ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ONE PIECE : All Luffy Fiction

    ลำดับตอนที่ #1 : Doflammingo x Luffy : #1

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 63


     

     

                   ถึง​ : มังกี้​ ดี​ การ์ป

    ‘ไว้ฉันจะมารับ​ หลานรักของแก’

        ดองกีโฮเต้ แฟมิลี่​                             

     

                  เพียงแค่จดหมายเนื้อหาสั้นๆที่ถูกส่งมา​ พลันทำให้ๆนายพลทหารอย่างการ์ปถึงกับเลือดขึ้นหน้า​ ยิ่งรู้ว่าเจ้าของจดหมายฉบับนี้มันเป็นใครเขาก็แทบอยากจะไปทุบหัวที่มีแต่เรื่องบ้าๆของมันให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ​ ไอ้เขารึอุตส่ามองข้ามวีรกรรม​น่าปวดหัวของมันมานับร้อยนับพันครั้ง​ แล้วดูมันมาแว้งกัดเขาสิ​ ยุ่งกับใครไม่ยุ่งดันมาคิดยุ่งเกี่ยวกับหลานสุดที่รักเสียได้!!

                  “ไอ้เจ้านกยักษ์​นั่น!! มันจะเล่นกับฉันแบบนี้ใช่ไหม!​ เจอกันครั้งหน้าฉันจับแกหักคอแน่!!” การ์ปประกาศคำลั่น​ ใครๆก็รู้ว่าชายสูงอายุสุดแข็งแกร่งคนนี้รักและหวงหลานของตัวเองมากแค่ไหน​ อย่าว่าแต่จะให้ใครมาพาตัวไปเลย​ เผลอๆแมลงสักตัวก็ยังไม่อยากให้เข้าใกล้

                  ยิ่งในจดหมายเน้นว่า​ ‘หลานรัก’ แล้วไม่ต้องให้เดาก็รู้ว่าเป็นใคร​ ในบรรดาหลานทั้งสามคน​ คนที่การ์ปคนนี้รักมากถึงมากที่สุดก็คงไม่พ้นหลานคนสุดท้อง​ ที่แสนจะน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาคนเป็นปู่​ แต่ในทางกลับกันก็เป็นตัวป่วนชนิดที่ปัญหา​โลกแตกเช่นกัน​ ไหนจะพี่ชายอีกสองคนที่เชิดชูน้องรักยิ่งกว่านางฟ้านางสวรรค์​จากชั้นดาวดึงส์​ ที่เป็นสองว่าที่นายพลคนต่อไปอีกด้วย​ แน่นอนเรื่องความแข็งแกร่งไม่ต้องพูดถึง…

                  และฝ่ายที่ส่งจดหมายนี่มาก็รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าการจะมาพาตัวหลานของการ์ปไปนั้นต้องเจอกับผู้เฝ้าประตูนรกทั้งสาม​พร้อมกับผลกรรมที่จะตามมาก็ยิ่งกว่าต้องตกนรกทั้งเป็น​ แต่ก็ยังใจกล้าบ้าบิ่นส่งของพรรณ์นี้มาให้อีก​ ไม่โง่มากก็ต้องบ้ามากจริงๆ

                  “ไอ้พวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!! แกไม่ได้แก่ตายแน่โดฟลามิงโก้!!”

     

     

     

                  “เอส~ นะ.. ให้ฉันไปเถอะนะ” เสียงเด็กหนุ่มมออดอ้อน​น่ารักพลางโยกตัวพี่ชายเจ้าของชื่อไปมา​ ใบหน้าเศร้าสลดเป็นเชิงขอร้อง​และเด็กหนุ่มเองก็เชื่อว่าวิธีนี้ก็น่าจะได้ผลชะงักเสียด้วย

                  “ม— ไม่ได้ๆ​ ปู่สั่งว่าช่วงนี้ไม่อนุญาต​ให้นายออกจากบ้านเด็ดขาด​ เพราะงั้นเป็นเด็กดีอยู่กับฉันที่นี่แหละ” เอสใจแข็ง​ พยายามอย่างหนักที่จะไม่มองใบหน้าออดอ้อนแสนน่ารักในสายตาเขา​ 

                  ลูฟี่​ ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าน่ารัก​หรือรูปร่างเพรียวบางแต่เพียงแค่ตัวเล็กกว่าขนาดไซต์มาตรฐาน​ของผู้ชายเล็กน้อยเท่านั้น​ แต่ก็ไม่ได้บอบบางจนขนาดจะต้องประคบประหงม​ราวกับไข่ในหิน​ ลูฟี่ยังคงออกไปเล่นออกไปสนุกตามประสาเด็กธรรมดาอยู่​

                  “โธ่​ เอส​ จะใจร้ายกับฉันจริงๆหรอ”

                  “ฟังนะลูฟี่​ เรื่องนี้ปู่เป็นกังวลมากๆ​ เพราะงั้นอยู่นิ่งๆไปสักระยะเถอะนะ​ฉันสัญญาเลยว่าทุกอย่างโอเคเมื่อไหร่ฉันจะพานายไปทุกทีที่อยากไป​ จะประเคนของกินทุกอย่างที่นายต้องการเลยนะ” เอสใช้ไม้อ่อน​ เพราะเขารู้ดีว่าถ้ายิ่งบังคับ​ให้อยู่​เจ้าน้องชายตัวดีไม่มีทางยอมแน่​ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยจะใช้ไม้อ่อนเป็นอย่างซาโบ้ซะด้วย

                  “แต่ว่าฉันสัญญา​กับพวกโซโลไว้แล้วนะ”

                  “ลูฟี่อย่ามาทำตาแบบนั้นกับฉันนะ​ ฉันยิ่งแพ้คำขอร้องของนายอยู่ด้วย​แล้วนี่เจ้าซาโบ้มันหายไปไหนเนี่ย” เอสเอ่ยอย่างคาดโทษ​ พวกเขาทั้งคู่มีหน้าที่คอยปกป้องลูฟี่ตามคำสั่งแท้ๆแต่ในตอนที่เขาจนมุมที่สุดอีกคนกลับหายหัวไปไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม

                  “หึ่ม!! ฉันเกลียดเอสแล้ว!!”

                  “ล—ลูฟี่”

                  “ไม่เอาน่าลูฟี่​ ดูซิว่าพี่ชายซื้ออะไรมาให้” เสียงนุ่มอ่อนโยนของซาโบ้ดังขึ้น​ เรียกความสนใจจากสองพี่น้องที่กำลังจะทะเลาะกันอยู่ก็มิปาน​ ซาโบ้หอบหิ้วของมาอย่างพะรุงพะรังซึ่งของเหล่านั้นล้วนแต่เป็นของที่ลูฟี่ชื่นชอบทั้งนั้น​

                  “เนื้อนี่น่า!!! ของฉันใช่ไหม​ๆซาโบ้!” ลูฟี่ผละตัวจากเอสทันที​และรีบวิ่งกรูเข้าไปหาพี่ชายคนรองที่ยิ้มรับอย่างอ่อนโยน

                  “ใช่แล้ว​ ทุกอย่างที่นายต้องการฉันจะหามาให้เองนะ”

                  “พูดแบบนี้จะไม่ยอมให้ฉันไปอีกคนใช่ไหมล่ะ!!” ลูฟี่ขมวดคิ้วเป็นปมอีกครั้ง​ นึกโกรธพี่ชายของตนเองทั้งสองที่พยายามจะขังเขาเอาไว้​ แม้การอยู่กับพี่ชายจะไม่ได้ลำบากอะไรกลับกันกลับทีทุกอย่างที่ต้องการก็จริงอยู่แต่เขาก็มีสัญญาที่จะนัดกันไปเที่ยวเล่นเช่นกัน

                  “เอางี้ไหมลูฟี่​ ทำไมนายไม่ชวนพวกเพื่อนๆมาเที่ยวที่บ้านแทนล่ะ​ ยังไงพวกเราก็รู้จักกับเพื่อนของนายเป็นอย่างดีอยู่แล้วถึงจะมีฉันกับเอสอยู่ด้วยก็ไม่น่าจะทำให้พวกเขาอึดอัดนี่น่า​ แล้วถ้านายอยากได้อะไรฉันกับเอสจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้เอง​ …นะ” ซาโบ้ค่อยๆพูดไกล่เกลี่ย​ โน้มน้าว​อย่างใจเย็นจนลูฟี่เองก็เริ่มที่คล้อยตาม​ คนเป็นน้องชายโยกตัวไปมาอย่างใช้ความคิดตามประสา​ ก่อนเหยื่อนจะติดเบ็ดฉีกยิ้มรับกับข้อเสนอ

                  “เอางั้นก็ได้​ แต่พวกนายต้องตามใจฉันทุกอย่างนะ!!”

                  “ปกติพวกเราก็ตามใจนายมาตลอดไม่ใช่หรือไง?”

                  “ชิชิชิ​ ถ้างั้นฉันไปโทรบอกพวกโซโลก่อนนะ!!” ลูฟี่ยิ้มหน้าบานออกไป​โดยไม่ลืมที่จะหอบของที่ซาโบ้ซื้อมาให้ด้วย​ แม้มันจะมีเพียงแค่เนื้อ​กับเนื้อ​แล้วก็เนื้อก็เถอะ

                  “อยู่ๆก็เข้ามาชุบมือเปิบ​เลยนะ”

                  “เพราะนายไม่รู้จักการหลอกล่อไงล่ะ ลูฟี่น่ะใสซื่อจะตาย” ซาโบ้ตอบรอยยิ้มเล็กๆผุกขึ้นบนใบหน้าอ่อนโยน​ ผิดกับเอสที่ทำหน้าบูดบึ้ง​ไม่ชอบใจ​ ไอ้เขาล่ะอุตส่าพยายามปกป้องแทบตายน้องชายยังมาโกรธ​ แต่กับอีกคนที่เพียงเอาของกินมาล่อนิดๆหน่อยๆเหยื่อก็กินเบ็ดเสียอย่างนั้น

                  “ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ้ย”

     

     

                  “ก็ตามนั้นแหละ​ โทษทีนะแต่ยังไงๆเอสกับซาโบ้ก็ไม่ยอมให้ออกจากบ้านเลยนี่สิ​”

                  ‘ไม่เป็นไรหรอกลูฟี่​ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกนั้นน่ะหวงนายขนาดไหน’

                  ‘เอาจริงก็ไม่รู้จะไปทำอะไรอยู่ดีนั่นแหละ’

                  ‘ไว้ยืมครัวบ้านนายทำอาหารอร่อยๆให้กินแทนก็แล้วกัน​ เตรียมวัตถุดิบ​ไว้ด้วยล่ะลูฟี่’

                  “โอ้!! อาหารฝีมือซันจิล่ะ​ ไว้จะเตรียมเนื้อไว้เยอะๆเลยนะ​ ชิชิชิ​ งั้นแค่นี้ก่อนนะ​ ไว้เจอกันอาทิตย์​หน้า​”

                  ทันทีที่สายโทรศัพท์​ถูก​ตัดไป​ เสียงถอนหายใจยืดยาวก็ดังขึ้น​ เขาไม่ชอบการถูกกักขังให้อยู่แต่ในอาณาเขต​พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งแต่ครั้งนี้ที่ยอมอดทนอยู่ก็เพราะสีหน้าที่ดูจะเป็นกังวลมากของปู่แท้ๆ​กับพี่ชายทั้งสอง

                  “ถูกขังแบบนี้น่าเบื่อชะมัดเลย” ร่างเล็กนอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงเพียงพักเดียวเปลือกตาบางก้เริ่มหนักขึ้นจนปิดลง​ เสียงกร่นเบาๆเป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าคนบนเตียงนี้ได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว​

                  ในห้วงความฝัน​ ลูฟี่ได้พบกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่สวมหมวกฟางแบบที่เขาชอบใส่​ ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสกำลังคุยกับใครสักคนที่เขาไม่รู้จัก​ แม้มันจะเป็นเพียงเงาลางๆแต่จากเค้าโครง​ก็พอจะมองออกว่าเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่

     

                  ‘เหงาหรอ…’

                  ‘…คงงั้น’

                  ‘คุณนกยักษ์​ที่น่าสงสาร​ ถ้าอย่างนั้นอีกสัก10ปีถ้าไม่มีใครอยู่กับคุณ​ ถึงตอนนั้นแล้ว---’

     

                  เสียงเล็กค่อยๆขาดหายไปจนไม่ได้ยินประโยคสุดท้าย​ รู้เพียงแค่ว่าเด็กคนนั้นเกี่ยวก้อยสัญญาอะไรสักอย่างกับผู้ชายร่างสูง​ และแล้วภาพความฝันก็มืดสนิท…

                  เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นอย่างลำบาก​ เพราะนิสัยขี้เซาที่เป็นมาแต่เด็กไม่ยอมหายทำให้เป็นเรื่องยากที่จะให้ร่างน้อยๆนั้นลุกขึ้นจากเตียงทุกครั้งที่แสงแดดทะลุผ่านม่านกระจกใส

                  “ตื่นแล้วล่ะ​ เบบี้”

                  “ตื่นแล้วสินะ​ เด็กอะไรขี้เซาชะมัด”

                  เสียงของหญิงสาวที่แสนไม่คุ้นหูทำให้ร่างเล็กรู้สึกตะขิดตะขวง​ใจถึงกระนั้นก็ไม่อาจที่จะยกเปลือกตาที่แสนหนักหน่วงนั้นให้ลืมขึ้นมาอย่างเต็มตาได้​ ทำได้เพียงขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกรำคาญ​ ภาพที่สะท้อนผ่านม่านตาในตอนนี้เป็นเพียงร่างลางๆของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยืนเกาะจนชิดเตียงเฝ้ามองดูตัวเขาอยู่​กับหญิงสาวอีกคนหญิงในชุดเมดสาวดูเซ็กซี่

                  “ตื่นได้แล้ว​ ดอฟฟี่รออยู่นะ”

                  “…ดอฟ—ฟี่?​ เอ๊ะ!!” ลูฟี่สะดุ้งตัวโหยง​ สติที่ถูกปลุกขึ้นสละความง่วงงันทั้งหมดทิ้งไป​ สายตาพลางสอดส่องดูรอบข้างที่เปลี่ยนไปอย่างมึนงง​ เขามั่นใจว่าก่อนที่ตนจะหลับไปต้องไม่ใช่ห้องที่ดูหรูหราอลังการ​ขนาดนี้แน่ๆ​ แถมยังมีคนไม่คุ้นหน้ามาอยู่ข้างๆอีก

                  “ตื่นเต็มตาสักทีนะเจ้าหนู​ คิดว่าจะหลับไปจนถึงเที่ยงซะอีก”

                  “…พวกเธอเป็นใครน่ะ?”

                  “พวกเราเป็นคนของดองกีโฮเต้แฟมิลี่​ …รู้จักหรือเปล่า” หญิงสาวในชุดเมดถาม​ ในความคิดของเธอเด็กหนุ่มตรงหน้าดูจะเป็นคนใจเย็นมากกว่าที่เห็นภายนอก​ แม้จะตื่นตกใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นมากจนเกิน​ จะเรียกว่าซื่อหรือปรับตัวได้ดีดีนะ…

                  “ไม่รู้จักหรอก​ นี่หิวแล้วอ่ะ​ ขอข้าวหน่อยคร้าบบ”

                  “จะปรับตัวได้ดีเกินไปแล้วย่ะ!! หันสงสัยซะบ้างเซ่!!”

                  แม้จะโดนตะคอกกลับมาแบบนั้นแต่ลูฟี่ก็ยังหัวเราะตามแบบฉบับของตัวเอง​ เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและสองคนตรงหน้านี้เป็นใคร​ ถ้าออกจากห้องๆนี้ไปก็ไม่รู้จะเจอกับอะไรบ้าง​ แต่พี่ชายของเขาเคยบอกเอาไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ต้องยิ้มเข้าไว้​ เพราะหากกังวลกับมันมากเกินไปรังแต่หาทางออกไม่เจอเสียเปล่า​ ไอ้สิ่งที่ควรจะเห็นก็จะกลายเป็นมองข้ามมันไป

                  “ชิชิชิ​ งั้นเธอก็บอกมาสิว่าเธอเป็นใคร”

                  “อยากรู้แค่นั้นน่ะหรอ?​ จะไม่ถามหน่อยหรือไงว่าทำไมตัวเองถึงถูกพามาที่นี่”

                  “ไม่นิ”

                  “เธออาจจะถูกพามาฆ่าก็ได้นะ”

                  “งั้นทำไมไม่ฆ่าตั้งแต่ที่ฉันหลับอยู่ล่ะ? หรือจะพามาเรียกค่าไถ่หรอ? แต่ดูจากสภาพห้องนี้ฉันควรจะเป็นฝ่ายขโมยมากกว่านะ​ ชิชิชิ​ แล้วถึงจะถูกพาเรียกค่าไถ่จริงฉันคงเป็นเหยื่อที่สุขสบายที่สุดแล้วล่ะ” ลูฟี่ยิ้มยีฟัน​ไม่ทุกข์ร้อน​ จนหญิงสาวไปต่อไม่ถูก​จะว่าซื่อก็ซื่อ​ จะว่าฉลาดก็ฉลาดอยู่หรอก

                  “หึ ฉันชื่อเบบี้5​ ส่วนเด็กคนนี้ชื่อชูก้า​”

                  “ฉันลูฟี่​ ชิชิชิ​ หิวแล้วอ่ะ” ลูฟี่ยิ้มแฉ่งทวนประโยคเดิมซ้ำรอบสอง​ จนเบบี้5อดที่หลุดหัวเราะออกมาไม่ได้​

                  “ถ้าหิวล่ะก็​ รีบไปอาบน้ำสิ​ เดี๋ยวจะพาไปห้องอาหาร”

                  “จริงหรอ!! แต้งกิ้วนะเบบี้!!” ความใสซื่อแบบเด็กๆกระแทกเข้ากลางใจเมดสาวเข้าอย่างจัง​ ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่ออย่างไม่เก็บอาการ​ แต่ก็เป็นธรรมดาเจ้าหล่อนที่ตกหลุมรักใครได้ง่ายๆยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า​เสียอีก

                  “อ้าม~” คราวนี้เป็นเด็กสาวที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น​ พลางยื่นองุ่นที่เธอมักจะถือเดินไปเดินมาอยู่แทบตลอดไปที่ริมฝีปากเล็ก​ และแน่นอนลูฟี่เลือกที่จะกินมันเข้าไปอย่างไม่ลังเล​ เด็กสาวนัยน์ตา​เป็นประกายอย่างมีสุข​ รอยยิ้มที่นานๆจะปรากฏ​สู่สายตาภายนอกประดับบนใบหน้าเล็กน่ารัก​ ปกติแล้วพวกที่ถูกพามาเวลาเธอจะเข้าไปป้อนก็มักจะปัดมือเธอออกอย่างหวาดระแวงเสมอ​ ไม่มีเลยที่จะกินมันเข้าไปอย่างไม่คิดอะไรเช่นนี้

                  “อร่อยมากเลย​ ขอบคุณนะ”

                  “เธอเป็นคนดีนะ​ ลูฟี่”

                  “เธอก็เหมือนกัน คนที่แบ่งอาหารของตัวเองให้คนอื่นน่ะไม่มีทางจะเป็นคนไม่ดีไปได้หรอก​ ชิชิชิ” …ตรรกะ​บ้านไหนเนี่ย?

                  “รีบไปเถอะลูกฟี่​ หิวแล้วไม่ใช่หรอ?”

                  “โอ๊ะ! จริงด้วย​ ข้าวจ้าๆ” ลูฟี่รีบลุกออกจากเตียง​แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำตามที่เบบี้5บอก

                  “ซื่อจริงๆเลย​ เอ้าไปรอข้างนอกกันเถอะชูก้า” เมดสาวหันตัวกลับหมายจะเดินไปทางประตูถึงกระนั้นเด็กสาวก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับกายเป็นเชิงบอกว่าตนนั้นจะรออยู่ในห้องๆนี้

                  “ชูก้า?”

                  “….”

                  “เห้อ.. เจ้าเด็กนั่นเกิดมาภายใต้ดาวอะไรกันเนี่ย​ถึงทำให้ชูก้าที่ไม่คลุกคลีกับใครติดแจได้ภายในไม่กี่นาทีแบบนี้”

     

     

     

                  “หิวแล้วว!!”

                  “รู้แล้วน่า​ ตามมาเร็วๆสิ” เสียงพูดคุยดังเจื้อแจ้ว​มาแต่ไกล​ เรียกความสงสัยให้กับเหล่าสมาชิกระดับสูงของแฟมิลี่ให้หันมองไปตามต้นเสียง​ หนึ่งในสองเสียงนั้นเป็นของสมาชิกที่เขารู้จักกันดีแน่นอน​ แต่อีกเสียงที่ดูจะมีชีวิตชีวาแต่ไม่คุ้นหูนั่นต่างหากที่พวกเขาสงสัย​

                  “ใครน่ะ?”

                  “คนที่นายน้อยพามา​ค่ะท่านกลาดิอุส”

                  “หา? นายน้อยเนี่ยนะ?” ชูก้าพยักหน้าแทนคำตอบ​ ต่างคนต่างจ้องมองกันและกันอย่างนึกสงสัย​ ไร้เสียงถามไถ่​ ไร้เสียงพูดคุย​ จนกระทั่งเสียงร้องโครกครากของเด็กหนุ่มที่บ่นหิวมาตลอดทางดังขึ้น​

                  “ชิชิชิ​ โทษทีนะ”

                  “กังวลหน่อยสิโว้ย!!”

                  “แล้วทำไมต้องเสียงดัง​ ทำไม่ต้องดุด้วยเล่า? ลุงนี่แปลกชะมัดเลย”

                  “ลูฟี่!!” เบบี้5แทบอยากจะหาอะไรสักอย่างมาอุดปากที่แสนจะซื่อตรงกับความคิดให้สงบลง​ เธอได้แต่ขอโทษขอโพยแทนเด็กหนุ่มที่ยืนหน้านิ่วสงสัย​ เพียงแค่มาที่คฤหาสน์​ไม่นานเท่าไหร่เด็กหนุ่มคนนี้ก็สร้างทั้งมิตรทั้งศัตรู​เข้าให้แล้ว​ แถมคนที่เป็นศัตรู​ยังเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงของแฟมิลี่อีกต่างหาก

                  “เบะเฮะๆๆๆ​ พูดตรงดีนี่น่าเจ้าหนู​”

                  “นี่​ เบบี้เมื่อไหร่ฉันจะได้กินล่ะ​ หิวจนไส้จะขาดแล้วนะ”

                  “รู้แล้วๆ​ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อนทำตวามเคารพก่อนจะออกตัวเดินนำอีกครั้ง​ ซึ่งลูฟี่เองก็รีบตามไปอย่างไม่รอช้าและไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือบ๊ายบาย​อย่างเป็นมิตร​อีกด้วย

                  “ไม่เห็นเข้าใจว่าเด็กแบบนั้นมีค่าให้ดอฟฟี่ถึงกับต้องไปลงมือพาตัวมาด้วยตัวเองตรงไหน​ หน้าตากับนิสัยก็ไม่น่ารัก​ ดูยังไงก็เป็นแค่ลูกลิงชัดๆ​ แถมยังเป็นผู้ชายอีก”

                  “แต่ฉันว่าเด็กคนนั้นก็น่าเอ็นดูออก​ ใสซื่อโดยธรรมชาติ” เสียงเล็กๆของพิก้าตอบกลับ​ แค่ดูจากการที่เด็กน้อยชูก้าคนนั้นติดอีกฝ่ายแจก็รู้แล้ว  ว่าต้องไม่ใช่เด็กธรรมดาๆ

    /              “ขืนมาทำให้นายน้อยรำคาญใจล่ะก็​จะฆ่ามันทิ้งซะ”

                  “เบะเฮะๆๆๆ​ ก็ดูน่าสนใจดี”

     

     

    ------ 100% ------

     

                   แงงง มีเรื่องอยากสอบถามค่ะ อาจจะเนื่องจากเราไม่ได้อัพมาอย่างยาวนาน ตอนนี้เด็กดีมีการเปลี่ยนเวอร์ชั่น แต่ตอนนี้เราไม่สามารถลงธีมได้เลยค่ะ หากใครรู้วิธีใส่ธีมช่วยบอกหน่อยนะคะ และก็ขอขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ค่ะ ><

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×