เหมียว-มฤตยู [ตอนเดียวจบ] - เหมียว-มฤตยู [ตอนเดียวจบ] นิยาย เหมียว-มฤตยู [ตอนเดียวจบ] : Dek-D.com - Writer

    เหมียว-มฤตยู [ตอนเดียวจบ]

    ผู้เข้าชมรวม

    70

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    70

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ส.ค. 67 / 23:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เหมียว

    เหมียว

    เหมียววววววววววววว

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      1

       

      ณ อาณานิคมแห่งหนึ่ง ลอยเคว้งอยู่เหนือดาวอังคาร ตัดขาดการติดต่อมามากกว่า สิบสองชั่วโมงแล้ว

      ห้องควบคุม บัดนี้เต็มไปด้วยซากศพ มีส่วนน้อยที่จะเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้

      ประตูห้องควบคุมถูกเปิดออก

      ซาล พุ่งตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

      พร้อมกับเสียงขู่คำรามของซากศพ ที่เต็มไปด้วยกรงเล็บและขากรรไกรที่แหวกออกเป็นสี่แฉก ร่างของมันทุกตัวเหมือนซากศพที่เคยเป็นมนุษย์

      แต่บัดนี้ กลายเป็นสัตว์ประหลาดอสูรกายน่าสยดสยอง

      พวกมันเคลื่อนตัวว่องไว  ราวกับเครื่องจักรกลสังหาร หากได้เห็นสิ่งมีชีวิตทุกชนิด พร้อมชาร์จเข้าใส่ ฉีกกระชาก ขย้ำจับกิน

      มันตัวหนึ่ง พุ่งเข้าใส่   

      หน้าท้อง ผ่าเป็นรอยแยก เผยปากขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยคมเขี้ยว ซ้อน หลายๆ ชั้น หมายขย้ำเด็กหนุ่มตรงหน้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ ทั้งตัว

      อาวุธเลเซอร์ใบมีดแนวนอน ถูกยิ่งออกมาจากปลายกระบอกปืนความเข้มสูง 

      ตัดร่างอสูรกายขาดเป็นสองท่อน จนไปทะลุตัดร่างตัวที่เหลือ ตามมาอีกจำนวนหนึ่ง

      อวัยวะชิ้นส่วนต่างๆ ถูกตัดขาดเรียบเนียน เลือดสาดกระเซ็นชิ้น 

      ส่วนกระเด็น จากแรงเหวี่ยงดิ้นของพวกมัน 

      ร่างล้มกระแทกพื้นแข็ง ดิ้นพล่าน เลือดไหลเจิ่งนอง ขู่ร้องคำราม โกรธแค้น ปนความเจ็บปวด

      อีกตัว ที่ฝ่าวงล้อมมาได้ ถูกปืนลูกซองนัดสุดท้าย เป่ากระบานแหลกละเอียด สมองกระจุยกระจาย  พร้อมกับประตูห้องควบคุมถูกปิดหนีบร่างขาดทันที

      ดวงตาสีเขียวมรกต เปลี่ยนเป็นสีฟ้า จ้องไปที่ระบบของเจ้าประตู

      "ล็อค!!"

      สิ้นคำสั่งแฮกข้อมูลเจาะระบบ

      บานประตูห้องควบคุมเพิ่มความหนามากกว่า 3 ชั้น ทันที

      อย่างน้อย ก็ถ่วงเวลาได้ก็ยังดี

      เด็กหนุ่ม รีบไปที่แผงควบคุม ตั้งพิกัด “ดวงอาทิตย์”

      แล้วจึงขึ้นเอ่ยกล่าวปลายทาง

      "ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมจะตั้งเส้นทางใช้ระบบวาร์ปพุ่งตรงไปยังดวงอาทิตย์ ..."

       

      อาณานิคมแห่งนี้ ถึงการสิ้นสุดแล้ว  

      แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไรล่ะ ?

      คงต้องท้าวความไป เมื่อหลายวันก่อน

      มหาราชวังลอยอยู่ท่ามกลางอวกาศไม่ไกลจากดาวเคราะห์สีฟ้า ซึ่งตรงกับเส้นโค้งใต้ดวงดาว ตัดกันอย่างสวยงาม

      สวนราชพฤกษ์ ที่เงียบสงบ มีศาลาชมวิว อยู่กลางสระน้ำใส บรรยากาศนี้ช่างน่าชวนฝัน 

      อาหารบนโต๊ะช่างเลิศรสน่ากิน 

      ดวงตาสีมรกต  ที่โดดเด่นไม่แสดงแววตาความอร่อยของอาหารเสียเลย

      เด็กหนุ่มรูปงาม นามของเขาคือ ซาล อยู่ในอาภรณ์สีดำ 

      นอกจากดวงตาสีเขียวมรกตที่โดดเด่นแล้ว 

      ยังมีผมสีแดงดั่งเพลิงร้อนแรง ตัดกับบรรยากาศที่เย็นตา

      ตรงข้ามซาล เป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจาก 

      ยูฟาริตัส จอมจักรพรรดิ ผู้ที่ทำให้จักรวรรดิ แห่งโลกทั้งสี่ ยอม สยบ ก้มหัว

      จอมจักรพรรดิผู้นี้ ยังคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นอาการของเด็กหนุ่ม ไม่สบอารมณ์ จึงเอื้อนเอ่ยกล่าว

      " หลังเสร็จมื้อนี้ ราขกุมานเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปอาณานิคมกัน"

      ดวงตาสีเขียวมรกตของเด็กหนุ่มจ้องเขม็ง สบดวงตาสีอำพัน ในใจก็พลันคิดว่า 

      น่ารำคาญ!

      เด็กหนุ่มพยายามอดทน และนำอาหารชิ้นโปรดเข้าปาก

      แต่การเคี้ยว ของเขาช่างรุนแรงนัก!

      "ซาล...มีเหตุผลอะไรต้องเผาโรงเรียน?"

       จอมจักรพรรดิ ยูฟาริตัส ยังถามย้ำไม่เลิก

      ซาล นิ่งเพียงครู่เดียว แล้วจึงกล่าว น้ำเสียงแข็งกระด้าง

      "ผมไม่ชอบ มันก็เหมือนทุกที่ "

      " อะไรเหมือนกันที่"

      น้ำเสียงยูฟาริตัสยังราบเรียบ ทำราวกับไม่รู้เรื่อง แล้วตักของหวานเข้าปากสบายอารมณ์

      "ชีวประวัติศาสตร์ของท่านไงล่ะ ไม่เห็นจะต้องเข้ามาในเนื้อหาหลักสูตรการเรียนเลย"

      อาหารบนโต๊ะรสชาติแย่ทันที

       แค่คำพูดที่ไม่น่าฟัง มันก็ทำลายบรรยากาศได้

      “ แต่นั้น ? “

      กล่าวจบ จอมจักรพรรดิวางช้อน เขานิ่งเงียบไป กำลังจะถามคนตรงหน้า

      ซาลรีบลุกออกจากโต๊ะอาหารเสียก่อน ทิ้งให้จอมจักรพรรดินั่งอยู่เพียงผู้เดียว

       

      ณ อาณานิคม ประจำดาวอังคาร

      "ระบบของที่นี่ อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า พวกเขาเหล่านี้ ล้วนไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป ล้วนโตมาจากห้องทดลอง ทั้งสิ้น  อวัยวะส่วนสมอง เป็นเครื่องจักรกล แล้วถูกเซ็ตระบบไว้ ส่วนอวัยวะภายในและเลือดจะใช้เป็นสารสีแดง "

      จอมจักรพรรดิกล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมให้เด็กหนุ่มเข้าใจ

      ซาลกอดอกแล้วกล่าวถาม

       "ทำไมท่านไม่เอาคนจริงๆ มาอยู่?"

      จอมจักรพรรดิ์ ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้มมุมปาก

      " ข้ายังไม่ประสงค์ "

      ซาลยกคิ้วข้างหนึ่ง

       "แค่นี้หรอครับ?"

      "จะรู้อะไรอีก?"

      "ป่าวครับ"

      เมื่อนั้น ช่วงเวลาที่หยุดนิ่ง มีหญิงสาวราวเทพธิดาสวรรค์ประทานพร เดินผ่านซาลไป

      ซาล มองผู้หญิงคนนั้นอย่างสนใจ

      ในใจของซาล รู้สึกดี

      ต่อมา ก็ถูกพามายังศูนย์บัญชาการของอาณานิคมแห่งนี้ 

      ในห้องมีเพียง ชายร่างใหญ่อายุราว สี่สิบปลายๆ 

      เขายืนทำความเคารพ ผู้มายืนทั้งสองอย่างนอบน้อม

      " ท่านจอมจักรพรรดิ์ ท่านมงกุฎราชกุมารมินตรา กระผมนามว่า รูปี เป็นผู้บังคับบัญชาการสูงสุดของอาณานิคมแห่งนี้ครับ"

      ซาลพยักหน้ารับ  แล้วกล่าวผู้ที่ยืนอยู่ข้างตน

      "เขาไม่ได้เรียกผมว่าพระชายาเหรอ? "

      เจ้าของดวงสีอำพัน จ้องมายังเด็กหนุ่ม กล่าวน้ำเสียง ปนความขบขัน

      "งั้น..จะเซ็ตโปรแกรมเรียกให้ใหม่"

      กล่าวจบ ยูฟาริตัสก็เดินนำหน้าไป

      จังหวะนั้น ทำเอาซาลคิ้วกระตุก

      ซาล เดินเข้าไปสำรวจรอบๆ ผู้บังคับบัญชาของที่นี่

      ฝ่ามือของเขา โบกไปมาในระเดียวกับใบหน้า ของผู้บัญชาการ รูปี ดวงตามรกต จ้องเอาๆ ราวกับ อยากจะสิ่งสู่

      “ ชอบเหรอ”

      จอมจักรพรรดิที่ยื่นอีกฝาก หลังภาพพิมพ์เขียว โฮโลแกรมเอ่ยถาม

      ซาลเอามือลง แล้วยิ้มมุมปาก 

      “ น่าสนใจนะครับ ดูสิเขาไม่กะพริบตาเหมือนกับหุ่นยนต์เลย”

      ยูฟาริตัสนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าว พร้อมกับมืออีกข้าง พึ่งลบพิมพ์เขียวส่วนหนึ่งหายไป

      "ช่วงที่เจ้าอยู่ที่นี่ ผู้บังคับบัญชาการ รูปี จะคอยช่วยเหลือและเป็นที่ปรึกษาหากมีอะไร ก็ถามเขาได้นะ "

      จอมจักรพรรดิกำลังจะจากไป

      ซาล " ฝ่าบาท "

      "หืม?"

      "ท่านย่อตัวหน่อยสิ"

      ซาลเดินตรงเข้ามา ด้วยดวงตาเข้มแข็งราวเหล็กกล้า 

      ทำเอายูฟาริตัส รับรู้ถึง พลังงานบางอย่าง ที่กดดันออกมาจากตัวเด็กหนุ่ม 

      แต่ก็ยอมย่อตัวลง ใบหน้าเกือบลงมาอยู่ระดับเดียวกับซาล

      เมื่อเห็นท่าทีของจอมจักรพรรดิแสดงออกมา

       ซาลยิ้ม ส่งสายตาหวานราวคมมีด มือทั้งสองสัมผัสใบหน้ายูฟาริตัส แล้วดึงให้เข้าใกล้จนปลายจมูกทั้งสอง เกือบแตะกัน

      "อยากได้กลิ่นหอมจากท่าน"

      ซาลเชิดหน้า ทำท่าสูบกลิ่ม หลับตาพริ้ม อย่างอิ่มเอม

      ยูฟาริตัสกุมฝ่ามือทั้งสองของเด็กหนุ่ม ออกจากใบหน้าตน พร้อมเอ่ยว่า

      "ถ้าแบบนี้ล่ะ"

      แล้วดันซาล ให้ออกห่างจากตน

       จากนั้นเลือดก็ออกจากปลายนิ้ว ลอยอยู่กลางอากาศ

      เพียงเสียววินาที ของเหลวสีแดง ก็กลายเป็น ทับทิมสีแดง มีกลิ่นหอมหวาน ฟุ้งกระจายเข้าจมูกของซาล

      ซาล "....."

      "เก็บไว้ติดตัว ยามใดที่เจ้าต้องการ ก็จงสูดดมตามความปรารถนา"

       

      สายตาของซาล มองดูขอบเส้นโค้งของดาวอังคาร จากหน้าต่างบานกระจกใสขนาดใหญ่ บนเพดานที่ห้องพักส่วนตัว

      ที่มือตน ยังมีขวดแก้วใส ปิดฝาอย่างดี ภายในเป็นเม็ดทับทิมสีแดง ที่เคยเป็นหยดเลือดของจอมจักรพรรดิ

      เมื่อเขย่า กลิ่นหอมก็จะฟุ้งกระจาย

      แต่...มันยังไม่หนำใจพอ

      "ไม่ใช่กลิ่นนี้"

      ซาล พลันนึกถึง ใบหน้าหญิงสาว ที่เจอถนนกลางอาณานิคม

      เมื่อนึกถึง ตาของเขาเริ่มเหม่อลอย ความสุขที่เด็กหนุ่มยามกระแทกกระทั้น ร่างบาง เอวน้อย ครวญคราง เสียงหวาดหวาน

      แต่แล้ว ก็ส่ายหัวไปมา

       จากนั้น จึงลุกมานั่งขอบเตียง แล้วโยนขวด ทับทิม แดงไปที่อื่น

      ดวงตาของซาลจากสีมรกต เปลี่ยนเป็นสีฟ้า

      "ผู้บังคับบัญชาการรูปี"

      "ครับ ท่านมงกุฏราชกุมาร"

      มีเสียงตอบรับจากกระแสจิตเข้ามาในหัวของเขาอัตโนมัติ

      ซาลเขามีความสามารถอย่างหนึ่งคือ ใช้พลังจิตติดต่อกับระบบไอที โดยที่ไม่ต้องใช้ตัวกลาง

      เขามีความสามารถตอนอายุ 6 ขวบ เทคโนโลยีทุกอย่างเขาล้วนแฮกระบบได้ 

      ยกเว้น ระบบที่สร้างขึ้นจากรัตนะของจอมจักรพรรดิ 

      "ผมจะส่งภาพความทรงจำของผู้หญิงคนหนึ่งให้คุณ และเรียกเธอมาที่ห้องผม"

      ซาลผลักร่างของผู้หญิงคนนั้นนอนลงบนเตียง แล้วขึ้นคร่อม ฉีกกระชากชุด จนร่างเปลือยเปล่า

      ร่างกายทุกอย่างเหมือนมนุษย์มาก

      ร่างกายของหญิงสาวมีปฏิกิริยาตอบกลับ มือของหญิงสาวสัมผัสกล้ามเนื้อเนินอก หน้าท้องแปดลอน มัดแน่น   

      ทั้งสองแรกจูบอันดูดดื่ม กระหาย อดอยาก ราวกับตนอยู่ดาวเคราะห์ทะเลทรายมาแสนนาน เมื่อพบแห่งน้ำ ก็เข้าหาปรานกลืนกิน

      และทุกอย่างก็หยุดชะงัก

      "ใช่แล้ว..กลิ่นนี้"

      หญิงสาวใต้ร่าง "....."

      "เธอชื่ออะไร"

      "หม่อมฉันยังไม่มีชื่อเพคะ"

      "ยูฟาริตัส นับจากนี้ เธอชื่อ ยูฟาริตัส! "

      "ฉัน ชื่อ ยูฟาริตัส" หญิงสาวยิ้มตอบรับ

      พวกเขา บรรเลงรักอันร้อนแรง ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ขอบโค้งดาวแดงยักษ์ ปรากฏผ่านหน้าต่างบานกระจกขนาดใหญ่

      ร่างของหญิงสาวขึ้นขย่มบนตัวของซาล ไม่แรงและไม่เบาเกินไป

      เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ประสานเป็นหนึ่ง ร่างของเธอโน้มตัวลงมาประทับจูบปาก 

      มือของซาล บีบขย้ำอกปทุมทั้งสองอย่างหนักหน่วง เอวช่วงล่างขยับขึ้นลงสอดประสานกับร่างหญิงสาวที่อยู่ด้านบนอย่างพอดิบพอดี

      เสียงดังเป็นจังหวะ เสียงหอบหายใจอันร้อนแรง แล้วกลิ่นกาย เฉพาะตัวของเขาและหญิงสาวฟุ้งกระจาย ปะปนกับกลิ่นคาวกาม

      ข่องรักของหญิงสาวตอดลัดบีบอัดดูดแก่นกายตน บีบเค้นรีดน้ำกามขาวขุ่นให้ออกจากร่างกายอยากกระหาย

      เหมือนแก่นกายกำลังจะละลายเป็นส่วนหนึ่งกับช่องรักนั้น

       

       

       

      2

       

      ขวดแก้วใสที่บรรจุทับทิมสีแดงอยู่บนพื้น ไม่ต่างจากของที่ถูกทิ้ง

      ซาล นั่งอยู่ที่ขอบเตียง สายตาจ้อง สมาร์ทโฟน เล่นเกม ชนะครั้งแล้วครั้งเล่า 

      ไอ้ตัวไหน เล่นแล้วแพ้ วอนพาลด่าทอ ก็จะเล่นงานลบไอดีมันเสียเลย พร้อมดูดเงินมันเข้าหาตัว

      อีกฝั่ง ร่างหญิงสาวนอนคว่ำเปลือยเปล่า โชว์แผ่นหลังขาว ที่เต็มไปด้วยรอยจูบจ้ำสีแดงจนช้ำ

      เวลาผ่านไปไม่นานเมื่อ เขาออกจากเกม 

      แล้วจึงค่อยมาสนใจหญิงสาว 

      ไม่นานนัก ร่างของหญิงสาวที่หมดสภาพ ก็ถูกนำออกไปจากห้องแล้ว

      บนเตียงอันเร่าร้อน ยกล่าสุด เหลือเพียงซาลที่เหยียดยิ้ม 

      ก้นบึ้งของจิตใจ มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้า ที่ หวังโค่นล้มจอมจักรพรรดิผู้นี้ให้จงได้ 

      จากนั้น ก็จับล้างสมอง ไม่ต่างจากตุ๊กตา

      เมื่อเบื่อ 

      แล้วจึงส่งให้คนอื่นเป็น ทอดๆ ต่อไป

      ตอนนี้ ได้แฮกข้อมูลล้างความทรงจำของมนุษย์ทดลองหญิงสาวผู้นี้แล้ว หมดเกลี้ยงจนไม่เหลือว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น


      ซาล เดินออกไปนอกห้อง ยังเห็นเหล่ามนุษย์ทดลองเดินกันขวักไขว่ 

      ดูจากยูนิฟอร์มอีกประเภทหนึ่ง น่าจะเป็นสายนักวิทยาศาสตร์

      ทันใดนั้น เห็นสิ่งมีชีวิตก้อนสีส้มปุกปุย ปราดเปรียว 

      คิ้วเข้มของเขากระตุก แล้วพูดในใจ

      กลิ่นที่คุ้นเคย ?

      กลิ่นที่เหมือนกับหญิงสาวผู้นั้น แต่มันรุนแรงกว่า!?

      เหมียว ~

      เขากลับหลังหันมามอง

      เหมียว ~


      แมวส้ม?!


      ที่อาณานิคมแห่งนี้มี แมวด้วยหรอ?

      จำได้ว่า จอมจักรพรรดิ ไม่นิยมให้เลี้ยงสัตว์

      แม้แต่มหาราชวัง ก็ไม่มีสัตว์สักตัว

      ยูฟาริตัส มักจะบอกว่า พวกนี้ หากเลี้ยงมันไม่ดี มันก็จะอาฆาตและจองเวร มันเป็นทั้งภาระ

      มือของซาลสัมผัสคางของเจ้าแมวสีส้มตัวปุกปุย  

      จมูกของเขาสูบกลิ่นที่คุ้นเคย มันเหมือนกลิ่นของหญิงสาวผู้นั้น

      ดวงตาที่น่าพิศวงของเจ้าแมว จ้องมองมายังเขาโดยตาไม่กะพริบ

      มันเริ่มนอนกลิ้งเกลือกกับพื้น 

      สี่เท้าของมันประกบกัดมือโดยไม่หนักไม่เบา

      "หิวอะไรไหม? เดี๋ยวจะพาไปโรงอาหาร เป็นตัวเมียหรือตัวผู้เนี่ย"

      พอไปดูที่ก้นของเจ้าเหมียว

      คิ้วเขาขมวดด้วยความฉงน

      ไม่มีลูกอัณฑะ ?

      ไม่มีลักษณะเหมือนแมวตัวเมีย?

      มันเป็นแมวไม่มีเพศ!?

      ทำให้เขานึกถึงจอมจักรพรรดิผู้นั้น

      "ยูฟาริตัส"

      เหมียว ~

      "นั่นมันไม่ใช่ชื่อของแก"

      เหมียว ~

      มันลุกมาเดินพันขาไปมา

       แล้วจึงเดินไปทางอื่น

      ซาล เห็นคนที่ยืนรอมันอยู่ไม่ไกล

      มนุษย์ทดลองผู้นั้น มองเขาไร้ซึ่งอารมณ์ แล้วอุ้มแมวสีส้มเดินจากไป

      ในใจก็พลันคิด

      ยูฟาริตัส จำลองแม้กระทั่งเลี้ยงสัตว์?


      ที่ศูนย์ฟูด

      ทุกอย่าง ถูกจัดอย่างเป็นระบบ เหล่ามนุษย์ทดลองทุกชนชั้น เข้าแถว เว้นระยะห่าง ดูสวยงาม สมบูรณ์แบบเกินไป

      บรรยากาศ ก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป มีการพูดคุยกันระหว่างรับประทานอาหาร เรื่องขบขัน หรือแม้กระทั่ง เรื่องใต้สะดือ


      ผู้บังคับบัญชาการสูงสุด รูปี เดินเข้ามาหาซาล ยืนคำนับด้วยความเคารพ

      "ท่านราชกุมาร พวกเราได้จัดเตรียมห้องอาหารส่วนพระองค์แล้ว เชิญเสด็จตามพวกเรามาเถิด"

      ระหว่างทาง เป็นสะพานทำมาจากโลหะแข็งแรง บนพื้น เป็นแผ่นเลื่อนทอดยาวไป

      สองข้างทางเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ อีกด้านนึงจะเห็นแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่อง 

      อีกด้านนึงจะเห็น เส้นโค้งขอบฟ้าดาวอังคารสีแดงยักษ์ขนาดใหญ่ในระยะใกล้มาก

      สำหรับเขาแล้ว มองจนเบื่อ


      ที่ห้องอาหาร

      ผู้บังคับบัญชาการปูรีส่งสัญญาณมือเรียก พ่อครัวทั้งสอง ซึ่งนำถาดขนาดใหญ่ มาวางบนโต๊ะตรงหน้าซาล

       มันเป็นต้นไม้ขนาดย่อม มีกิ่งก้านสาขา ด้านละเท่าๆ กัน แล้วกิ่งโค้ง ปลายงุ้ม ชี้ลงพื้น ตรงปลายจะมีรัตนะเม็ดงาม สะท้อนแสงวิบวับตลอดเวลา  ส่วนตรงยอดสุด จะเป็นเพชรเม็ดขาวใสสว่าง

      ผู้บังคับบัญชารูปีไม่รีรอเขาเริ่มอธิบาย

      "ต้นราชพฤกษ์โอชา  ภายในต้นจะเต็มไปด้วยข้อมูลอาหารทั่วทั้งจักรวาลเท่าที่มี รัตนะที่อยู่ปลายกิ่งทั้งหมด จะสังเคราะห์ธาตุต่างๆ หลอมรวมเป็นวัตถุและชีวะ มาเป็นอาหารที่อยู่ตรงหน้า เชิญพระองค์ทรงสดับคำสั่งเสียง อาหารที่พระองค์ต้องการเถิด"

      เมื่อซาล พูดชื่ออาหาร ก็มีแสงว่าปรากฏอยู่ตรงหน้า ตามด้วย อาหารบนจาน ที่สุกร้อนกำลังพอดี ควันสีขาวลอยฉุยจนน่ากิน กลิ่นหอมเตะเข้าจมูกน่าอัศจรรย์

      เมื่อตักอาหารเขาไป ลิ้นของเขาสัมผัสรสชาติอันแสนหอมหวานกรอบนอกนุ่มใน ตลบ อบ อวล อยู่ในโพรงปาก 

      ใช่แล้ว!

      รสชาติของมันเหมือนกับต้นฉบับดั้งเดิม ที่เขาไปกิน บ่อยๆ เลียนแบบโดยไม่มีที่ติ

      เมื่อทานเสร็จเศษอาหารตรงหน้าและจานก็หายไป

      ซาล ดูทุกอย่างด้วยความอัศจรรย์ใจแล้วจึงกล่าว

      "อ๋อ  เข้าใจล่ะ ที่ฟูด ผมแทบไม่ได้กลิ่นเศษอาหารและน้ำยาล้างจาน "

      ผู้บังคับบัญชาการรูปียยิ้ม แล้วกล่าวตอบว่า

      "ด้วยพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าท่านจอมจักรพรรดิ พระองค์เป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์นี้มาเพื่อพวกเราและมวลมนุษยชาติครับ"

      ผู้บังคับบัญชาการรูปีกล่าวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าซาบซึ้งในพระคุณ


      เวลาผ่านไปรวดเร็ว ซาลทำความคุ้นเคยที่อาณานิคมแห่งนี้ 

      นี่คงเป็นสิ่งมีชีวิตคนเดียว ที่อยู่ร่วมกับมนุษย์ทดลองได้อย่างผ่าสุข

      ซาลเดินไป เรื่อยๆ จนกระทั่งได้กลิ่นที่คุ้นเคย 


      เหมียว~


      เสียงของมัน ทำให้พวกมนุษย์ทดลองหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง  ยืนนิ่ง และหันมามองมัน

      มีมนุษย์ทดลองคนหนึ่ง เดินเข้าไปจับสัมผัสมัน

      มันเอียงหน้าไปให้จับอย่างง่ายดาย

      แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น! 

      แล้วอีกคน ผลักคนที่กำลังจับเจ้าเหมียวสีส้ม ล้มหัวฟาดพื้น

      แต่กลับทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

      แล้วยังเข้ามาสัมผัสแมวตัวนั้นต่อ และสูดดมอย่างกระหาย

      ซาลรู้สึกแปลกใจภาพตรงหน้า

      ยูฟาริตัสไม่ได้ตั้งระบบเซตโปรแกรม แบ่งปันเอ็นดูสัตว์ละมั้ง? 

      มนุษย์ทดลองพวกนี้ ถึงได้ทำร้ายกันเอง

      ไม่ทันไร ผู้ควบคุมก็เข้ามาดูสถานการณ์

      พอผู้ควบคุมเห็นแมวสีส้มตัวนี้ ก็ใช้ไม้กระบองไฟฟ้าหลายโวลท์ ฟาดไปที่ผู้ที่กำลังสัมผัสแมวเหมียว แล้วเดินเหยียบร่างอย่างไม่ใยดี

      แล้วผู้ควบคุมอีกคน ก็ใช้กระบองไฟฟ้าเพิ่มกระแสโวลท์ ช็อตไปที่คนที่ถูกฟาดนอนกับพื้น ทำให้หัวระเบิดสมองกระจาย

      เดี๋ยวนะ!?

      มีบางอย่างมันไม่ถูกต้อง

      ซาลใช้พลังจิตแฮกเข้าไปในข้อมูลของระบบทันที  

      มันไม่น่าใช่ อยู่ดีๆ มนุษย์ทดลองเหล่านี้ ทำเกินกว่าเหตุได้ยังไง

      และแล้ว ความโกลาหลก็เกิดขึ้น!

      ขณะที่เขากำลังแฮ็กระบบ ก็มีมนุษย์ทดลองอีกกลุ่มใหญ่มากกว่า 10 คน จะเดินชน 

      ซาลรีบพลิกตัวหลบทันที ก่อนที่จะถูกเหยียบตาย

      มนุษย์ทดลองทั้งหมดในบริเวณนี้ วิ่งตรงไปหาแมวเหมียวสีส้ม ด้วยใบหน้าตาหื่นกระหายจนบิดเบี้ยว

      อยากจะสัมผัส!

      อยากจะจับแมวตัวนั้น !

      มนุษย์ทดลองเหล่านั้นเหยียบกันเอง

      ฉุดกระชากลากให้อีกฝ่ายไปให้พ้น

      ทั้งเสื้อผ้าฉีกขาด 

      เริ่มมีแผลเวอะหวะ

      บางคนเริ่มใช้กำลัง 

      ใช้อุปกรณ์ที่ใกล้ตัวเป็นอาวุธห้ำหั่น 

      กลิ่นหอม กลายเป็นอาวุธทำให้พวกเขาเหล่านั้น คุ้มคลั่ง!!

      ซาลวิ่งไปไกลจากความวุ่นวาย 

      เขาล้มทั้งยืนด้วยผลข้างเคียง จากกลิ่นหอมจากเจ้าแมวตัวนี้

      "ผู้บังคับบัญชาการรูปี! ได้ยินผมไหม?"

      "ขอรับฝ่าบาท "

      "มันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเป็นแบบนี้ได้ไง!!"

      "ตอนนี้ผมยังหาสาเหตุได้ครับ ผมกำลังจะล็อคตำแหน่งของพระองค์ เพื่อจะย้ายพระองค์มายังที่ปลอดภัยครับ"

      และแล้วก็มีแสงล้อมรอบตัวของซาล เขาถูกย้ายไปอีกห้องนึง ซึ่งรอบด้านเต็มไปด้วยผนังที่แข็งแกร่ง ประตูทางเข้าห้องถูกล็อคจนแน่น พอเขาเดินเข้าไปเปิดก็ไม่สามารถเปิดออกไปได้

      "พาผมมาที่ไหน?"

      "ห้องเซฟโซนครับ"

      ซาล นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเจอความผิดปกติที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรก

      "ผู้บังคับบัญชาการรูปี ปกติแล้วในอาณานิคมแห่งนี้เลี้ยงสัตว์หรือเปล่า"

      "ไม่มีครับ"

      ซาล"......"

      ซาลใช้พลังจิตแฮกระบบเข้าไปในกล้อง CCTV สร้างภาพไฮโลแกรม 3 มิติ ขึ้นอยู่ตรงหน้าของตน

      เขามองไปยังแมวสีส้ม ว่ายังอยู่ที่เดิมไหม

      ปรากฏว่า มันหายไปแล้ว

       

       

       

      3


      "ผมจะส่งภาพความทรงจำให้คุณไปสแกน แล้วรีบให้คำตอบมา ว่าสปีชีส์ที่ผมเห็นมันใช่อย่างที่ผมเห็นหรือเปล่า คุณจะไม่ต้องหาให้มันเสียเวลา"

      ในระหว่างที่ซาลกำลังรอคำตอบอยู่ ก็ได้ยินเสียงโครมครามและเสียง อะไรบางอย่าง ขูดกับผนังเหล็ก จากห้องข้างนอกแล้วมันก็หยุดที่ตรงประตู ได้ยินเสียงกระแทกเหมือนมีสิ่งมีชีวิตบางอย่าง กำลังจะเข้ามาในห้องนี้ ให้ได้ เสียงคำรามอันน่าสยดสยองดังตามมา 

      ซาลรีบดูระบบ CCTV ในจิตของตัวเอง ปรากฏว่า 

      สิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นสิ่งมีชีวิตที่เคยเป็นร่างของมนุษย์ทดลองมาก่อน แต่บัดนี้ ร่างกายของมันได้แปรเปลี่ยนเป็นซากศพอสูระกายน่าน่าสยดสยอง

      ร่างของมันสูงขึ้น แต่ความสูงนั้นไม่ได้สร้างกล้ามเนื้อ มีกระดูกที่ฉีกขาดผิวหนังที่กระจุยกระจาย กรงเล็บที่งอกออกมา ขากรรไกรบริเวณปากถูกฉีกและอ้าออกเป็น 4 แฉก

      เห็นลิ้นที่ห้อยลงมา มีฟันแหลมคมที่งอก มีแขนที่ผุดมากกว่า 4 ข้าง มีกรงเล็บแหลมคมจนน่ากลัว ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ 

      มันใช้ตัวของมัน ทุ้มไปทั้งตัว พยายามจะพังประตูเข้ามาในห้อง safety 

      ทันใดนั้น ผู้บังคับบัญชาการรูปี ติดต่อเข้ามา

      "องค์ราขกุมาร ท่านรีบออกมาจากห้องนี้โดยเร็วกระผมไม่สามารถใช้มวลสารย้ายท่านออกมาได้แล้ว"

      "แล้วตอนนี้คุณอยู่ไหน!?"

      "กระผมยังอยู่ในห้องควบคุมแต่ไม่สามารถบัญชาการได้แล้วครับ จะย้ายฉุกเฉิน "

      "คุณบาดเจ็บ!"

      "ตอนนี้ผมยังมีเวลาที่จะสื่อสารกับพระองค์ ข้อมูลที่พระองค์ส่งมาสิ่งมีชีวิตนี้ไม่ใช่แมวครับ "

      "แล้วมันเป็นตัวอะไร ?”

      เมื่อนั้น มีเสียงบางอย่างแทรกเข้ามา

      เสียงคำรามของอสูรกายและเสียงเนื้อที่ฉีกขาดดังเข้ามาหูของเขา

      ผู้บังคับบัญชาการรูปี สถานะ เสียชีวิตแล้ว!

      ซาลถูกย้ายออกจากห้องเซฟตี้ เขาอยู่ในสวนไม้

      วิ่งผ่านเศษซากศพ เนื้อเยื่อที่กระจัดกระจาย ยังมีพวกศพอสูรกายอยู่กระจัดกระจายเป็นหย่อม

      แต่แล้วเขาถึงกับตกตะลึก ที่เห็นพวกมันอยู่เป็นกลุ่ม หน้าเซฟตี้ 

      มันยืนนิ่งไม่ต่างอะไรกับหุ่นปั่น แต่เมื่อมีเสียงของหล่น

      ซากศพอสูรกายเหล่านั้น จะมีปฏิกิริยาวิ่งไล่ล่าตามหาเสียงต้นตอได้อย่างแม่นยำ

      ซาลนึกบางขึ้นมาได้ จึงแฮก ระบบเสียง เปิดลำโพง หลอกล่อพวกมันทั้งหมด เมื่อพวกมันขยับตัวทำลำโพง พังยับ

      เวลานี้ ซาล กึ่งวิ่งกึ่งเดิน ยังบังดับให้ลำโพง ทำงานต่อ

      ตอนนี้ เขาหาวิธีทางที่จะติดต่อจอมจักรพรรดิ หลายครั้งหลายครา ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ การแฮกเข้าไปในระบบสื่อสาร เหมือนจะถูกทำลายไปแล้ว เขาคงต้องทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ

      เขาหลบอยู่หลังกำแพงเขาย่องเบาอย่างเงียบเชียบตรงหน้าเขาคือ เหล่าซากศพอสูรลกายที่ยืนนิ่ง เขาสังเกตร่วมๆ ว่า ยังมีกล้อง CCTV เหลือไหม 

      แล้วจึงจับสัญญาณ ที่อยู่ใกล้ๆ ดูเส้นทาง แล้วกำลัง แฮก ระบบเสียง 

      แต่แล้ว มีคลื่น รบ กวนแทรกเข้ายังโซนประสาท

      ซาลปวดหัวอย่างรุนแรง แล้วเขาเห็นภาพบางอย่างกำลังใช้คลื่นพลังงานที่เหนือขึ้นกว่า ควบคุม กล้อง CCTV  แทน

      แล้วมีเสียงความถี่ดังมาจากลำโพง ทำให้อสูรกายซากศพขยับตัว พุ่งไปยัง ซาล!

      มีบางอย่างคว้าตัวเขาไว้ ทำให้ซาลตกใจสุดขีด เขาพลาดท่าแล้ว คงต้องตายที่นี่

      แต่มือที่คุ้นเคย ทำให้เขารีบหันหน้ามองขึ้นไปรวบรวมสติ 

      คนที่รั้งตัวเขาไว้คือ จอมจักรพรรดิ ที่สวมหน้ากากป้องกันกลิ่นอย่างมิดชิด

      แสงเลเซอร์ พลันปรากฏหลายเส้นดั่งแส้ฟาด เหล่าซากศพอสูรกายแหลกเป็นชิ้นๆ เหมือนเนื้อหั่นเต๋า 

      อาวุธชนิดนี้ ช่างน่ารุนแรง โจมตีเพียงแค่ไม่กี่ชั่ววินาทีก็ทำลายวงล้อมของศัตรูได้อย่างโหดเหี้ยม

      "ท่าน. ฝ่า ฝ่าบาท มาได้ไง"

      จอมจักรพรรดิ "พวกเราจะต้องไปที่ปลอดภัยก่อนแล้วจะหาทางออกที่นี่ด้วยกัน"

       

      ห้องเซฟโซนลับสุดยอด 

      ดูภายนอกจะเหมือนตึกหนาทึบแต่เมื่ออยู่ข้างในแล้วจะเห็นกระจกล้อมรอบ 360 องศา 

      เมื่อมองจากด้านบน ก็จะเห็นเหล่าซากศพอสูรกายเต็มไปหมด

       

      ยูฟาริตัส มอบอาวุธปืนที่จำเป็น หน้ากากป้องกัน ล้วนมอบให้เด็กหนุ่ม 

      ซาลสวมมันทันที ส่วนอาวุธเหล่านั้น เช็คสภาพอุปกรณ์และพกไว้ติดตัว

      ห้องลับสุดยอดนี้ น่าจะเป็นที่สำหรับจอมจักรพรรดิที่สร้างไว้ลับๆ เป็นห้องที่ไม่ได้อยู่ในพิมพ์เขียว ต่อให้ซาลแฮกข้อมูลเข้าไปดูมันก็ไม่มีอยู่ในนั้น

      "สิ่งมีชีวิตเหมือนแมวที่เห็น เดิมทีแล้วมันมาจากอีกขอบจักรวาลหนึ่ง มันมาอาศัยอยู่ดาวอังคาร มาหลายหมื่นปีแล้ว กลิ่นหอมของมันจะทำให้ผู้สูบดมลุ่มหลงแล้วฆ่ากันเอง "

      จอมจักรพรรดิอธิบาย แล้วโชว์ภาพไฮโลแกรมฉายพฤติกรรมของมัน ในพลังจิตของซาล

      ซาลใช้ตาดูภาพบันทึก เหมือนผู้ชมสารคดีภาพยนตร์

      ต่างจากจอมจักรพรรดิที่ดูภาพไฮโลแกรม 3 มิติ

      เขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนแมวเดินผ่านเหล่ามนุษย์ทดลองเป็นดังคาด พวกเขามีอาการลุ่มหลงมันและบางคนคุ้มคลั่ง แย่งชิง จนฆ่ากันตาย เมื่อตายแล้ว เจ้าสิ่งมีชีวิตเหมือนแมวนั่นก็อ้วกบางอย่างที่คล้ายๆ ขนปุกปุย เข้าไปฝังตัวอยู่ในร่างของศพ

      จากนั้น ศพก็เกิดการชักกระตุกอย่างแรง กระดูกขยายใหญ่ กล้ามเนื้อฉีกขาด มีแขน งอกมา มากกว่า 2 แขนขากรรไกรปากล่างถูกกลางออก ไม่ได้ต่างอะไร จากที่เขาเห็น ซากศพอสูรกาย ไร้ชีวิต ไร้หัวใจมันถูกควบคุม โดยสิ่งมีชีวิตที่เหมือนแมวตัวนั้น

      "กลิ่นของมันทำให้มีอาการหลอน หน้ากากที่ทำมาก็ใช่ว่าจะป้องกันได้หมด " จอมจักรพรรดิยังอธิบายต่อ

      "แล้วท่านล่ะ ไม่มีภาพหลอนบ้างหรอ"

      จอมจักรพรรดิ "........"

      ซาล "...ไม่มีใช่มั้ย? "

      จอมจักรพรรดิกำลังจะอ้าปากตอบ แต่แล้วประตูห้องนิรภัยก็ถูกเปิดออก

      พวกเขาตระหนักดีว่า สิ่งมีชีวิตเหมือนแมวตัวนั้นมันเข้ามาควบคุมระบบไอทีแล้ว

      ซาลรวบรวมพลังจิตแฮกข้อมูลเพื่อจะปิดประตูแต่ก็สายเกินไป พวกซากศพอสูรกายเข้ามา ทุกอย่างวุ่นวายมาก จอมจักรพรรดิเข้ามาช่วยสกัด

      แต่ในจังหวะนั้นเอง ก็ถูกอสูรกายพุ่งโจมตีจากด้านข้าง ทำให้ทั้งจอมจักรพรรดิและมัน ทะลุหน้าต่างบานกระจก ตก ลง ไป

      ซาล" ยูฟาริตัส!!! "

       

       

       

      4

       

      ร่างอสูรกายถูกปลายยอดของต้นสนเสียบจนทะลุจนตาย

      จอมจักรพรรดิร่วงหล่นลงไปยังพื้นหญ้า เขาค่อยๆ พยุงตัว

      "ฝ่าบาท!! " เด็กหนุ่มตะโกนเรียกจากด้านบน

      "ไม่ต้องห่วงข้า...ข้าดูแลตัวเองได้ ไปห้องควบคุมเปิดเส้นทางให้วาร์ปไปยังดวงอาทิตย์ เราต้องทำลายที่นี่! "

      ไม่ทันไร แรงสั่นสะเทือนก็เกิดขึ้น อยู่ดีๆ ยานอาณานิคมออกจากรอบโคจร จากดาวอังคาร กำลังจะมุ่งตรงไปยังโลกด้วยระบบวาร์ปภายใน 10 นาที

      จอมจักรพรรดิ "เร็วเข้า! เราไม่มีเวลาแล้ว! "

      ซาล ไม่รีรอ รับคำสั่ง ใช้พลังจิตที่เหลือของตนเข้าไปสกัดระบบของอาณานิคม แต่การแฮก ไม่ได้ผล

      ประสาทสัมผัสของเขาเริ่มเห็นภาพหลอน

      เขาวิ่งไปยังอุโมงค์ของยานผ่านทุ่งหญ้าสีขาวเรืองแสงที่โล่งกว้าง และบางเส้นทางก็มีทั้งอุโมงค์โลหะและทุ่งหญ้าขึ้นปะปนเต็มไปหมด 

      ยิ่งเข้าใกล้ห้องควบคุมกลิ่นหอมก็ยิ่งรุนแรงภาพหลอนก็ยิ่งทวีคูณ

      ขวดแก้วที่เขาเก็บไว้ถูกเปิดฝาออกเม็ดทับทิมสีแดงถูกนำออกมาและเข้าปากตนกลืนกินมันเข้าไป

      เขาน่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว จะทนเก็บไว้ให้เกะกะทำไม กลืนมันเข้าไปตั้งแต่ทีแรกก็จบ

      ภาพทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เขาถอดหน้ากากออก

      เสียงคำราม ของอสูรกายซากศพตามไล่หลังมา

      สติของเขา กลับคืนมาแล้ว สายตามุ่งตรงไปประตูด้านหน้า ดวงตาจากสีเขียวค่อยแปลเปลี่ยนประกายอมฟ้า

      ภาพวงจรของการเปิดประตูโผล่ขึ้นมาตรงหน้า มีเพียงเขาคนเดียวที่เห็นมัน

      ปลดล็อคประตูได้สำเร็จเข้าสู่ห้องควบคุม

      ซากศพอสูรกายบางตัวหลุดรอดเข้ามาได้ เขาจัดการด้วยปืนเลเซอร์ยิงออกมาเป็นดาบคมตัดเฉือนเนื้อเยื่อจนขาดสะบั้น เลือดสาดกระจุยกระจาย เศษอวัยวะกระเด็นไปทั่ว

      คำสั่ง ล็อค ถูกลั่นด้วยวาจา ประตูห้องควบคุมถูกปิดอย่างอัตโนมัติตามความปรารถนา

      ตามด้วยประตูเหล็กหนากล้าอีก 3 ชั้น เพื่อจะถ่วงเวลา

      เขาถึงห้องควบคุมแล้ว

      "ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมจะตั้งเส้นทางใช้ระบบวาร์ปพุ่งตรงไปยังดวงอาทิตย์ ..."

      เขากำลังรอเสียงนั้นตอบกลับมา

      จนสักครู่ใหญ่ๆ

      เขาลืมไปว่า ในห้องควบคุมยังเหลือซากศพอสูรกายอีกตัวหนึ่งนั่นก็คือ

      อดีตผู้บังคับบัญชาการรูปี!

      กรงเล็บแหลมคมโจมตีจากด้านหลังของเขา

      ซาลหลบไม่พ้น โดนคว้านเนื้อด้านหลังเป็นแนวยาวสามรอย

      เลือดไหลซึม เขาถึงกับทรุดตัวลงไปกับพื้น เริ่มอ่อนแรง บาดแผลขนาดนี้ไม่แปลกที่จะทนไม่ไหว

      พอจะคว้าอาวุธโจมตีรู้ ตัวอีกทีอาวุธก็กระเด็นไปไกลแล้ว เขารีบคลานไปคว้ามัน แต่ถูกเหวี่ยงตัว กระแทกไปอัดแผนควบคุมอย่างแรง

      หัวของเขากระแทกจนวินเวียน สายตาพร่ามัว

      ทันใดนั้น เจ้าแมวสีส้มก็ปรากฏตัว

      อยู่ตรงเบาะนั่งของผู้บังคับบัญชาการมันบังคับ หมุนเก้าอี้หันหน้าไปยังซาล

      มันจ้องมองด้วยสีหน้าที่เย็นชาและปล่อยกลิ่นหอมเพื่อควบคุมเขาอีกครั้ง

      "พระองค์ก็น่าจะรู้หากร่วมมือกันก็คงจะไม่มีจุดจบแบบนี้ "

      มันกระโจนลงมาจากเบาะแล้วตรงมายังเขา

      "กระหม่อมอึ้งความสามารถของพระองค์ ที่ใช้พลังจิตแฮกระบบไอที มีความสามารถไม่ต่างอะไร แต่พระองค์ทรงทำได้ดีกว่ากระหม่อม" มันเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้น

      ดวงตาของมันเย็นชาหางสีส้มขนปุยของมันค่อยๆ ขยายและหดลง

      สายตาของมันสั่งการให้อสูรกายซากศพใช้กรงเล็บเสียบเข้าไปในฝ่ามือของซาลทั้งสองข้างจนทะลุติดพื้น

      เด็กหนุ่มร้องอย่างเจ็บปวด

      ส่วนเจ้าแมวส้มนั่นยังกล่าวต่อ

      "แต่ก็ไม่เป็นไร แกก็จะกลายเป็นของข้าแล้ว"

      สิ่งมีชีวิตที่เหมือนแมวสีส้ม มันอ้าปากกว้าง ขากรรไกรฉีกออกเป็นแฉก เผยให้เห็นอวัยวะภายใน จากลำคอ มีสิ่งมีชีวิตคล้ายๆ หนอนปรสิต ออกมาจากขากรรไกรปากที่ฉีกขาด

      ภายในร่างของมัน รอบตัวของหนอนปรสิต มีน้ำเมือกมากมาย ไหลเยิ้มรอบตัว นี้มันเป็นส่วนหนึ่งของร่างแมวสีส้ม

      มันสั่งการเจ้าซากศพอสูรกายกระทืบกลางท้องของซาล จนอ้าปากร้องด้วยความเจ็บปวด

      เจ้าหนอนปรสิตขนาดยาวเข้าไปในปากของเขาทันที ชอนไชเลื้อยคลานผ่านลำคอ ผ่านหลอดอาหารจนไปถึงกระเพาะ

      ดวงตาของเขาเหลือกช้อนด้วยอาการที่หายใจไม่ออก

      ดิ้นทุรนทุราย 

      น้ำเมือกสารหล่อลื่นจากเจ้าหนอนอุดตันอยู่เต็มปากไหลย้อยทะลักดเยิ้มจากขอบปากถึงใบหู

      ระบบทางเดินหายใจติดขัด

      รู้สึกว่าปลายหัวของเจ้าหนอนปรสิตกำลังทะลวงเข้าไปในกระเพาะของเขา เข้าไปในลำไส้ จนปั่นป่วน

      สติสุดท้ายที่เขากำลังเหลืออยู่ เห็นก้อนกลมๆ บางอย่าง กำลังค่อยๆ ออกมาจากร่างของเจ้าแมวสีส้มผ่านลำตัวของเจ้าหนอนปรสิตเป็นก้อนกลมปูดโปนค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ริมฝีปากของเขา กลิ่นหอมของเจ้าแมวเมื่อสูบพอไปจนเต็มปอด จากความเจ็บปวด แปรเปลี่ยนเป็นอาการไร้ความรู้สึก

      กระแสจิตของมันเข้ามาในสมองและประสาทของเขา

      "ข้าจะฝังเข้าไปในร่างของเจ้า กัดกินเจ้าจากภายใน ดูดพลังและภูมิความรู้ของเจ้ามาสู่ตัวข้า ยอมเป็นภาชนะให้เข้าสิงสู่เสีย อย่าฝืนให้มันทรมานเลย"

      "ไม่ !!"

      ก่อนที่สติสุดท้ายจะสิ้น เขารู้สึกถึงก้อนกลมๆ ที่ไหลจากลำตัวของปรสิตจากร่างของเจ้าแมวมาสัมผัสที่รินฝีปากของตน

      เจ้าก้อนนั้นมันมีขนาดใหญ่เท่ากับกำปั้น มันเข้าไปโดยไม่ยากลำบาก มันหดและเล็กเท่ากับขนาดโพรงปากของเขา รู้สึกมันเคลื่อนตัว ไปยังลำคอ เคลื่อนผ่านหลอดอาหาร กำลังจะลงไปสู่ภายในร่างกายของเขาและฝังอยู่ในร่างกายของเขากัดกินและดูดพลังภูมิปัญญาควบคุมสมองของเขา

      เขาจะไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง

      จะตายแบบนี้หรอ!?

      ภาพสุดท้ายของเขาคือ จอมจักรพรรดิที่อยู่เบื้องหน้า

      คนที่เขาจะต้องโค่นล้มให้ได้!

      แต่ตอนนี้เ ขากำลังจะตาย เพราะไอ้สิ่งมีชีวิตปรสิต ที่กำลังจะฝังอยู่ในร่างของเขา

      และแล้ว ทุกอย่างก็หยุดชะงัก เขารู้สึกได้ยินเสียงเนื้อที่แหลกละเอียด

      รู้สึกเลือดที่สาดกระเซ็น

      ได้ยินเสียงบดเคี้ยวกระดูกดังลั่น

      รู้สึกถึงเจ้าหนอนปรสิตตัวยาวที่อยู่ในปากของเขาถูกดึงออกมา

      สติเขากลับคืนมา

      เจ้าก้อนกลมๆ อยู่แค่ครึ่งหนึ่งของปากเจ้าหนอนปรสิตจะออกมาฝังในร่างกายเขา

       มันถูกดึงมาไว้อยู่ในฝ่ามือของจอมจักรพรรดิ

      แล้วถูกบีบแตก!

      เลือดสีเหลืองเหมือนน้ำหนองสาดแหลกเหลวคามือ

      ดวงตาของจอมจักรพรรดิเหี่ยมเกรียม

      เจ้าสิ่งมีชีวิตแมวเหมียวสีส้มที่ถูกบดขยี้จนเหลือครึ่งตัว ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

      ความรู้สึกของอีกร่างหนึ่งของมันที่ถูกบีบจนตายคามือ

      มันต้องการจะย้ายดวงจิตของมันมายังไข่ที่จะฝังอยู่ในร่างของซาล

      แต่ยังไม่ทันฝังเข้าไป ก็ถูกดึงออกเสียก่อน

      ซาล ค่อยๆ พยุงตัวขึ้น สะลึมสะลือ 

      จากนั้นจึงอ้วกออกมา

      มีน้ำเมือกและอาหารเก่าทะลักนองพื้นเต็มไปหมด

      จอมจักรพรรดิรีบเข้ามาพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้น

      "เป็นไงบ้าง เกือบโดนมันฝังตัวแล้วเชียว"

      เขาได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยเป็นกลิ่นหอมที่พิฆาต กลิ่นทุกสิ่ง

      ซาล "ท่านบาดเจ็บ!?"

      จอมจักรพรรดิ "นิดหน่อย"

      ชาลเห็นเครื่องจักรบางอย่าง กำลังเคี้ยวซากศพอย่างเอร็ดอร่อย

      มันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนไดโนเสาร์กินเนื้อสายพันธุ์ทีเร็กซ์ ที่หัวโตๆ แต่ว่าแขนของมันยาวและคล่องตัวกว่า มันยืนสองขาทำหน้าฉงนน่ารักๆ

      จอมจักรพรรดิ "นี่คือกะปอมจีจี้ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้ ทีแรกก็จะปล่อยจีจี้ไปถล่มที่ดาวอังคารแต่ก็ไม่คิดว่าพวกมันจะมาบุกที่อาณานิคมจนสำเร็จ"

      จากนั้นเจ้ากระปอม เดินไปที่สิ่งมีชีวิตที่เหมือนแมวเหมียวสีส้ม บัดนี้เหลือเพียงครึ่งตัวมันคลานตะเกียดตะกายร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

      "ยะ อย่า จอมจักรพรรดิได้โปรด พะพวกเราต้องการสันติภาพ พวกเราตกลงกันได้"

      มันร้องขอชีวิต

      จอมจักรพรรดิยูฟาริตัส มองด้วยสายตาอำมหิต เขาประคองร่างของซาลแล้วช้อนตัวขึ้นมาอุ้ม

      "..สันติภาพ…"

      ยูฟาริตัส ยิ้ม แล้วหันหลังเดินจากไป

      "ไม่ ฝาบาท ท่านยังไม่รู้คนที่…."

      สิ่งมีชีวิตที่เหมือนเจ้าแมวเหมียวสีส้มยังพูดไม่ทันจบ  ร่างของมันถูกหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ที่มีฟันแหลมคมกัดเคี้ยวเข้าปาก

      ไม่นานนักยานบินอวกาศจากพระราชวัง บินออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อาณานิคมที่เต็มไปด้วยซากศพอสูรกายส่งไปยังดวงอาทิตย์และเผาทำลายล้าง

      ภายในยานบินจะมีห้องพักพิเศษมีติดเตียงนุ่มกลิ่นหอมที่รวยระรินชวนผ่อนคลาย

      ทำให้ซาลที่อยู่ในสภาพร่างอันเปลือยเปล่า หลับอย่างสงบสูดดมกลิ่นหอมชวนหลงใหล พาให้เขาหลับสนิท

      จนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกสมานแผล ได้ดมกลิ่นนั้นอยู่ในภวังค์และหลับลึกลงไป อยู่บน อ้อม อก ของจอมจักรพรรดิ

      มีแต่เสียง อืม รอดออกมาเล็กๆ ไม่ดัง

      จอมจักรพรรดิลูบหัวชาล มืออีกข้าง สัมผัสกับบาดแผล  สัมผัสกับฝ่ามือที่ถูกเสียบจนทะลุ

      จนกระทั่งแผลสมาน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ทิ้งร่องรอยบาดเจ็บสาหัส

      ก่อนหน้านี้ เขาก็สังเกตบางอย่างที่ผิดปกติมาตั้งนานแล้ว

      ตอนที่ เขาพาซาลเดินทัวร์รอบอาณานิคม เขาตั้งใจจะให้ความสุข โดยเขาใช้กลิ่นหอมของตนฝังไปยังร่างของมนุษย์ทดลองหญิงสาว เพื่อกระตุ้นอารมณ์

      อยากจะรู้ว่า รสนิยมของผู้เป็นพระชายาตน ชอบแบบไหน

       หลังจากนั้นเขาจึงรู้ที่หลังว่า ร่างของหญิงสาวมนุษย์ทดลอง ที่เขาฝังกลิ่นอยู่ดันไปดึงดูดเจ้าสิ่งมีชีวิตคล้ายแมวที่ดาวอังคารเข้ามาสิงในร่าง

      คืนนั้น เขาก็แสร้งทำเป็นกับราชวัง แต่จริงๆ อยู่ ที่ในอาณานิคมมาตลอด เก็บตัวเงียบ และดูพฤติกรรมของซาลจากกล้อง CCTV ทั่วอนานิคม

      มนุษย์ทดลองที่เขาสร้าง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่แยกมาจากร่างของเขา หนึ่งในนั้นก็เป็นร่างของมนุษย์ทดลองหญิงสาวคนนั้นก็ด้วย

       

      จบ

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
      ×