ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (พริม สกาย)

    ลำดับตอนที่ #28 : ปฐมบทแห่งรัก บทที่2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.33K
      4
      16 ก.ย. 58

    บทที่28 ปฐมบทแห่งรัก  2

                พริริสาหลับไปแล้ว พร้อมกับน้ำตา เธอร้องไห้แข่งกับสายฝนจนเผลอหลับไป ด้วยความอ่อนเพลีย วันนี้มีเรื่องให้ครุ่นคิดเยอะแยะมากมาย ทั้งเรื่องลินลณีและเรื่องราวของตนเอง จะหนักหน่อยก็เรื่องเจ้าพ่อเหมืองนี้แหละ ที่ไม่ว่าจะบอกว่าอย่าเสียใจยังไง หัวใจไม่ก็ไม่เคยเชื่อฟัง เอาแต่ดื้อด้านทำให้เจ็บปวดอยู่ร่ำไป

                เจ้าพ่อเหมือง ขึ้นมาบนห้องเกือบจะสี่ทุ่ม แล้วก็ต้องเลื่อนการเดินทางจากวันมะรืนเป็นพรุ่งนี้  เพราะหลังจากโทรคุยกับมิสเตอร์ โรเบริต บิดาของตนเองท่านก็อยากให้ชายหนุ่มเดินทางกลับในทันที

                ชายหนุ่มเข้ามานั่งลงข้างๆกับพริริสา เพื่อที่จะบอกให้เธอลุกขึ้นมาจัดเตรียมเสื้อผ้า เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า  อันที่จริงมารดาไม่ต้องเข้าไปบอกก็ได้ ว่าจะต้องพาเธอไป เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่เขารู้ว่าเขาต้องกลับไปจัดการเรื่องที่เหมือง เขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะพาเธอกลับไปด้วยเช่นกัน เรื่องอะไรจะปล่อยให้อยู่ที่นี่คนเดียว ในเมื่อเธอเป็นของเขา เขาก็จะพาเธอไปในทุกที ที่เขาไป

                สกายโน้มใบหน้าคมเข้ม ที่ตอนนี้มีหนวดเคราแซมขึ้นมาอยู่เกือบเต็มหน้า แล้วกระซิบข้างใบหู เพื่อปลุกคนที่นอนหลับอยู่ให้ตื่น แต่ดูเหมือนเสียงเรียกของเขาที่แผ่วเบา จะโดนเสียงลมฝนกลบสนิท เพราะคนตัวเล็กไม่ยอมตื่นไม่พอ เธอยังดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมกายจนมิด  เจ้าพ่อเหมืองมองเธออย่างเคืองๆ ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้ แล้วก็คลี่ยิ้มออกมา  

    เขาใช้นิ้วใหญ่ เกลี่ยเส้นผมของเธออกมาจากใบหูเล็กน้อย จากนั้นก็จับตรงปลายผมของเธอแหย่ลงไปกับใบหู ที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา แรงเสียดสี ระหว่างเส้นผมกับใบหู ทำให้พริริสา ใช้มือตนเองขึ้นมาปัดออกอย่างรำคาญ แต่ก็ยังไม่ทำให้เธอตื่นขึ้นมาได้ คนตัวใหญ่ยังไม่ยอมเลิกรา ในเมื่อไม่ยอมตื่นก็จะทำให้ตื่นนั้นแหละ

    เมื่อใช้ปลายผมไม่ได้ผล ชายหนุ่มเลยใช้ วิธีสุดท้าย นั้นก็คือการโน้มหน้าลงไปกับซอกคอขาว และขบเม้มแรงๆ ทำให้เกิดรอยจ้ำแดงๆ และมันก็ได้ผลทันที พริริสาผุดลุกขึ้นมาอย่างัวเงีย และส่งค้อนอันเบ่อเร่อเห้อให้คนทำ ที่นั่งขำอยู่ เธอเคยบอกเขาหลายหนแล้ว ก็อย่าทำแบบนี้กับเธอ เพราะรอยแดงนั้นมันทำให้เธอต้องหาเสื้อผ้ามาปกปิดอยู่ตลอดเวลา

    หือ...พี่กาย เล่นบ้าอะไรคะเนี๊ยพริริสางัวเงียขึ้นมาทำตาปรือๆมองเจ้าพ่อเหมือง พร้อมใช้มือลูบไปกับซอกคอ ไม่บอกก็รู้ว่ามันคงแดงเป็นจ้ำๆแล้ว ก่อนจะวางตัวลงกับเตียงนุ่มเหมือนเดิม เพราะคิดแค่ว่าชายหนุ่มทำเพื่อแกล้งเธอเท่านั้น

    ไม่ได้เล่นบ้า เล่นจริง ลุกขึ้นมาพริริสา เธอยังนอนไม่ได้เขาไม่พูดเปล่า ดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นตามไปด้วย แต่ดูเหมือนพริริสาอยากจะนอนมากกว่าลุกขึ้นมาพูดคุยกับเขา เพราะเธอเองก็รั้งตนเองไว้เช่นเดียวกัน

    ไม่เอา.... พริมจะนอน พี่กายมีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้นะคะ”        

    ไม่ได้จะเอา แค่บอกให้ลุกขึ้นมาคุยกันก่อน แต่ถ้าไม่ลุกขึ้นมา ยังไงคืนนี้ก็จะเอา ได้ผลเกินคาดคนตัวเล็กผุดลุกนั่ง ทันทีที่คำพูดกำกวมของเจ้าพ่อเหมืองเอ่ยจบประโยค พร้อมทั้งเบ้ปากใส่อย่างขัดใจ เธอนั่งคอตกพร้อมยู่หน้าอย่างขัดเคืองใจ ก่อนจะไปคว้าเอาหมอนใบใหญ่มาวางไว้ที่ตักจะซบลงไปกับมันอีกครั้ง

     ตื่นแล้วค่ะ มีอะไรก็ว่ามา” 

    ไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ทั้งของพี่และของเธอชายหนุ่มสั่งเสียงเข้มขึ้นมากว่าเดิมเล็กน้อย  เมื่อพริริสาเอาแต่ขี้เซาไม่ยอมลุกขึ้นมานั่งคุยดีๆ

     ”จะรีบเก็บไปไหนคะ พี่ไปตั้งวันมะรืน พรุ่งนี้เช้าพริมลุกเก็บให้ก็ยังทันเลยพริริสาได้ยินแค่ว่าให้เธอไปเก็บกระเป๋าของเขาเท่านั้น ประโยคถัดมาเธอไม่ได้ยิน แอบนึกน้อยใจเขาอยู่เหมือนกัน จะไปตั้งวันมะรืนจะรีบมาเก็บเสื้อผ้าอะไรวันนี้ อยากจะไปก็ไปเก็บเองสิ

     “พริริสาลุกขึ้นมา ไม่อย่างนั้นฉันจับเธอปล้ำแน่ชายหนุ่ม ใช้มือสองข้างรั้งไหล่ของพริริสาให้ลุกขึ้น ก่อนจะจับมันไว้หมั่น แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง   

                “พรุ่งนี้... เธอต้อง ....เดินทาง .....กลับออสเตรเลีย ...กับฉัน เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอต้องไปจัดเตรียมกระเป๋า เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้าเขาเน้นเสียงหนักแน่น สีหน้าจริงจัง แล้วก็พูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนคนที่งัวเงียอยู่หูผึ่งอ้าปากค้างกับสิ่งที่ตนเองพึ่งได้ยิน 

                พริริสากัดปากล่างตนเองไว้แน่น  พร้อมมองเขาอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะไปคว้าเอาหมอนใบใหญ่ มาฟาดใส่ชายหนุ่มไม่ยั้งโทษฐานที่ทำให้เธอนอนร้องไห้ แข่งกับเสียงฝนเสียงฟ้าอยู่ได้เกือบค่อยคืน

                “โอ้ย!! เป็นอะไรอีกเนี๊ย ยัยเด็กบ้าทันทีที่พริริสาฟาดหมอนใส่ ชายหนุ่มก็อวดครวญทันที

                “แค่นี้มันยังน้อยไป  คนใจร้าย คนใจดำ พริมเกลียดพี่นัก ฮึอๆพริริสาเริ่มต่อว่า น้ำตาที่เก็บกลั่นไว้ก็เริ่มไหล  น่าจะบอกเธอตั้งแต่แรก ปล่อยให้เธอคิดเองเออเอง สรุปเองเรียบร้อย จนต้องมานอนร้องไห้ขี้มุกโป่งแบบนี้

                “เฮ้!! พริม นี่มันเกิดอะไรขึ้นพี่งงไปหมดแล้ว เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ลุกมาโวยวายไล่ตีพี่แบบนี้ชายหนุ่ม ใช้แขนข้างหนึ่งป้องกันการรุกรานของพริริสาเอาไว้

                “บ้าสิ พริมมันบ้า บ้าเพราะพี่นั้นแหละ ทำไมไม่ยอมบอกตั้งแต่ตอนนั้นว่าจะให้พริมไปด้วย ทำไมเพิ่งมาบอกคนใจร้าย!! พริริสาต่อว่าไม่หยุดปาก มือที่ยังมีหมอนก็ยังฟาดเขาอยู่อย่างนั้น จนเจ้าพ่อเหมืองต้องลุกยืนและใช้มือหนาจับหมอนใบนั้นเอาไว้ รู้สึกแปลกใจ ที่พริริสาโวยวายไม่เก็บอาการเหมือนแต่ก่อน แถมยังเจ้าอารมณ์ขึ้นด้วยซ้ำ

                 “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ยัยเด็กบ้า เดี๋ยวก็จับปล้ำซะหรอกเขาดุว่าแบบไม่จริงจัง ก่อนจะโยนหมอนในมือทิ้งไป แล้วรั้งเธอเข้ามากอด เพื่อปลอบโยน เมื่อพอจะปะติดปะต่อเรื่องที่เธอต่อว่าได้ ยัยนี่คงคิดว่าเขาจะทิ้งเธอไปตามคำบอกกล่าวที่เคยบอกไว้กับมารดาของเขาแน่ๆ ถึงได้มีอาการต่อต้านเขาแบบนี้

                “ปล่อยพริมนะ..... คนใจร้าย พริมเกลียดพี่นักพริริสาร้องไห้สะอื้นตัวโยนอยู่ในวงแขนใหญ่ของเขา ไม่รู้ทำไมถึงทั้งโกรธทั้งดีใจปะปนกันแบบนี้ 

                 ”ยัยบ๊องเอ้ย คิดเองเออเอง แล้วก็มาพาลคนอื่นเขาเจ้าพ่อเหมืองใช้กำปั้นใหญ่ทุบลงไปกับศีรษะของเธอเบาๆ เหมือนจะเป็นการทำโทษ ที่เธอบังอาจมาโวยวายใส่ พริริสาเงยหน้ามองค้อนเจ้าพ่อเหมือง ก่อนจะผลักเขาออกจากตัว และขยับมานั่งกอดอกไว้ เหมือนเด็กเอาแต่ใจ

                “ไม่เอานะพริม พี่ง้อใครไม่เป็นเมื่อเห็นท่าทางแง่งอนของเธอ เขาก็ต้องผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนัก ยัยบ้านี่บทจะงอนก็งอนกลายเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปได้ ก่อนจะเอนหลังลงกับเตียงแล้วใช้แขนไขว้กันไว้รองหนุนอยู่บนศีรษะ มองเธอจากด้านหลัง  พริริสายังนั่งนิ่งไม่ยอมคุยด้วย พร้อมขยับตัวหนีออกห่าง

                “ไม่เอานะ พริม งอนเป็นเด็กๆไปได้ นะ นะ นะดีกันเขาขยับกายมานอนตะแคง แล้วใช้มือข้างหนึ่งไต่ไปตามแผ่นหลังของเธอ คล้ายจะแกล้ง เมื่อพริริสายังนั่งอึน ทำเป็นไม่สนใจเขา

                “ก็ไม่ได้ให้คนแก่ มาง้อนี่เธอเอี้ยวตัวหนี พูดเสียงเขียว ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็อดที่จะขำกับคำค้อนขอดของเธอไม่ได้ มันก็จริงของเธอ เขากับเธออายุห่างกันตั้ง10ปี ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าพริริสายังเด็ก แต่เธอก็เด็กแต่อายุ ในเมื่อความคิดความอ่านของเธอเกินตัว ที่สำคัญ ร่างกายที่เขาจับต้องอยู่แทบทุกคืนไม่ได้เด็กๆเหมือนอายุเลยสักนิดเดียว

                 เดี๋ยวก็โดนคนแก่รักซะหลอก ชายหนุ่มยื่นหน้า ขึ้นไปกระซิบแถวใบหู พร้อมทำหน้ากรุ่มกริ่ม

                 ชิส์!! พริริสาสะบัดหน้าหนีได้อย่างหน้าหมั่นไส้ เธอไม่อาจรู้ตัวเลยว่าไอ้อาการและอารมณ์ที่แสดงออกมาในตอนนี้เกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนในร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง แต่ดูเหมือนเจ้าพ่อเหมืองดูจะเป็นเรื่องตลกมากกว่าเรื่องชวนหงุดหงิด เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา พริริสาไม่เคยแสดงกิริยาเป็นเด็กๆแบบนี้ใส่เขาเลยสักครั้ง ถ้าไม่รวมเรื่องที่เธออยากได้เจ้าตุ๊กตาพวกนั้น ซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกว่ามันแกะกะเหลือเกิน เพราะแม่ตัวดีเอาพวกมันมานอนด้วย จนมันมาแย่งพื้นที่ในการนอนของเขาจนหมด

                “ตกลง จะไม่บินไปกับพี่ใช่มั้ย!! เขานอนตะแคงเท้าข้อศอกกับเตียงถามเสียงอ๋อย เริ่มหมดมุขในการง้อพริริสาแล้ว

                “ไป!! สะบัดหน้าหันมาตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก

                งั้น!! ก็ลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า ได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า

     “ไม่!!! อยากให้ไปด้วย ก็ไปเก็บให้สิจะนอนเป็นอีกครั้ง ที่เธอกล้าที่จะล่วงล้ำ ขอบเขตอำนาจของเขา จนเจ้าพ่อเหมืองเอง ก็งงเป็นไก่ตาแตก ที่เธอมาลูกไม้นี้

    ชายหนุ่มผุดลุกนั่งในท่าปกติ หมดข้อโตแย้ง เขาขยี้ผมตนเองอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรหนัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว พริริสาลดมือลงจากหน้าอก ชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องแต่งตัว ภาพที่เธอเห็น แม้จะไม่ค่อยชัดเจน เพราะเห็นแค่เงาตะคุ่มๆของเขา กำลังเอื้อมแขนไปดึงกระเป๋าเดินทาง จากบนตู้ลงมาเก็บเสื้อผ้าของเธอและเขา หญิงสาวลอบยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะขยับกายมุดเข้าผ้าห่มอย่างเดิม แล้วคลี่ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ 

    หึ!! อยากพูดจาไม่ชัดเจนเอง เก็บเองไปเลย เธอเบ้ปากบอก ก่อนจะใช้ผ้าห่มคลุมโป่งและนอนอย่างสบายอารมณ์

    สกายเองก็ไม่เข้าใจอะไรตนเองมากนัก ก่อนจะยอมเดินเข้ามาเก็บเสื้อผ้าให้เธอ และตัวเขาเอง ไม่อยากจะเชื่อว่าพริริสาจะเริ่มเอาแต่ใจตนเองบ้างแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ อยากมีเมียเด็กนี่ อะไรตามใจได้ก็คงต้องตามใจไปก่อน หลังจากเก็บเสื้อผ้าให้เธอเสร็จ แล้วค่อยกลับไปคิดบัญชีเธอที่หลัง......

     

    หนูขวัญ ขึ้นไปนั่งกับพี่เขาข้างหน้าเถอะลูก แม่นั่งข้างหลังเองได้เสียงคุณสายน้ำดังขึ้น เมื่อเห็นจอมขวัญกำลังจะเปิดประตูหลังรถเข้าไปนั่งข้างๆนาง

     “ขวัญว่า.....ขวัญนั่งกับคุณแม่ข้างหลังเหมือนเดิมดีอยู่แล้วคะ ไม่อยากจะทำให้บางคนอึดอัดประโยคหลังเธอปลายตาไปมองต้นน้ำ ที่ใช้แขนเท้าอยู่บนหลังคารถ คันหรูของตน

    ดีเลยครับคุณอา ผมก็ไม่อยากนั่งขับรถอยู่คนเดียว มีน้องขวัญนั่งคุยเป็นเพื่อนอยู่ด้านหน้าก็ดีเหมือนกันต้นน้ำโน้มตัวไปคุยกับอาของต้นเองที่นั่งรออยู่ในรถ

    ขวัญนั่งหน้าคุยกับพี่เขาหน่อยนะลูก ถือว่าแม่ขอ”   นางพยายามหว่านล้อมจอมขวัญ ด้วยคำพูดและสายตาอ้อนวอน ทำไมจอมขวัญจะไม่รู้ว่า นางกับเจ้าสัวสายฟ้า กำลังจะจับคู่เธอกับต้นน้ำ และดูเหมือนต้นน้ำก็พอจะดูออก ถึงได้แกล้งยั่วเธอเช่นนี้

                “แต่ว่า .....จอมขวัญกำลังคิดข้ออ้าง  แต่กลับเจอสายตาบังคับเกมอ้อนวอนของนางทำให้เธอพูดไม่ออก

                “ก็ได้ค่ะ”  ที่สุดก็ต้องยอมตกปากรับคำกับผู้มีพระคุณ ทั้งทีไม่อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่ม ในรัศมีร้อยเมตรด้วยซ้ำ  บางทีเขาก็ทำตัวดุดันกับเธอ จนบางครั้งเธอเองก็หวาดกลัว แต่บางครั้งก็เล่นยั่วโมโหจนเธออยากให้ไม้หน้าสามฟาดเข้าให้ที่ใบหน้าคมคายนั้น

      จอมขวัญเปิดประตูเข้ามานั่งคู่กับเขาด้วยใบหน้าง้ำงอ เพราะตั้งแต่อยู่ในงาน เธอโดนชายหนุ่มแกล้งตลอด ไหนจะถึงเนื้อถึงตัว ไหนจะถ้อยคำหยาบโลน ที่เขาชอบใช้กับเธอ คนอื่นจะรู้มั้ยนะ ว่านักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างเขา ที่นิตยสารชั้นนำให้เกรียติยกให้เป็นหนุ่มเนื้อหอมแห่งปี จะเป็นคนไม่รู้จักโต เอาแต่ใจ และไร้เหตุผลที่สุด

    คาดเบลล์ด้วยต้นน้ำโน้มตัว ยื่นแขนมาคาดเบลล์ให้หญิงสาวจนเธอทำหน้าเลอหลา

     “ไม่ต้องค่ะขวัญคาดเองได้ พี่ต้นไปขับรถเถอะ ดึกแล้วคูณแม่จะได้กลับไปพักผ่อนจอมขวัญอ้างไปโน้น เพราะไม่ชอบให้ต้นน้ำถึงเนื้อถึงตัวเธอมากไปกว่านี้  แค่ในงานก็ที่หนึ่งแล้ว เขาทำยังกับเธอเป็นคู่ควงของเขา นี่ถ้าไม่ติดว่าใช้นามสกุลเหมือนกัน ป่านนี้นักข่าวคงได้ลงข่าวกันอึกทึกครึกโครม มิหนำซ้ำพรุ่งนี้ที่ทำงานของเธอคงตามไปด้วย ไปด้วยเหล่ากองทัพนักข่าว หรือไม่งั้นก็คู่ควงของเขามาท้าตบถึงที่ทำงานแน่ๆ ข้อหาแอบฉกคู่ขาของตนออกงานใหญ่โต

     “คุณแม่ ง่วงหรือยังคะจอมขวัญหันหน้าไปถามคุณสายน้ำที่นั่งมองทั้งคู่สนทนากันแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

                “ยังจ๊ะ แม่ยังไม่ง่วงเท่าไหร่ ว่าแต่หนูเถอะ พรุ่งนี้มีเข้าเวรแต่เช้าไม่ใช่หรือไง แม่ขอโทษนะ ที่ชวนหนูออกมางานจนดึกดื่นแบบนี้นางว่า

                “จอมขวัญเธออดนอนเก่งนะครับคุณอา ไม่ต้องเป็นง่วงเธอหรอกต้นน้ำหยักไหล่แล้วพูดขึ้น ก่อนจะสตาร์รถและขับเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ  

      จอมขวัญปลายสายตามองคนที่คอยจะพูดหาเรื่องเธอเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้สายน้ำอีกครั้ง  “ใช่ค่ะ ขวัญไม่เป็นอะไรค่ะคุณแม่ แค่นี้สบายมาก ปกติเข้าเวรที่โรงพยาบาลดึกว่านี้อีก ขวัญชอบทำงานดึกๆเหมือนพี่ต้นเขานะค่ะ

     “ทำงานดึกๆเหมือนพี่เขา ยังไงกันละลูกคุณสายน้ำ ถามอย่างสงสัย ส่วนคนที่โดนพาดพิงถึงก็หันมาส่งสายตาดุให้เธอทันที หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้คุณสายน้ำ

     คุณแม่ก็ลองถามพี่เขาดูสิคะ ว่าดึกๆพี่เขาชอบทำอะไร จอมขวัญโยนระเบิดลูกใหญ่ให้ต้นน้ำ ก่อนะจะหันมายักคิ้ว ท้าทายเขาอย่างเป็นต่อ  

     ต้นน้ำไม่คิดว่า จอมขวัญที่เคยรู้จัก จะกล้าต่อกรกับเขา ทั้งที่แต่ก่อนเธอออกจะสงบปากสงบคำ ไม่กล้าโต้ตอบ  สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ว่าเขาจะต่อว่าหรือพูดร้ายให้เธอเสียใจ เธอก็ไม่เคยยอกย้อนเขาสักครั้ง  หรือว่าช่วงนี้เขาใจดีกับเธอมากไป เธอถึงกล้าต่อปากต่อคำขึ้นมา

     “ว่าไงล่ะตาต้น ที่น้องบอกว่าเราชอบทำงานตอนดึกๆนะ ต้นไปอะไร

    เออ... คือผม” เขาหันมาส่งสายตาคาดโทษ ให้กับคนที่นั่งใช้มือขั้นมาป้องปาก ขำอยู่ด้านข้าง

    แต่ยังไม่ทันที่ต้นน้ำจะได้กล่าวอะไรออกไป ก็มีมอเตอร์ไซค์ขับมาตัดหน้ารถ ทำให้เขาต้องเบรกกะทันหัน เป็นผลให้ทั้งสามคนถึงกับเซไปด้านหน้าเพราะแรงเบรก จะหนักหน่อยก็คือคุณสายน้ำ ที่ผลัดตกลงมาจากเบาะรถ

    ขับรถประสาอะไรวะ อยากตายนักหรือไงต้นน้ำลดกระจกชะโงกหน้าไปต่อว่าพวกเด็กแวน ที่ขับรถเข้ามาตัดหน้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาดูอาการของคนทั้งสองที่นั่งมาในรถกับตนเอง

    จอมขวัญเธอเป็นอะไรมั้ย               

     “ขวัญไม่เป็นอะไรค่ะ คุณไปดูคุณแม่เถอะ”   จอมขวัญส่ายหน้า ไล่ความมึนงงและบอกเขา ต้นน้ำพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูรถลงไปดูคนสายน้ำที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้นเบาะ

     “คุณอาครับ คุณอาเป็นอะไรมั้ยครับ”  ต้นน้ำถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเข้ามาช่วยนางขยับตัวลุกขึ้น

    อาไม่เป็นอะไร ว่าแต่เราสองคนเถอะเป็นอะไรมั้ย แล้วนี่เราขับรถยังไงหือ ตาต้น ถึงได้เบรคแรงแบบนี้” นางเงยหน้าขึ้นมาถามหลานชาย ดีที่ว่า นางกลิ้งลงมาไม่แรง จึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายนัก

    ผมขอโทษครับอา บังเอิญมีมอเตอร์ไซค์ขับมาปาดหน้ารถ ว่าแต่คุณอาไม่เป็นอะไรจริงๆใช่มั้ยครับ” 

                   ไม่จ๊ะ อาไม่เป็นอะไร ขวัญ ขวัญเป็นอะไรมั้ยลูก แม้ตนเองจะเจ็บแต่นางก็ยังมีน้ำใจถามถึงอาการของจอมขวัญ  ที่นั่งใช้มือกุมศีรษะตนเองอยู่เบาะหน้า

       “ขวัญไม่เป็นอะไรค่ะคุณแม่ แค่รู้สึกมึนๆ สงสัยศีรษะจะไปกระแทกกับคอนโซลหน้ารถเข้านะค่ะเธอหันมาส่งยิ้มแห้งๆให้นาง

       “ไม่มีใครเป็นอะไรแน่นะครับ ต้นน้ำถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

    จ๊ะ อาไม่เป็นอะไร กลับบ้านเถอะดึกแล้ว” 

    ต้นน้ำหันมองมาทั้งสองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครได้รับอันตรายอะไรมากมาย เขาจึงขับรถออกไป ทันที่ที่รถคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังบ้านหลังใหญ่ต้นน้ำก็ลงจากรถและเปิดประตูรับอาของตนเองทันที  แต่เนื่องด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้กระเป๋าถือของคุณสายน้ำตกลงไปกับพื้นเบาะ ของใช้ส่วนตัวบางอย่างจึงหลุดออกจากกระเป๋าไปด้วย นางจึงสั่งให้ต้นน้ำเปิดไฟในห้องโดยสารแล้วคว้านหาของที่ร่วงหล่น

    จวบจนนางเก็บของทุกอย่างเกือบจะครบอยู่แล้ว พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นจี้อะไรสักอย่าง แวววับจับต้องกับสายตาอยู่ตรงซอกหนึบของรถ นางจึงเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู เผื่อจะเป็นของจอมขวัญ หรือคู่ควงคนใดคนหนึ่งของต้นน้ำทำหล่นเอาไว้

    ทันไดที่นางหยิบมันขึ้นมา นางถึงรู้ว่ามันคือสร้อยคอ และอะไรก็คงไม่สำคัญไปกว่า ทันทีที่นางเห็นจี้ที่ติดอยู่กับสร้อยคอเส้นนั้น นางถึงกับชาวาบไปทั้งตัว สร้อยเส้นนี้หายไปกับลูกสาวของนางเกือบยี่สิบปีแล้ว แล้วจู่ๆ มันจะมาโผล่อยู่ในรถของหลานชายนางได้ยังไง

    ตะ... ต้น....   น้ำ นางเรียกต้นน้ำเสียงสั่น และสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เหมือนสติตนเองกำลังจะฝั่นเฟืองแต่ก่อนที่นางจะเป็นอะไรไป นางต้องรู้ให้ได้ ว่าสร้อยเส้นนี้มาอยู่ในรถของต้นน้ำได้อย่างไร

    ครับอา ชายหนุ่มโน้มตัวใช้มือจับขอบประตูลงมาขานรับนาง แต่ทันใดที่เห็นสีหน้า และแววตาของนางที่สั่นไหว ชายหนุ่มก็ตกใจทันที พร้อมทรุดตัวเข้าไปนั่งแล้วถามนางขึ้น ด้วยความเป็นห่วง

    คุณอามีอะไรครับ ได้รับบาดเจ็บตรงไหน หรือเปล่า ทำไมตัวอาสั่นแบบนี้ละครับ ต้นน้ำเข้ามากุมมือนางไว้ แล้วก็เห็นว่านางถือสร้อยอะไรไว้อยู่ในมือ

    นางสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามระงับระดับการเต้นของหัวใจ ที่ตอนนี้มันเต้นเร็วจนนางเองก็แทบจะหายใจตามไม่ทัน  ร่างกายสั่นสะท้าน จนทั้งต้นน้ำและจอมขวัญเป็นห่วง ยิ่งน้ำตาที่เริ่มจะไหลรินออกมาจากขอบตา ยิ่งทำให้ทั้งสองคนไม่แน่ใจนึกว่านางเป็นอะไร

     ตะ... ต้น สร้อยนี่ สร้อยเส้นนี้มาอยู่ในรถ ของเรา....ได้ยังไงกว่านางจะสะกดคำพูดอกมา ช่างยากเย็นยิ่งนักมันชาหนึบไปทั้งร่าง เหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ที่เฝ้าคอยมาแสนนานจะเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งทีเริ่มทำใจได้แล้ว ว่านางกับบุตรสาวคงไม่มีวาสนาต่อกัน

    ต้นน้ำหยิบสร้อยจากมือนางขึ้นมาดู  เพ่งมองมันอย่างละเอียดและใช้ความคิด ตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะหลังจี้ สลักอักษร ส.สุริยะ ไว้อย่างเลื่อนลาง แม้จะมองไม่ชัด แต่นำสกุลต้นตระกุลตนเอง เช่นนี้ใครเลยจะจำไมได้ ในเมื่อเขาเองก็มีจี้แบบนี้อยู่ จะต่างกันก็แต่ ของเขาเป็นรูปพระอาทิตย์ทรงกรด ส่วนจี้ที่นางถืออยู่คือรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว  แม้ส่วนปลายมันจะชำรุดไปบ้าง แต่ตัวหนังสือมันก็ยังคงอ่านได้

    ส. สุริยะ นี่มัน ต้นน้ำพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองเหมือนกัน

    มีอะไรเหรอคะ พี่ต้น สร้อยเส้นนี้มีอะไรค่ะ จอมขวัญที่ไม่เข้าใจหนัก ถามขึ้น เมื่อเห็นคนทั้งสอง มีสภาพไม่ค่อยต่างกัน นั้นก็คือ อาการตกตะลึง

      “บอกอามาสิต้น สร้อย เส้นนี้มาอยู่ในรถของต้นได้ยังไง บอกอามา”  นางเข้าไปเขย่าแขนของต้นน้ำถามอย่างคาดคั่น  ภาวนาอย่าให้เป็นของคู่ควงของต้นน้ำคนใดคนหนึ่งเลย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ นางคงจะขาดใจตายเป็นแน่แท้

    ผมไม่ทราบครับอา ว่ามันอยู่ในรถของผมได้ยังไง ต้นน้ำตอบตามความจริง และพยายามคิดตรึกตรองลำดับเหตุเหตุการณ์อยู่ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เขายังไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นรถเลยสักคน ตั้งแต่สั่งให้เด็กที่บ้านล้างรถให้ จะมีก็แต่.. .              “ใช่แล้ว … ใช่แล้วครับอา 

    ใช่อะไรต้น ใช่อะไร บอกอามาสิ  ต้นรู้แล้วใช่มั้ยว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของใคร เมื่อเห็นหลานชายคลี่ยิ้มออกมานางก็อดที่จะถามไม่ได้ และเฝ้ารอคำตอบจากต้นน้ำอย่างใจจดใจจ่อ

      “ว่าแต่คุณอาเจอสร้อยเส้นนี้ตรงไหนครับ” 

    ตรงซอกหนึบของเบาะรถ ของใครต้นน้ำ ของใครบอกอามาสิ  นางยังไม่เลิกถามคำถามซ้ำไปซ้ำมา จิตใจจดจ่ออยู่กับคำตอบของต้นน้ำ

    เมื่อหลายวันที่แล้ว ผมไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่งมาจากการถูกลักพาตัวครับอา แล้วผมก็ให้เธอนอนอยู่หลังรถ ตรงนี้ตรงที่คุณอานั่งอยู่ ต้นน้ำค่อยๆเล่าให้นางฟัง

    ใครต้นน้ำ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” นางเข้ามาเขย่าแขนต้นน้ำอีกครั้ง หัวใจเต้นตึกตั๊ก และไม่เป็นจังหวะ มันคล้ายๆจะหยุดเต้น หากยังไม่ได้รับคำตอบจากชายหนุ่ม

    พริริสากับคุณอา พริริสาภรรยาของคุณสกาย ลูกสะใภ้ของคุณหญิงป้าลดา ในที่สุดต้นน้ำก็เอ่ยออกมา เพราะเขายังไม่ได้รับคู่ควงคนไหนขึ้นรถเลยในระหว่างอาทิตย์ที่ผ่านมา

    ต้นน้ำ ว่าไงนะ หนูพริริสา หนูพริริสาที่เป็นลูกสะใภ้ ของคุณพี่ลดาเหรอ ต้นน้ำ ต้นน้ำพาอาไปที่บ้านอภิเศรษฐกุลหน่อยได้มั้ย ไปตอนนี้เลย “  นางขอร้อง ต้นน้ำทั้งน้ำตา

    คุณอาใจเย็นๆ ก่อนครับ ผมแค่สันนิฐาน มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ก็น้องพริมเธอ เป็นน้องสาวของลินลณีนี้ครับ บางทีผมอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้  ต้นน้ำยังไม่อยากวู่วาม เพราะยังไม่ค่อยแน่ใจว่าพริริสาจะใช้น้องสาวของเขา เพราะเธอเองมีครอบครัวของเธออยู่แล้ว

     “แต่ น้องพริม เธอไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกันกับคุณลินลณีนะคะ จอมขวัญนั้นเองที่เป็นคนเอ่ยขึ้น เมื่อเธอพอจะจับต้นชนปลายถูกแล้ว ว่าทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องอะไร และน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง หากผู้มีพระคุณของเธอจะมีโอกาสได้พบเจอบุตรสาวที่แท้จริงของตนเองอีกครั้ง

    เธอรู้เรื่องนี้ได้ไงจอมขวัญ”  ต้นน้ำหันมาถาม

    น้องพริมเคยเล่าให้ขวัญฟัง ตอนที่เราพบกันที่งานเลี้ยงคราวก่อนค่ะ

    นะต้น พาอาไปบ้านพี่ลดาหน่อย อาอยากจะเจอหนูพริมอีกครั้ง อาอยากรู้ว่าสร้อยเส้นนี้เป้นของเธอจริงหรือเปล่า “ คุณสายน้ำขอร้องเสียงสั่น

    แต่อาครับ นี่มันดึกแล้วนะครับ ที่บ้านโน้นคงนอนหลับกันหมดแล้ว ไว้พรุ่งนี้เช้าผมจะพาอาไปแต่เช้าเลยต้นน้ำว่า เพราะนี่มันเกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว คืนบุกไปยามวิกาล จะพากันแตกตื่นเปล่าๆ

    แต่ว่า อา...

    ขวัญก็เห็นด้วยกับพี่ต้นนะคะคุณแม่ พรุ่งนี้เราค่อยไปถามเธอจะดีกว่า วันนี้มันดึกแล้ว ขวัญอยากให้คุณแม่พักผ่อนมากกว่า

    เมื่อเห็นคนทั้งสองทักท้วงเอาไว้  อีกอย่างเมื่อเห็นแววตาของคนทั้งสอง แสดงออกมาอย่างเป็นห่วงเป็นใย นางก็ไม่อยากจะขัด แม้อยากจะไปถามให้แน่ใจ แต่ก็ไม่อาจทำให้คนที่รักทั้งสองคนเป็นห่วง ได้แต่เก็บกลืนความตื่นเต้นนั้นไว้

    พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ ต้นน้ำพาอาไปแต่เช้าเลยนะ  ขวัญ ขวัญไปกับแม่นะลุก”  นางหันมาบอกจอมขวัญ

    ค่ะคุณแม่ พรุ่งนี้ ขวัญจะไปกับคุณแม่ จอมขวัญเข้ามาจับมือนางไว้แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนกลับไปให้ ก่อนจะเงยหน้ามองต้นน้ำที่มองมายังเธอด้วยสายตาแปลก ๆ

    คุณสายน้ำ ยอมลงจากรถมาแต่โดยดี นางกำสร้อยเส้นนั้นไว้แน่น เมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกน้อยที่ผลัดจากอกไปตั้งยี่สิบปี ภาวนาขอให้พริริสาเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนี้ หรือขอให้พริริสารู้จักเจ้าของของมัน หัวใจที่ห่อเหี่ยวมานาน ตอนนี้กลับชุ่มฉ่ำขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่กำลังจะปลงและถอดใจยอมรับ ว่านางกับบุตรสาวคงไม่ได้ทำบุญมาร่วมกัน แต่แล้วจู่ๆ สวรรค์ก็เป็นใจ ทิ้งร่องรอยบางอย่างให้นางจะได้เจอหน้ากับบุตรสาวอีก 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×