~]Grace[~
ความรัก...ให้ได้แม้กระทั่ง...ชีวิต
ผู้เข้าชมรวม
117
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Grace
+++ ความรัก...ให้ได้แม้กระทั่ง...ชีวิต... +++
ความรักของฉัน...เป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้...ถึงจะรู้อย่างนั้น...แต่ตัวฉันก็ยังคงดึงดันที่จะรักเขา...แม้ว่า...ฉันต้องเจ็บช้ำใจ
หากฉันจะจากไป...ฉันจะจากไปด้วยคำว่า “ผู้เสียสละ”...เพราะฉันทำเพื่อเขาได้ทุกอย่าง...แม้จะต้องแลก...ด้วยชีวิตของฉันเอง...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถ้าฉันบอกพี่ว่า...คนที่ช่วยพี่ในวันนั้น...ไม่ใช่ฮีจิน...แต่เป็นฉัน...พี่จะว่ายังไง...
ฉันเดินไปบนถนนเส้นยาวที่ยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางอยู่แห่งหนไหน...เดินไปอย่างเลื่อนลอย...ไร้จุดหมาย
หากว่าวันพรุ่งนี้...ฉันไม่ได้ตื่นมามองโลกใบนี้อีก...คงจะดี...เพราะถ้าฉันตื่นมา ได้มองเห็นความจริงบางอย่างที่เกิดขึ้น...ฉันก็เหมือนตายทั้งเป็น...สู้ให้ฉันไม่รับรู้เลยดีกว่า...
--- Flash Back ---
+++ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์+++
“คาร์บอนเนต กำมะถัน...แล้วอะไรอีกล่ะ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโต๊ะพลิกหนังสือเล่มใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาอย่างขะมักเขม้น เบื้องหน้าของเขาเป็นหลอดทดลองขนาดต่าง ๆ ที่มีสารเคมีบรรจุอยู่เต็มไปหมด คงทำการทดลองบางอย่าง...
“เจอหรือยัง จุนกิ” เสียงหวานของหญิงสาวอีกคนดังขึ้น หล่อนนั่งอยู่ข้าง ๆ กับจุนกิ อยู่ด้านหน้าของชั้นวางสารเคมี
“เจอแล้ว ๆ กรดอ่อน ฮีจิน หยิบกรดอ่อนให้หน่อยสิ”
“ได้จ๊ะได้ กรดอ่อนนะ” ฮีจินเอื้อมมือไปหยิบขวดบนชั้น โดยไม่ได้สังเกตฉลากที่ติดอยู่ มันเขียนว่า “กรดซัลฟิวริก”
“เอาล่ะ เกือบได้แล้ว” จุนกิยกขวดที่ตั้งอยู่บนตะเกียงแอลกอฮอล์ขึ้นมา แล้วค่อย ๆ เทกรดลงไปในขวด
“ฟู่ ๆๆๆ” กลุ่มควันจำนวนมากลอยขึ้นมาจากปากขวด กระทบเข้าที่ดวงตาของจุนกิอย่างจัง...เขาล้มลงจากเก้าอี้
“โอ๊ยยย โอ๊ยยย” เขาเอามือกุมที่ดวงตาทั้งสองข้างอย่างเจ็บปวด ฮีจินรีบวิ่งไปหาจุนกิ
“จุนกิ จุนกิ เธอเป็นอะไรไป จุนกิ” หล่อนเขย่าตัวจุนกิ แต่ก็ไม่เป็นผล
“ใครก็ได้ ช่วนจุนกิที...” หล่อนตะโกนสุดเสียง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อะไรนะ จุนกิอยู่โรงพยาบาล” หญิงสาวร่างสูง ผมสีน้ำตาลอ่อนอุทานอย่างตกใจ เมื่อได้ฟังข่าวจากคนในชมรมเดียวกัน พอสอบถามทุกอย่างจนได้เรื่องแล้วหล่อนก็ออกวิ่งไปทันที
พอมาถึงโรงพยาบาล ก็เดินพุ่งไปยังห้องฉุกเฉินทันที แต่ก็พบแต่เพื่อนสาวของเธอ...ฮีจินนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าห้อง
“ฮีจิน...เกิดอะไรขึ้น” หล่อนถามด้วยเสียงแผ่วเบา ฮีจินเงยหน้าขึ้นมาจากมือที่กุมหน้าไว้ โผเข้ากอดหล่อนทันที
“ยูมิน ฮือ ๆ ฉันขอโทษ ฮือ ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ฮือ ๆ” ฮีจินรัวคำพูดออกมาปะปนกับเสียงสะอื้น
“เกิดอะไรขึ้น...ฮีจิน...ไหนลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยซิ...ทำไมจุนกิเป็นแบบนี้...ทำไม” ฉันเขย่าตัวฮี จินแรง ๆ เพราะฉันห่วง...ห่วงจุนกิเหลือเกิน
จะไม่ให้ฉันห่วงได้อย่างไร....คนที่ฉันรักที่สุด...คนที่ฉันให้ได้ทุกอย่าง...ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตราย...ถึงแม้ว่าวันนี้...ฉันกับเขายังเป็นได้แค่...รุ่นพี่ และ รุ่นน้อง ที่อยู่ในชมรมเดียวกันเท่านั้น...และคนที่นั่งในหัวใจของเขามาตลอด...ก็คือคนที่อยู่ในอ้อมกอดของฉันตอนนี้...ลีฮีจิน
น้ำตาหยดใส ๆ ของฉันไหลรินลงมา.....ฉันเสียใจไม่แพ้เธอหรอกนะ...ฮีจิน...ที่จุนกิเป็นแบบนี้...ฉันยิ่งเจ็บปวดยิ่งกว่าหลายเท่า...
ไม่นานนัก ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก แพทย์ที่ทำการรักษาจุนกิก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ฉันรีบรุดเข้าไปหาหมอเป็นคนแรก
“คุณหมอคะ จุนกิเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามหมอเสียงเครือ
“คนไข้ถูกสารเคมีร้ายแรงกระทบที่ดวงตาโดยตรงเลยนะครับ ทำให้สูญเสียการมองเห็น จะเป็นครั้งคราว หรือตลอดไปนั้น เรายังบอกไม่ได้ ต้องรอดูอาการไปก่อน...บอกตามตรงนะครับ โอกาสที่ตาจะบอดนั้น...มีสูงมาก” คำพูดสุดท้ายของหมอเกือบทำให้ฉันเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น แต่ด้วยสติ...และกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดของฉัน พยุงกายให้ฟังคำวินิจฉัยของหมอต่อ
ส่วนฮีจิน หล่อนไร้ซึ่งสติแล้วตอนนี้ หล่อนนั่งร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจอยู่บนพื้น
“แล้วมีทางช่วยไหมคะ...มันต้องมีสักทาง...ใช่ไหม” ฉันถามอย่างมีความหวัง
“มีครับ แต่มันคงเป็นไปได้ยาก คุณต้องหาดวงตามาเปลี่ยนให้กับเขา จึงจะเป็นปกติได้”
“ค่ะ ชั้นจะไปหา ชั้นจะไปหา ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริง ๆ” ฉันพูดทั้งน้ำตา
“เดี๋ยวเราจะย้ายคนไข้ขึ้นไปบนห้องพักนะครับ ผมขอตัวก่อน” หมอเดินจากไป ฉันกับฮีจินให้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ฉันลงไปประคองฮีจินขึ้นมา บอกกับหล่อน
“เราต้องหาดวงตาฮีจิน เราต้องหามันมา เราช่วยจุนกิได้ เข้าใจไหม” ฉันบอกกับหล่อน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เหมือนมันจะตอกย้ำกับตัวของฉันเองด้วย
“ดวงตา...จริงหรือ...หาดวงตา ใช่ไหม แค่นี้เองใช่ไหม” ฮีจินพูดขึ้น ดวงตาเลื่อนลอย
“ใช่ เพียงแค่เราหาดวงตามาเปลี่ยนให้จุนกิ จุนกิก็จะเป็นเหมือนเดิม หยุดร้องไห้ซะ” ฉันประคองฮีจินให้ลุกขึ้น พยายามเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของฮีจิน
หล่อนสวยมาก...มันไม่แปลกเลย....ที่จุนกิจะรักฮีจินจนหมดหัวใจ...
“จุนกิเห็นเธอในสภาพแบบนี้ เขาคงรับไม่ได้แน่” ฉันพูดปลอบใจหล่อน
“เราจะต้องหาได้ จริงไหม ยูมิน...” หล่อนถามฉัน
“ใช่ เราต้องหาได้แน่นอน ไม่ต้องห่วงหรอกฮีจิน” ฉันลูบหลังหล่อนเบา ๆ ปลอบใจหล่อน...และตัวฉันเอง...
จุนกิ....ไม่ว่าเธอจะรักฉันหรือไม่....ฉันจะทำเพื่อเธอ...เพื่อคนที่ฉันรัก...
เราทั้งสองคนตระเวนหาผู้บริจาคดวงตาจากโรงพยาบาลทุกแห่ง หาในอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่ประกาศในหนังสือพิมพ์....ก็ยังไม่มีแม้แต่วี่แววผู้ที่จะบริจาค
“เราต้องไม่หมดหวัง” ฉันพูดกับฮีจิน
“ยูมิน...ฉันจะเปลี่ยนเอง” ฮีจินพูดขึ้น ทำเอาฉันตกใจไม่น้อย
“จะบ้าหรือไง...ไม่ใช่เรื่องเล่นนะ” ฉันพูดขึ้น
“ก็เพราะไม่เล่นน่ะสิ ฉันถึงได้พูดออกมา” “จะเอาอย่างนั้นเหรอ”
หล่อนพยักหน้า ฉันจึงบอกให้หล่อนไปปรึกษากับหมอดูก่อน
“มันเสี่ยงนะครับ คิดดูให้ดี ๆ ก่อน” หมอเตือน
“ฉันคิดดีแล้วล่ะค่ะ เอาตาของฉันไป” ฮีจินพูดขึ้น ฉันได้แต่นั่งฟังอย่างสงบ
“แต่พ่อไม่อนุญาต” เสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยอำนาจดังจากเบื้องหลังของเราทั้งสองคน
*********************** /////// Grace /////// *************************************
“แต่พ่อคะ จุนกิเค้า...” “เราสามารถหาดวงตาจากที่อื่นได้ ไม่จำเป็นที่ลูกจะต้องทำแบบนี้”
“เราไปหาทุกที่แล้วนะคะพ่อ” “แต่พ่อไม่อนุญาต” เสียงนั้นกล่าวเฉียบขาด ทำให้ฮีจินเงียบเสียงลงแต่ก็เถียงอีก
“พ่อคะ หนูเป็นคนทำให้จุนกิเป็นแบบนี้นะ”
“ไม่ว่าจะเหตุผลใด พ่อก็ไม่ยอมทั้งนั้น” เสียงนั้นยังยืนยันคำเดิม
พลังความรักนี่ยิ่งใหญ่จังนะ...คนเราสามารถเสียสละได้ทุกอย่างเพื่อคนที่รัก...เสียสละให้ได้แม้กระทั่งชีวิตจริง ๆ...
ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกแบบนี้...ทำไมต้องเป็นจุนกิ...ทำไมต้องเป็นคนที่ฉันรักด้วย !!
หลังจากที่ฉันฟังมานานแล้ว ฉันก็ลุกขึ้นมาอย่างสุดที่จะทนไหว
“หนูเองค่ะ...หนูจะเปลี่ยนตาให้จุนกิเอง” ฉันลุกขึ้นบอกกับทุกคนในห้อง ฉันคิดดีแล้ว
“ยูมิน...” ฮีจินเรียกชื่อฉันเบา ๆ
“หนูคิดว่าหนูเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการเสียสละครั้งนี้...หนูขอบริจาคดวงตาให้จุนกิค่ะ”
“แน่ใจหรือหนู มันคือทั้งชีวิตของหนูเลยนะ” หมอถาม
“ค่ะ” ฉันตอบหนักแน่น ให้ฉันเป็นคนที่มองไม่เห็นเสียเอง...ดีกว่าที่จะเป็นจุนกิ...ก็ดีเหมือนกัน...ฉันจะไม่ได้เห็นภาพบาดตาเหล่านั้นอีก...
“ลุงจะคิดดูอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ออกไปก่อนเถอะนะ” พ่อของฮีจินบอก เราทั้งสองคนก็ยอมออกจากห้องนั้นไปแต่โดยดี
ระหว่างทางที่เดิน ฉันรู้สึกว่าฮีจินจะซึมลงยิ่งกว่าเดิม
“อย่าบอกจุนกินะ” ฉันพูดขึ้น ฮีจินหันมามองอย่างแปลกใจ
“ทำไมล่ะ ?” “ฉันไม่อยากให้เขาลำบากใจ”
“ก็ได้” เราทั้งสองคนสาวเท้าเดินต่อจนถึงห้องพักของจุนกิ
เมื่อก้าวข้ามพ้นธรณีประตูเข้ามาในห้อง...ภาพที่ฉันเห็น...คือชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าหวานที่คุ้นตา ติดตรึงในใจของฉันมิรู้ลืม....นอนอยู่บนเตียง...มีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันอยู่รอบดวงตาของเขา...ทำให้น้ำตาของฉันไหลรินออกมาอีกครั้งอย่างสุดกลั้น...
ฮีจินนั้น นั่งลงข้าง ๆ เตียง กุมมือจุนกิเอาไว้ ลูบที่หลังมือเบา ๆ พร้อม ๆ กับน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาอีกเช่นกัน...
ในที่สุดร่างสูงนั้นเริ่มรู้สึกตัว มือค่อย ๆ ขยับช้า ๆ ฉันได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ อย่างตื่นเต้น...ฉันทำได้แค่นั้นจริง ๆ
“จุนกิ...จุนกิรู้สึกตัวแล้วใช่ไหม” “ฮีจิน...ผมเป็นอะไรไปหรือ?” เขาถาม
“เปล่าเลย คุณไม่ได้เป็นไร คุณแค่ต้องรักษาตาของคุณนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“จริงหรือ ตาผมไม่ได้เป็นอะไร ผมยังเล่นเคนโด้ได้ใช่ไหมฮีจิน” จุนกิถามขึ้นอีก
“ได้สิ...ได้แน่นอน” ฮีจินปลอบจุนกิ ทั้งสองคนจับมือกันแน่น จนทำให้ฉันต้องค่อย ๆ ถอยออกมาอย่างเจ็บปวด...ไม่อาจทนเห็นภาพเหล่านั้นได้...
อีก 1 อาทิตย์ต่อมา จุนกิได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ทุกคนรอลุ้นที่จะเปิดผ้าปิดตาของจุนกิออก และภาวนาขอให้ตาของเขาหายดี
พวกเราพาเขาไปยืนอยู่หน้าเสาที่มียางรถยนต์อยู่ เป็นที่ซ้อมเคนโด้ของเขา แล้วค่อย ๆ เปิดผ้าปิดตาออก
ฉันแน่ใจได้เลยว่าภาพที่จุนกิเห็นเป็นเพียงภาพเลือนราง เขาทุบยางรถยนต์นั้นอย่างเจ็บใจ ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง...ฉันสงสารเขามาก....ในใจฉันร้อนรุ่มและเจ็บปวดไปไม่น้อยกว่าเขา...ฉันรีบเร่งรัดให้หมอทำการผ่าตัดโดยเร็ว...ไม่อยากให้จุนกิเป็นแบบนี้อีกแล้ว
หมอบอกกับฉันว่า อีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า จะทำการผ่าตัดให้ แต่ฉันบริจาคให้เขาได้...เพียงข้างเดียว...ด้วยเหตุผลที่ว่า ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่มองอะไรไม่เห็นไม่ได้...
จุนกิกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ในสภาพเดิม ผ้าสีขาวที่ปิดดวงตาของเขาเอาไว้ ฉันไปเยี่ยมเขาบ่อย ๆ ส่วนใหญ่ฉันจะไม่เจอฮีจิน เพราะหล่อนต้องกลับบ้านพร้อมกับผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลแห่งนี้
“พี่จุนกิคะ ฉันมาเยี่ยมน่ะ เป็นยังไงบ้างคะ” ฉันทักทายเขา
“อ้อ สบายดีจ้ะ ยูมินเหรอ” เขาพยายามมองหาฉันทั่วทุกทิศ ฉันเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา
“ค่ะ ฉันอยู่ข้างหน้าพี่นะคะ” จุนกิหยุดการมองหาฉัน หันหน้ามาเหมือนกับกำลังมองฉันอยู่
“พี่นี่มันใช้ไม่ได้เลย
” ยังไม่ทันที่จุนกิจะพูดอะไรต่อ ฉันก็ใช้นิ้วของฉันแตะริมฝีปากเขาไว้
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ พี่ไม่ได้แย่อย่างที่พูดซักหน่อย อีกไม่นานพี่จะกลับมาเป็นคนเดิม จำคำฉันไว้นะคะ พี่จะกลับไปเล่นเคนโด ไปทำบอลลูนได้อีกครั้งแน่นอน”
จุนกิจับมือของฉันที่แตะริมฝีปากเขาเอาไว้ บีบเบา ๆ อย่างขอกำลังใจ ฉันบีบมือเขาตอบ...ด้วยหวังว่าจะช่วยเป็นกำลังใจให้เขาได้บ้าง
“ตอนนี้พี่ต้องอดทน รอจนกว่าวันนั้นจะมาถึง อีก 3 วันเท่านั้นนะคะ อดทนเอาไว้ อดทนเอาไว้” ฉันพูดไปสะอื้นไป...ร้องไห้อีกแล้ว
“อย่าร้องไห้เลยนะ...” จุนกิพูด พลางยกมืออีกข้างหนึ่งเช็ดน้ำตาของฉัน
เป็นช่วงเวลาที่แสนสุขจริง ๆ....
***************************** ///////// Grace //////// *****************************
วันนี้แล้วสินะ...วันที่ฉันจะได้ทำเพื่อคนที่ฉันรัก...จุนกิจะได้เป็นเหมือนเดิมสักที...
ตอนนี้ฉันนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล รอคอยช่วงเวลานั้นที่จะมาถึง...มีแค่ฉันเท่านั้น...ที่จะช่วยจุนกิได้...
“ทำใจให้สบายนะครับ” “ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ ฉันไม่เป็นไรหรอก...ถ้าการที่ฉันต้องเจ็บปวด...มันแลกกับการมองเห็นของจุนกิ...ฉันยอมทั้งนั้น...
พยาบาลค่อย ๆ เข็นเตียงของฉันมุ่งเข้าสู่ห้องฉุกเฉิน...เมื่อเตียงผ่านประตูห้องฉุกเฉิน ฉันได้ยินเสียงปิดประตู ทุกอย่างมืดมิด...ฉันหลับตาลงช้า ๆ
ตอนนี้พยาบาลหยุดเข็นเตียงของฉันแล้ว ทันใดนั้นแสงไฟก็ส่องเข้ามาที่ใบหน้าของฉัน มันเจิดจ้ามาก จนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย...
“หมอจะฉีดมาสลบนะครับ” หมอยกเข็มฉีดยาขึ้นมา ฉันพยักหน้า แล้วหลับตาลง รอคอย...
และฉันก็รู้สึกเจ็บจี๊ด เหมือนถูกมดรุมกัด จากนั้นไม่นาน...สติของฉันก็ดับวูบไป
เพื่อจุนกิ...เสียงของฉันดังในโสตประสาทเป็นครั้งสุดท้าย
--- 1 วันผ่านไป ---
ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ รู้สึกว่าภาพที่เห็นตรงหน้ามันพร่ามัวเหลือเกิน....ฉันกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อที่ให้การมองของฉันชัดขึ้น...ใช่แล้ว...มันชัดขึ้นจริง ๆ...
การผ่าตัดผ่านไปนานแล้วหรือนี่ ??? ทำไมเหมือนมันรวดเร็วจัง....แล้วตอนนี้จุนกิจะเป็นยังไงบ้าง...ตาของเขาจะเหมือนเดิมหรือเปล่า...
ฉันหันไปมองข้างเตียง ฉันก็พบว่า มีร่าง ๆ หนึ่งนอนอยู่บนเตียงที่อยู่ข้างเตียงของฉัน ผ้าสีขาวนั้นยังปิดอยู่ที่ตา ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างจะหลับหรือตื่น...จุนกินั่นเอง
ฉันยิ้มบาง ๆ ให้กับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็น...ฉันรู้สึกว่า ตอนนี้ ฉันมีจุนกิอยู่ข้าง ๆ เสมอ ไม่ว่ายามหลับ หรือยามตื่น...
“พี่จุนกิคะ ตื่นแล้วหรือคะ” ฉันถามขึ้น เมื่อเห็นร่างของเขาเริ่มขยับ
“ยูมิน พี่อยู่ที่ไหนเนี่ย” เสียงจุนกิถามฉัน
“ห้องพักผู้ป่วยไงคะ พี่ผ่าตัดเสร็จแล้ว อีกไม่นานพี่ก็จะเล่นเคนโดได้ พี่จะได้ทำบอลลูนของเรา ดีใจไหมคะ”
จุนกิคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เป็นรอยยิ้มที่ฉันจะจดจำไว้จนลมหายใจสุดท้าย...
“ดีใจสิ ยูมิน พี่ดีใจที่สุดเลย” จุนกิตอบมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง “แล้วฮีจินล่ะ”
คำถามนี้มันเสียดแทงหัวใจของฉันอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีมีดพันเล่มกระหน่ำลงมาทิ่มแทงบนตัวฉัน...ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่นี้...ฉันยังมีความสุข...มีความสุขมาก
“เดี๋ยวคงมามั้งคะ เขาเป็นห่วงพี่มากเลยนะ” “พี่รู้ ๆ” จุนกิยิ้มอย่างเป็นสุข
สักพัก ฮีจินก็เข้ามา เธอรีบปรี่เข้าไปหาจุนกิทันที
“เป็นยังไงบ้าง” ฮีจินจับมือเขาไว้แน่น จุนกิก็เช่นกัน...
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบใจนะ ขอบใจจริง ๆ แล้วตาที่เปลี่ยนให้..”
“ฮีจินค่ะ ตาของฮีจิน” ฉันรีบโพล่งขึ้น ฮีจินมองฉันอย่างแปลกใจ
“โธ่...ทำไมคุณโง่แบบนี้ ฮีจิน ถ้าผมรู้ว่าเป็นตาของคุณ ผมจะไม่ยอมเปลี่ยนเด็ดขาด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ชั้นทนได้ ๆ” ฮีจินเขย่ามือจุนกิแรง ๆ น้ำตาไหลออกมา
“ขอบคุณคุณจริง ๆ ฮีจิน ขอบคุณมาก กับสิ่งที่คุณมอบให้ผมเสมอมา ผมจะตอบแทนคุณ ด้วยชีวิต”
พอได้แล้ว...จางยูมิน...เธอยังจะลืมตาดูภาพเหล่านี้อีกหรือ...เธอไม่รู้จักเจ็บปวดบ้างหรือไง...หลับตาลงซะ...
--- 1 สัปดาห์ผ่านไป ---
วันนี้จุนกิจะต้องเปิดผ้าปิดตาออกแล้ว พวกเราทุกคนในชมรมมาให้กำลังใจจุนกิอยู่รอบ ๆ เตียง
“ฉันจะกลับมามองเห็นเหมือนเดิมใช่ไหม ทุกคน” “ใช่” ทุกคนตอบ จุนกิยิ้ม
“หมอจะเปิดแล้วนะครับ” หมอค่อย ๆ แกะผ้าปิดตาของจุนกิออก ท่ามกลางความตื่นเต้นของทุกคนในอยู่ในที่แห่งนั้น...รวมทั้งฉัน ที่คอยวันนี้มานานเหลือเกิน
จุนกิค่อย ๆ ลืมตาขึ้น...และก็ยิ้มออกมา ฉันแน่ใจในทันทีว่าจุนกิมองเห็นแล้ว...มันตื้นตัน...ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ...จุนกิกลับมาเหมือนเดิมแล้ว...
ฮีจินปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจ...ตัวฉันเองก็เช่นกัน...ฉันรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่กว่าฮีจินหลายเท่า...จริง ๆ นะ...การเป็นผู้ให้...มันสุขใจอย่างนี้นี่เอง...
แต่...ฉันรู้สึกว่า...น้ำตาของฉัน มันไหลออกมาแค่เพียงข้างเดียวเท่านั้น...เกิดอะไรขึ้นกับฉัน...มันเกิดอะไรขึ้น...
ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าตาของตัวเอง เช็ดน้ำตาออก พยายามจะไม่ร้องไห้...และสังเกตเห็น...ตาข้างขวาของจุนกิ....มีน้ำตาไหล !!!
รู้สึกว่าจุนกิก็แปลกใจเหมือนกัน ฉันพยายามอย่างมากที่จะทำตัวเป็นปกติ...ใช่แล้ว...จุนกิเห็นเพียงแค่ฮีจินร้องไห้...เขาไม่ได้เห็นฉัน
จะเป็นไปได้หรือ...ที่ความรู้สึกระหว่างคนสองคนเชื่อมถึงกันได้...เป็นไปได้จริง ๆ หรือ...ที่ความรู้สึกของเราสองคน...จะส่งผ่านให้อีกฝ่ายรับรู้ได้...
ฉันค่อย ๆ ปลีกตัวออกมาจากกลุ่ม รีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด...ฉันไม่อยากให้เขารู้ความจริง...ให้ความดีของฉันกลายเป็นของฮีจิน...แบบนี้น่ะดีแล้ว
หลังจากที่จุนกิออกจากโรงพยาบาลแล้ว จุนกิก็ดูร่าเริงขึ้น กลับไปซ้อมเคนโด ไปอยู่ที่ชมรมบอลลูนเหมือนเดิม
ฉันเองก็ยังคงไปเหมือนกัน...เราอยู่ชมรมเดียวกันนี่...และฉันก็เล่นเคนโดด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คนกลัวความสูงอย่างฉันคงไม่ยอมเข้าชมรมบอลลูน ...
วันนี้ฉันไปซ้อมเคนโดเช่นกัน แต่กลับก่อนจุนกิ แต่ฉันก็ยังแอบดูเขาซ้อม เป็นอย่างนี้ทุกวัน แต่ว่าวันนี้ ฉันซื้อโกโก้กระป๋องมาด้วย
จุนกินั่งลง นั่งทำสมาธิอยู่บนพื้น ฉันค่อย ๆ กลิ้งโกโก้กระป๋องนั้นไปให้เขา แล้ววิ่งออกมาอย่างสุดชีวิต...
จุนกิหยิบกระป๋องนั้นขึ้นมามองแล้วยิ้ม
“ฮีจินแน่ ๆ เลย”
*********************** //////////// Grace ////////// *********************************
ฉันวิ่งออกมาจากตรงนั้นได้ไกลพอสมควร
แล้วฉันก็หยุด ก้มลงนิด ๆ หายใจหอบ
หวังว่าจุนกิคงไม่เห็น
อย่างน้อย ฉันก็ได้ทำอะไรเพื่อเขาได้อีก
ฉันถือว่ามันคือความสุขของฉัน
มันคือความสุขของฉันจริง ๆ
+++วันต่อมา+++
พวกเราในชมรมบอลลูนมารวมตัวกันที่ห้อง ตอนนี้ เราได้ชิ้นส่วนของบอลลูนมาบ้างแล้ว สีหน้าทุกคนดูอิ่มเอมใจ ที่ความฝันใกล้จะเป็นจริง
จุนกิยืนอยู่หัวโต๊ะ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ส่วนฮีจินก็นั่งอยู่ทางด้านขวามือเขา ห่างออกไปเล็กน้อย ข้าง ๆ ฉัน
ภาพที่ฉันเห็นต่อไป คือโกโก้กระป๋องกระป๋องหนึ่งกลิ้งมาช้า ๆ มาทางจุนกิ
เขารู้
ฉันอมยิ้ม
แต่ก็ต้องหุบลงเมื่อโกโก้กระป๋องกลิ้งผ่านหน้าฉันไป
ไปหาฮีจิน
ซึ่งหล่อนรับมันแล้วหันไปยิ้มกับจุนกิ ซึ่งเขายกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากตัวเอง เป็นเชิงว่าเป็นความลับระหว่างเราสองคน
อะไรกัน ฉันเป็นคนส่งนั่นให้เขานะ ไม่ใช่ฮีจินสักหน่อย
หลังจากเลิก จุนกิอยู่ในห้องกับเพื่อน ฉันรีบดึงฮีจินออกมาในที่ลับตาคน
เรื่องนี้ฉันรู้สึกโกรธมากอย่างบอกไม่ถูก ยังไงวันนี้ก็ขอให้คุยกันให้รู้เรื่อง
“มีอะไรหรือยูมิน” ฮีจินถาม
“เธอรู้ไหมว่าทำไมจุนกิถึงให้ไอ้นั่นกับเธอในห้อง” ฉันถามเสียงเย็น
“โกโก้นั่นน่ะเหรอ ไม่รู้สิ” “เพราะเขาเข้าใจว่าเธอเป็นคนให้เขา ทั้งทั้งที่
” จู่ ๆ ฉันก็หยุดพูด
“อะไร ทั้งทั้งที่อะไรยูมิน เธอเป็นคนให้เขางั้นหรือ” ฮีจินถาม
“ใช่ ฉันเป็นคนส่งให้เขา ฉันนี่แหละ และก็เป็นฉัน ที่คอยดูแลเขา ในเวลาที่เธอไม่อยู่ ฉันที่ทำเพื่อจุนกิทุกอย่าง เธอเคยรู้บ้างไหม” ฉันระเบิดอารมณ์ออกมา ฮีจินเงียบไป
“หมายความว่า
ที่ผ่านมา
เธอชอบจุนกิ
งั้นหรือ ??” ฮีจินถามเสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหล
ฉันนิ่งไป น้ำตาไหลรินออกมาเช่นกัน สูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดออกมา
“ไม่ใช่แค่ชอบ
แต่ฉันรักเขา ฉันรักจุนกิเธอได้ยินไหม ฉันรักเขา ฮือ
” ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฮีจินนิ่งอึ้งไป ก่อนที่จะร้องไห้อีกคน
“ทำไมต้องเป็นเธอ
ยูมิน” ฮีจินพูดเสียงแหบพร่า เอามือปิดหน้า ร้องไห้ออกมาเช่นกัน
“มันเป็นไปแล้ว” ฉันพูดสั้น ๆ ปาดน้ำตาแล้วเดินออกไป
รักสามเส้า มันก็เป็นแบบนี้
ฉันไม่ได้ตั้งใจเลยฮีจิน
ใจจริง ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้
เพียงแต่ฉันคงจะปิดมันต่อไปไม่ไหว
ก็เท่านั้น
++ด้านจุนกิ++
ในห้องทุกคนกำลังสนุกสนานกัน จุนกินั่งอยู่บนโต๊ะหัวเราะขบขันกับเพื่อน ๆ จนไม่รู้สึกอะไรเมื่อน้ำตาไหลลงมาจากตาข้างขวาของเขา
“เฮ้ จุนกิ” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเรียกจุนกิ แล้วชี้ไปที่ตาข้างขวาของตัวเอง จุนกิรีบเอามือจับที่ดวงตาข้างขวา ก็พบว่ามันมีของเหลวใส ๆ ติดมือของเขามา
“ฮีจินกำลังร้องไห้
” เขาคิดได้แค่นั้น ก็รีบวิ่งออกไปจากห้อง เหลือไว้แต่ความงุนงงสงสัยของคนในห้อง
จุนกิวิ่งไปตามทางเดิน พยายามมองหาฮีจิน สวนทางกับฉันที่พยายามปาดน้ำตาทิ้งปกปิดความเสียใจ เมื่อเขาเห็นฉัน เขาก็หยุด ยิ้มให้ฉันเล็กน้อย
“ฮีจินอยู่ไหนเหรอ ยูมิน” ฉันยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“คงอยู่แถวนั้นน่ะค่ะ” ฉันบอกเขา จุนกิจะออกวิ่ง ฉันพยายามจะคว้ามือเขาไว้
แต่เขาวิ่งออกไปแล้ว
น้ำตาของฉันร่วงลงอีกครั้ง มองตามจุนกิไป
ฉันคงไม่สำคัญไปกว่าฮีจินใช่ไหม
ฉันตัดสินใจวิ่งตามจุนกิไปแล้วก็พบ
ภาพฮีจินกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของจุนกิ
ฉันถอยออกมา
มันเจ็บปวดเหลือเกิน
หัวใจของฉันแตกเป็นเสี่ยง ๆ แหลกละเอียด
ไม่เหลือชิ้นดีเลย
ฉันควรหยุดตรงนี้ดีกว่าไหม
แม้ฉันจะพยายามต่อไป ฉันก็คงไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้
ฉันจะพยายามไปเพื่ออะไรกัน
คนหนึ่งคือเพื่อนรัก
อีกคนคือคนที่ฉันรัก
ทั้งสองคนรักกันมากขนาดนี้
ฉันจะยังไปขัดขวางความรักของทั้งสองคนอีกหรือ
ฉันเดินไปจากที่นั่นพร้อมกับคำตอบในใจที่ฉันหาได้
และกำลังจะทำ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันต่อมา พวกเราทำการประกอบชิ้นส่วนของบอลลูน เกือบจะสำเร็จแล้ว แต่ว่าท้องฟ้ามืดลงเสียก่อน เราจึงทำต่อไม่ได้ และก่อไฟนั่งล้อมวงกันอยู่ที่นั่น
ฉันดื่มเบียร์ไปหลายกระป๋อง แยกตัวออกมานอกกลุ่ม ตอนนี้ รู้สึกมึน ๆ แต่ภายในใจยังจำปณิธานในใจที่ฉันเพิ่งตั้งไว้ได้ดี
“ถอยออกมาดีกว่า
ตัดใจซะ” ฉันคิดในใจ มองไปยังฮีจิน ที่นั่งคุยกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน
ฉันค่อย ๆ เดินโซเซเข้าไปหาฮีจิน ผ่านจุนกิที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เข้าไปกอดฮีจินไว้ แล้วฉันก็หลับไป
“ยูมินคงดื่มมากไปหน่อย” เสียงฮีจินบอกกับจุนกิ ทั้งสองคนเดินอยู่บนถนน ยามดึกสงัด ไม่มีแม้แต่รถสักคันแล่นผ่านมา จุนกิแบกฉันไว้บนหลัง
“คงมีเรื่องต้องคิดมากล่ะมั้ง” จุนกิยิ้ม ทั้งสองเดินต่อ อยู่ดี ๆ น้ำตาของฉันก็เกิดไหล ไหลลงไปที่ผมของจุนกิ และหยดลงบนแก้มเขา จุนกินิ่งไป
ฉันลืมตาขึ้น บอกให้จุนกิเอาฉันลง เขาก็ยอมทำตาม
“ขอโทษที่ทำให้พี่ลำบากนะคะ ฉันไปล่ะ” ฉันบอกกับเขา แล้วรีบหันหลังเดินไปอีกทางแยกหนึ่ง
“เดี๋ยว ยูมิน” จุนกิจะเดินตาม แต่ไม่ทันเสียแล้ว ฉันรีบเดินหายเข้าไปในความมืด
พี่จุนกิ
ฉันมันไม่คู่ควรพอที่จะเป็นคนรักของพี่
ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เดินไปตรงนั้น
ใช่ไหม
ต่อจากนี้ไป
ฉันขอออกไปจากชีวิตพี่
พี่จะได้เลิกลำบากใจเสียที
**********************************///////// Grace ///////// **************************
+++ห้องซ้อมเคนโด+++
ฉันยืนอยู่ในชุดเคนโดบนทางเดิน ใกล้กับม้านั่ง บนม้านั่งนั้น มีหมวกที่ใช้สำหรับเล่นเคนโด ตอนนี้ฉันกำลังรวบผมยาวสีน้ำตาลของฉันอยู่
วันนี้
ฉันจะตัดใจจากพี่ซะที
ฉันพยักหน้าหนักแน่น พลางหยิบหมวกนั้นขึ้นมาถือไว้ เดินตรงไปที่ห้องซ้อม
จุนกิกำลังนั่งสมาธิอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาเมื่อฉันเดินเข้าไปในห้อง
“ยูมิน มีอะไรกับพี่หรือเปล่า” เขาถาม
“ฉันขอประลองกับพี่
ได้ไหม
ครั้งสุดท้าย” ฉันพยายามทำเสียงให้เยือกเย็นที่สุด เท่าที่จะทำได้
จุนกิทำหน้าเหมือนรู้อะไรบางอย่าง
“พี่ไม่รับปาก” เขาบอกเสียงเรียบ และจะลุกไป ฉันเอาไม้เคนโดกันเขาไว้
“ครั้งสุดท้ายจริง ๆ
นะคะ ถือว่าฉันขอร้อง” “พี่ไม่ทำอะไรทั้งนั้น” เขาปัดไม้ จะเดินออกไป
“ถ้าพี่ไม่รับปากฉัน ฉันจะยืนรอพี่อยู่ตรงนี้ จนกว่าพี่จะยอมรับปากฉัน เรามาประลองกัน”
จุนกิชะงักไป “พี่ไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร แต่ถ้าเราอยากประลองก็พี่จริง ๆ พี่ก็รับปาก”
ตอนนี้ เราสองคนยืนอยู่กลางสนามประลอง จุนกิมัดเสื้อด้านหลังของฉันให้แน่น ในขณะที่เขาใส่เรียบร้อยแล้ว ฉันหยิบหมวกขึ้นมาใส่ เราสองคนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
“เอาล่ะนะ 1
2
3” ฉันพุ่งเข้าหาจุนกิ ฟันเขาไม่ยั้ง
ทันใดนั้น น้ำตาของฉันก็ไหลลงมา แต่ก็ยังไม่หยุด
ฉันจะลืม
ลืมพี่
ต่อไปนี้ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับชีวิตของพี่
เราจะจบกันตรงนี้
ฉันจะยุติความทรงจำไว้แค่นี้
ฉันเซไป ล้มลง แต่ยังยืนขึ้นมา น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย จุนกิหยุดแล้ว
ฉันค่อย ๆ ถอดหมดที่คลุมศีรษะออก ฝืนยิ้มให้เขา เดินไปข้าง ๆ เขา เอาไม้เคนโดตีที่ท้องของเขา ค่อย ๆ กำหมัดยกมือขึ้น...แล้วค่อย ๆเลื่อนลงไปที่จุนกิ เป็นเชิงขอบคุณ และบอกลา...เขายิ้มน้อย ๆ ให้ฉัน...จากนั้น...ฉันก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
พอพ้นสายตาของจุนกิ ฉันก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป
เดินออกจากประตูห้องทั้งน้ำตาที่รินไหล
มันจบแล้วสินะ
ฉันได้ยุติทุกอย่างลงแล้ว
จบเสียที
ต่อไปนี้
ฉันจะเริ่มต้นใหม่
กลับไปเป็นเหมือนเดิม
ฉันตัดสินจะไปลาออกจากชมรมบอลลูน
ชมรมที่ฉันไม่เคยชอบมันเลย
ฉันลูบเข็มกลัดของชมรมเบา ๆ อย่างชั่งใจ...ต่อไปจากนี้...คงไม่ได้ใช้มันแล้วสินะ...
แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไป ภาพแรก และภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นในวินาทีนั้น คือทุกคนเดินเข้ามาหา แล้วเอาผ้าปิดตาฉัน !!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ในอากาศ
เหมือนตัวเบาหวิวเหมือนกับขนนก
ฉันได้ยินเสียงลมพัด เหมือนกับตัวฉันจะทะยานขึ้นไปในอากาศ
พวกเขาพาฉันมาอยู่ที่ไหนกัน
ทันใดนั้นผ้าผืนสีดำที่ปิดตาของฉันก็เปิดออก
เบื้องหน้าของฉัน เป็นท้องฟ้าสีครามสุดลูกหูลูกตา
มองไปยังเบื้องล่าง
ไม่นะ !!!
ฉันรีบหันหลังไป
จุนกิ เขาอยู่ข้างหลังฉัน
ฉันเพิ่งตัวรู้ว่าเราอยู่บนบอลลูนแค่สองคน
บอลลูนเคลื่อนไปช้า ๆ ฉันหันมามองรอบ ๆ
รู้สึกกลัวเหลือเกิน
มันน่ากลัว มองไปข้างล่าง ทุกอย่างดูเล็กลงไปหมด
แล้ว บอลลูนนี่จะพาเราไปไหน
ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย
ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
ฉันเกาะขอบกระเช้าแน่น
ในหัวมันอื้ออึงไปหมด
เนื้อตัวสั่นเทิ้ม ฉันจะต้องอยู่บนนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
ฉันกลัวมาก ถ้าหากฉัน
มือหนาอุ่นของจุนกิเข้ามากุมมือฉันไว้
มันทำให้ความรู้สึกกลัวนั้นหายไปหมดสิ้น กลายเป็นความอบอุ่นเข้ามาแทนที่
ฉันไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป ถ้าหากมันเป็นความฝัน ฉันก็ขออยู่ในความฝันนี้ต่อไป ไม่ขอตื่นอีกเลย
บอลลูนลอยลงต่ำเรื่อย ๆ จนถึงพื้นดิน ความรู้สึกพะอืดพะอมนั้นหายไป
พร้อม ๆ กับความฝันของฉัน ทุกคนกำลังวิ่งเข้ามา ใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
“ไชโย เราทำได้แล้ว เย้ ๆๆ
” ทุกคนต่างโห่ร้องดีใจ จริงสินะ
จุดหมายของชมรมบอลลูน คือเห็นบอลลูนลอยอยู่บนอากาศ และลงมาอย่างสง่างาม
ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ หันไปมองจุนกิที่ตอนนี้กำลังหัวเราะดีใจกับเพื่อน ดีแล้วล่ะ
ถึงมันเป็นแค่ความฝัน
ฉันก็ขอจดจำมันตลอดไป
จุนกิหันมายิ้มกับฉัน
ขอบคุณจริง ๆ นะ ที่ทำให้วันนี้ของฉันเป็นวันที่มีความสุขที่สุด
จุนกิแยกออกออกไปกับฮีจิน ปล่อยให้ฉันและเพื่อน ๆ สนุกสนานกันอยู่
บางที การที่เราได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข มันก็ทำให้เรามีความสุขไปด้วย ฉันคงมาได้ไกลแค่นี้
คงมาได้แค่นี้จริง ๆ แต่มันก็เพียงพอแล้ว สำหรับคนอย่างฉัน
บอลลูน เคนโด
ฉันรู้สึกผูกพันกับมันเข้าแล้ว ถ้าจะไปจากมันฉันคงทำไม่ได้
มันกลายเป็นสิ่งที่ฉันรักไปแล้ว
ทุกวันนี้ฉันยังใช้ชีวิตอยู่กับมัน
ฉันยังเจอกับจุนกิ ยังเล่นเคนโดกับเขา
ฉันยังพยายามตัดใจอยู่
จนวันหนึ่ง
ฉันกลับจากซ้อมเคนโด ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ฉันเดินคนเดียวบนถนนเปลี่ยว
ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้สึกกลัวหรืออะไรทั้งนั้น
แต่ภายในใจของฉันยังคิดถึงเหตุการณ์เก่า ๆ ในความทรงจำของฉัน
โกโก้กระป๋องกลิ้งมาหยุดที่ขาฉัน
มันทำให้ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นมันผุดเข้ามาในหัว ฉันหยิบโกโก้กระป๋องนั้นขึ้นมา มองไปที่ทิศทางที่มันกลิ้งมา
จุนกิเดินออกมาจากมุมมืดนั้น ฉันตกใจมาก
เขารู้
“ยูมินคงแปลกใจ ที่พี่ทำแบบนี้” จุนกิยิ้ม
“พี่จุนกิ
” “พี่รู้แล้ว พี่รู้ทุกอย่าง” เขาขยับเข้ามาใกล้ฉัน
“ฉัน
” “พี่รู้ว่าตลอดเวลา ยูมินคอยอยู่ข้าง ๆ พี่ ตลอดเวลา แต่พี่
”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเต็มใจ พี่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ฉันก้มหน้า พยายามอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้
เพราะถ้าน้ำตาไหล เขาจะรู้ความจริงยิ่งกว่านี้
“พี่ขอโทษ
แต่ฮีจิน
เขาเป็นคนให้
” “ฉันรู้ค่ะ พี่ต้องตอบแทนเขา”
จุนกิดึงฉันเขามากอด
ริมฝีปากอุ่นของเขาประทับลงบนหน้าผากของฉัน มันทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
ในที่สุดก็ปล่อยมันไหลลงมา
และแน่นอนว่าน้ำตาของเขาก็ไหลรินลงมาเช่นกัน
เราสามคน
กับทางสองทางที่ต้องเลือกเดิน
ฉันควรทำยังไงดี
.
*****************************//////////// Grace ////////// *****************************
ฉันผละออกมาจากอ้อมกอดของจุนกิ เช็ดน้ำตาของตัวเอง และให้กับเขา
“ต่อไป พี่อยู่กับฮีจินนะคะ ฉันรู้ว่าพี่รักฮีจินมาก ฮีจินให้ชีวิตใหม่กับพี่ และฮีจินก็รักพี่มากเหมือนกัน”
ฉันรู้อยู่แก่ใจดี
ความจริงเป็นยังไง
แต่ถ้าเขารู้ไป จะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ
สู้ฉันไม่บอกเขาดีกว่า
ปล่อยให้เรื่องมันจบลงอย่างนี้ต่อไป
“ฉันจะอยู่ข้างหลังพี่ตลอดไป คอยดูแลพี่อยู่อย่างนี้ พี่ไม่ต้องมองมาทางฉัน อย่าสงสาร ฉันเต็มใจ ฉันขอเดินจากไปเอง ฉันควรเดินจากไป เรื่องมันเริ่มต้นที่ฉัน ก็ต้องจบลงที่ฉัน”
จุนกิพูดอะไรไม่ออก ฉันหลับลงช้า ๆ แล้วยืดตัวขึ้นไปประทับริมฝีปากบนหน้าผากเขา
“จำไวนะคะ
ฉันรักพี่ รักตลอดไป” ฉันพูดช้า ๆ และหันหลังเดินจากไป น้ำตากลับมารินไหลอีกครั้ง
---Flash Come---
ถ้าฉันบอกพี่ว่า...คนที่ช่วยพี่ในวันนั้น...ไม่ใช่ฮีจิน...แต่เป็นฉัน...พี่จะว่ายังไง...
ฉันเดินไปบนถนนเส้นยาวที่ยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางอยู่แห่งหนไหน...เดินไปอย่างเลื่อนลอย...ไร้จุดหมาย
หากว่าวันพรุ่งนี้...ฉันไม่ได้ตื่นมามองโลกใบนี้อีก...คงจะดี...เพราะถ้าฉันตื่นมา ได้มองเห็นความจริงบางอย่างที่เกิดขึ้น...ฉันก็เหมือนตายทั้งเป็น...สู้ให้ฉันไม่รับรู้เลยดีกว่า...
“ยูมิน
” เสียงคุ้นหูฉันดังขึ้น ฉันชะงักกึกและหันไปอย่างรวดเร็ว...ไม่ไหวอีกแล้ว...ฉันฝืนใจต่อไปไม่ไหวแล้ว...
ฉันวิ่งเข้าไปกอดเขาในทันที...ฉันทำไม่ได้...ฉันลืมเขาไม่ได้...ไม่มีแม้ซักวินาทีที่ฉันจะลบเขาออกไปจากหัวใจ...ไม่เคยมีเลย...
“พี่...” ฉันเรียกเขาด้วยเสียงสั่นเครือ เหมือนกับครั้งที่แล้ว
“ทำไมนะ...ทำไมฉันถึงไม่ลืมพี่ซักที” ฉันพูดเสียงสะอื้น จุนกิโอบกอดฉันไว้
“ทำไมล่ะ...” เขาถาม แต่ฉันไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้สะอึกสื้นในอ้อมกอดของเขา จนกระทั่ง....
“ฮีจิน” จุนกิพูดขึ้น ฉันผละออกจากเขา จ้องมองไปที่ฮีจินซึ่งเดินเข้ามา มองเราทั้งสองคน
“ฮีจิน พี่...” จุนกิจะอธิบาย
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วล่ะค่ะ ชั้นกำลังจะมาบอกคุณ
เกี่ยวกับความจริงทั้งหมด” ฮีจินพูด
“ความจริงอะไรกันฮีจิน” ฉันโพล่งขึ้น ฮีจินมีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ
“ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้น
ตาของคุณ จุนกิ” หล่อนหันมามองจุนกิ
“ตาของผม
ทำไม” เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“นั่นมันเป็นตาของเธอนะ ฮีจิน ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่ฉันทำแบบนี้” ฉันเริ่มหวั่น ความรู้สึกบางอย่างบอกฉันว่าไม่อยากให้จุนกิรู้เรื่องนี้
ไม่อยากให้เขารู้
“มันคือตาของเธอต่างหาก ยอมรับเสียทีเถอะยูมิน เธออย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจมากกว่านี้เลย ฉันกลายเป็นคนที่มีความสุขบนความทุกข์ของเธอมานานแล้ว ขอให้มันจบลงเสียเถอะนะ”
ฉันนิ่งอึ้งไป
ดูจุนกิก็มีอาการเหมือนกับฉัน แต่เขาคงจะหนักยิ่งกว่า
แน่ล่ะ
เขาจ้องหน้าฉัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เขาถาม สายตาของเขายังมองมาที่ฉันอยู่
“บอกไปสิยูมิน บอกความจริงไปเถอะ” ฮีจินพูดเสียงสั่น
ฉันหลับตาลงช้า ๆ น้ำตาค่อย ๆ ไหลลงมาจากดวงตาข้างซ้าย พร้อม ๆ กับที่มันไหลจากตาข้างขวาของจุนกิ
จุนกิเอามือลูบที่ใบหน้าของเขาอย่างตกตะลึง
“ทีนี้
พี่ก็รู้แล้วใช่ไหม
ความจริงทั้งหมด” ฉันพูดเสียงเครือ
“คุณไม่รู้สึกเลยหรือ ทุกครั้งที่ยูมินร้องไห้
และเมื่อกี้นี่
ก่อนที่ฉันจะเดินเข้ามา” ฮีจินถาม
“พี่
” จุนกิอึ้งไป
เขาคงคิดไม่ถึงกระมัง
ว่าจะเป็นฉัน
“พี่รู้ไหมว่าน้ำตาพี่มันไหลออกมาตลอดเลย ตอนที่ฉันร้องไห้” ฉันบอกกับเขา
“เพราะฉะนั้น คุณก็ไม่ต้องติดใจสงสัย หรือมีข้อแม้ใด ๆ อีก
จริงไหม ฉันก็จะได้ปล่อยคุณไปเสียที” ฮีจินยิ้มทั้งน้ำตา ฉันได้แต่นิ่ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไงถึงจะถูก
“ฮีจิน
ผมขอโทษ” จุนกิพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...คนผิดน่ะคือฉัน ฉันไม่ได้บอกคุณตั้งแต่แรก ถ้าฉันบอกคุณเร็วกว่านี้ คุณกับยูมินก็จะมีคววามสุขกันซะที”
“ไม่ใช่นะ ฮีจิน เธอไม่ผิดหรอก เอาล่ะ อย่าทำให้ฉันลำบากใจไปกว่านี้เลยนะ ทั้งสองคน เพราะฉันเอง...เพราะฉันเองทั้งหมด...เรื่องมันเริ่มที่ฉัน...มันก็ต้องจบที่ฉัน...พี่จุนกิ...ถึงฉันจะรักพี่มากแค่ไหน...แต่ถ้าความรักของฉัน ทำให้ใครต้องเสียใจ...ฉันขอไปดีกว่า” ฉันรีบเดินหันหลังไปอย่างรวดเร็ว...มันคืออีกครั้ง...ที่ฉันทำแบบนี้...มันเป็นอีกครั้ง...ที่ฉันต้องเป็นฝ่ายเดินจากไป...
พี่คะ...ฉันดีใจนะ...ที่ฉันได้เจอกับพี่...แต่คงถึงที่สุดของฉันแล้ว...มันคงสิ้นสุดแล้วสำหรับถนนเส้นนี้...สิ้นสุดแล้วสำหรับความฝัน...ที่ฉันไม่อยากจะตื่นขึ้นมา...แต่ตอนนี้ฉันตื่นขึ้นมาเจอความจริง...ที่มีแต่พี่...กับฮีจิน...
“นี่ทุกคนจะไม่ฟังคำตอบของผมเลยใช่ไหม” จุนกิโพล่งขึ้น ฉันชะงักกึก แต่ก็ยังไม่หันหลังไปเผชิญหน้ากับพวกเขา
“คงไม่ต้องหรอกมั้งคะ ยังไงคำตอบของพี่ก็คือฮีจินอยู่แล้ว ยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นฉันอยู่แล้ว” ฉันบอก...มันเป็นความจริง...ระหว่างฮีจิน...กับฉัน...จุนกิเขาก็ต้องเลือกฮีจินอยู่แล้ว...
“แล้วถ้าพี่จะบอก...ว่าพี่รักยูมินล่ะ...ยูมินจะเชื่อพี่ไหม” จุนกิพูดออกมาอย่างช้า ๆ แต่รู้ไหม...ตัวฉันมันชาไปทั้งตัว...ขาก็ไม่มีแรง แม้กระทั่งจะก้าวออกไปอีกสักก้าว...หัวใจเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ในหัวพยายามทบทวน ว่าที่ได้ยินมาเมื่อครู่นี้ มันถูกต้องหรือไม่...
ฮีจินยิ้ม...ตอนนี้ใบหน้าของหล่อนไม่มีน้ำตาอีกแล้ว...หล่อนบอกกับจุนกิเบา ๆ
“สู้ตายนะคะ” จุนกิหันไปมอง ยิ้มให้ฮีจิน
“ขอบใจนะ ฮีจิน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณจริง ๆ” จุนกิยิ้มให้หล่อนอย่างซึ้งใจ ฮีจินพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ...
ส่วนตัวฉัน...ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...ตอนนี้...แม้แต่จะหายใจแต่ละครั้ง...ฉันก็แทบจะทำไม่ไหว
ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาหาฉันช้า ๆ...ฉันหายใจติดขัดยิ่งกว่าเดิม...จุนกิกำลังเดินมา
“ว่าไงล่ะ...ยูมินจะเชื่อพี่ไหม” เขาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วพูดออกมาเบา ๆ เสียงของเขากำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า...
ฉันคลี่ยิ้มออกมาอย่างยากเย็น...แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้ง...เมื่อเขายื่นมือทั้งสองข้างเข้ามาโอบกอดฉันไว้
ความรู้สึกนั้นมันอบอุ่นมาก ๆ จริง ๆนะ...ฉันคิดอยู่นาน...แล้วฉันก็ค่อย ๆ เขย่งตัวขึ้นไปกระซิบที่หูของเขา...
“เชื่อสิคะ...ถ้าเป็นพี่บอก...ฉันเชื่อทั้งนั้นแหละค่ะ” ฉันน้ำตาซึม ไม่รู้สิ...มันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ
“แล้วไม่กลัวว่าพี่จะโกหกยูมินหรือ” เขายิ้ม
“โกหกก็ช่างเถอะค่ะ...ถ้าพี่โกหกจริง ฉันก็ยอมแล้ว...เพราะฉันได้กอดพี่แบบนี้” หยดน้ำใส ๆ เริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาของฉัน และแน่นอน...ของจุนกิก็ด้วย
“หึหึ...พี่ไม่โกหกยูมินอยู่แล้ว แต่ที่พี่กลัว...กลัวยูมินจะแกล้งให้พี่หลงดีใจเล่น ๆ เท่านั้นเอง”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันพูดความจริงเสมอ...ฉันรักพี่นะคะ” ฉันยิ้มทั้งน้ำตา...ในที่สุดฉันก็พูดคำนี้ออกมาได้เต็มปากเสียที...ฉันไม่ต้องกังวล...หรือรู้สึกผิดอะไรต่อไปอีกแล้ว...
“พี่รู้แล้ว...” จุนกิดึงฉันเข้ามากอดอีกครั้ง...กระชับแขนให้แน่นขึ้น...ฉันก็เหมือนกัน ถึงแม้ตัวของฉันจะเล็กกว่าเขามาก...แต่ฉันก็กอดแน่นเสียจน...เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปไหน...
เขาค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับที่แขนของฉัน ดันตัวฉันออกมา...ฉันขมวดคิ้วมองเขาอย่างสงสัย...และแล้ว...เมื่อเขาค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉัน...
“ไปนั่งบอลลูนกับพี่อีกนะ” เขาพูด
ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม...หัวใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ...ฉันหลับตาปี๋...ในหัวสมองอื้ออึงไปหมดแล้ว...เมื่อฉันรู้สึกได้ถึงริมฝีปากหนาอุ่นของเขาที่ประทับอยู่บนริมฝีปากของฉัน...มันเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ...เนิ่นนาน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงลมพัดหวีดหวิว...พร้อม ๆ กับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามด้านหน้า...เบื้องล่างเป็นพื้นดิน มีต้นไม้สีเขียวสลับกับบ้านคน...ยามตะวันคล้อยต่ำ...แสงสีส้มทอประกายไปทั่วท้องฟ้า...
ใช่แล้ว...ฉันอยู่บนบอลลูน...แต่รู้ไหม...คราวนี้ฉันไม่กลัวเลยสักนิด...คงเป็นเพราะเขา...ที่ทำให้ฉันเลิกกลัวความสูงเสียที...
“เป็นไง สวยใช่ไหมล่ะ” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลังของฉัน...แน่ล่ะ เขาคือจุนกิ...มือข้างหนึ่งของเขาควบคุมบอลลูน...อีกมือหนึ่ง...เขากอดฉันไว้...
“ค่ะ” ฉันตอบแล้วยิ้ม พลางมองออกไปเบื้องหน้า...ทิวทัศน์สวยงามแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เขา...ฉันคงไม่ได้เห็น...
“ถ้ายังยืนสั่นเหมือนเมื่อก่อนก็คงไม่ได้เห็นแล้วสินะ” เขาพูดยิ้ม ๆ
“ค่ะ” ฉันตอบสั้น ๆ ที่เขาพูดมันก็จริงอีกนั่นแหละ...เพราะเขา ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปทุกอย่าง...จากคนที่เคยกลัวความสูง...กับยืนอยู่บนบอลลูนที่ลอยอยู่บนฟ้าได้อย่างสบาย...จากคนที่เคยแอบเอาไม้เคนโด้มาเล่น...ก็กลับกลายเป็นว่าได้ใส่ชุดเคนโดแล้วเล่นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว...
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ...ว่าคนสองคน...สามารถรับรู้ความรู้สึกของกันและกันได้...ทุกข์...สุข...ด้วยกัน” เขาพูดขึ้น พลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“ไม่เชื่อ...ก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะ...” ฉันยิ้มเขาค่อย ๆ พลิกตัวฉันหันมาหาเขา
“พี่ดีใจนะ...ที่ยูมินไม่ทิ้งความรักของพี่” เขาบอกอย่างจริงจัง นัยน์ตาสวยคู่นั้น มองฉันอย่างมีความหมาย...
“ฉันก็ดีใจเหมือนกันค่ะ...ที่พี่รับความรักของฉันเอาไว้” เขายิ้ม ฉันก็เหมือนกัน...
น้ำตาของฉันไหลด้วยความตื้นตันใจ...และแน่นอนว่าน้ำตาของจุนกิต้องไหลออกมาด้วย...เราสองคนเช็ดน้ำตาให้กันและกัน...ยิ้มให้กันอย่างสุขใจ
เขาค่อยๆเลื่อนหน้าลงมาอย่างช้า ๆ...ฉันหลับตาลงเตรียมพร้อมรับสิ่งที่เขากำลังจะมอบให้....
“Kiss
”
ความรักไม่ได้บินหนีจากฉันไปอีกแล้ว...เพราะฉันคว้ามันมาไว้ในมือของฉัน...และสิ่งที่บินออกไปไกลแล้วตอนนี้...คือความเจ็บปวด
ใครบอกว่าความรัก...ให้ได้...แม้กระทั่งชีวิต...แต่ฉันว่า...ความรัก...ให้ได้มากกว่าชีวิตต่างหาก...
ฟ้าหลังฝน...ย่อมสดใสเสมอ...เมื่อฝนชะล้างความเศร้าหมองออกไป...ท้องฟ้าก็พลันสวยงามและสดใส...ไม่มีเค้าความทุกข์เศร้านั้นเหลืออยู่อีก...คงเป็นเพราะเธอ...จุนกิ...ที่ทำให้ฉันพบสิ่งนี้...Grace
내 사랑아 멀리 떠나라 내 다시 널 붙잡지 않게
แน ซารางงา มอลรี ตอนารา แน ทาซี นอล บุทจับจี อันเก
My love, my love go far away Love, love, go far away
The
End
/////////////////////////////////////////////*********Grace*********//////////////////////////////////////////////////////
ผลงานอื่นๆ ของ Wanaun ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Wanaun
ความคิดเห็น