ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (พริม สกาย)

    ลำดับตอนที่ #27 : ปฐมบทแห่งรัก บทที่1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.52K
      7
      16 ก.ย. 58

                                           บทที่27  ปฐมบทแห่งรัก1

                 “อาการผู้ป่วยเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอพริริสายืนมองลินลณีที่นอนทอดสายตาเลื่อนลอยอยู่ในห้องผู้ป่วย จิตเวชของโรงพยาบาลเอกชลแห่งหนึ่งใจกลางมือใหญ่

    บาดแผลทางร่างกายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ เหลือแต่สภาพจิตใจที่ต้องใช้เวลาในการรักษา” คุณหมอ เจ้าของไข้เอ่ยขึ้นกับเธอเพียงเบาๆ

     “แล้ว....อีกนานมั้ยคะ กว่าคนไข้จะกลับมาเป็นปกติ

    อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ แล้วก็กำลังใจจากคนรอบข้างของเธอ เธอคงถูกทำร้ายอย่างหนัก สภาพจิตใจถึงย่ำแย่แบบนี้หมอเจ้าของไข้ หันมาตอบเธออีกครั้ง ก่อนจะขอตัวออกไปตรวจดูอาการของคนไข้รายอื่น

    พริริสาเปิดประตูของห้องพักฟื้นของลินลณีเข้ามายืนอยู่ข้างเตียง เธอยื่นมือเข้าไปเกาะกุมมือของลินลณีที่ถูกมัดผูกไว้ เพราะหลังจากที่หล่อนฟื้นคืนสติก็อาละวาดอย่างหนัก จนหมอและพยาบาลต้องมัดเอาไว้ สองชั่วโมงต่อมา ลินลณีก็ไม่พูดไม่จา เอาแต่นอนนิ่ง เหมือนไม่ยอมรับรู้อะไรอีกเลย จวบจนวันนี้ก็สองวันเข้าไปแล้ว

    ดวงตาที่ว่างเปล่าของลินลณีทอดมองออกไปข้างนอกระเบียงอย่างเลื่อนลอย เหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่าหล่อนยังคงมีชีวิตอยู่  ดวงหน้าที่สวยงาม ตอนนี้เศร้าหมอง ไม่มีการยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีแม้แต่เสียงด่าทอให้พริริสาได้ยินอีก แม้บาดแผลที่โดนทำร้ายจะจางหาย เกือบจะปกติ แต่บาดแผลใหญ่ข้างในหัวใจคงไม่มีวันหาย ในเมื่อสิ่งที่ได้พบเจอ เลวร้ายและรุนแรง

    สองวันแล้ว หลังจากฟื้นคืนมาแล้วอาลาวาด จากนั้นความรู้สึกของลินลณีก็ไม่ตอบสนองอะไรอีก แพทย์วินิจฉัยว่าหล่อนได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง ทำให้สมองปิดตาย และบังคับไม่ให้รู้สึกอะไรต่อสิ่งรอบข้าง  พริริสาใช้หลังมือปาดน้ำตาตนเองที่กำลังไหล เธอไม่คิดว่าลินลณีจะจงเกลียดจงชังเธอมากมายถึงเพียงนี้ แต่สุดท้ายหล่อนก็ได้รับผลกรรมของตนเอง แต่ถ้าเลือกได้พริริสาก็ยังอยากให้ลินลณีกลับมามีชีวิตที่เหมือนเดิมอยู่เสมอ

    พี่ลินคะ พี่ลินได้ยินพริม ใช่มั้ย  ไม่ว่ายังไงพี่ก็ยังเป็นพี่สาวของพริมเสมอนะคะพริริสาใช้มือตนเองบีบมือลินลณีไว้แน่น อยากจะสื่อสารให้ลินลณีได้รู้ว่าเธอให้อภัยหล่อนทุกอย่าง

    พริม อโหสิกรรมให้พี่ลิน ทุกอย่าง หายเร็วๆนะคะ แล้วพริมจะหาเวลามาเยี่ยมพี่ลินบ่อยๆ”  พรริสาพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะวางมือของลินลณีลงอย่างแผ่วเบา และดึงผ้าห่มคุมกายให้ 

    ลินลณีได้ยินทุกคำพูดของพริริสา จิตใจหล่อนย่ำแย่ จนไม่อยากตอบสนอง สมองสั่งให้ลบภาพเลวร้ายพวกนั้นออกจากความทรงจำ  แต่ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาภาพพวกนั้นก็ไม่เคยจางหาย หยาดน้ำตาร่วงหล่นสู่ใบหน้า เมื่อพริริสาเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ  ทิ้งไว้เพียงเสียงลมหายใจของคนที่ไร้ซึ้งแล้วกับความรู้สึกต่างๆ ในความคิดของคนรอบข้าง

    พริริสากลับมาบ้านด้วยหัวใจห่อเหี่ยว เธอไร้ซึ้งญาติ ขาดซึ้งมิตรคอยเป็นที่พักพิงแล้ว ยังคงเหลือแค่บ้านหลังใหญ่ที่เธออาศัยมาได้เกือบสองเดือน ที่เป็นแหล่งพักพิง และให้เธอได้นอนหลับอยู่สบาย

    หญิงสาวมองออกไปรอบๆตัวบ้านอีกครั้ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด วันนี้ครบหนึ่งเดือนที่เจ้าพ่อเหมืองกำหนดเอาไว้

    คดีสิ้นสุดลงแล้ว และผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพ พวกมันทุกคนซัดทอดว่าลินลณีคือผู้จ้างวานให้ฉุดตัวพริริสาไปทำมิดีมิร้าย แต่เนื่องด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ปกติของลินลณีจึงทำให้หล่อน ยังไม่ต้องรับการจับกุม ทางตำรวจรอให้หล่อนให้การได้ปกติเสียก่อน จึงจะแจ้งข้อหาดำเนินคดี ส่วนพวกมัน ทั้งสี่ ยังคงมีคดีหลายคดีติดตัว เธอได้ยินข่าวแว่วๆ จากการบอกเหล่าของผู้กองพยัคฆ์ว่า งานนี้พวกมันโดนหลายคดี มีเจ้าทุกข์หลายรายฟ้องร้อง  คงได้อยู่กินโอเลี้ยงและข้าวแดงในคุกอีกนานหลายปี กว่าจะได้กลับมาเห็นเดือนเห็นตะวัน

    ไปไหนมาพริริสา เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ทันทีที่พริริสา ก้าวเท้าจะขึ้นบันได

    พี่กาย..... พริมไปเยี่ยมพี่ลินมาคะ”  พริริสาส่งยิ้มจางๆ กลับไปให้คนถาม เพราะดูเหมือนเจ้าพ่อเหมืองคนเดิมที่เอาแต่ ปั้นหน้าเป็นยักษ์ คอยแต่จะหาเรื่องทำร้ายจิตใจเธอเสมอจะกลับมาแล้ว หลังจากที่วันนั้นเธอและเขามีปากเสียงกันเรื่องลินลณี

     สกายจะส่งตัวลินลณีให้ไปอยู่โรงบาลจิตเวช ที่รักษาผู้ป่วยด้านนี้โดยเฉพาะ และจะยอมออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามพริริสาติดต่อข้องแวะอะไรกับหล่อนอีก

    แต่พริริสาไม่ยอม เธอค้านว่าลินลณีไม่ได้บ้า จะให้ส่งตัวไปโรงพยาบาลจิตเวชได้ยังไง แถมข้อตกลงสุดท้าย ที่ห้ามเธอข้องแวะกับลินลณีอีก เธอค้านหัวชนฝา ยังไงก็บอกว่าทำไม่ได้เด็ดขาด

    จริงอยู่แม้ลินลณีจะทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ตอนนี้หล่อนก็ได้รับผลกรรมของตนเองแล้ว พริริสาคิดว่าหล่อนคงไม่กล้าทำอะไรอีก ตราบใดที่คุณหมอยังไม่ยืนยันว่า ลินลณีมีสติสัมปะชัญะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือดูแลตนเองไม่ได้แล้ว เธอจะไม่ส่งหล่อนไปอยู่ร่วมกับคนอื่นเด็ดขาด

    แม้เจ้าพ่อเหมืองจะกลับมาเย็นชากับเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูจะไม่หนักหนาเท่าครั้งก่อน เพราะเขาไม่ได้ย้ายตนเองกลับไปนอนยังเรือนกล้วยไม้ ยังคงนอนเบียดเธออยู่บนเตียงทุกคืน แค่ไม่ยอมล้ำเส้นทำอะไรมากไปกว่าการเอื้อมแขนมากอดเธอเอาไว้ พริริสาเองก็ไม่ได้ห้ามหรือขัดขืนเพราะนั้นมันสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว

    พริริสา!! เขาเรียกเธอเบาๆ

     “คะเธอขานรับเพียงเบาๆ  ช่วงนี้อารมณ์ เธอค่อยข้างปรวนแปร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คงจะเพราะฮอนโมนที่กำลังเปลี่ยน ทำให้เธอมีอารมณ์ค่อยข้างฉุนเฉียว ถ้าไม่อย่างนั้นเธอไม่กล้าเถียงเขาคอเป็นเอ็นเรื่องของลินลณีวันนั้นหรอก ดูชายหนุ่มจะอึ้งๆเหมือนกันที่เธอกลับมาพยศอีกครั้ง  

    วันมะรืนฉันจะกลับ ออสเตรเลียบอกเสียงนิ่ง และรอดูอาการคนตัวเล็ก

     “ออค่ะ”  พริริสาเพียงแค่พยักหน้ารับและยิ้มๆ แต่ข้างในหัวใจเธอกำลัง สั่นไหว       

    พี่กาย มีเรื่องจะบอกพริมเท่านี้ใช่มั้ยคะ” หญิงสาวพยายามประคองน้ำเสียงตนเองให้ดูปกติที่สุด ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังจะร้องไห้ กับคำบอกกล่าวนั้น

    อืม!!  ชายหนุ่มยืนล้วงกระเป่ากางเกงตนเอง บอกเธอหน้านิ่ง

    งั้น....พริมขอตัวขึ้นข้างบนนะคะพริริสาบอก และรีบหันหลังไปอย่างรวดเร็ว ก่อนน้ำตาที่ปริ่มๆอยู่ขอบตาจะร่วงเผาะทันทีเช่นกัน ความรู้สึกเหมือนโดนฟ้าฝ่าลงตรงกลางใจ มันเขย่าหัวใจเธอให้เต้นแรงขึ้น และอ่อนลงอย่างน่าใจหาย  มือไม้เย็นเฉียบเมื่อได้รับข่าวร้าย เขากำลังจะไปจากเธอแล้วจริงๆ  

    พริริสาเปิดประตูห้องเข้ามาล้มตัวลงกับเตียง  เธอซบหน้าลงกับหมอน ก่อนจะปล่อยเสียงโฮ ออกมาเพื่อระบายความอึดอัดและรู้สึกเสียใจ โดยที่ไม่กลัวว่าใครจะได้ยินเลยสักนิด  ทำไมในหัวใจมันถึงหนักอึ้งและสั่นสะท้านเช่นนี้ แค่เขาบอกว่าจะกลับไป ทั้งที่เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

    ตากายบอกน้องหรือยังลูกว่าจะกลับไปดูเหมืองคุณหญิงฟ้าลดาถามบุตรชาย เมื่อนางเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา

    บอกแล้วครับ คุณแม่คนตอบคำถาม ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอมพิวเตอร์ เพราะเมื่อเช้า มิสเตอร์ โรเบริต เพิ่งโทรมาแจ้งข่าวว่า ชั้นในสุดของเหมืองเกิดทรุดตัว มีคนงานหลายชีวิตติดอยู่ในนั้น เขาจึงจำเป็นต้องกลับไปดูที่หน้างาน

    แล้วน้องว่าไงบ้าง ยอมตามเรากลับไปด้วยมั้ย

                   “ผมยังไม่ได้บอกเธอ เรื่องนั้นเลยครับคุณแม่ เห็นเธอรีบขึ้นข้างบน”  เจ้าพ่อเหมืองละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ แล้วเอ็นหลังกับพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ

    อ้าว แล้วทำไมไม่บอกน้องไป ขืนปุ๊ปปั้ป พาน้องไปน้องไม่ยอมไปด้วยเราจะทำยังไงหะ!! ”  คุณหญิง ต่อว่าแบบไม่จริงนัก ใจจริงนางก็ไม่อยากจะให้พริริสาต้องเดินทางไปด้วย เพราะกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนจากการเดินทาง ครั้นจะให้เธออยู่ พรุ่งนี้นางกับนมอุ่นก็จะเดินทางไปร่วมทำบุญกับมูลนิธิไกลถึงภาคใต้ ถ้าให้พริริสาไปด้วยยิ่งจะลำบาก เพราะหนทางที่จะไป ค่อนข้างจะทุระกันดาร หรือจะให้พริริสาอยู่คนเดียวก็ยิ่งไม่ได้เด็ดขาด

    ไม่ไปก็บังคับสิครับ  คุณแม่!! เจ้าพ่อเหมืองบอกที่เล่นทีจริง จะไปยากอะไร ในเมื่อเขามีสิทธิ์ออกคำสั่งกับเธอ

      “นี่!! ตากาย เลิกไปเลยนะไอ้นิสัย ชอบบังคับขู่เข็ญ บีบบังคับคนอื่นเนี๊ย น้องมีเลือดมีเนื้อนะลูก ขืนไปบังคับน้องบ่อยๆ แล้วน้องหนีไป เราจะมานั่งน้ำตาตกในทีหลัง แล้วจะหาว่าแม่ไปเตือน

    ทำไมคุณแม่ ต้องคิดว่าผมต้องเสียใจด้วยละครับ คุณแม่ทราบเหรอครับว่าผมรู้สึกยังไงกับพริริสา”  ชายหนุ่ม โน้มตัวลงมาเท้าแขนลงกับโต๊ะ และยื่นหน้าเข้าไปถามมารดา

    ตากาย นี่แม่เป็นแม่นะ เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กๆ ทำไมแม่จะไม่รู้ แล้วที่ยังยื้อน้องไว้กับสัญญาบ้าๆของตนเองนี่ ไม่ใช่ว่ากลัวน้องหนีไปหรอกหรอนางพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

    ผมก็แค่ อยากให้เธอดูแลคุณแม่เท่านั้นเอง”  เจ้าพ่อเหมืองยังปฏิเสธ และเถียงข้างๆคูๆ

    แล้วเรื่อง ถ้าน้องไม่ท้องแล้วเราจะกลับไปทำงาน ที่เหมืองอย่างเดิมนะว่ายังไง”  นางถามบุตรชายอีกครั้ง 

    โธ่ คุณแม่ครับ การที่ผมเอาพริริสากลับไปด้วยคราวนี้ มันก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณแม่นะครับ” สกายโพลงออกไปอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบแก้ตัวในทันที

    เออ... คือผมหมายถึงผมยังไม่อยากคิดเรื่องนี้นะครับเรื่องงานสำคัญกว่า”   

    ตากาย ถามใจตนเองให้ดีนะลูก ว่ารู้สึกยังไงกับน้อง แม่ไม่อยากให้ลูกมานั่งเสียใจที่หลัง เหมือนอย่างที่ผ่านมา  ตอนนี้น้องมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม แม่อยากให้ลูกคิดให้ดีๆ อะไรที่ควรทำก็ทำซะ อะไรที่ควรบอกก็บอกไปเลย อย่ารอจนมันสายเกินไปนะลูกคุณหญิงเอื้อมมือไปแตะมือใหญ่ของเจ้าพ่อเหมืองเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ และทิ้งปริศนาอะไรบางอย่างให้เจ้าพ่อต้องครุ่นคิด

    อะไรในตัวพริริสาที่ไม่เหมือนเดิม

    นางรู้ว่าพริริสาต้องการได้ยินอะไรจากเจ้าพ่อเหมือง และดูเหมือนลูกชายนางจะยังไม่รู้ใจตนเอง งานนี้กว่าบุตรชายของนางจะรู้ใจตนเอง ก็ต้องเจอกับงานหนักแน่ๆ เมื่อนางก็ดูออกว่าพริริสา ใช่ว่าจะใจอ่อนไปทุกเรื่องขนาดตั้งท้องแบบนี้ เธอยังไม่ยอมเปิดปากบอกชายหนุ่มเลย

     

                รถยุโรบคันหรูวิ่งมาจอดยังบ้าน สุริยะจักร ก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างสุงโปร่ง  ทายาทเจ้าของห้างใหญ่จะลงมาพร้อมกับความมืนงงเล็กน้อย จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป

    ที่ต้องรีบกลับมาเพราะคืนนี้ อาหญิงของตนเอง ไหว้วานให้เขาพาไปเปิดตัวสินค้าเบรนเนมที่จะจัดขึ้นในค่ำคืนนี้  ซึ่งนั้นเป็นข่าวที่น่ายินดีที่อาหญิงของเขา จะเลิกเศร้าและยอมออกงานสังคมบ้าง ซึ่งต้นน้ำเองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นสารถีขับรถไปส่ง

    เท้าใหญ่ก้าว ยาวๆไปตามทางเดิน จุดมุ่งหมายคือห้องนอนของตนเอง เพราะต้องการไปชำระร่างกาย แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของใครลอดมาจากห้องนั่งเล่นชั้นบน

    จอมขวัญกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่เรียนพยาบาลมาด้วยกัน อย่างมีความสูข และมีเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มที่สดใส และนั้นเอง ที่เรียกความหงุดหงิดให้คนที่มายืนอยู่ด้านหลังได้เป็นอย่างดี เพราะตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาต้นน้ำไม่เคยได้รับสิ่งนั้นจากเธอเลย

    รู้สึกว่า ช่วงนี้จะเธอว่างงานนะจอมขวัญ ถึงได้มีเวลามาคุยโทรศัพท์กับผู้ชาย” เสียงห้าวห้วนของพ่อคาสโนว่าตัวพ่อเอ่ยขึ้นด้านหลัง ทำให้คนที่คุยโทรศัพท์อยู่ต้องรีบหันมา แล้วก็หน้าถอดสีทันที

     “คุณต้นน้ำ!! จอมขวัญเอ่ยเสียงสั่น จนต้องรีบวางโทรศัพท์ เพราะเธอรู้ว่าต้นน้ำต้องเข้ามาต่อว่าเธออย่างแน่นอน

    ว่างมากนักหรือไงหะ ถึงได้มีเวลามาคุยออเซาะกับผู้ชายแบบนี้  ถ้าว่างมากโน้น!! เขาชี้มือไปยังห้องนอนของอาตนเอง “หน้าที่ของเธอคือดูแลอาสายน้ำ ไม่ใช่เอาเวลามาคุยออดอ้อนกับผู้ชายคนเจ้าอารมณ์ต่อว่าหญิงสาวอย่างไร้เหตุผล

    ขวัญ เปล่าคุยกับผู้ชายนะคะ ขวัญคุยกับ......

    โกหก ก็เห็นอยู่ว่าเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เก็บคำโกหกของเธอไว้ใช้กับคุณพ่อและคุณอาเถอะ มันใช้ไม่ได้กับคนอย่างฉันยังไม่ทันที่จอมขวัญจะพูดจบ ชายหนุ่มก็เอ่ยสวนขึ้นมา

    จอมขวัญเม้นปากเข้าหากันแน่น พยายามข่มใจและสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกๆ เธอเจอกับอารมณ์ฉุนเฉียวไร้เหตุผลของต้นน้ำมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่เขาเคยพูดกับเธอ

    คุณต้น รีบกลับมารับคุณแม่ไปงาน ไม่ใช่เหรอคะ ขวัญว่า คุณรีบไปแต่งตัวเถอะค่ะ ใกล้เวลางานแล้ว ขวัญก็จะไปแล้วเหมือนกัน เธอว่า ทำท่าจะหมุนตัวจากไป แต่ชายหนุ่มรั้งแขนเธอไว้ซะก่อน

    เดี๋ยว!! เธอยังไม่ไหนไม่ได้ทั้งนั้นจอมขวัญ และเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์สั่งเธอคนไร้เหตุผลตวาดใส่ และดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้ เสียงลมหายใจร้อนๆเอ่อรดพวงแก้มของเธอ จนหญิงสาวต้องเอี้ยวตัวหนี เพราะยังไม่คุ้นชินกับสัมผัส แบบนี้จากเขา

    คุณจะเอายังไงกับขวัญคะ เดี๋ยวไล่ให้ไป เดี๋ยวรั้งให้อยู่จอมขวัญ เอ่ยขึ้น พร้อมเบี่ยงตัวออกจากใบหน้าของเขาที่โน้มเข้ามาใกล้ จนจะติดกับใบหน้าของเธออยู่แล้ว

    รู้สึกว่า ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา เธอจะฝีปากกล้าขึ้นเยอะเลยนะ”                   

    ปล่อยขวัญเถอะคะคุณต้น ขวัญเจ็บ”  จอมขวัญพยายามแกะมือหนาของเขาออกจากต้นแขน เธอรับมือกับคนเอาแต่ใจตนเองมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว เรื่องที่เขาพูดแค่นี้ สำหรับเธอมันเรื่องเล็กน้อย หนักกว่านี้เธอก็เจอมาแล้ว

    เธอยังไปไหนไม่ได้ ถ้าเธอยังไม่บอกฉัน ว่าเมื่อกี้เธอคุยกับผู้ชายที่ไหนคนไร้เหตุผลพูดและยิ่งรั้งเธอเข้ามาใกล้ จนร่างเล็กลอยละลิ่วเข้ามาอยู่ในวงแขนใหญ่  

    คุณ  ก็ปล่อยขวัญก่อนสิคะ

    ไม่!! ตอบฉันมาก่อน ถ้าไม่ตอบ ก็อยู่มันแบบนี้นั้นทั้งคืนนั้นแหละ”  ต้นน้ำว่า พร้อมทั้งกระชับอ้อมแขนให้แน่นกว่าเดิม  จนจอมขวัญยู่หน้า เพราะอึดอัด

    ขวัญคุยกับเพื่อนสมัยเรียนพยาบาลด้วยกันคะ ถ้าไม่เชื่อคุณต้นก็เอามือถือขวัญไปดูก็ได้”  จอมขวัญยกมือถือขึ้นมาให้ต้นน้ำ พร้อมทั้งสะบัดตัวของจากวงแขนใหญ่ของเขา

    ต้นน้ำยกมือถือที่จอมขวัญยื่นมาให้ เลื่อนหน้าจอดูอย่างจับผิดก่อนจะส่งคืนให้เจ้าของ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ช่วงนี้ยิ่งเห็นเธอมีความสุขเขายิ่งหงุดหงิด ไม่รู้เป็นอะไร อุตส่าห์หอบข้าวหอบของไปนอนที่คอนโดนานๆจะกลับเข้าบ้าน แต่ก็ไม่วายคิดถึงหน้าเธอทุกครั้งที่มีอะไรกับคู่ควงอยู่เรื่อยไป ทั้งหมดทั้งม้วนนี้เขาโทษเธอ ที่บังอาจมาแวะเวียนอยู่ในความรู้สึกของเขา

    บอกตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมาคลาดครั้นให้เสียเวลา” คนไร้เหตุผล ต่อว่า ทั้งๆที่เป็นตนเองนั้นแหละที่ไม่ฟังเธอก่อน

    จอมขวัญถอนหายใจอย่างเอือมระอา  กลับบ้านมาเมื่อไหร่เขาก็ค่อยแต่จะหาเรื่องเธออย่างเดียวไม่เคยพูดจาดีๆเลยซักครั้ง แม้บางทีจะเหนื่อยที่ต้องคอยรับมือกับคำพูดเชือดเฉือนต่อจิตใจ แต่ต้นน้ำก็แค่พูด เสียดสี หรือต่อว่าให้เจ็บปวดเท่านั้น เขาไม่เคยเข้าถึงเนื้อถึงตัว แต่หลังจากที่เธอกลับมาจากอเมริกาเมื่อสามเดือนที่แล้ว เหมือนบางอย่างในตัวต้นน้ำจะเปลี่ยนไป ช่วงหลังมานี่ เข้ามักจะเอารัดเอาเปรียบกับเนื้อตัวเธอเสมอ

    ขวัญไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”   

    จะไปก็ไปสิ ใครดึงแขนดึงขาเธอไว้แหละคำพูดต่อว่า แม้จะไม่จริงจังนัก แต่ก็ทำให้จอมขวัญต้องผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง เจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ ตั้งแต่เด็กยันโต

     “เดี๋ยวจอมขวัญ” เมื่อจอมขวัญกำลังจะเดินออกไปเขาก็เรียกเธอไว้อีกครั้ง  

     “คืนนี้เธอไปงานด้วยหรือเปล่า”  

    ไปค่ะ คุณแม่สั่งให้ขวัญไปด้วยหมดคำถามหรือยังคะ ขวัญจะได้รีบไปแต่งตัวจอมขวัญบอกอย่างหน่ายๆ

    ต้นน้ำไม่ตอบ ทำเพียงแค่กวักมือไล่เธอออกไป จากนั้นก็หย่อนสะโพกลงกับโซฟา เหมือนกำลังคิดแผนการอะไรอยู่ในหัว มองตามหลังร่างเล็กที่เดินสะบัดหน้า ออกไปอย่างเจ้าเล่ห์

    สักวันเถอะจอมขวัญฉันจะฉุดเธอขึ้นเตียงให้ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×