ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WINNER] Gin & Tonic #YOONWOO

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 113
      3
      2 พ.ค. 58





     

    เป็นเพราะเธอ ... หัวใจเจ้ากรรมจึงหวั่นไหวไปกับอารมณ์ที่แสนละเอียดอ่อน

     

            บานประตูใหญ่ปรากฏแก่สายตา สำหรับจินอูแล้วมันคงเป็นเรื่องปกติเพราะเขาเห็นมันทุกวันไม่ว่าจะเป็นด้านในหรือด้านนอก แต่สำหรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างซึงยูนดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อเห็นด้านในคอนโดที่จินอูพักอาศัยอยู่ มันสวยงามและน่าอยู่กว่าคอนโดของเขามากๆ เมื่อเทียบกัน แม้ราคาจะแพงลิ่วพอกัน แต่ซึงยูนกลับรู้สึกว่าที่นี่น่าอยู่กว่าตั้งเยอะตั้งแยะ ...

     

                เขาควรจะซื้อที่นี่ไว้ด้วยดีไหม ?

     

    จะได้ก่อกวนจินอูได้ถนัดๆ หน่อย ... แค่คิดก็อยากจะเดินลิ่วไปเซ็นสัญญาซื้อขายเสียตอนนี้เลย

     

    “เอ้า ! เปิดสิครับประตูเนี้ย จ้องอยู่ได้ ไอ้แผ่นสี่เหลี่ยมตรงหน้านี่มันกินไม่ได้นะครับ คุณคิมจินอู”

     

    ปากหนาพ่นคำพูดกวนประสาทชักชวนให้จินอูรู้สึกฉุนอยากจะกระโจนเข้าไปตบเข้าที่ปากฟาร์มหมานั้นสักทีสองทีให้ปากหนาๆ นั้นยุบเข้าไปสักหนึ่งเซนติเมตร แต่พอคิดๆ ดู คนอย่างซึงยูนน่ะหรอจะรู้สึกหรือสำนึกอะไร ซ้ำเจ้าคนปากไม่ดียังวาดแขนฝ่าอากาศขึ้นมาโอบไหล่แคบของคนตัวเล็กด้วยท่าทางสบายๆ พลางตบปุบๆ กระตุ้นอารมณ์โมโหของจินอูให้ทวี แต่อย่างว่า จินอูเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ยกมือจิ้มเลขรหัสความปลอดภัยที่แผงอิเล็กทรอนิกส์หน้าประตูจนเกิดสัญญาณสีเขียวคำว่า OPEN โชว์ร่าหน้าแผงของเสียงสัญญาณว่าประตูถูกปลดล็อกแล้ว ร่างเล็กจึงเลื่อนมือเพื่อเปิดประตูบานเขื่องออก แต่ก็ต้องผงะเมื่อคนที่ยืนหัวโด่อยู่ภายในตีหน้าบึ้งรออยู่แล้ว

     

    “จะ จินฮวาน ฮะ ฮินบิน”

     

    ฮันบิน ... ชื่อที่ปากบางๆ เอ่ยออกมานั้นแทบทำเอาสมองของซึงยูนรวนไปหมด ชื่อที่ทำให้หัวใจของซึงยูนต้องบีบรัดความเจ็บปวดไว้ตลอดทั้งคืน ที่แท้คนๆ นั้นก็อยู่ที่นี่แล้ว แต่ในฐานะอะไรล่ะในเมื่อเมื่อคืนจินอูละเมอชื่อนี้ออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่ใช่หรอ ? แล้วไหนจะคนตัวเล็กหน้าเด็กคล้ายๆ กันกับจินอูที่มีชื่อว่าจินฮวานนี่อีก ในขณะที่ซึงยูนยังไล่ลำดับความคิดอะไรไม่ค่อยทันอยู่นี้ คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ภายในห้องตรงกันข้ามกับจินอูอยู่นั้นก็ระเบิดคำถามออกมาเสียก่อน

     

    “พี่จินอูหายไปไหนมาทั้งคืน ? โทรศัพท์มือถือก็ไม่รับ พี่รู้ไหมว่าฉันกับฮันบินเป็นห่วงพี่มากแค่ไหน ? พวกฉันสองคนเกือบจะวิ่งไปแจ้งความกันอยู่แล้วนะ !” คนที่บอกว่าตัวเองเป็นน้องต่อว่าผู้เป็นพี่เสียยกใหญ่แสดงออกว่าเป็นห่วงเจ้ากวางน้อยเสียจริงๆ จินอูทำได้แค่ก้มหน้าราวกับหลบเลี่ยงการตอบคำถามและพยายามหนีความผิด ดวงตากลมแป๋วใต้แว่นตาดำยากจะสังเกตว่าตอนนี้คนที่โดนต่อว่าจะรู้สึกอย่างไร ก่อนที่จินฮวานจะเลิกดุด่าผู้เป็นพี่ชายของตัวเองแล้วเหลือบมองซึงยูนด้วยแววตาสงสัยสุดตัว “แล้วนายเป็นใคร ? มากับพี่จินอูได้ยังไง ?”

     

    เจ้ากวางน้อยรีบยกมือบางขึ้นจับรอบกรอบแว่นตากันแดด ออกแรงดึงให้วัตถุสีดำหลุดออกจากการบดบังใบหน้าดวงหน้าพลางเอี้ยวเงยหน้าขึ้นสบตาเรียวรีของคนตัวสูงกว่าข้างๆ ตัว ขยับปากบางมุบมิบและจิกสายตาข่มขวัญซึงยูนราวกับบอกเป็นนัยๆ ว่าให้ตอบคำถามของจินฮวานดีๆ ล่ะ ๆม่งั้นนายตายแน่ อะไรประมาณนี้ ...

     

    แต่มีหรอที่ซึงยูนจะกลัวคำข่มขวัญของคนหน้าตาน่ารัก ทั้งๆ ที่พยายามจะทำท่าน่ากลัวออกมาให้มากที่สุด แต่จนแล้วจนรอด นายแบบหนุ่มคนนี้ก็น่ารักและดูใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับจินที่แม้จะเป็นเครื่องดื่มใสจนเมื่อมาเผินอาจจะคิดว่าเป็นน้ำเปล่าได้ แต่ก็มีฤทธิ์ร้ายถ้าเสพติดมากๆ

     

    “ฉันเป็นแฟนจินอู”

     

    ตอบคำถามหน้าระรื่นพร้อมทั้งยกมือขึ้นกอดร่างของเจ้ากวางน้อยจนอ้อมร่าง ใบหน้ากลมปนแป้นแล้นยกยิ้มอย่างมีชัยก่อนเอียงซบลงที่ไหล่แคบ ส่วนคนที่ถูกโมเมว่าเป็นแฟนนั้นแทบอยากจะแปลงร่างเป็นแมลงอะไรสักอย่างแล้วบินหนีไปจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี่ให้พ้นๆ เบื่อกับอาการหน้าด้านหน้าทนของไอ้คนที่ตนเคยหลวมตัวไปหลงใหลได้ปลื้ม แต่พอรู้จักกันจริงๆ จังๆ แล้วจินอูแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปไม่สนใจเจ้าลูกหมาคนบ้านี่หรอก

     

    “อะไรนะ !

     

    และแน่นอนว่าเสียงร้องตะโกนลั่นเพราะตกใจในคำตอบนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากจินฮวานและฮันบิน ทั้งสองคนอุทานตัวโก่ง ดวงตาสองข้างของทั้งสองคนเบิกกว้างตกใจถึงขีดสุดและร่างกายที่แข็งทื่อราวกับถูกสาปเรียกว่าถึงขั้นช็อคกันเลยทีเดียว

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของซึงยูนดังขึ้นให้เจ้าลูกหมาตัวโตต้องยอมปล่อยอ้อมแขนออกจากรอบตัวจินอูก่อนเลื่อนมือล้วงเอาเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจับประคอง ถอนหายใจสั้นๆ เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาขัดจังหวะนั้นเป็นใคร นิ้วหัวแม่มือทำงานอัตโนมัติกดรับสายโดยการเลี่อนสไลด์หน้าจอทัชสกรีนโดยพลันพลางยกโทรศัพท์มือถือเครื่องบางขึ้นแนบหู กรอกเสียงต่ำไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไรลงไปตอบโต้คู่สนทนาในสาย

     

    “ว่า ... อืม ... โอเค เดี๋ยวฉันไป” ลดโทรศัพท์มือถือลงก่อนยกยิ้มอย่างมีเลสนัยให้ทั้งสามชีวิตที่ยังคงยืนหัวโด่กันอยู่ “พอดีฉันมีธุระด่วน เดี๋ยววันหลังค่อยคุยกันนะ ... กลับก่อนนะจ๊ะที่รัก”

     

    ยกมือขึ้นใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะที่ริมฝีปากก่อนเลื่อนไปแตะประทับบนแก้มเนียนพลางยกยิ้มอย่างพออกพอใจ แต่การกระทำของคนตัวสูงมันตรงกันข้ามกับความรู้สึกของจินอูที่เวลานี้ขนลุกขนตั้งเกลียวกราวจนต้องยกมือขึ้นลูบไล้เรียวแขนเพื่อบรรเทาลู่ขนที่ตั้งชันขึ้นอย่างพร้อมเพรียมกัน ผิวหนังเนียนเป็นปุ่มขึ้นราวกับผิวของหนังไก่ ซึงยูนเหลียวมองจินฮวานกับฮันบินก่อนก้มหัวให้น้อยๆ เดินผละไปตามทางที่เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี ปากหนาคลี่ยิ้มตลอดเวลาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมการกลั่นแกล้งคนตัวเล็กที่มีชื่อว่าคิมจินอูนั้นจะสามารถทำให้มีความสุขจนหน้าบานและหัวใจดวงเล็กที่อยู่ในอกข้างซ้ายต้องเต้นรุนแรงด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยิ่งไปโมเมหยอกเย้าว่าเป็นแฟนของจินอูด้วยแล้ว หัวใจเจ้ากรรมก็ยิ่งสั่นไหวไปกับอารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน

     

    มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลยจริงๆ

     

    “พี่จินอู เข้ามานี่เลย เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน”

     

     

     

     

    สองเท้าก้าวเข้ามาในพื้นที่ของสถานที่คุ้นเคยราวกับบ้านหลังที่สองไปแล้วสำหรับไนต์คลับที่ร่วมหุ้นเปิดมันขึ้นมากับพี่ชาย ทันทีที่ยกมือโปร่งขึ้นหมุนลูกบิดประตูด้านหลังร้านเข้าไปภายในแล้ว สายตาคมก็กวาดสอดส่องมองหาร่างของคนที่โทรตามเขาให้รีบมาแข่งกับความมืดสลัวตัดกับแสงไฟเลเซอร์เธคหลากสีระรานตาไปหมดราวกับจะทำให้สายตาของเขาเสียไป แม้ซึงยูนจะเต็มใจเปิดคลับนี้ขึ้นมาแต่ก็ใช่ว่าเขาจะชอบแสงสีที่มีผลกระทบกับดวงตาและเสียงดังอึกระทึกคึกโคมพลอยทำให้ประสาทรับรู้เสียงพังไปด้วย

     

    แต่เพราะซึงยูนชอบเสียงดนตรี ชอบร้องเพลง ชอบเล่นกีต้าร์ และแดซอง พี่ชายของซึงยูนเองก็อยากจะเปิดกิจการอะไรเป็นของตัวเอง ฉะนั้นการเปิดคลับแห่งนี้จึงตอบโจทย์ความต้องการของสองพี่น้องตระกูลคังได้เป็นอย่างดี

     

    ร่างของเพื่อนสนิทนั่งอยู่บริเวณโซน VIP ยกมือขึ้นสูงเหนือหัวก่อนโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้ซึงยูนหันกลับไปให้ความสนใจ เจ้าของใบหน้ากลมเมื่อเห็นร่างหนาๆ ของตัวเพื่อนรักทำท่าเรียกร้องความสนใจจนสุดแรงเกิดจึงได้รีบก้าวฉับไปหาเจ้าเพื่อนบ้าที่ไม่เคยจะอายใคร ...

     

    มินโฮไม่อายหรอก เพราะมินโฮไม่ได้สนใจแวดล้อมภายนอกเท่าไร ถ้ามินโฮไม่ชิงตัดหน้าเปิดแกลอรี่ไปเสียก่อน ซึงยูนก็อยากจะแนะนำให้มินโฮไปเป็นนักแสดงตลกหรือทำงานในคณะละครสัตว์ก็คงจะรุ่งไม่หยอก

     

    “โทรตามมา มีอะไรหรือเปล่า ?” คนที่ถือกรรมสิทธิ์เจ้าของพื้นที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุกำมะหยี่สีดำสนิท ตรงหน้าเป็นโต๊ะกระจกสีชาตัวเล็ก ด้านบนมีขวดบรั่นดีใบสวย โซดาที่ถูกเปิดฝาออก ถังน้ำแข็งที่มีพราวน้ำเกาะอยู่รอบๆ ตัวถังสแตนเลสเก็บความเย็น และแก้วทรงสูงที่บรรจุเครื่องดื่มสีอำพันอ่อนอยู่ภายในครึ่งแก้ว อาจเพราะเจ้าตัวเพื่อนรักของเขาดื่มไปบ้างแล้ว พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นห่อวัตถุสี่เหลี่ยมห่อหุ้มด้วยกระดาษสีน้ำตาลธรรมดาๆ อันใหญ่วางอยู่ข้างๆ ตัวมินโฮ ซึงยูนถึงกับหน้ายื่นหูตั้งหางกระดิกแทบจะกระโจนเข้าไปคว้าเอาห่อวัตถุรูปร่างคุ้นตามากอดไว้ในอ้อมแขน “นั้น ... ?”

     

    “ทำท่าเหมือนหมาเลยหว่ะ เอานี่ รูปวาดจินอูที่นายอยากได้นักหนา ฉันวาดเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ติดต่อนายไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าไปหลบซ่อนอยู่กับสาวๆ ที่ไหน เลยเอามาให้วันนี้แหละ”

     

    มินโฮยื่นห่อรูปวาดที่ถูกห่อหุ้มเป็นอย่างดีส่งให้เพื่อนรักที่ทำตัวเป็นลูกหมาน้อยเจอของถูกใจ ซึงยูนคว้าห่อกระดาษนั้นมาถือไว้อย่างรวดเร็ว ใจจริงอยากจะขยุ้มฉีกกระดาษให้ห่อกระดาษนั้นขาดเวิ่นเพื่อดูรูปที่อยู่ภายใน หัวใจของไอ้ลูกหมาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นราวกับจะเด้งออกมาเต้นนอกอก ความเป็นเด็กในตัวถูกเผยออกมาจนมินโฮสัมผัสได้ก่อนอมยิ้มจนโหนกแก้มยกขึ้น

     

    “ขอบใจนะเว้ย มินโฮ วันนี้นายอยากเมาสักกี่น้ำเอาให้เต็มที่เลยนะเว้ย ฉันเลี้ยงตามสัญญา ... แต่ฉันขอกลับก่อน ง่วงหว่ะ น้ำท่าก็ไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืน”

     

    “อี๋ ... สกปรกหว่ะ ไปทำอะไรมาวะทั้งวันทั้งคืนไม่อาบน้ำ”

     

    “ความลับของหัวใจหว่ะ”

     

    “หึ ! กับคนในรูปวาด ?”

     

    “ไม่ต้องรู้หรอก” ว่าจบคนตัวสูงโปร่งที่ยังคงกอดวัตถุในหีบห่อมิดชิดแน่นหนาแต่ยังคงกอดไว้แน่นราวกับหวงก้างก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะคิดอะไรได้ก็ปลายตามองเพื่อนรักที่ยังคงยิ้มกรุ่มกริ้มอยู่ที่เดิม “แล้วนายล่ะ ? หายไปไหนมาทั้งวัน ? เพิ่งจะติดต่อหากันเมื่อช่วงเย็นๆ น่ะ ?”

     

    คนถูกถามหัวเราะหึในลำคอ ก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อเอื้อมไปคว้าแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีอำพันที่มีหยดน้ำเกาะพราวรอบแก้วขึ้นมาดื่มอึกใหญ่โดยไม่เกรงว่าของเหลวที่ไหลผ่านลำคอจะทำให้มึนเมา เมื่อพร่องไปได้ครึ่งแก้ว เจ้าตัวก็เอื้อมไปวางแก้วไว้บนโต๊ะกระจกตรงหน้าเหมือนเดิม ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนรักร่างบางกว่าตนแล้วขยับปากตอบคำถามเชิงเย้าหยอก

     

    “ไปหาแมวมาเลี้ยงน่ะ”

     

     

     

     

    “พี่จินอู เล่ามาให้หมดเลยนะว่าไปหายไปอยู่ไหนมาทั้งคืน ? แล้วทำไมถึงได้กลับมากับคนแปลกหน้าคนนั้น ? พี่กับเขาเป็นแฟนกันจริงๆ หรือเปล่า ? บอกความจริงกับฉันมาเดี๋ยวนี้นะ !

     

    คิมคนน้อยกดไหล่ของคิมคนพี่ให้นั่งลงกับโซฟาสีฟ้าครามราวกับสีของน้ำทะเลเข้าชุดเชื่อมต่อกันทำมุมโค้งเกือบเก้าสิบองศาในบริเวณที่จัดให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนดูโทรทัศน์ภายในห้องชุดของคอนโดสวยหรู  ทันทีที่ก้นของจินอูสัมผัสกับเบาะนั่งนุ่มนิ่ม จินฮวานและฮันบินก็อ้อมไปนั่งที่โซฟาที่ทำมุมยื่นออกไปอีกทาง สายตาเล็กของผู้ที่อายุน้อยกว่าทั้งสองเพ่งมองดวงหน้าของจินอูเขม่นเพื่อเค้นเอาความจริงจากจินอูออกมาให้ได้ ส่วนคนที่โดนสอบสวนนั้นโดนความอึดอัดจู่โจมจนไม่รู้จะอธิบายหรือตอบคำถามไหนก่อนดี เพราะคำถามที่โดนซัดโหมเข้ามานั้นไม่พ้นคำตอบที่เกี่ยวข้องกับไอ้ลูกหมากวนประสาทนั้นอยู่ดี

     

    “เออ ...”

     

    “แล้วพี่ซึงรีอยู่ที่ไหนครับ ? ไม่ได้อยู่ดูแลพี่หรอ ? เห็นพี่จินฮวานบอกว่าพี่ออกไปกับพี่ซึงรี ตอนกลับทำไมไม่ได้กลับพร้อมกันล่ะ ?”

     

    “จริงด้วยสิ พี่ซึงรี !

     

    พอฮันบินถามถึงใครอีกคนที่ถูกเกือบลืม เจ้ากวางน้อยก็ต้องรีบความนหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาปลดล็อกพอให้จอทัชสกรีนสว่างขึ้นพลางจรดปลายนิ้วเรียวเลื่อนขึ้นลงหารายชื่อเบอร์โทรศัพท์ของซึงรีมาต่อสาย ยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นแนบหูอย่างร้อนรนฟังเสียงสัญญาณการต่อสายสองถึงสามครั้งก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย

     

                [จินอู ...]

     

    “พี่ซึงรี พี่เป็นยังไงบ้างอ่ะ ? เมื่อคืนพี่ได้กลับคอนโดหรือเปล่า ? พี่กลับยังไง ? ใครไปส่งพี่ ? เมื่อคืนพี่มีคนดูแลหรือเล่า ? พี่รู้ไหมว่าฉัน ...”

     

    [จินอู ใจเย็นๆ ถามเป็นชุดคอมโบขนาดนี้พี่ตอบไม่ทันหรอกนะ] คนปลายสายตอบกลับอย่างอารมณ์ดีพอทำให้จินอูใจชื้นขึ้นมาบ้างอย่างไม่ต้องคิดห่วงกังวลอะไรมากมายหนักหนา [พี่กลับคอนโดนี่แหละ แดซองเพื่อนของพี่หิ้วปีกกลับมาส่ง ตอนนี้พี่โอเค สบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว ขอบใจมากนะจินอูที่เป็นห่วงพี่ ว่าแต่ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ? กลับคอนโดแล้วหรือยัง ?]

     

    “ครับ ... กลับมาคอนโดแล้ว”

     

    [งั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะจินอู พรุ่งนี้มีงานเช้า เดี๋ยวพี่ไปรับ]

     

    “โอเคครับ”

     

    กรอกเสียงสุดท้ายลงไปแล้วลดมือที่ประคองโทรศัพท์ให้แนบหูนั้นลงปิดหน้าจอทัชสกรีนให้มืดอีกครั้ง แค่ตนรู้ว่าซึงรี พี่ชายสุดที่รักปลอดภัยสบายดีก็รู้สึกดีใจจนเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว และยิ่งได้ยินน้ำเสียงที่สดใสแทบจะเป็นปกติแล้วทำให้จินอูรู้ว่าความเศร้าเสียใจที่ซึงรีเคยแบกรับเอาไว้เริ่มถูกโยนทิ้งไปบ้างแล้ว แต่จินอูคงลืมไปว่าตัวเองยังไม่หลุดพ้นจากการไต่สวนของน้องชายแสนรักเหมือนกัน

     

    เหลืบดวงตากลมโตมองคนอายุน้อยกว่าที่ยอมเงียบตลอดเวลาที่พี่ชายคุยโทรศัพท์ก็ต้องสะดุ้งเบาๆ เพราะสายตาของทั้งสองคนที่กำลังสวมบทบาทตำรวจมองมาที่เขานั้นเรียกได้ว่าแทบจะเอาเรื่องถ้าไม่ปริปากเล่าความจริงออกมา

     

    “อย่าคิดว่าจะรอดนะพี่จินอู ตอบคำถามเค้ามาเดี๋ยวนี้นะ”

     

    “ห้าว ... พี่ง่วงแล้วอ่ะ ไปอาบน้ำนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเนาะจินฮวาน ฮันบิน ... ฝันดีนะ”

     

    แล้วเจ้ากวางน้อยตัวดีก็ลุกพรวดจากโซฟาตัวยาว ปากบางทำท่าหาววอดพลางยกมือขึ้นปิด แขนเล็กอีกข้างยกชูขึ้นไปกลางอากาศ ยืดร่างกายราวกับบิดไล่ตัวขี้เกียจในตัวให้หลุดออกไปก่อนเขย่งปลายเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แต่คำว่าง่วงนั้น จินอูแค่หยิบยกมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น เพราะเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้จินอูหลบเลี่ยงการตอบคำถามของน้องชายสุดที่รักก็คือเขายังหาคำตอบให้ไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมซึงยูนถึงมุสาออกมาว่าเป็นแฟนทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแม้แต่นิดเดียว

     

    แม้ความจริงแล้วจินอูก็แอบหวั่นไหวไปกับคำพูดปดของเจ้าลูกหมาปากเสียแสนหยาบคายที่เคยหลงใหลไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม ...

     

    XXXXX

     

    งือ ... คุณคังรุกหนักเกินไปแล้ว ถึงขั้นมุสาว่าเป็นแฟนคุณคิม

    หว่าย ... เจ๊ตีบฟิน แม้จะเป็นรักปลอมๆ แต่ความรู้สึกจริงๆ ของทั้งคู่คือเริ่มหวั่นไหวใส่กันแล้ว ><

    มีใครคิดถึงฮงซอกบ้างคะ ?

    ตอนหน้า คุณฮงซอกเด็กปีนเกลียวของเราจะออกมาปั่นป่วนคุณคิมอีกแล้วนะ

    เจ๊ตีบขอไปกระซิบบอกคุณคิมแปบเพื่อให้รับมือกับอาซ้งก่อน

    ขอบคุณรีดเดอร์ที่น่ารักของเจ๊ตีบทุกคนเลยนะคะที่อยู่กับฟิคที่ไม่มีพล็อตเรื่องนี้มาตลอด

    ถ้าเจ๊ตีบพิมพ์ผิดตรงไหน หรืออ่านแล้วไม่ฟินยังไงก็ขอโทษรีดเดอร์ด้วยนะคะ

    อย่าทิ้งเจ๊ตีบและฟิคเรื่องนี้ไปน๊า ... อยู่ด้วยกันไปจนถึงตอนจบน๊า โอเคมั้ย ? ^^

    รักนะคะ ซารางเฮโย ...

     

    #ฟิคจินแอนด์โทนิก

     

    ปล. ขอโทษนะคะที่มาอัพตอนนี้ช้า เนื่องจากญาติผู้ใหญ่ที่เจ๊รักเสียน่ะคะ

    เจ๊เลยขลุกอยู่กับงานทั้งวันตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอโทษรีดเดอร์ด้วยนะคะ *โค้ง 90 องศา*


    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×