สองจักรวาทิน ตอน ระลึกชาติ 1 นาที - สองจักรวาทิน ตอน ระลึกชาติ 1 นาที นิยาย สองจักรวาทิน ตอน ระลึกชาติ 1 นาที : Dek-D.com - Writer

    สองจักรวาทิน ตอน ระลึกชาติ 1 นาที

    ผู้เข้าชมรวม

    255

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    255

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    8
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ย. 67 / 23:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

    วาดปก 

    โดย

    ปลั๊ก ฮาคิ

     

    เรื่องราวอีกชาติหนึ่งในจักรวาลหนึ่ง ที่ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังอีกจักรวาลหนึ่ง จากยูฟาริตัส ถึง ยูฟาริตัส

    โดยใช้หัวข้อว่า “ชอบให้บีบก็บีบเลย”

     

    สองจักรวาทิน คำ

    ว่า จักรวาทิน มาจาก  พระเจ้าบรมจักรพรรดิผู้ปกครองรัตนะทั้ง 7 

     ในจักรวาลไตรภูมิ  เป็นผู้มีบารมี มีบุญญาธิการมากๆ เป็นมหาจักรพรรดิตามอุดมคติของชาวโลก 

    ปกครองได้ทั้ง 4 ดวงดาว ซึ่งคำว่าดวงดาว จะถูกเขียนแทนที่ว่า ทวีป โดยใน 1 ทวีปใหญ่ จะมีทวีปย่อยอีก 2,000 ทวีป โดยมี

    จักรแก้ว

    ช้างแก้ว

    ม้าแก้ว

    นางแก้ว (เมีย)

    แก้วมณี

    ขุนพลแก้ว

    ขุนคลังแก้ว

    ศึกษาเพิ่มเติมได้ และมีอยู่ในพระไตรปิฎก 

    คำว่า สอง คือทั้งสองล้วนเป็นเจ้าจักรวาลทินในชาตินั้นๆ แต่พอมาอยู่ในจักรวาลนี้ สามารถเรียกรัตนะทั้ง 7 ออกมาได้ แต่อยู่ในเงื่อนไข
     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

       

       

       

       

      [โหลดความทรงจำจาก เอส อี แอล ไอ สี ห้า หก ] 

       

      นั่นไง 

      ถ้ามันขึ้นมาแบบนี้แสดงว่า มีเรื่องบันเทิงให้ดูอีกแล้ว

       ไหน 

      ลองเปิดดูซิ

       

      [กำลังดาวน์โหลดข้อมูล] 

      [หนึ่งร้อยเปอร์เซ็ตน์]

      [โปรดเลือกระบบมุมมอง] 

      [มุมมองบุคคลที่ 3 ระบบรอบทิศ 360 องศา] 

       

      "แล้วนี่ความทรงจำใครกันนะ"

      "นั่นตัวข้าไม่ใช่เหรอ เคยทำงานแบบนี้ด้วย? "

       

      ยูฟาริตัส ได้แต่เป็นผู้มอง  ควบคุมร่างกายไม่ได้เลย

       

      เสียงแผ่นใบลาน หล่นลงพื้นขาดเป็นสองส่วน 

      เสียงถอนหายใจของหญิงสาว ผมยาว รูปร่างสูงสมส่วนสง่างาม ดวงตากลมโต ตา สีชมพู ทับ ทิม ช่างเลอค่า มองใบลานเหมือนของไร้ค่า

      “คนสมัยก่อนมีเวลาจินตนาการจังเลยเน๊อะ จะขนาดนี้แล้ว ไม่บันทึกเป็น text book ไปเลย อ่านแล้วมันปวดตา”

      หลังจากสิ้นประโยคของ หญิงสาว 

      มีเสียงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสบายหูว่า

      “ชมพู ในยุคนั้นต่อให้มีฐานข้อมูลระดับ Big Data ก็อยู่ไม่นาน เลยเลือกบันทึกลงวัตถุที่แข็งแรงทนทาน ไว้เป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลัง”

      ผู้ที่คุยด้วยนั่งอยู่ด้านหลังชมพู เขากำลังใช้แปรงปัดฝุ่น เพื่อค้นหาของเก่าอยู่ ไม่ใช่ใครเขาคือ

      ยูฟาริตัส เจ้าคนรูปงาม 

      ว่ากันว่า 

      งามจนล้มอาณานิคมได้เลย 

      หากเขายืนส่องใบหน้าบนผิวน้ำ หมู่ปลาก็ไม่กล้าแหวกว่าย เพราะกลัวผิวน้ำสั่นกระเพื่อมทำให้เงาหายไป

      หากอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตา ยิ่งกว่าหนึ่งฟ้าครอบ เหล่าดอกไม้นั้นไม่กล้าผลิบาน เพราะไม่สามารถสู้ความงามของยูฟาริตัสได้

      ดวงตาสีชมพูทับทิมเปล่งประกาย พลันให้นึกถึงเรื่องเก่าๆ ตอนที่หญิงสาวได้พบ ยูฟาริตัสครั้งแรก ไม่ได้มาในสภาพรูปงามแบบนี้

      จริงๆ แล้วมารูปร่างของชายอ้วนฉุ ผิวสีดำแดง หัวล้าน แต่พุงนิ่มมากเลย

      ใครจะไปคิดว่า เมื่อผ่าร่างกายของชายคนนั้นเพื่อจะไปประกอบอาหาร 

      ดันไปเจอความงามราวเทพสังหาร เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งแห่งนรกโลกันต์สุดขอบจักรวาล หลับปุ๋ยอยู่ในนั้น

      พอคิดแล้ว มุมปากของหญิงสาวก็พลันยิ้ม นึกถึงอดีตของเจ้าหล่อนที่กำลังเพ้ออยู่

      ยูฟาริตัส ยังไม่ทันรู้ตัวว่าหญิงสาวกำลังจ้องมองและคิดอะไรอยู่

      เขามัวแต่ เพ่งสมาธิมัวแต่ใช้แปรงปัดฝุ่น อัน น้อย นิด กับเครื่องสแกนวัตถุโบราณเป็นรูปแบบแหวนสวมอยู่ที่นิ้วกลาง กำลังสแกนอย่างรวดเร็ว แล้วพร้อมกับกล่าวต่อว่า

       “งานวิชาการต้นทุนมันสูง ในเมื่อเขาอนุญาตให้เรายืมมาสแกนเท่านี้ก็ใช้เวลามากโขอยู่นะ” 

      ชมพูหันมาสบตาแล้วเท้าคางยิ้มมุมปาก ตอบกลับด้วยน้ำเสียงใส

       “ถ้างบประมาณสูงขนาดนั้นก็น่าจะลงทุนเครื่องสแกนแบบรวดเร็ว 360 องศา ชัดเจนทีเดียวจบ” 

      สิ้นประโยคจบท้ายด้วยอาการ ยักไหล่

      จากนั้น ยูฟาริตัสหันมาสังเกตใบลานที่ชมพูพึ่งวาง

      ดูแล้วมันเสียหายพอสมควร

      เขาส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

      “เจ้าไม่เหมาะกับงานนี้เลยนะ มือหนัก วัตถุโบราณเสียหมด”

      “บ่น บ่น รีบออกจากที่นี่เถอะทำเอาขนลุก” 

      สายตาชมพูทับทิมเป็นประกาย ถึงแม้ว่าจะบ่นให้ผู้ที่บ่น  เจ้าตัวก็ยังยิ้มมุมปากเล็กน้อย ผมเปียสะบัดจนดูน่ารักไปอีกแบบ

      แล้วจากนั้น หยิบเครื่องสแกนเครื่องใหญ่ขนาดเท่าโน๊ตบุ๊ค หน้าจอ 15 นิ้ว สแกนใบลานที่พึ่งอ่านเมื่อคู่ มีบางส่วนที่ขาดออกจากกันด้วยน้ำมือเธอ

      ด้วยที่ชมพูเป็นผู้หญิงที่มีพละกำลังมากกว่าผู้ชายอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่แปลกถ้าของเหล่านี้จะไม่ทนมือ

      เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากปราสาทหินลงจากบันไดที่สูงชันสู่พื้นดินค่อนข้างที่จะยากลำบาก

      สำหรับยูฟาริตัสแล้ว ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเขายังไม่ชินกับการเดินทางไกลขนาดนี้

      ต่างจากชมพูที่กระโดดลงจากบันไดที่สูงชันทีละ 2-3 ขั้น  ลงไปโดยไม่มีสะดุด และหกล้ม

      โชคดีที่เธอใส่กระโปรง สวมกางเกงขายาวทับไว้

      ก็คงได้เห็นกางเกงในสีชมพูของเธอเวลากระโดดลงบันไดเป็นแน่

      “ช้าจริง! เอามานี่ เดี๋ยวฉันจะแบกลงไปเอง”

      ชมพูจะคว้าเครื่องสแกนที่ยูฟาริตัสถืออยู่ แต่ต้องปฏิเสธไป

      เขาอยากจะถือไปด้วยตนเอง

      เมื่อมาถึงด้านล่าง จึงกลับไปมองวิหารที่ตนเดินลงมาจากยอดที่สูงชัน

      จะดูไปแล้วก็สูงเสียจริง

      วิหารแห่งนี้ถูกสร้างมานับเป็น พันๆ ปี ด้วยเทคโนโลยีพิเศษ ไม่มีใครสามารถรู้ว่าหินขนาดใหญ่ต่อเรียงกันอย่างไร ไม่ว่าจะสลักรูปหน้าใบหน้าของกษัตริย์

      ซึ่งกษัตริย์องค์นี้มีความเชื่อว่าตนเป็นพระโพธิสัตว์

      ความเชื่อและความศรัทธาของคนในยุคนั้นเมืองนั้น ทั้งดวงตาและรอยยิ้มของรูปหน้ากษัตริย์องค์นี้ ช่างดูปริศนาและไขยากที่สุด ไม่รู้ว่ายิ้มนั้นหมายถึงอะไร

      หากเดินผ่านไปตามทาง ก็จะเห็นรูปปั้นนางเทพอัปสร หุ่นทรงองค์เอว ก้นเป็นก้น นมเป็นนม แต่ถ้ามองดีๆ

      นม มัน แผล๊บ เงา วาววับ สะท้องแสงเข้าตาไปหมด

      ชมพูมองซ้ายแลขวาถึงกับอมยิ้มแล้วกล่าว “กับรูปปั้นก็ไม่เว้น”

      ยูฟาริตัสก็ได้แต่ฟังไปนิ่งๆ

      เมื่อชมพูเห็นว่ายูฟาริตัสไม่พูดอะไรจึงเงียบไปด้วยและเดินไปด้วยกันต่อ

      ไม่นานมีบางอย่างทำให้ยูฟาริตัสหยุดนิ่งทันที

      ทำเอาชมพูหยุดตามแล้วถามอย่างสงสัย ตอนนี้ดวงตาสีชมพูของเธอเข้มมากขึ้น แสดงถึงความตื่นเต้นแต่ก็ใช้คำพูดเป็นเชิงคำถามแทนเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้น

      “มันมาแล้วหรอ? ”

      พอจบประโยคคำถาม

      เสียงระเบิดดังจากวิหารที่พวกเขาพึ่งออกมา แรงอัดทำให้หินก้อนขนาดใหญ่นับไม่ ถ้วนกระเด็นลงมาดังสายฝน

      ทั้งชมพูและยูฟาริตัส ต้อง รีบ หลบ เศษ หิน เหล่านั้นในช่วงเวลาที่ฝุ่นตลบฟุ้งกระจายพวกเขาก็ตั้งสมาธิแล้วเพ่งมองไปจุดที่ระเบิด

      ตรงหน้าของพวกเขาคือหุ่นยนต์ขนาดใหญ่มีลำตัว มีขาหลังยื่นสองข้าง ขนาดใหญ่ เดินได้ มีสัญลักษณ์ แสดงชัดเจน

      “มาไวกันจริง” ยูฟาริตัสกล่าว

      “ยูฟาริตัส รีบเอาข้อมูลไปก่อน ที่เหลือฉันจัดการเอง!”

      ชมพูกระชับพื้นที่อย่างรวดเร็ว

      ดูเหมือนมันจะเห็นพวกเขา มันจึงกระโจนลงมายืนอยู่ประจันหน้าแล้วมีเสียงประกาศเตือนของเจ้าหุ่นยนต์ดังว่า

      “นี่คือเขตหวงห้าม โปรดแจ้งนามของพวกคุณทั้งสองมา”

      หน้าจอเล็งไปที่ยูฟาริตัสและชมพูอย่างรวดเร็วจากสีเขียวก็เป็นสีแดงเล็งเป้าที่จะยิงสังหารให้ตายก่อนที่ พวก เขา จะบอกชื่อ

      มันก็แค่ประกาศและถามชื่อเป็นการ หลอก ล่อ เท่านั้น หวังจะฆ่าผู้บุกรุกไม่ให้หนีรอดแม้แต่มดตัวเดียว

      “เอาไง!?” ชมพูถาม

      “ก็บอกไปสิ” ยูฟาริตัสตอบ

      ภายในเสี้ยววินาทีหุ่นยนต์ยิงเลเซอร์มายังพวกเขาทั้งสอง

      ทั้งยูฟาริตัสและชมพูกระโดดหลบแยกคนละทาง

      ยูฟาริตัสหลบเป็นฟันปลา พุ่งตัวไปให้ไกลจากเจ้าหุ่นยนต์ ใช้กำแพงของมหาวิหารเป็นตัวกั้นความเข้มของแสงเลเซอร์

      แต่เจ้าหุ่นยนต์สแกนทะลุได้เสียก่อน มันจึงยิงจรวดนำวิถีล็อกเป้าถล่มมายังเขา

      เสียงฟัน ฉับ กลางอากาศทำเอาจรวดนำวิถีขาดหลายท่อนและระเบิดเป็นรูปไฟขนาดใหญ่เหนือพื้นดิน

      เสี้ยววินาที มีบางอย่างพุ่งตรงมายังหุ่นยนต์ตัวนั้นด้วยความเร็วสูง

      ขาหุ่นยนต์ขาด ปรากฏรอยตัดเรียบเนียน เหมือนถูกฟันฉับเดียวด้วยดาบซามูไรอันคมกริบ

      เจ้าหุ่นยนต์ล้มลงพร้อมกับความรวดเร็วบางอย่างที่มุ่งตรงไปยังด้านหลังของมัน มีแรงมหาศาลกระชากฝาหลังออก

      มือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บอันทรงพลัง คว้าแบตพลังงานออกมา เจ้าหุ่นยนต์หยุดทำงานทันที

      แต่ไม่จบเพียงเท่านี้ ชมพูใช้ระเบิดพกพายัดอัดเข้าไปซ้ำในตัวเครื่องวงจร แล้วจึงกระโจนออกมา ตามด้วยระเบิดดัง 

      บรึ้ม

      ชมพูเดินหันหลังโดยไม่สนใจ ผมเปียยาว โบกสะบัดไปตามแรงอัดของอากาศ

      ไม่ไกลออกไป

      ยูฟาริตัสอยู่จุดที่ปลอดภัยแล้ว เป็นเนินราบ สูงเมื่อมองลงมาก็จะเห็นโบราณสถานทั้งหมด

      ทางข้างหน้ายังเป็นป่าทึบ

      ดวงตาสีอำพัน มองมายังเสียงฝีเท้าที่เดินเข้าหาตน

      ไม่ไกลออกไป ชมพูกำลังเดินมาหา

      แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเขาสบตา

      จากนั้นจึงหันไปทาง มหาวิหาร แล้วกล่าวต่อ

      “ดูนั่นสิ พวกมันมากันแล้ว นี่จะเป็นภาพสุดท้ายที่พวกเราจะได้เห็นโบราณสถานแห่งนี้สินะ” 

      ยูฟาริตัส หันมองตามไป ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยแววตาในช่วงวินาทีนั้นช่างหมองหม่น

      แล้วจึงกลับมาเป็นปกติ สองนิ้วหมุนแหวนที่นิ้วกลางเล่น พร้อมกล่าวตอบ

      “ไม่นาน ที่นี่ก็กลายเป็นเหมืองแร่”

      น้ำเสียงทิ้งท้ายช่างเย็นชา

      หญิงสาวฟังดังนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

      พร้อมกับสายลมเย็นที่พัดผ่านร่าง ไปอย่างช้าๆ

      เส้นผมสีชมพูนั้น พริ้วไสว อ่อนโยนไปตามแรงสายลม

      เป็นเวลาช่วงหนึ่งที่ พวกเขายืนดูโบราณสถานอันใหญ่โต ถูกเหล่ากองทัพหุ่นยนต์ ถล่มจนไม่เหลือซาก 

      แสงเลเซอร์ยิงและแผ่ดเผาวัตถุโบราณอย่างน่าเสียดาย

      “ไปกันเถอะ ก็ทำเท่าที่ได้” ยูฟาริตัส กล่าว พร้อมกับหลังหันเดินเข้าไปในพงป่าทึบ

      แล้วชมพูก็เดินตามมาโดยทิ้งฉากหลังการทำลายล้าง ปล่อยให้มันเป็นอย่างที่ควรจะเป็น

      หลังจากที่ พวกเขาเดินเข้าไปในป่า ก่อนที่จะมีโดรนบินผ่านมา

      ภาพป่าไม้บิดเบี้ยวแล้วจางหายไปพร้อมกับเลเซอร์ยิงไปยังโดรนที่มาสำรวจพังพินาศตามไปด้วย

      เมื่อภาพพรางตาของต้นไม้หายไป เผยให้เห็นยานบิน มันมีเครื่องไอพ่นขนาดใหญ่พลังงานระดับสูง ค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือจากพื้นดิน แล้วพุ่งทะยานเพียงชั่ววินาที

       

      @2


      ยานบินขนาดสองที่นั่ง ค่อยๆ ลงจอดแนวดิ่งพร้อมกับประตูใต้ดินที่กำลังเปิดออกพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยซากกองขยะสูงพะเนินยิ่งกว่าภูเขา ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง

      ไม่นาน ประตูใต้ดินปิดทันทีพร้อมกับสร้างภาพลวงตากองขยะอย่างแนบเนียน

      ชมพูและยูฟาริตัสเดินลงมาจากยาน 

      มีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง รีบวิ่งไปสำรวจพวกเขา

      ยานถูกรถลากเข้าไปยังที่จอด

      สถานที่ใต้ดินแห่งนี้เรียกว่า ดินา

      ผู้ที่ดูแลก็คือ เจ้าของประเทศนี้ เป็นราชวงศ์กษัตริย์

      ไม่นานมีบอดี้การ์ดสูงใหญ่ราว 2 เมตร รูปร่างเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน ร่างกายกำยำเหมือนมนุษย์ มีหางออกมาอย่างชัดเจน

       พวกมันดูดีเมื่อสวมสูทสีดำ ใส่แว่นดำจนดูลึกลับ

      บอดี้การ์ดกลุ่มนี้ เป็นมนุษย์ที่ถูกตัดต่อยีน มีฝีมือด้านพรางตัวและพละกำลังบวกกับขากรรไกรที่แข็งแกร่ง พร้อมฉีกกระชากเนื้อสดๆ อย่างเอร็ดอร่อยได้ทุกเมื่อ

      พวกมันมากันถึงสี่ตน เข้ามาคุมล้อมรอบชมพูกับยูฟาริตัส แล้วพาพวกเขาไปขึ้นรถ ถูกพาเข้าไปในตึกแห่งหนึ่ง

      ขึ้นลิฟต์ไป จากนั้นผ่านโถงทางเดิน ตรงไปยังห้องขนาดใหญ่หรูหราเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ได้กลิ่นอายเหมือนป่าไม้รำพันสมุนไพรหอมฉุยร่มรื่น

      เมื่อบอดี้การ์ดทั้ง 4 ตน ส่งพวกเขาถึงห้องของนายมันแล้ว

      พวกมันจึงก้าวถอยออกห่างจากพวกเขา

      แล้วดูสถานการณ์ เพื่อความปลอดภัยของนายมันเองเจ้านายของมันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน

      หัวหน้าของพวกมันเป็นชายวัยฉกรรจ์ เป็นเชื้อพระวงศ์ รูปร่างสูงแข็งแรง มีคิ้วตัวดาบง้าวปลายคม ใบหน้าคมเข้มเข้ากับรูปหน้าจนดูงดงามมาก ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำจนดูสง่างาม

      “พวกนายออกไปก่อน”

      เขากล่าวกับบอดี้การ์ดทั้งสี่ตน ให้ออกจากห้อง

      “เธอก็ด้วย” 

      เขาก้มลงบอกหญิงสาวที่ใต้โต๊ะ

      “ไว้วันหลังจะเรียกมาใหม่...แล้วก็นี่”

      เขาตบรางวัล 

      หล่อนจึงยิ้มอย่างพอใจ แล้วเดินออกจากห้องไปทันที

      ยูฟาริตัสและชมพูเหมือนรู้งาน ว่า ถึงเวลาที่ต้องส่งของได้แล้ว

      เครื่องสแกนก็ถูกกดสวิตช์เปิดออก และมีลำแสงยิงไปที่พื้นไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของผู้เป็นเจ้าถิ่น

      จากอากาศที่ว่างเปล่า ก็เกิดมวลสารมากมาย

      เกิดประจุไฟฟ้าและรวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างวัตถุโบราณที่พวกเขาสแกนจากต้นฉบับในโบราณสถานแห่งนั้นได้อย่างเหมือนหาที่ติมิได้เลย

      ถูกปริ้นออกมาไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งร่องรอยแกะสลัก รอยเขียน รอยขูด ความเก่า ช่างไม่แตกต่างจากของจริง

      ชายเชื้อพระวงศ์เห็นดังนั้น ใบหน้าเขาบึ้งตึง มองวัตถุจำลองที่ถูกปริ้นออกมา มันคือร่างของนางเทพอัปสร

      “ไม่ตรงปก” 

      ชายเชื้อพระวงศ์ หันมาถามยูฟาริตัสด้วยสายตาที่แน่วแน่อย่างแรงกล้า

      ยูฟาริตัสเดินเข้าไปสัมผัสนางเทพอัปสร 

      นิ้วเรียวเป็นลำเทียนนวด บีบ จับ 

      ไม่นานหินที่ห่อหุ้ม แปรเปลี่ยนเป็นร่างเนื้อ กลายเป็นนางเทพอัปสร ตัวเป็นๆ 

      “นี่ของจริง ? ” เขาถาม แต่ก็เผยรอยยิ้มกระหาย

      ยูฟาริตัสส่งยิ้มพยักหน้า ดวงตาสีอำพันนั้นเปล่งประกายแสดงถึงความจริงใจและอ่อนน้อม

      แล้วจึงเดินออกไป ให้ชายเชื้อพระวงศ์ เข้ามาแทน

      นางเทพอัปสรที่อยู่ตรงหน้ายังยืนนิ่งและหลับตาเหมือนดั่งรูปปั้น

      แต่

      “ทำไม นางถึงยังหลับตาอยู่ล่ะ”

      เขาถามยูฟาริตัสอย่างหงุดหงิด 

      “ทูลราชกุมาร ข้าน้อยได้สะกดไว้ชั่วคราว”

      ยูฟาริตัสพูดด้วยอารมณ์ที่ปกติ น้ำเสียงนั้นฟังดูนุ่มนวลทำให้ผู้ที่หงุดหงิดคลายอารมณ์ลง

      “ทำให้นางตื่นซะ!”

      ชายเชื้อพระวงศ์ผู้นั้นแกล้งทำเป็นโมโห เพื่อจะข่มขู่ ข่มขวัญ เขามักจะคิดว่าทุกคนล้วนต้องเกรงกลัวตน

      ได้ยินดังนั้น ยูฟาริตัสกะพริบตา ช้าๆ ริมฝีปากงามร่ายคาถา 

      ทันใดนั้น นางเทพอัปสร ค่อยๆ ลืมตา มองใบหน้าราชกุมาร

      ราชกุมารยิ้มอย่างพอใจ และเอามือของตนบีบอกอันอวบอิ่มของนางอัปสรอย่างมันส์มือ

      นางอัปสร ร้องคราง เอามือปัดป้องแต่ก็ไร้ผล

      “อา..รู้สึกได้ถึงมันจริงๆ ดีเหลือเกิน” 

      ราชกุมารพึงพอใจแล้วเขาก็เอาลิ้นเลียในหน้านางอัปสร จรด คาง ถึงใบหูอย่างตะกละตะกลาม นางเทพอัปสรหันหน้าหนีแต่ถูกมืออันแกร่งจับกรามกระชากให้หันมามองตน

      “รสชาติดีจริงๆ ”

      สายตามองหน้าอกอันอวบอิ่มของนางเทพอัปสร ฮีกกระชากเครื่องประดับที่บังหน้าอกไว้ออก เห็นดอกปทุมอันเต่งตูมตรงปลายเป็นเม็ดทับทิมชี้ขึ้นอย่างสวยงาม

      “ยะ อย่า” 

      นางเทพอัปสร ทั้งกลัว น้ำตาไหลรินอาบแก้มแต่ราชกุมารไม่สน เอาหน้ากดสูดดมและใช้ปากกับฟัน ทั้งดูด กัด ยอดดอกบัวนั่น

      สายตาของชมพู ดูการกระทำราชกุมารเชื้อพระวงศ์ผู้นี้ด้วยความรู้สึกที่เฉยๆ

      ราชกุมารมองชมพู และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะที่หน้าของตนกำลังจมแนบติดดอกปทุมทั้งสอง ของนางเทพอัปสร

      “นี่คือค่าตอบแทนจากเรา” 

      ราชกุมารส่งค่าจ้างให้กับพวกเขา ยูฟาริตัสเป็นผู้รับไป

      " พวกเราทูลลา ”

       

       

       

       

      3

       

      ที่ลานจอดยานบิน

      “น่ารังเกียจเลวทรามซาดิสชาติชั่ว เห็นสตรีเป็นวัตถุทางเพศ เกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์ได้ไงปกครองประเทศนี้ก็ดีแต่ล่มจม” 

      ชมพูด่า ดวงตา สีทับทิมของเจ้าตัวเข้มมากขึ้น

      “มันเรื่องส่วนตัวเค้า” 

      ยูฟาริตัสตอบ น้ำเสียงยังเรียบนิ่งเหมือนว่าไม่ได้ผ่านเหตุการณ์อะไรมา

      “ให้ตายสิ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะต้องมารับงานกับคนประเภทนี้”

       ชมพูไม่พอใจ

      เพราะหลายวันก่อนเขาได้รับการติดต่อมา ปกติแล้วงานของพวกเขาคือหาวัตถุหายากและเอาไปส่งมอบให้กับผู้ที่ต้องการ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ทำงานกับคนในเชื้อพระวงศ์ระดับสูง

      นี่เป็นงานแรกของพวกเขา ที่ได้ลูกค้าระดับเชื้อพระวงศ์เสียด้วย

      “สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มีอะไรให้ทำก็ทำไปก่อน หวังว่าถ้าทุกอย่างลงตัวก็หาที่ดินสักผืนบ้านสักหลังหรือไม่ก็อยู่อาศัยบ้านพักคนชรา” 

      ยูฟาริตัสพูดไปเรื่อย

      “ก็ดีนะฟันหลอ 2 ซี่ ว่ายน้ำอย่างมีความสุข” 

      ชมพูแซว

      "เขาก็คงจะยอมให้ว่ายนะ” 

      ยูฟาริตัสสวนกลับในระหว่างที่พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ

      คำตอบนั้นก็เหมือนเป็นลมที่ผ่านมา เพราะเจ้าตัวก็รู้ดีว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแก่ ครั้งหนึ่งยูฟาริตัสเคยจำแลงเป็นคนแก่แล้ว จะว่าไปมันก็ดูดีไปอีกแบบทำอะไรก็ไม่มีใครถือสา

      ความรู้สึกนั้นเหมือนกลายเป็นทารกในร่างผู้ใหญ่ แต่ก็สร้างความเหนื่อยยากลำบากให้กับคนรอบข้างมาก

      เพราะเด็กทารกยังดูแลง่ายกว่าคนแก่ ความรู้สึกของหลายคนที่เขาพูดกันมาต่อๆ ก็แสดงให้เห็นแบบนั้น

      ตอนนั้นร่างกายของเขาแทบจะไม่มีความรู้สึก ไม่ต้องลุกก็โอยไม่ต้องนั่งก็โอย เพราะว่ามันเป็นเพียงแค่ร่างจำแลง แถมยังได้สิทธิพิเศษอะไรมากมาย คนแก่ก็มีข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป

      ร่างกายนั้นแก่ได้ก็แก่ไป แต่สิ่งที่ต้องแก่ตามคือ ปัญญาที่มาก สติที่มากขึ้น อารมณ์ที่สุขุมมากขึ้น จะมีประสบการณ์เท่ากับอายุไหมนะ

      หรือผมหงอกแต่ตัว แต่วุฒิภาวะยังด้อยราคา

      ในระหว่างที่คิดไปพลางๆ ทันใดนั้นเอง มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

      ชมพูก็หยุดนิ่งและพุ่งมา กอด ยูฟาริตัส ทำให้ทั้งคู่ล้ม เป็นจังหวะเดียวกับกระสุนที่ยิงเฉียดเส้นผมของชมพู

      ยูฟาริตัสใช้พลังเวทย์เหล็กไหลยิงสวนกลับมาใส่คืนสู่คนที่ยิงมาผู้ซุ่มยิงมาไม่ทันคิด กระสุนพุ่งทะลุจากลำกล้องปืน เข้าเบ้าตาระเบิดสมองกระจุยกระจายตายคาที่

      “อะไรกัน ใช้งานเสร็จแล้วฆ่าทิ้ง อีองค์ชายวิปริตมันบ้าไปแล้วหรอ!!”

      ชมพูแค้น เจ้าตัวกัดฟันกรอดจนเห็นเขี้ยวชัดเจนกรงเล็บเริ่มโผล่ออกมา เอาวุฒิที่ปลอกแขนเริ่มเปล่งแสงเข้าสู่โหมดต่อสู้แบบเต็มรูปแบบ

      “เรารีบไปจากนี่กันเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” 

      ยูฟาริตัสรั้งชมพูไว้ทันที

      ในเสี้ยววินาทีก็เกิดระเบิดที่ยานบินของพวกเขา ทำเอาทั้งชมพูและยูฟาริตัสถึงกับตะลึงงันเขาวิ่งเข้าไปดูจุดเกิดเหตุ

      เป็นดังคาด ยานบินของพวกเขาถูกลอบวางระเบิด!?

      ชมพู “เวรเอ้ย! มันดักทางเราหมดเลย”

      ไม่ทันไรก็มีกลุ่มทหารชุดดำจำนวน 20 นาย เล็งปืนกลมายังพวกเขาทั้งสอง แล้วสาดกระสุนดั่งห่าสายฝนไม่มีอะไรจะหลบได้ พวกเขาเสมือนเป็นเป้านิ่ง

      กระสุนหัวลูกระเบิดหยุดนิ่งกลางอากาศด้วยม่านพลังไม่ถึงตัวชมพูและยูฟาริตัส

      ยูฟาริตัสเลื่อนมือไปจับที่บ่าของชมพูแล้วลูบเบาๆ เป็นทำนองบอกว่า ไม่เป็นไร สบายดีและปลอดภัย

      จากนั้นยูฟาริตัส ดีดนิ้วใช้เวทย์สะกดกระสุนลูกระเบิดหันหัวกลับคืนเหล่าทหาร เสียงระเบิด 

      บรึ้ม 

      ดังสนั่น เปลวเพลิงเผาลุกท่วมแต่เหล่าทหารแทนที่จะแหลกกระจุยเป็นปุ๋ยผงกลับกลายแหลกแค่เปลือกนอกเท่านั้น

      ภายในแท้จริงแล้วคือ หุ่นยนต์ไซบอร์ก มีตราสัญลักษณ์ทำให้รู้ว่าผลิตมาจากไหน

      ไซบอร์ก ก็กลับมาทำงานอีกครั้ง มันพร้อมกันพุ่งมายังพวกเขาอย่างรวดเร็ว

      ยูฟาริตัสเปลี่ยนจากม่านพลังครึ่งวงกลมที่ล้อมรอบ รีบขยายเป็นคมดาบฟันฉับเดียว หุ่นไซบอร์กตัวขาดครึ่ง เลือดสีน้ำเงินพวยพุ่ง

      แต่ ด้วยรัศมีของการโจมตีสั้นนัก ทำให้หุ่นไซบอร์กตัวที่ตามมากลุ่มที่สอง ไม่ได้รับเสียหายอะไรมาก จึงเป็นฝ่ายรุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว

      ชมพูเปิดฉากโดย ใช้ดาบที่ซ่อนออกมาจากปลอกแขนของตน ฟาดฟันหุ่นไซบอร์กขาด สอง ท่อน ตัวที่อยู่ด้านข้าง หัวขาดกระเด็น

      มีไซส์บอร์กตัวหนึ่งเล็งปืน ง้างไกปืนกำลังจะยิงแต่เพียงเสี้ยววินาที ชมพูพุ่งเข้าประจันหน้า เอามือยันปลายกระบอกปืนและล็อกตัวของหุ่นไซบอร์ก หันปลายปืนกราดยิงใส่หุ่นพวกเดียวกันรอบทิศ เสียหายเป็นจำนวนมาก

      จากนั้นชมพูจึงหักคอและดึงหัวหุ่นยนต์ไซบอร์กหลุดจากเอากระดูกสันหลังออกมาด้วย เลือดสีน้ำเงินสาดกระเด็น 

      เธอจับหัวของไซบอร์กที่หลุดออกมาพร้อมกับกระดูกสันหลังยาว ตีฟาดกวาดเป็นวงรอบ ทำลายล้างหุ่นไซบอร์ก

      กระสุนทุกนัด ล้วนถูกเธอใช้ดาบปลอกแขนทั้งสองข้างตัดจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและสะท้อนใส่หุ่นไซบอร์ก

      ทางด้านยูฟาริตัสซึ่งอยู่วงล้อมของไซบอร์กมากที่สุด ยังยืนนิ่ง มีเพียงดวงตาที่แน่วแน่ ไม่สั่นไหว

       

       

       

      4

       

      พวกหุ่นยนต์ไซบอร์กพุ่งเข้ามาพร้อมกัน 

      จากนั้นก็มีแผ่นยันต์เป็นจำนวนมากหลายแผ่นล้อมรอบตัวยูฟาริตัส แบ่งเป็นเส้นรอบ วง สองแถวสลับเป็นฟันปลา พุ่งเข้าไปติดกลางหัวกะโหลกเหล็กของไซบอร์กทุกตัว แล้วแผ่นยันต์ก็ซึมเข้าไปในเหล็กอย่างง่ายดาย

      ยังไม่ถึงเสี้ยววินาทีมีเส้นยั้วเยี้ยเหมือนกับหนอนปรสิตกำลังไชกัดกินเหล็กจากด้านใน ตัวของไซบอร์กเองก็มีท่าทีแปรเปลี่ยน เริ่มหันมายิงกันเอง ฆ่ากันเอง

      สิ่งที่หุ่นยนต์ไซบอร์กเหล่านั้นโดนมันคือ แผ่นยันต์บงการ

      แผ่นยันต์บงการ เป็นเทคโนโลยีผสมกับเวทมนตร์ทำหน้าที่เหมือนเชื้อปรสิต คือ เมื่อเจอสิ่งที่เป็นหุ่นยนต์หรือควบคุมโดย AI เมื่อถูกสัมผัสไปแล้วสามารถแทรกกซึมเข้าไปในแผนผังวงจรและวงการโดยผู้ที่เป็นโฮส คือ ยูฟาริตัส สามารถควบคุมและป้อนคำสั่งได้

      ยูฟาริตัสกล่าว 

      “ชมพู ข้าขอสวยๆ มา 1 ตัวอย่าง”

      ชมพูโยนหัวหุ่นยนต์ไซบอร์กที่มีกระดูกสันหลังติดอยู่ให้ยูฟาริตัส

      ยูฟาริตัสรับชิ้นส่วนหัว 

      เขาเช็คสำรวจตัวอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีรอยบุบแต่ก็ไม่เป็นไร

      ถือว่ายังใช้ได้

      “สวยหรือยังล่ะ?” 

      ชมพูถาม

      “ก็ไม่เลว” 

      ยูฟาริตัส ตอบ

       แล้วนำแหวนฉายรังสี ทั้งกะโหลกและกระดูกสันหลังกลายเป็นมวลสารหายเข้าไปในแหวน

      จนลืมไปว่า

      มีหุ่นยนต์ไซบอร์กตัวหนึ่งเหลือรอดมาได้ 

      มันแอบซุ่มยิง จากระยะไกล

      ทันใดนั้นเอง ก็มีหุ่นยนต์ไซบอร์กอีกตัว ยิงเป่าหัว กะโหลกเหล็กแหลกกระเด็นไม่มีชิ้นดี ตามด้วยระเบิด

       บรึ้ม 

      อย่างรุนแรง แล้วหุ่นไซบอร์กที่ยิงตัวนั้น ก็สลายด้วยพิษของยันต์ปรสิต ที่กัดกินเหล็กและแผงวงจรจนไม่เหลือหลังจากผู้เป็น โฮส ใช้งานเสร็จเรียบร้อย

      ชมพูเดินเข้ามาสำรวจรอบๆ ดูเศษซากที่พวกเขาจัดการจนไม่เหลือชิ้นดี

      อาวุธดาบที่ปลอกแขนของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นปลอกแขนเครื่องประดับทั่วไปเรียบหรูจนดูไม่ออก

      “พวกมันถึกน่าดู ทีแรกนึกว่าม่านพลังสะท้อน จะเอาอยู่ แปลกมาก เทคโนโลยีพัฒนาไปได้ไกลขนาดนี้แล้วหรอ” 

      ชมพูกล่าว

      “เดิมทีแล้วไซบอร์กพวกนี้ น่าจะเป็นเทคโนโลยีของประเทศมหาอำนาจก็เหมือนจะเรียนรู้เทคโนโลยีมีการแชร์และผลิตเป็นของเขาเอง แต่ต่อให้ดีสักแค่ไหนก็สู้ของที่เป็นต้นฉบับไม่ได้หรอก” 

      ยูฟาริตัสกล่าว

      “จะว่าไป กับราชวงศ์ ก็ไม่ถูกกันนี่ ทำไมถึงซื้อของอุดหนุนกันได้เล่า” 

      ชมพูถาม

      “คงมีความลับปิดปังเอาไว้ เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้เบื้องหลังอันดำมืดของราชวงศ์... นี่ก็ไม่แปลกที่ราชวงศ์จึงซื้อเพื่อปกปิดความลับ ทั้งๆ ที่ มีเงินมากพอที่จะซื้ออาวุธดีๆ จากที่อื่นได้มากกว่า” 

      ยูฟาริตัส ตอบ

      ชมพูยิ้มดวงตาทับทิมกลมโตของเธอ บัดนี้โค้งเป็นยี่โถจนดูน่ารักเอียงศรีษะนิดหน่อยแล้วกล่าวต่อว่า

      “แค่ฟังก็ไม่อยากจะอยู่ประเทศนี้เลย”

      “ประเทศไม่ได้ผิดหรอก มันผิดที่ผู้ปกครองต่างหาก” 

      ยูฟาริตัสเสริม “เราไปกันเถอะ  บีม พวกเราขึ้นไปที”

      ทันใดนั้น ก็มีลำแสงสีทองทรงกระบอกเกิดขึ้นล้อมรอบตัวของยูฟาริตัสและชมพู พาพวกเขาหายไปทันที

      พวกเขาถูกพาส่งขึ้นไป ยานบินที่บินลอยแน่นิ่งรักษาระดับอู่กลางท้องฟ้า ร่างของพวกเขาปรากฏประจำตำแหน่งที่นั่งของห้องคนขับอย่างอัตโนมัติ

      ที่จริงยานบินของเขาไม่ได้ถูกลอบวางระเบิดไปนั้นเป็นแค่…..

      “งานนี้โดนเฮียแกด่าแน่ ทำยานบินลำเล็กเฮียแกพัง!”

      ชมพูถามยูฟาริตัสขนาดที่มืออีกข้างหนึ่งกำลังกดสวิตช์สีแดงตัวใหญ่ที่อยู่ด้านบน

      “สวัสดีชมพูและยูฟาริตัส ยินดีด้วยนะ ที่พวกคุณทั้งสองปลอดภัย ตอนนี้คุณได้เปิดโหมดการเดินทางแบบความเร็ว 25 มัค ต่อ ชั่วโมง” 

      เสียงใส ของ AI ยานบินกล่าวทัก

      “ขอบคุณมาก! อ๋อ...ระบบพรางตัวของเธอมันยอดเยี่ยมมากนะ”

       ชมพูกล่าวชมระหว่างที่เธอกำลังจะคาดเข็มขัดเช่นเดียวกับยูฟาริตัสที่กำลังจะเตรียมจะกล่าวอะไรบางอย่าง

      “เฮียแกไม่ด่าหรอก หากมีของฝากให้แกน่ะ” 

      ยูฟาริตัส ตอบชมพู จากคำถามก่อนหน้า

      “อืมห!” 

      ชมพูอุทานรับ

      ไม่ทันไรก็มีเครื่องบินขับไร้คนขับจากกองทัพอากาศ สองลำ ล้อมรอบพวกเขา

      แล้ว ติดต่อเข้าวิทยุสื่อสาร มีใจความว่า

      “นี่คือหน่วยกองทัพอากาศขับไล่จากประเทศไซยะอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โปรดแจ้งทะเบียนยานพาหนะของท่านด้วยไม่เช่นนั้น 10 นาที เราจะทำลายทันที!!”

      “ไม่ต้องรอหรอก” 

      ชมพูแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 

      “กลับบ้านกันเถอะ”

      AI “ล็อกเป้าหมาย กลับบ้าน”

      ยูฟาริตัสและชมพูก็หันหน้าเข้าหากันทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันและตามด้วยเสียงของ AI

      4 3 2 1 0

      บรึ้ม

      ยาณบินอวกาศรุ่นพิเศษวาปหาย ออกนอกระบบชั้นบรรยากาศไปพร้อมกับจรวดนำวิถียิงเครื่องบินขับไล่อย่างรวดเร็ว

      AI " i SUS เป็นไงล่ะแตกเลยมั้ยพวกเมิง"

      ยูฟาริตัส "เดี๋ยวนะทำไม AI ถึงได้"

      ชมพู "..."

      ยูฟาริตัส "ชมพู...."

      ชมพู "อาราย"

      ยูฟาริตัส "......"

      ชมพู " ป่าว ปะ เฮ้อ ก็ได้ ฉันก็แค่ปรับแต่งนิดหน่อย"

      ยูฟาริตัส "....."

      เอาที่สบายใจ


      เสียงไซเรนรถดับเพลิงดังก้องกังวานอยู่ชั้นนใต้ดิน

      สถานที่ เรียกที่ว่า ดินา หุ่นยนต์ดับเพลิงรีบเร่งดับไฟให้เร็วที่สุดเพราะพื้นที่เป็นใต้ดิน 

      ยากนักที่จะควบคุมเพลิงได้ แต่โชคดี ที่ระบบป้องกันอัคคีภัยทำมาพร้อม เมื่อเกิดเพลิงไหม้จุดใด ก็จะมีก๊าซพิเศษดับไฟโดยเฉพาะ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและทรัพย์สิน

      วันนี้ชาวตลาดมืดทั้งพ่อค้า แม่ค้า และลูกค้าต่างกันพูดซุบซิบกันว่า มีเหตุไม่ดีแน่นอนหลายปีมานี้ ตลาดมืดไม่เคยวุ่นวาย

      ขณะนี้ กล้องวงจรปิดทุกตัวที่ได้บันทึกภาพไว้ก็ขัดข้องโดยที่ไม่ได้นัดหมาย มันพังไปยันระบบ Server ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก

      เจ้าบอดี้การ์ดมนุษย์ครึ่งกิ้งก่าตัวสูงใหญ่กำลังยืนกอดอกดูสถานการณ์ไปยังเจ้าหน้าที่งานระบบที่กำลัง งงงวย กับระบบ Server ที่ถูกทำลายไป แต่ก็มีข้อมูลส่วนหนึ่งที่กู้มาได้ คือข้อมูล

      ในเวลาที่เกิดเหตุยิงปะทะ รวมถึงเหตุการณ์ระเบิดที่ ลานจอดยานบินด้วยแล้วจึงนำข้อมูลนี้ให้บอดี้การ์ดลูกครึ่งกิ้งก่ายักษ์สูงใหญ่ที่ยืนกอดอก แล้วพูดว่า

      “ได้มาเท่านี้ล่ะครับท่าน”

      บอดี้การ์ดกิ้งก่ายักษ์พยักหน้าและรับตัวบันทึกข้อมูลไปทันที

      ในห้องนอนหรูหราของราชวงศ์ระดับสูงราชกุมารผู้มีใบหน้าที่งดงามร่างกายที่สูงใหญ่กำยำกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอน ผิวสีขาวเนียนละเอียด กำลังสวมชุดคลุมขนหนู หลวมๆ 

      แล้วมองไปยังร่างของนางเทพอัปสร ที่เต็มไปด้วย

      ของเหลวสีเงิน แขนที่ขาด คอที่หักถูกบิดจากด้านหน้าไปด้านหลัง นอนจมอยู่กลางห้องไม่ไกลจากเตียงของราชกุมาร

      ไม่นาน บอดี้การ์ดครึ่งมนุษย์ครึ่งกิ้งก่าสูงใหญ่กับบอดี้การ์ดอีก 3 ตน เดินเข้ามาในห้อง ก็เผลอมองร่างที่เละดูไม่ได้ของนางเทพอัปสร

      แล้วจึงเข้าไปรายงานราชกุมารตามหน้าที่ของตน

      “เรียบร้อยแล้วครับฝ่าบาท นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่กู้มาได้”

       

       

       

      5

      ราชกุมารนำมวนซิการ์ขนาดใหญ่ออกมา เจ้าบอดี้การ์ดรู้งานจึงนำไฟแช็กหัวสิงโตของตนเองจุดให้ซิก้าถูกสูบเข้าเต็มปอด เปลวไฟสีแดงชัดเจนและพ่นควันใส่ร่างที่เละไม่เหลือซากของนางเทพอัปสร

      “พวกมันรู้ว่าเราต้องฆ่า เลยนำของปลอมมาให้ ...นางอัปสรตัวนี้ ไม่ใช่ตัวจริง มันเป็นเครื่องจักร ...หึ”

      เจ้าบอดี้การ์ดกิ้งก่าอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นตัวที่เล็กกว่า เหมือนจะรู้งาน นำข้อมูลบันทึกเข้าไปในเครื่องฉายไฮโลแกรม แล้วฉายออกมาเป็นภาพ 3 มิติ แต่สิ่งที่ทำให้ราชกุมารถึงขั้นโกรธเจ้าบอดี้การ์ดกิ้งก่ายักษ์เห็นภาพของตัวเองก็ตกตะลึง

      เพราะตัวเองไม่ได้เป็นผู้สังหารหุ่นยนต์ไซบอร์กเสียหน่อย มันเป็นผู้หญิงร่างสีชมพูคนนั้น ทำไมถึงกลับกลายเป็นเขาที่อยู่ใน กล้อง CCTV แทน 

      แล้วไม่พอ!

      ภาพไฮโลแกรม 3 มิติ ก็เปลี่ยนไป 

      กลับเป็นภาพราชกุมารไซยะกำลังต่อสู้กับนางเทพอัปสร

      โดยมือข้างหนึ่งของราชกุมารบีบคอนางเทพอัปสรไปอยู่ใน กล้อง CCTV เสียแล้ว

      แต่ เดี๋ยว!?

      ห้องบรรทมของราชกุมาร ไม่มีกล้อง CCTV !!

      แล้วภาพเหล่านี้ มันมาได้ไง!?


      “บัดซบเอ้ย!!”

      ราชกุมารเขวี้ยงมวนซิการ์ลงพื้นกระเด็นกระดอนทะลุผ่านภาพไฮโลแกรม 3 มิติ

      “ออกไปที่ให้หมด!! "

      ราชกุมารโกรธจัดมาก 

      ไม่มีใครและไม่มีอะไรสามารถบันทึกภาพบุคคล 2 คนนี้ได้เลย จะตามล่าก็ล่าไม่ได้ 

      กล้อง CCTV ถูกบิดเบือนสวมรอยให้คนอื่นมาแทน

       แม้แต่ตัวของเขาเองก็ยังถูกบิดเบือน

      ต้องเอาคืนให้ได้

      ไม่ยอม!!

      ราชกุมารยิ้ม

      เขาสนใจหญิงสาวร่างสีชมพูคนนั้นมาก 

      เอาคืนได้เมื่อไหร่ เขาจะจับเธอให้ครวญครางอยู่ในใต้ร่างตน 

      กักขังหน่วงเหนี่ยวไม่มีวันได้เห็นตะวันเห็นเดือนเลยล่ะ!

      “พวกมันต้องชดใช้ทุกวินาทีทุกลมหายใจ”

      ราชกุมารหัวเราะเหมือนคนบ้า

      พร้อมกับแหกปากตะโกนให้ข้ารับใช้ นำผู้หญิง เข้ามาบริการให้กับตนเพื่อปลดเปลื้องระบายอารมณ์

      ...บทบรรเลงเพลงรักเซ็กหมู่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น กลิ่นเครื่องหอมลอยฟุ้งทั่วบรรยากาศในห้องบรรทม เหล่าหญิงสาวที่ถูกเรียกมาเพื่อบำเรอราชกุมารทั้ง 3 คน ต่างกันทำหน้าที่ที่ตนถนัดราชกุมารนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ระดับคิงไซส์

      แต่ละฝั่งก็มีผู้หญิงช่วยกันบำเรอให้เขาอย่างสุขสมจนกระทั่งมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องกรี๊ดดังขึ้นทำให้ราชกุมารออกจากภวังค์แห่งการปรนเปรออารมณ์

      มีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง!

      แล้วตามด้วยเสียงกรี๊ดของสาวๆ อีกมากมาย ทำให้สติของราชกุมารเริ่มตื่นจากภวังค์และมองสาวๆ พวกนั้น ที่ถอยห่างจากตน เหมือนตนเป็นผู้น่าขยะแขยง

      เมื่อรู้สึกตัวอีกที พอเขาลุกขึ้นและยื่นมือมาที่จะเรียกพวกเธอกลับ พอเห็นว่ามือของตนเต็มไปด้วยหนองพุพองและมีน้ำสีเงินขาวๆ ไหลออกมาตามแผล เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของราชกุมารดังลั่นไปทั่วยิ่งกว่าเสียงกรีดร้องของเหล่าสตรีที่ตนเรียกมา

      รางวัล ของราชกุมาร จมดิ่งลึกไปกลางมหาสมุทร ความร้อนของวัตถุจนมีฟองน้ำมากมายหลอมรวม โพยพุ่งและระเบิด ตู้ม ออกมาเหมือนน้ำพุขนาดใหญ่โผล่พ้นจากผิวน้ำมหาสมุทรไม่ไกลจากยานบินที่กำลังจอดแน่นิ่งเฉยๆ อยู่กลางอากาศท่ามกลางความมืดของกลางคืนมีเพียงแค่ดวงดาวรายล้อมคลายเหงาเท่านั้นคืนนี้เป็นเดือนมืดไม่มีแม้แต่แสงจันทร์ ความสงบถูกทำลายเพียงแค่ไม่กี่วินาที

      แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติยูฟาริตัสยืนอยู่บนขอบประตูทางเปิดของยานบิน เขามองดูด้วยสายตาที่นิ่งเฉย จึงกลับเข้าไปด้านในยานบิน ประตูก็ปิดทันทียานบินขับเคลื่อนอัตโนมัติ สูงขึ้นไปเหนือชั้นบรรยากาศ ตามคำสั่งที่ถูกป้อนไว้ตั้งแต่ต้น บินไป ในเส้นทางที่ล็อกเป้าหมายไว้แล้ว ตอนนี้ไม่ต้องรีบเดินทาง

      เพราะเขาอยู่ไกลจากประเทศแห่งนั้นแล้ว แบบไกลที่ว่า ต้องเดินทางออกนอกอวกาศกันเลยทีเดียว

      ที่เหลือก็นอนสบายๆ ใจเย็นๆ พักผ่อนอย่างมีความสุข

      ชมพูกำลังเปิดหน้าจอไฮโลแกรมแล้วใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอไฮโลแกรม

      Social สื่อต่าง ๆ มีข่าวที่เธอกำลังติดตามกลับเงียบหายไปในประเทศแห่งหนึ่ง แต่กลับดังออกทั่วโลก

      “แปลกนะต่างประเทศบอกว่าราชกุมารต้องไปถ่ายเลือดออก เนื่องจากได้รับพิษคำสาป...แต่ข่าวสำนักพระราชวังกับออกหนังสือว่า ประชวรด้วยโรคปอดติดเชื้อ” ชมพูพูดไปพลางๆ

      นิ้วของเธอเลื่อนลงสัมผัสกับหน้าจอไฮโลแกรมเลื่อนลงไปเรื่อย ๆ ก็มีแต่ข้อความวิพากษ์วิจารณ์สงสัยกรณีราชกุมารประชวร

      ยูฟาริตัส ที่เข้ามาในห้องนอน ยืนอยู่ข้างหลังของชมพู ดูหน้าจอไฮโลแกรมพร้อมกับนิ้วของชมพูที่เลื่อนข้อความลงเรื่อย ๆ

      “เขาก็คงซีเรียสไม่ให้สถาบันกระสับกระส่าย ใครจะไปกล้าบอกว่าโดนคำสาปเพราะกามของตัวเอง” ยูฟาริตัสกล่า

      “โดนขนาดนั้นก็ไม่น่าจะรอดน่ะสิ” ชมพูหันมายิ้มกล่าวเสริม

       

       

       

      6

       

      “คนเรามีตังค์เขาก็หาวิธีรักษาได้ ในเมื่อเขาอยากจะเอานางอัปสรเป็นอนุก็คงต้องแลกมาด้วยวิธีนี้แหละ เดิมทีแล้วนางอัปสรตัวจริงน่ะไม่ได้อยู่ที่วิหารในเมืองโบราณแล้วล่ะ สิ่งที่ทุกคนได้ไปคือเครื่องจักร เป็นกับดักชนิดหนึ่งที่คนโบราณได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อลงโทษผู้ที่มีความละโมบในกาม เมื่อคืนใครได้สัมผัสก็จะได้รับสารพิษเข้าไประดับรุนแรงมาก จะเข้าไปในกระแสเลือดและทำลายเม็ดเลือดแดงเพิ่มเม็ดเลือดขาว กลไกของมันคล้ายๆ โรคร้ายเมื่อสมัยโบราณ แต่ก็รักษาได้ อาศัยเทคโนโลยีแบบพิเศษคือการเพิ่มประจุ เอามันออกไปจากร่างกาย ไม่ต่างอะไรกับการถ่ายเลือดออกและนำเลือดใหม่แต่ทันสมัย ละเอียดมากกว่านั้นค่าใช้จ่ายก็สูงด้วย”

      ยูฟาริตัสอธิบายให้ชมพูเข้าใจ

      ชมพูหันมาที่หน้าจอไฮโลแกรมต่อ

      “มิน่าล่ะทำไมหุ่นยนต์พวกนั้นถึงเข้ามาในเมืองโบราณง่ายดายทั้งๆ ที่แห่งนั้นมีกลไกพิเศษไม่ว่าจะเป็นกับดักอำพราง ยากที่จะใช้สัญญาณและความถี่หาได้ ที่แท้นางอัปสรตัวจริงไม่อยู่แล้ว”

      “ก็ตามนั่นล่ะ” ยูฟาริตัสกล่าว พร้อมกับเอนตัวนอนลงบนเตียงนุ่มที่อยู่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์

      ชมพูนึกถึงรูปปั้นนางอัปสรที่ตรงหน้าอกทุกตัวล้วนถูกมือลูบคลำจนมันแผล็บ ทำเอาเธอก็อยากจะโดนสัมผัสแบบนั้นบ้าง แล้วเจ้าตัวก็มองมายังคนที่กำลังจะนอนอยู่บนเตียง

      แล้วจึงหันมามองหน้าจอแสดงผลมุมปากของเธอยกยิ้มเมื่อเธออัปโหลดคลิปฉาวของราชกุมาร กำลังมีความสัมพันธุ์กับเทพอัปสรอย่างดุเดือดซาดิส ดวงตาสีชมพูของเธอเปล่งแสง และบังเกิดเครือข่ายโซเชียลข้อมูลดิจิตอลเกิดขึ้นภายในดวงตาของเจ้าตัว

      พอดวงตากลับมาเป็นสีชมพูทับทิมดั่งเดิม หลังจากอัปโหลดคลิป ให้กลายเป็น สำนักราชวัง แทน

      ความสามารถพิเศษตรงนี้ชมพูมีตั้งแต่เด็ก ทีแรกก็คิดว่าเธออาจจะป่วยหรือจินตนาการเพ้อพบ

      แต่ไม่รู้ว่าจินตนาการอย่างไรจึงเห็นสัญญาณเป็นดิจิตอลไปหมด

      ครั้งแรกของเธอคือการแทรกแซงเข้าไปในคลื่นวิทยุ

      จากนั้นก็แอบฟังโทรศัพท์สายว่าพวกเขาคุยอะไรกัน

      มันเป็นเรื่องน่าขบขันมากในสมัยเธอยังเด็ก

      จึงฝึกใช้สกิลนี้มาพอสมควรจนกระทั่งเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีระดับสูง คอมพิวเตอร์ที่คำนวณสิ่งที่อธิบายไม่ได้ได้อย่างใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับความสามารถสกิลของชมพูแม้แต่น้อย

      ในระหว่างที่กำลังคิดถึงอดีตของตน ยูฟาริตัสที่อยู่ข้างๆ ก็ยังเล่าต่อ

      “จริงๆ แล้ว นางอัปสรน่ะเกิดมาเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่าเทวดามานานแล้วล่ะ เบื้องหลังมันคือเครื่องเพศ ดีๆ นี่เอง”

      ยูฟาริตัสพูดพลางตลบผ้าห่มคลุมกายตัวเองแล้วหันมามองชมพูที่กำลังจ้องหน้าไฮโลแกรมการจ้องมองของยูฟาริตัส

      ทำให้ชมพูละออกจากหน้าไฮโลแกรมลุกจากโต๊ะ ขึ้นมาบนเตียงมุดผ้าห่มและขึ้นมานอนทับบนตัวยูฟาริตัส อย่างแนบแน่นเธอไถหน้าอกแนบชิดประสานกับอกของยูฟาริตัสที่อบอุ่น ร่างกายของยูฟาริตัสดู เพลินๆ จะรู้สึกว่า เหมือนผู้ชายทุกประการชมพูสัมผัสตั้งแต่ ใบหน้า คอ ลงมาที่เอว หยุดที่หว่างขา

      “คืนนี้..” ชมพูคว้ามือทั้งสองของยูฟาติตัส มาก่อกุมที่นมสองเต้าของเธอ

      “ให้ฉัน....”

      "ยัง"

      ยูฟาริตัสลุกขึ้นมานั่งในระหว่างที่ตัวของชมพูอยู่บนตักของตน หน้าของพวกเขาเกือบชนกัน ขณะที่มือตนบีบเต้าประทุมาของชมพูเบามือ ปลายนิ้วลูบหัวดอกปทุมที่แข็งตั้งขึ้นเด่นชัดภายใต้เสื้อผ้า

      “คราวนี้ข้าทำให้เจ้าบ้าง” 

      ยูฟาริตัสเอาหน้าของตนแนบไปกับเต้าประทุมงามของชมพู ใบหน้าเขาถูไถไปมาและส่งสายตาขึ้นมามองใบหน้าของชมพูที่อยู่เหนือกว่าตน

      ปากที่อ่อนนุ่มของยูฟาริตัส อมและดูดยอดปทุมงามของชมพูซึ่งมีแค่เสื้อผ้าคั่นกลางเท่านั้น

      จากความอบอุ่นของปากแผ่ซ่านตั้งแต่ปลายยอดปทุมงาม รู้สึกเสียวและเกร็งไปหมดยันช่วงล่างของเธอ

      ยูฟาริตัสค่อยๆ เลื่อนมือมาบนใบหน้าของชมพู ใช้นิ้วสัมผัสใบหูของชมพูอย่างเบามือเลื่อนลงมาจนถึง บ่า ไหล่ ตลอดเอว และขา

      ที่ปากของตนกำลังดูดและอมอยู่ จากความอบอุ่น ค่อยๆ กลายเป็นความเย็น กระจายทั่วดอกปทุมของชมพูอย่างน่าหวั่นไหว

      ชมพูครวญครางเสียงในลำคอพร้อมกับส่ายตัวบิดเบี้ยวไปมา ขาสองข้างของเธอล็อกลำตัวของยูฟาริตัสเอาไว้

      เสื้อของเธอค่อยๆ ถูกปลดออกอย่างง่ายดายผมยาวสลวยสวยงามสีชมพู เธอค่อยๆ สยายออก

      ยูฟาริตัสค่อยๆ ใช้มือของตนสัมผัสเต้านมชมพูอีกครั้ง 

      ชมพูโอบแขนสองข้างที่คอของยูฟา และมือสัมผัสศีรษะขยี้ผมอย่างเบามือ

      มือของยูฟาริตัสเริ่มสัมผัสเข้าไปภายในเสื้อของชมพู จากบริเวณหน้าท้องขึ้นไปผ่านชายโครงและค่อยลูบเต้านมของชมพู กำอย่างเต็มมือ แต่ละครั้ง ก็แรงไม่เท่ากัน เขาฟังจังหวะเสียงหายใจและปฏิกิริยาของชมพู

      ถ้ารู้สึกดี ข้างในก็จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรุนแรง ผ่านจากมือของตนและเสียงครางที่หนักแล้วว่าหวิวเข้าหูของตน

      ชมพูสัมผัสได้ถึงมือของยูฟาริตัสที่นุ่มนวลไม่ได้แข็งด้านแกร่งอย่างบุรุษ ไม่ได้นิ้วปลายแหลมเล็กดังสตรี ยามร่างกายเธอร้อนก็กลับกลายมาเย็นสบายเป็นอะไรที่เหมาะสมกับร่างกายมาก

      จะรู้สึกอีกทีเมื่อเสื้อของชมพูก็ถูกปลดจนหมดสิ้น ทั้งท่อนล่างและท่อนบน

      ดอกปทุมออกมาอวดโฉมอวดยอดสีชมพูสวยงามปรากฏอยู่ตรงหน้าของยูฟาริตัส ปากของเขาได้สัมผัสกับเนื้อจริงๆ ทั้ง อม ดูด และ ขบกัด อย่างแผ่วเบา

      ชมพูรู้สึกความอุ่นมาเป็นความเย็นของลิ้นที่สัมผัส วนไป วนมา ฟันที่ขบเบาๆ เสียงดูดที่เป็นจังหวะทำเอารู้สึกเสียวซ่านไปถึงเบื้องล่าง

      จนเริ่มรู้สึกว่าชื้นแฉะ

      ชมพูผลักศีรษะของเขาออก

      ยูฟาริตัสหันมากระทำกับอีกข้างเหมือนเดิม ทั้งดูดทั้งกัดและบีบ แรงขึ้น ตามจังหวะเสียงหัวใจของชมพูที่เขาตั้งใจฟังทุกรายละเอียดสังเกตทุกท่า

      ด้านล่างเนียนไร้เส้นโลมาที่บดบัง เมื่อได้อารมณ์ จีบดอกไม้ก็จะบาน น้ำเกสรก็ถูกหลั่งออกมา กลิ่นของมันเหมือนดอกพิกุลเมื่อชิมเข้าไปรสชาติหวานเหมือนดั่งน้ำผึ้ง

      นิ้วแรกค่อยๆ ลูบและสัมผัสภายในดอกไม้นั้นก็มีเกสรขนาดใหญ่เป็นเม็ด จึงกดลูบมันสัมผัสเบาๆ สร้างความเสียวซ่านให้กับชมพูมาก สองนิ้วของยูฟาริตัสค่อยๆ ขยี้เม็ดเกสร

      ขาของชมพู เกี่ยวล็อกลำตัวยูฟาริตัส อย่างแนบแน่น

      ชมพูรู้สึกถึงความเย็นที่สัมผัสร่างกายของเธอจุดไหนที่มีความร้อน ทุกครั้งที่มือของยูฟาคิตัสสัมผัส จุดนั้นก็จะเย็นทันทีเหมือนน้ำแข็งที่ชโลมถ่านที่กำลังร้อนแรง

      เสียงครางของชมพูดังทั่วห้องท่ามกลางความมืดของยานบินท่ามกลางดวงดาว

       

       

       

      7

       

      พรุ่งนี้ คงถึงจุดหมายปลายทาง คืนนี้ขอให้สำราญกันให้เต็มที่ สัมผัสอันเย็นกายทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายเหมือนปุยนุ่น

      ในใจของพลอยคิดไปด้วยและหลับตาไปพร้อมกับเสร็จสมอารมณ์หมาย

      ความสัมพันธ์ระหว่างชมพูกับยูฟาริตัส มีมานานแล้ว

      ตัวของชมพูเองก็เข้าใจดี คนคนนี้ถึงแม้ว่าจะแตกต่างจากผู้หญิงและผู้ชาย แต่ด้วยบางอย่างที่เธอกับเขาดึงดูดซึ่งกันและกัน จนได้มาลงเอยเช่นนี้มันเริ่มจากเรื่องในวันนั้น แต่มันก็ผ่านไปนานแสนนานแล้ว ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันขอให้ใช้คุ้มค่า

      วันหนึ่งตัวตนของเธอจะถูกลบเลือนหายไปไหม

      ชมพูสัมผัสถึงการมีอยู่อีกตัวตนหนึ่ง

      แต่ก็ขอช่างมันไว้เถอะ

      ขอใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เพื่อจากไปยังมีเรื่องที่ดีจดจำที่จะนานพอ

      ตอนนี้ยานบินได้ขับออกไปนอกระบบสุริยะของดาวดวงนั้นแล้ว เดินทางสู่อีกทวีปหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป

       

      "ดวงตาของเจ้าวันนี้เป็นสีเขียวมรกตนะ"

      ฝ่ามือของเขาสัมผัสใบหน้านุ่มของของหญิงสาว

      สัมผัสนั้นเหมือนกับสำลีปุยนุ่น

      ชมพู กระพริบตานิดหน่อย

      เป็นจริงอย่างที่ว่า ดวงตาของเธอเป็นสีเขียวมรกต จากสีชมพูทับทิมที่สดใส

      "เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ข้าเช็คอาการให้ไหม"

      ชมพูได้ยินดังนั้นใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ผู้ที่นอนอยู่ตรงข้ามและซุกลงหน้าไปบนอกกว้างของเขา

      ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างอบอุ่น และหญิงสาวก็หลับตาพริ้มกล่าวต่อว่า

      "ยูฟาริตัส ถ้าวันนึง ฉันเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น เป็นคนที่ทำร้ายคุณ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หนีไปให้ห่างจากฉันนะ "

      ยูฟาริตัสนิ่งไปครู่นึง จากนั้นก็กระชับอ้อมกอดแน่น แล้วมือของเขาลูบใบหน้าของหญิงสาวเบาๆ นิ้วโป้งสัมผัสกับขอบตาของหญิงสาว

      บัดนี้ดวงตาของชมพูเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต เขาไม่แปลกใจเลยที่มันจะปรากฏขึ้น

      มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อชมพูใช้ความสามารถสกิลของตนเอง ถัดมา ดวงตาของเจ้าตัวก็มาเป็นสีนี้แต่เชื่อว่าสัก 2-3 วัน ก็กลับมาเป็นสีชมพูเหมือนเดิมเป็นอย่างนั้นวนไป

      ในห้วงความคิดนั้น ทั้งคู่สบตากัน ความเงียบนั้นมีเพียงแค่ชั่วครู่ ดวงตาสีอำพันนั้นอ่อนโยนลง ปลายนิ้วเรียวงามของเขาสัมผัสกับจมูกน่ารักของหญิงสาว

      "เจ้าพูดเรื่องที่มันยังไม่เกิดอีกแล้วนะ "

      ดวงตาเขียวมรกตของเธอที่เปลี่ยนสีไปบัดนี้ก็เป็นประกาย

      ร่างกายของเธอเข้ามาแนบชิดยูฟาริตัส กอดไว้จนแน่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

      "เผื่อใจไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ขอให้เอาใจกลับมาไว้กับตัว "

      ยูฟาริตัสได้ยินดังนั้นเขาเข้าใจดี ว่าความหมายของหญิงสาวนั้นหมายถึงอะไร

      ใช่ ท่องไปในภัยวัฏสงสารนี้ใจของเราก็ต้องเก็บไว้อยู่กับตัวคงล่องลอยออกไปฝากไว้กับใครก็ไม่ใช่เรื่อง

      แต่พอเจอประโยคนี้แล้วยูฟาริตัส ก็กลับอมยิ้มเล็กน้อยมันก็จริงอย่างที่ว่า เมื่อรู้สึกอะไรได้จึงได้แต่เก็บไว้ในใจ

      โธ่เอ๊ย เมื่อชั่วโมงที่แล้วยังเร่าร้อนราคะกันอยู่เลย ตอนนี้ก็กลายมาเป็นฟังเทศน์เสียแล้ว

      เขตปกครองพิเศษ เป็นดวงดาว รูปทรงแบนขนาดใหญ่เหมือนเกาะลอยฟ้าอยู่กลางจักรวาลมีบรรยากาศห่อหุ้มซึ่งอยู่ห่างจากดวงดาวชมพูทวีป10,000 ปีแสง

      ตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาเช้ามืด เสียงไก่เริ่มขันแสงอาทิตย์เริ่มโผล่ท้องฟ้าที่มืดเริ่มกลายเป็นสีส้มอ่อนๆ และเป็นสีม่วงปน

      มียานบินลำไม่ใหญ่มาก บินตัดผ่านทุ่งนาทำเอาเจ้าหมาที่เฝ้าอยู่ในพื้นที่บ้านถึงกับหูกระดิกแหงนขึ้นมามอง แล้วเห่า 2-3 ที

      เจ้ายานบินลำนั้นก็บินผ่านบ้านแล้วบ้านเล่าผ่านถนนยางมะตอยและไปหยุดอยู่ที่อยู่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นอู่ต่อยานบินขนาดใหญ่ระดับหมู่บ้าน

      ภายในโกดังขนาดใหญ่เต็มไปด้วยซากยานบินทั้งใหม่และเก่ายานบินที่ถูกรื้อ ยานบินที่ถูกซ่อมยังมีคนงานอีก 4-5 คน ที่ยังขยันทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน รถโฟล์คลิฟท์ถูกใช้งานวิ่งตามทางอย่างเป็นระเบียบ

      ยานบินลำนั้นเข้ามาจอดอย่างสนิท

      พอชมพูและยูฟาริตัสเดินลงมา ทางข้างหน้าพวกเขามีบ้าน 2 ชั้น หลังหนึ่งสร้างไว้กลางโกดังเปิดไฟส่องสว่างตลอด

      มีพนักงาน 2 คน เดินตรงเข้าไปทำความสะอาดยานบินที่จอดสนิทเพื่อจะไปใช้งานต่อ

      ชายในชุดหมีตัวอ้วนใหญ่เขารูปร่างค่อนข้างสันทัด ผิวพรรณของเขาช่างหนาแข็งดั่งหินผาใบหน้าของเขาค่อนข้างที่จะเหมือนรูปหินโมไอ กรรไกรล่างที่หนาและดูแข็งแรงกว่า บนหัวสวมหมวกแก๊ปช่างสัญลักษณ์บนหมวกเป็นตราของอู่ต่อยานตน

      เดินออกมาจากบ้านทำหน้าบึ้งตึงและหันไปสั่งลูกน้องให้ขับรถโฟล์คลิฟท์ไปไกลๆ เหมือนเขาอยากจะมีเรื่องคุยกับคนตรงหน้าทั้งสองอารมณ์เหมือนประมาณว่าไปก่อเรื่องมาแน่นอน

      “ให้ตายสิ แล้วยานบินลำเล็กล่ะ ฉันรู้นะพวกแกสองคนน่ะไปทำอะไร”

      ยูฟาริตัสยิ้มและนำของบางอย่างออกจากแหวนของตนโยนมาให้ชายชุดหมี รูปร่างท้วมสันทัดผู้นั้น

      “แล้วสิ่งนี้ล่ะพอจะช่วยเยียวยาใจลุงโอ๊ตได้มั้ย”

      ชายร่างท้วมสันทัดชุดหมีที่ชื่อว่าโอ๊ตมองหัวหุ่นยนต์ไซบอร์กที่มีกระดูกสันหลังติดมาด้วยเลือดน้ำเงินยังสาดเลอะมือ เขาบิดหน้าเหยเกด้วยความขยะแขยง

      “อะไรกันเนี่ย นี่มันของปลอมไม่ใช่หรือไงเนี่ย ของแบบนี้มีเยอะแล้วแย่ชะมัดเลือดคนกับเลือดเครื่องจักรยังผสมกันอยู่เลย แต่ก็เอาเถอะก็ยังเอาไปถอดอะไหล่แล้วขายได้ต่อ”

      เขาโยนหัวหุ่นยนต์ไซบอร์กไปรวมกับซากเหล็กอื่นๆ

      “มันยังใช้จ่ายไม่พอกับลำเก่าพวกแกทำพังไปหรอกนะ แล้วนี่ ฉันเห็นพวกแกทำอะไรกับยานลำนั้นน่ะ”

      ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนจากลูกน้องของลุงโอ๊ตดังมาว่า

      “น้ำอะไรเนี่ย เต็มเตียงไปหมดเลย”

      ชมพูถึงกับหน้าแดงแต่ก็เก็บอาการเอาไว้

      ยูฟาริตัสจึงกล่าวกับลุงโอ๊ตว่า

      “แต่ถ้าเป็นสิ่งนี้ล่ะ”

      แหวนของเขาเปล่งแสนอีกครั้งหนึ่งนัดก็ยิงไปที่พื้นปรากฏร่างของนางเทพอัปสรต่อหน้าเจ้าของอู่ต่อยาน

      ลุงโอ๊ตถึงกับตะลึงค้าง เดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ มองทรวดทรงองค์เอวของนางเทพอัปสรที่ยืนหลับตายอยู่

      “นี่มันเหมือนมากเป็นเครื่องจักรที่เหมือนมาก!”

      เขากำลังจะเอามือไปสัมผัสร่างของนางเทพอัปสรแต่ยูฟาริตัสเข้ามาหยุดเอาไว้

      “มันมีพิษน่ะลุงโอ๊ต”

      “อ้าว” ลุงโอ๊ตถึงกับผงะและถอยห่างทันที “แล้วจะแยกชิ้นส่วนยังไงล่ะทีนี้”

      ผัวะ

      ชมพูตบหัวนางเทพอักษรจนแบกของเหลวสีเงินไหลทะลักล้มต่อหน้าลงพื้นดังตึง

      ลุงโอ๊ตทำหน้าตาเสียดายมาก

      “มันต้องแบบนี้จ้ะลุงโอ๊ต ทุบให้มันพังแล้วค่อยแยกชิ้นส่วน ของเหลวพวกนี้มันมีพิษ”

      ยูฟาริตัสนำหลอดแก้วเปิดฝาออกเก็บตัวอย่างของเหลวสีเงินที่ไหลมาจากซากของนางเทพอัปสร

      “เป็นกลไกที่น่าสนมาก ถึงแม้ว่าน่าเสียดายเป็นของหายากแต่ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปศึกษาแล้วจะมาบอกอีกที” ลุงโอ๊ตกล่าวต่ออย่างพึงพอใจ

      แต่แล้วสีหน้าของลุงโอ๊ตกลับมาซีเรียสอีกครั้ง เขาหุบยิ้มทันทีแล้วมองไปที่ยานบินที่คนทั้งสองเพิ่งใช้งาน มองดูลูกน้องของตนกำลังทำความสะอาดและลอกสีใหม่ ดึงเฟอร์นิเจอร์ของเก่าที่อยู่ในยานออกมากองข้างนอก อย่างขะมักเขม้นและเร่งรีบ

       

       

       

      8

       

      เจ้าของอู่ยานบินถึงกับส่ายหน้าโมไอหนาๆ เขารู้เรื่องราวจากโซเชียล เรื่องราชกุมาร ณ ดาวแห่งนั้น คงไม่พ้นเจ้าสองคนนี้แน่นอนที่ไปทำเอาไว้ เขาจำเป็นต้องแปลงโฉมยานบินของตนเองทันทีทั้งทะเบียนทุกสิ่งทุกอย่างต้องรีบเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพื่อคนอื่นที่เช่าต่อจะได้ปลอดภัย

      “พวกแกมันหาเสี้ยนชัดๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันไม่หารหรอกว่ะ”

      “เขารนหาที่เอง เขาเป็นคนติดต่อพวกเรา แล้วเขาก็คิดจะฆ่าพวกเรา ทำไงได้ล่ะ คนเราก็ต้องป้องกันตัวนะลุงโอ๊ต” ชมพูกล่าวอย่างหนักแน่น

      “ราชวงศ์นั้นมีผู้ภักดีทั้งในและนอกประเทศทั่วดาว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เมื่อไหร่ที่พวกแกได้ไปรับงานที่ดาวนั่น ก็ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว” ลุงโอ๊ตกล่าวตอบ

      ชมพู “เชื่อใจฝีมือยูฟา เขามีของวิเศษยังไงพวกนั้นน่ะก็ตามพวกเราไม่ถึงหรอก”

      “อะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกราชวงศ์และเบื้องสูงก็อยู่ยากแล้ว” ลุงโอ๊ตย้ำ

      “ลุงโอ๊ตเขาก็พูดถูกนะชมพู ต่อจากนี้พวกเราต้องระวังตัวให้มากถึงแม้ว่าของวิเศษของข้าจะพรางตัวได้ก็จริง แต่มันเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น หากเขายังมีชีวิตอยู่ ยังไงก็ต้องตามล่าพวกเราเพื่อล้างแค้นแน่นอน” ยูฟาริตัส บอกกับชมพู

      เมื่อพวกเขาทั้งคู่เดินออกจากอู่ต่อยานบินผ่านบ้านน้อยๆ ไปไม่กี่หลัง มีจักรยานของลุงยามที่ดูแลความเรียบร้อยปั่นผ่านพวกเขาไป บีบแตรทักทายพวกเขาทั้งสองอย่างคุ้นเคยกัน ชมพูยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

      จนเดินทางมาถึงบ้านหลังน้อย มีรั้วไม้และมีตำลึงเลื้อยพันเต็มไปหมดล้อมรอบบ้านหลังน้อยของพวกเขา

      เมื่อพวกเขาเข้าไปในบ้าน ชมพูล้มตัวนอน ยูฟาริตัสเข้าไปในห้องน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดเดินออกจากห้องน้ำ มานอนบนเตียง

      “ไปอาบน้ำก่อนเถอะเดินทางมาตั้งไกล”

      ชมพูบิดตัวไปมาอยู่บนเตียงเหมือนคนขี้เกียจ “จะนอนแล้ว เช้าค่อยอาบแล้วกัน”

      “นี่มันก็เช้ามืดแล้วนะ” ยูฟาริตัสย้ำ

      “อื้ม” ชมพูกดเสียงต่ำแล้วก็หลับไป

      ยูฟาริตัสได้แต่ส่ายศีรษะและก็เข้าไปจุ๊บที่ใบหูของชมพูพร้อมพูดว่า

      “อรุณสวัสดิ์”

      บานเกล็ดเหล็กปิดบดบังแสงจากหน้าต่างตามด้วยม่านขนาดหนาถูกปิดทับอีกชั้น หากถึงตอนเช้าก็ไม่มีแสงใดผ่านได้ ประตูถูกล็อกด้วยบานเหล็กทับอีกชั้น ห้องทั้งห้องย้ายลงไปใต้ดินอย่างอัตโนมัติทันที เหลือเพียงแค่ห้องน้ำที่อยู่กลางพื้นที่โล่งๆ เวิ้งว้างอยู่ห้องเดียวและมีป้ายขึ้นโผล่มาจากพื้นดินเขียนว่า

      ห้องน้ำสาธารณะ

       

      จบ ตอน ระลึกชาติ 1 นาที

       


       

       

      เวอร์ชั้น นิยายเสียง ลงใน meb นะ มาอุดหนุนกัน เยอะๆ น้าา

      ขอบคุณ ผู้อ่านทุกท่านจ้า

      นิยายเสียงตัวเต็ม ⇢ สองจักรวาทิน ตอน ระลึกชาติ 1 นาที

       

      จิ้มๆ >> ทดลองฟัง

       

       


       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
      ×