันขับเลี้ยวเข้ามา ฉันนั่งจ้องโทรศัพท์ในมือ กดเข้าแอพพลิเคชั่นไลน์ พิมพ์ๆลบๆอยู่ร่วมสิบนาทีได้แล้ว 
    หมอจะกลับบ้านกี่โมง ความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องของฉันเลย แต่ฉันกลับหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก ก็แค่หมูกระทะตามชายเขา ทำไมถึงต้องกินนานขนาดนั้น 
    .. กินอะไรนักหนา ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก ..
    ฉันกดพิมพ์ข้อความลงไปด้วยความงุ่นง่าน ในใจไม่คิดกดส่งหรอก แค่รู้สึกว่าขอให้ได้พิมพ์ก็ยังดี ฉันปล่อยหน้าจอค้างไว้แบบนั้นพลางชะโงกมองไปที่ด้านนอก .. บ้านพี่หมอยังคงมืดสนิทเหมือนเดิม 
    ฉันพ่นลมหายใจแรงไล่ความวุ่นวายภายในใจ ก่อนจะกลับมาดูที่หน้าจออีกครั้ง 

    ซวย
    ซวยแล้ว


    ฉันลุกขึ้นยืนพรวด มือที่ถือโทรศัพท์สั่นอย่างรุนแรงแบบควบคุมไม่ได้ ฉันโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียงทันที ก่อนจะเดินกระโดกกระเดกไปมาอยู่ในห้อง
    ทำไงดี ทำไงดี กดส่งไปได้ยังไงก็ไม่รู้


    พี่หมอต้องคิดว่าฉันนิสัยไม่ดี งี่เง่าเหมือนเด็กแน่เลย ฉันไม่ได้สนิทกับหมอถึงขนาดจะส่งข้อความแบบนั้นไปหาได้ ฉันกำลังลนลาน ควานหาทางออกกับสิ่งที่ตัวเองเผลอทำลงไป .. จู่ๆเสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
    ฉันก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ พลิกมันขึ้นมาดู ขอให้เป็นมะนาวส่งมาเถอะ หรือใครก็ได้ โฆษณาก็ได้ .. อย่าให้เป็นพี่หมอเลย

    .. อยู่บนรถแล้ว กำลังกลับนะ ..


    ฉันล้มตัวนั่งลงตรงปลายเตียง อ่านข้อความของหมอซ้ำไปซ้ำมา ไม่กล้าส่งอะไรกลับไป ข้อความสั้นสั้นแค่นั้นแต่กลับมีผลต่อหัวใจมากเหลือเกิน 

    .. อย่าเพิ่งรีบนอนนะ เดี๋ยวพี่กลับไปล้างแผลให้ .. 

    พี่หมอ 
    แค่ตัวหนังสือที่ส่งผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม แต่กลับเหมือนได้ยินเสียงทุ้มของพี่หมอกระซิบอยู่ข้างหู ฉันอยากพิมพ์อะไรกลับไปสักอย่าง แต่ก็คิดไม่ออกว่าควรจะตอบอะไรกลับไปดี จนกระทั่งได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขี่เข้ามาจอดอยู่แถวหน้าบ้าน 
    ฉันพาตัวเองโขยกเขยกไปยืนส่องตรงหน้าต่าง พี่หมอกำลังบอกลาเพื่อน เจ้าตัวยืนรอจนกระทั่งเจ้าของมอเตอร์ไซค์สีหวานขี่ออกไป ถึงได้หันกลับมา ทันได้เห็นฉันที่ยืนมองอยู่พอดี 

    ไม่รู้ว่าพี่หมอคิดยังไงกับข้อความที่ฉันเผลอกดส่งไป จะโกรธไหม ไม่พอใจหรือเปล่า 
    แต่ดูจากรอยยิ้มของหมอตอนนี้แล้ว .. หมอไม่โกรธฉันหรอก คิดว่าอย่างนั้นนะ 



    วงแหวนดาวเสาร์.






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×