Him&Her - Him&Her นิยาย Him&Her : Dek-D.com - Writer

    Him&Her

    โดย phukan & kk

    เรื่องราวความรักวัยเรียนของพระเอก "ไม้เอก" เด็กหนุ่มที่มีนิสัยเก็บตัว และนางเอก "คะนิ้ง" เด็กสาวที่สดใสราวกับพระอาทิตย์ได้มาอยู่ห้องเดียวกัน แล้ววันหนึ่งก็มีเรื่องทีทำให้ได้มาพบเจอกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    290

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    290

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.พ. 65 / 21:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    *นิยายเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอนิเมะเรื่อง Horimiya

    Him & Her

     

                วันเปิดเทอมของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนชื่อดังย่านลาดพร้าวอย่างโรงเรียนหอวัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง คะนิ้ง สาวน้อยน่ารักชั้นม.5 ที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เพอร์เฟคไปสักทุกอย่าง ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต่างชื่นชมเธอคนนี้และ ไม้เอก เด็กหนุ่มชั้นม.5 ที่ค่อนข้างเงียบและไม่สุงสิงกับใคร คนส่วนใหญ่จะมองไม้เอกเป็นคนที่มืดมนอึมครึมอยู่เสมอ

     

                ณ ห้องประจำของชาวม.5/12 คะนิ้งและผองเพื่อนอย่าง กอหญ้า สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มและ ทาโร่นักกีฬาบาสเกตบอล ทั้งสามคนกำลังนั่งตั้งวงสนทนากันหลังจากไม่ได้เจอรวมเกือบ 3 เดือน แต่สายของคะนิ้งดันไปสะดุดตากับเด็กชายที่นั่งเงียบอยู่คนเดียวหลังห้อง ใบหน้าถูกปิดด้วยผมรกรุงรังและแว่นตาที่ทำให้แทบไม่เห็นหน้าที่แท้จริงของชายคนนี้เลย คะนิ้งจ้องตาเป็นมันจนกอหญ้าได้ทักขึ้นมา

     

                “นี้ ๆ คะนิ้งมองอะไรอะ” กอหญ้าถามด้วยความสงสัย

                “ป่าว แค่มองอะไรเรื่อยเปื่อย” คะนิ้งตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย

                “หรือว่าแกมองคนนั้นอยู่อะ” กอหญ้าถามพร้อมชี้นิ้วไปที่ชายคนที่นั่งอยู่หลังห้อง

                “อ๋อ ไม้เอกน่ะหรอ” ทาโร่เอ่ยขึ้นมา

                “นายรู้จักหรอ?!” กอหญ้าถามอย่างตกใจ เพราะโดยปกติทาโร่ไม่ค่อยมีเพื่อนแบบนี้สักเท่าไหร่

                “แค่รู้จักเฉย ๆ อะ ไม่เคยคุยกันเลย” ทาโร่ตอบ

                “ว่าแต่มีใครเคยได้ยินเสียงไม้เอกพูดบ้างปะ เห็นไม่ค่อยสุงสิงกับใคร” กอหญ้าถามอีกครั้ง

                “เหมือนจะเป็นพวกไม่ชอบเข้าสังคมแหละมั้ง”

     

                ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนาเรื่องของไม้เอกนั้น มีสายตาหนึ่งยังคงจ้องเด็กหนุ่มหลังห้องอยู่ ด้วยความที่คะนิ้งสงสัยว่าตัวตนที่แท้จริงของไม้เอกนั้นเป็นคนยังไงกันแน่ ส่วนทาโร่กำลังคิดในใจว่า ทำไมคะนิ้งเด็กสาวผู้ร่าเริงกลับนั่งนิ่งเงียบไม่พูดคุยกันเหมือนปกติตามเคย แล้วจู่ ๆ ทาโร่มีความคิดที่ว่า หรือคะนิ้งอาจจะแอบชอบเจ้านั่นกันนะ?

     

                หลังเรียนของวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งเหมือนกับทุกวันคะนิ้งได้กลับมาบ้านทำงานบ้านและทำอาหารเย็นตามปกติ แต่มีบางอย่างเปลี่ยนไป เหมือนเจ้าตัวแสบของบ้านอย่าง คณิณ น้องชายแท้ ๆ ของคะนิ้งกลับบ้านช้าผิดปกติ แต่แล้วคะนิ้งก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เลยวิ่งไปเพื่อติน้องตัวเองว่าไปเที่ยวซนที่ไหนมาถึงกลับบ้านมาเย็นขนาดนี้ แต่แล้วคะนิ้งได้เห็นผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเองอยู่กับน้องชายแสนซน แต่ด้วยความเป็นห่วงน้องของตนเองนั้น คะนิ้งเลยดึงตัวน้องตัวเองมากอดด้วยเป็นห่วง แล้วขอบคุณผู้ชายคนนั้นไป แต่จู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า

     

                “เอ่อ คือว่า คุณคะนิ้งครับ” ชายผู้นั้นพูดขึ้นมาเงียบ ๆ แต่ทำให้คะนิ้งสะดุ้งเป็นอย่างมาก เพราะว่าชายคนนี้รู้จักชื่อของตนเองได้ยังไง

                “ออ คือว่าว่า ไม่ทราบรู้ชื่อของฉันได้ยังไงหรอคะ” คะนิ้งถามด้วยความตื่นตระหนก

                “คือว่าผมคือไม้เอกครับ” 

                “ห้ะ! ไม้เอกหรอ คนที่อยู่หลังห้องน่ะหรอ!?” คะนิ้งถามเพื่อความแน่ใจ

                “ครับ” ไม้เอกตอบกลับเสียงเรียบ

     

                ได้แต่คิดแล้วสงสัย ทำไมเจ้าเด็กหลังห้องอย่างไม้เอกถึงได้แต่งตัวแบบนั้นกันนะ เจาะหูข้างละสี่รูได้แถมยังเจาะปากอีก อีกทั้งสไตล์การแต่งตัวที่ดูไม่เหมาะลุคของเขาที่โรงเรียนเลย แต่แล้วจนเด็กน้อยแสนซนก็พูดขึ้นมาว่า

     

                “พี่นิ้ง ผมเจ็บ” หนุ่มน้อยพูดด้วยเสียงที่พร้อมจะร้องไห้เต็มที ส่วนตัวพี่สาวนั้นก็หันไปมองขาของน้องตนเองแล้วพบว่า ขาของน้องเธอนั้นมีเลือดไหลที่เข่า คนเป็นพี่กระวนกระวายใจ จะพาน้องของตนนั้นไปนั่งในบบ้านแต่ไม่ลืมที่จะพูดกับแขกของเธอว่า

                “ถ้าไม่ว่าอะไรเข้ามานั่งดื่มน้ำก่อนไหม”

                “คะ คือว่า-” ไม้เอกพูดไม่ทันจบ คะนิ้งก็พูดแทรกขึ้นมา

                “หน่า เข้ามาเถอะ” ทำให้ไม้เอกต้องจำนนเข้ามาในบ้านจนได้

                “นี้ ๆ แล้วไปโดนอะไรมาถึงได้มีแผลแบบนี้ได้” คะนิ้งถามน้องชายแสนซนของตนเอง

                “คือว่าผมไปเห็นน้องถูกหมาวิ่งไล่จนล้ม เลยเข้าไปช่วยน่ะครับ” ไม้เอกตอบแทน

                “อ๋อ อย่างงี้นี้เอง ยังกลัวหมาไม่เปลี่ยนเลยสิท่า” คะนิ้งพูด

                “เออ เอาเป็นว่าวันนี้กินข้าวที่นี่เลยไหมล่ะ พอดีไข่ไก่ลดราคาเลยซื้อมาเยอะมาก กินกันไม่หมดแน่”

                “งั้นเอาเป็นว่า ขอรบกวนด้วยนะครับ” ไม้เอกตอบ

     

                หลังจากนั้นไม้เอกก็มาที่บ้านของคะนิ้งแทบทุกวัน เพราะเจ้าน้องชายตัวแสบติดไม้เอกมาก วันไหนที่ไม้เอกไม่มาก็จะเหงาและซึมเป็นพิเศษ และแล้วมีวันหนึ่งที่คะนิ้งได้รู้ความลับของไม้เอก

     

                “คะนิ้งครับ แย่แล้วครับ ๆ ๆ ” ไม้เอกเรียกคะนิ้งที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวด้วยความกระวนกระวายใจ

                “มีอะไรหร-” คะนิ้งพูดไม่ทันจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างนั้นก็คือ รอยสักของไม้เอกนั้นเอง ทำเอาคะนิ้งช็อคไปพักใหญ่เลยที่เดียว รอยสักของไม้เอกนั้นมีตรงข้างลำตัวซึ่งยาวตั้งแต่หน้าอกจนไปถึงสะโพก แถมยังมีตรงแขนอีก

                “นั่นอะไรน่ะ!” คะนิ้งถามด้วยความตกใจขั้นสุด

                “คือว่าผมจะทำยังไงดีครับ” ไม้เอกพูดด้วยความลนลาน

     

                “อีกไม่กี่วันก็จะมีคลาสพละแล้วครับ ผมกลัวว่าทุกคนจะเห็นไอ้เจ้านี้กันหมด” ไม้เอกพูดพร้อมชี้ไปที่รอยสักของตัวเอง

                “นายก็ใส่แขนยาวสิตาบื้อ” คะนิ้งตอบ

     

                ณ ห้องแต่งตัวนักเรียนชายของโรงเรียนชื่อดังย่านลาดพร้าว ไม้เอกกำลังเปลี่ยนชุดเพื่อไปเรียนคาบพละ แต่ไม้เอกรอให้ทุกคนออกไปจากห้องให้หมดก่อน เพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะตัวเขาเองไม่อยากให้ใครมาเห็นรอยสักของเขาสักเท่าไหร่ แต่แล้วก็มีคนทักเขาขึ้นมาว่า

     

                “นี้ไม้เอกไม่เปลี่ยนชุดหรอ” นี้เป็นบทสนทนาแรกระหว่างทาโร่และไม้เอก

                “ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก ต้องรอให้คนออกไปให้หมดก่อนไม่งั้นจะเห็นไอ้นั้นกันหมด” ไม้เอกตอบ และบ่นพึมพำกับตัวเอง

                “ไอ้นั้นหรอ ไอ้นั้นคืออะไรอะ” ทาโร่ถามต่อ

                “อ๋อมันคือไอ้นี้น่ะ” ไม้เอกถกเสื้อของตัวเองให้ทาโร่ดูรอยสัก ทำให้ทาโร่ตกใจไปสักพักใหญ่เลยเพราะไม่คิดว่าไอ้เจ้าเด็กเนิร์ดคนนี้จะมีอะไรแบบนี้ด้วย

                “ผมกลัวมากเลย มีแค่คะนิ้งคนเดียวที่ได้เห็นมันแล้วแท้ ๆ ” ไม้เอกบ่นพึมพำแต่ทาโร่ดันได้ยินทำให้ทาโร่นั้นคิดไกลเลย ว่าคะนิ้งไปเห็นยังไง แล้วทั้งสองคนไปสนิทกันตอนไหน มีคำถามเต็มหัวไปหมด มันแอบทำให้ทาโร่คิดไปไกลนิดนึงเพราะคะนิ้งคือผู้หญิงที่เขาชอบ

     

                “นี่ นายกับคะนิ้งสนิทกันได้ยังไง” ทาโร่ถามไม้เอก

    “ก็แค่คุณคะนิ้งไม่รังเกียจผม คุณคะนิ้งเป็นคนดีจนดีเกินไปสำหรับผม เราเป็นแค่เพื่อนกัน” ไม้เอกตอบด้วยสีหน้านิ่ง ๆ

    “งั้นฉันจะสารภาพรักกับคะนิ้ง ได้ใช่มั้ย” ถามเพื่อลองใจเพื่อนคนนี้

    “ก็ต้องได้สิ” ไม้เอกตอบกลับ

     

    หลังเลิกเรียน ทาโร่กำลังไปสารภาพความรู้สึกที่ตนเองมีให้คะนิ้งตลอดเวลาเกือบสองปีได้ เขาทำใจอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าไปพูดกับคะนิ้งเรื่องนี้

     

    “นี้ ไม้เอกวันนี้ไปเล่นเป็นเพื่อนเจ้าตัวแสบหน่อยได้มั้ย” คะนิ้งถามไม้เอก

    “นี้ ไม้เอกไม่ได้ยินรึไง” คะนิ้งถามซ้ำเพราะว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ยินสิ่งที่ตนพูดออกไป

    “คะนิ้ง ว่างมั้ยฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ทาโร่ถามแทรกขึ้นมา

    “คุณคะนิ้งไปคุยกับทาโร่เถอะครับเดี๋ยวผมไปรับคณิณที่โรงเรียนให้เอง เจอกันที่บ้านนะครับ” ไม้เอกพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “อ่า ว่ามา มีอะไรหรอ”

                “ออกไปคุยด้วยกันหน่อยสิ”

     

                แล้วทาโร่ก็พาคะนิ้งออกไปคุยที่ระเบียงห้อง สายตาของไม้เอกเหลือบไปเห็นคะนิ้งที่ถูกทาโร่เรียกตัวไปคุย ไม้เอกคิดว่าเขาคงไม่เหมาะกับคะนิ้งจริง ๆ นั้นแหละ เพราะตัวเขาทั้งอึมครึมไม่เหมือนคะนิ้งที่สดใสเหมือนพระอาทิตย์อยู่เสมอ

     

                หลังจากที่คะนิ้งคุยกับทาโร่เสร็จก็กลับมาบ้านตามปกติ แล้วเจอสองหนุ่มกำลังเล่นกันอยู่ เป็นภาพที่คะนิ้งได้เห็นทุกเย็นอยู่แล้ว ตัวคะนิ้งรู้สึกอุ่นใจที่มีไม้เอกมาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับน้องแบบนี้

     

                “นี้ คณิณวันนี้พี่ขอโทษด้วยหน้าที่ไม่ได้ไปรับที่โรงเรียน” คะนิ้งพูดกับน้องชายตนเอง

                “ไม่เป็นไรครับพี่ ผมอยากเล่นกับพี่ชายอยู่แล้วด้วย แหะ ๆ ” เจ้าตัวน้อยตอบด้วยความสดใส

                “ไม้เอก นายออกมาคุยกับฉันหน่อยแปปหนึ่งได้ไหม” คะนิ้งถามด้วยสีหน้าที่เรียบและนิ่งเฉยกว่าทุกที

                “เมื่อเย็นทาโร่ขอฉันคุยด้วยน่ะ” คะนิ้งเริ่มต้นบทสนทนา

     

                ในใจของไม้เอกนั้นคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ตัวเขาเองจะไม่ได้มาที่บ้านของคะนิ้งได้บ่อย ๆ แบบนี้อีกแล้ว เพราะว่าคะนิ้งกับทาโร่คงได้เป็นแฟนกันและใช้เวลาร่วมกัน ตัวเขาเองคงเป็นได้แค่คนแปลกหน้าที่ขวางทางอยู่

     

                “ทาโร่บอกฉันว่า นายบอกว่าฉันดีเกินไปสำหรับนาย ฉันไม่เหมาะกับนาย นายพูดออกมาจริงหรอ” คะนิ้งถามด้วยท่าทีที่จริงจังและหงุดหงิด

                “เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ แล้วที่ทาโร่ เรียกคุณนิ้งไป-” ไม้เอกพูดไม่ทันจบคะนิ้งก็พูดแทรกขึ้นมา

                “นายคิดแบบนั้นจริง ๆ หรอ!” คะนิ้งถามด้วยเสียงที่ดังขึ้น และอยากรู้ว่าเจ้าตัวนั้นคิดยังไงกันแน่

                “จริงครับ” ไม้เอกพูด

                “ทำไมนายถึงคิดอะไรแบบนั้น”

                “คือว่าสำหรับผมถ้าคุณคะนิ้งอยู่กับผม มันอาจจะทำให้คุณคะนิ้งหม่นหมองไปด้วยน่ะครับ”

                “นายไม่รู้หรอว่าที่นายมาบ้านฉัน มาเล่นกับน้องแบบนี้ทุกวัน มันทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมากเลยนะ” 

    คะนิ้งพูดพลางกลั้นน้ำตาไปด้วย

                “งั้นตัวผมเองก็เป็นเกียรติมากครับที่คุณคะนิ้งคิดกับผมแบบนั้น” ไม้เอกพูดและไปด้วยความดีใจที่คะนิ้งนั้นไม่ได้รังเกียจตนเองเหมือนคนอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา เพราะตัวเขาเองมีปมกับการเข้าหาคนมาโดยตลอดตั้งแต่ประถมจนถึงโรงเรียนตอนมอต้นนั้นก็คือโรงเรียนสารวิทยา พอถึงมอปลายตัวเขาเองจะเริ่มต้นใหม่ โดยการเป็นคนเงียบ ๆ ไร้ตัวตนมาโดยตลอด แต่ตัวไม้เอกเองแอบมองคะนิ้งมาโดยตลอดว่า คนอะไรมันจะสดใสอะไรอย่างงี้

     

     

                เวลาล่วงเลยมาหลายเดือนนี้ก็เป็นเปิดของภาคเรียนที่หนึ่งแล้ว ไม้เอกก็ยังคงมาเล่นที่บ้านของคะนิ้ง อย่างเดิมแต่มันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ แตกต่างไปจากเดิมนั้นก็คือ พ่อของคะนิ้งกลับมาบ้านนั้งเอง

     

                “สวัสดีทุกคนน” พ่อของคะนิ้งทักทายทุกคนหลังจากเหยียบเข้ามาในตัวบ้าน

     

                ทุกคนในบ้านนิ่งเงียบราวกับว่าตัวเขาไม่มีตัวตนอยู่เลย แต่พ่อของคะนิ้งดันไปสบตากับไม้เอก ใครก็ไม่รู้ที่กำลังนั่งเป็นโซฟาและเล่นกับลูกคนเล็กของเขาอยู่ ทำให้พ่อของคะนิ้งตกใจไม่น้อยเลย

     

                “นิ้ง! ไอเจ้าหน้าหวานนี้มันเป็นใคร!” พ่อของคะนิ้งถามเสียงดังด้วยความตกใจ

                “โอ้ย! ตะโกนอะไรเสียงดัง อีกอย่างเขาก็มีชื่อนะหนุ่ม” คะนิ้งตอบกลับพ่อของตนเอง ใช่แล้วพ่อของคะนิ้งชื่อหนุ่มแล้วที่คะนิ้งเรียกชื่อพ่อตัวเองแบบห้วน ๆ แบบนี้ไม่ได้แปลกอะไรสำหรับบ้านนี้ เพราะบทบาทของคะนิ้งในบ้านเหมือนเป็นแม่อีกคนหนึ่งนั้นแหละ

                “เจ้าหนุ่ม เธอชื่อะไรอะ” พ่อของคะนิ้งแอบเข้าไปกระซิบข้างหูของไม้เอกเบา ๆ

                “ชื่อไม้เอกครับ” ไม้เอกตอบอย่างเขินอาย

                “แล้วเอก เธอเป็นอะไรกับคะนิ้งหรอ เป็นแฟนกันหรอ” พ่อของคะนิ้งถาม

                “คือว่า-” ไม้เอกตอบไม่ทันจบ คะนิ้งก็วิ่งออกมาจากครัวแล้วเอาตะหลิวฟาดไปที่หัวของพ่อตนเองไปหนึ่งทีเต็ม ๆ กลางกะบาล

                “หนุ่มถามอะไรไร้สาระ ถ้าเป็นแล้วมันจะทำไม” คะนิ้งตอบด้วยความโมโหเชิงยอมรับว่าไม้เอกเป็นแฟนของตนจริง ๆ 

     

                ไม้เอกพอได้ยินคำตอบแบบนั้นของคะนิ้งก็แอบเขิน ๆ อยู่พอตัว ส่วนพ่อของคะนิ้งก็อึ้งไปเลย ไม่คิดว่าลูกสาวตัวน้อยของพ่อจะโตแล้วขนาดนี้แล้ว

     

                “พี่นิ้ง ผมหิวแล้ว ๆ ๆ” หนุ่มน้อยพูดขึ้นมา

                “ได้จ้า รอพี่ทำแปปหนึ่งน้า” คะนิ้งตอบอย่างอ่อนหวาน

     

                ในขณะที่คะนิ้งเตรียมโต๊ะกินข้าวอยู่นั้น พ่อของคะนิ้งสังเกตได้ว่าถ้วยชามและช้อนส้อมของตนเป็นแบบพลาสติดใช้แล้วทิ้ง ทำให้ตัวเขางงไม่น้อยเลย ในขณะที่ช้อนส้อมของ คะนิ้ง คณิณ อิงผู้เป็นภรรยาของเขา และแม้ไม้เอกได้ใช้ช้อนส้อมเหล็กธรรมดา

     

                “นิ้ง! ทำไมมีแค่ช้อนส้อมของพ่อที่เป็นพลาสติกล่ะ!” พ่อจองคะนิ้งตะโกนถามลูกสาวของตนที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัว

     

                “อ๋อ ก็นายไม่ค่อยกลับมาบ้านเลยไงเลยไม่มีของนายน่ะ” คะนิ้งตอบพ่อของตนเอง

                “คุณพ่อคือว่าเอาของส่วนผมไปใช้ไหมครับ” ไม้เอกพูด เพราะกลัวว่าพ่อคะนิ้งจะโกรธเอา แต่ทุกคนในบ้านบอกไม่ต้องให้แม้แต่แม่ของคะนิ้งยังพูดเป็นเสียงเดียวกัน

                “ทำไมทุกคนทำกับพ่อแบบนี้” พ่อคะนิ้งพูดเชิงงอแงไปด้วย

     

                มือค้ำวันนี้เป็นมื้อที่สนุกมากสำหรับไม้เอก ในระหว่างทางกลับบ้านคะนิ้งได้ขออาสาเดินมาส่งหน้าปากซอย แล้วก็เริ่มสนทนากัน

     

                “ขอโทษนะ วันนี้ไอแก่เสียงดังมากเลย” คะนิ้งกำลังพูดถึงพ่อของตนเอง

                “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ผมว่ามันสนุกดี” ไม้เอกตอบพลางหัวเราะไปเล็ก ๆ 

                “แล้วเรื่องที่พ่อฉันพูดน่ะ” คะนิ้งพูดพร้อมทำท่าทางเขินอายเล็กน้อย

                “เรื่องที่พ่อฉันถามว่าพวกเราเป็นแฟนกันหรือเปล่า คือว่า นายอยากเป็นไหม” คำถามของคะนิ้งทำให้ตัวไม้เอกตกใจไม่น้อย นี้เรากำลังถูกขอเป็นแฟนหรอเนี้ย ไม้เอกคิดในใจ

                “ความจริงแล้วผมก็อยากเป็นแฟนกับคุณคะนิ้งครับ!” ไม้เอกรวบรวมความกล้าที่จะตอบไปแบบนั้น

     

                กลายเป็นว่าในระหว่างทางเดินไปนั้นไม่มีใครพูอะไรขึ้นมาเลย แต่อยู่ดี ๆ ไม้เอกก็เอามือไปจับมือของคะนิ้ง ทำให้คะนิ้งเองตกใจพอสมควรเลย แต่ระหว่างการเดินนั้นทำให้ไม้เอกและคะนิ้งอบอุ่นใจไม่น้อยเลย

     

                ในช่วงเวลามอปลายอะไร ๆ ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเวลาร็ตัวอีกทีพวกเขาต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้วหรอเนี้ย พอคิดแล้วก็เศร้าเพราะพอขึ้นมหาวิทยาลัยอาจจะไม่มีเวลาว่างมาเจอกันเยอะขนาดนนี้อีกแล้ว ทำให้มีปาร์ตี้เลี้ยงส่งกัน หลังจบงานปาร์ตี้ทั้งสองได้เดินกลับบ้านด้วยกัน จู่ ๆ คะนิ้งก็เริ่มต้นบทสนทนา

     

                “นี้ เอกนายคิดไหมว่าหลังจากเราเข้ามหาลัยกันแล้ว เราจะได้มานั่งชิวแบบนี้อีกไหมนะ”

                “ผมว่าเราคงไม่ได้กันบ่อย ๆ แล้วล่ะครับ”

                “งั้นหลังเรียนจบเรามาอยู่ด้วยกันนะ”

                “อ๋อ ไม่สิหลังเรียนจบเรามาแต่งงานกันนะ”

                “อือ ได้ครับ!”

     

                พวกเขาทั้งสองได้ให้หมั้นสัญญากันว่าจะมีกันและกันตลอดไป

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×