~Is this love~ ใช่รักหรือเปล่า - ~Is this love~ ใช่รักหรือเปล่า นิยาย ~Is this love~ ใช่รักหรือเปล่า : Dek-D.com - Writer

    ~Is this love~ ใช่รักหรือเปล่า

    คุณล่ะ เจอคน ๆ นั้นของคุณรึยัง... คนที่ทำให้คุณอยากตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตอนเช้าด้วยกัน...คนที่ทำให้คุณคิดถึงคุณค่าของชีวิตมากขึ้น คนที่จะก้าวเดินไปพร้อม ๆ กับคุณ...คนที่เกิดมาเพื่อนคุณ

    ผู้เข้าชมรวม

    236

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    236

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 มิ.ย. 49 / 18:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

          ท่ามกลางผู้คนมากมายในท่าอากาศยานดอนเมืองหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งกำลังมองหาใครบางคน
      อย่างเอาเป็นเอาตายแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววของชายหนุ่มร่างใหญ่เลย ซักพักเธอจึงตัดสินใจกับตัวเองอย่าง
      เงียบ ๆ

      "เอาวะขึ้นแท็กซี่กลับเองก็ได้"พูดจบก็เดินตรงไปข้างหน้าทันที

      "เดี๋ยวลิตารอผมก่อนสิ"เสียงทุ้มคุ้นหูดังมาจากข้างหลัง ใช่แล้วเขาเอง สองทวีป คนรักของเธอ

      "นึกว่าไม่มาซะแล้ว"เธอพูดงอน ๆ แล้วแก้มทั้งสองข้างก็ป่องออกมา

       "น่านะผมขอโทษคือติดงานด่วนน่ะพอเสร็จปุ๊บก็รีบมาหาลิตาปั๊บเลยนะเนี่ย"พูดจบเขาก็ยิ้มให้อย่างใจดีเช่นเคย

      "แล้วสองหิวรึยังล่ะ"ที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้งอนอะไรเขานักหรอกรู้อยู่แล้วว่าอาชีพของเขาทำให้เขาไม่มีเวลามากนัก

      ยิ่งพอดูหน้าที่มีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ด้วยยิ่งทำให้โกรธไม่ลงเข้าไปใหญ่

      "ลิตาอยากทานอะไรล่ะครับเดี๋ยวสองจะพาไป"เขาออดอ้อนเธอตามเคย ใครจะไปคิดว่านายตำรวจใหญ่มาดดุที่

      ใคร ๆ กลัวกันจนหัวหดกับผู้ชายขี้อ้อน ใจดีตรงหน้านี้จะเป็นคนเดียวกันไปได้

      "งั้นไปร้านประจำของเราแล้วกันนะ"ร้านประจำที่เธอว่านั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากที่นี่ซักเท่าไหร่และที่นั่นก็เป็นที่ที่พวก
      เขาทั้งสองเจอกันครั้งแรก นึกแล้วเธอก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ จำได้ว่าวันนั้นเธอเพิ่งบินกลับมาจากสวิสเซอร์แลนด์
      เมื่อลงจากเครื่องก็รีบไปร้านนั้นตามที่นัดกับเพื่อน ๆ ไว้ว่าจะเล่าประสบการณ์การทำงานครั้งแรกในชีวิตสู่กันฟัง
      ไกด์สาวเลือดร้อนไฟแรงอย่างเธอมีรึจะพลาดงานนี้ถึงจะเหนื่อยแสนเหนื่อยจากการทำงานมาสิบห้าวันเต็มก็ตาม
      ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในร้านก็เห็นทั้งสี่รออยู่แล้ว

      "เป็นไงบ้างลิตางานสนุกมั๊ย"เจนเพื่อนของเธอทักเสียงดังลั่นจนโต๊ะข้าง ๆ หันมามองเป็นตาเดียว

      "ชู่ว์"เธอจุ๊ปากใส่เพื่อนพร้อมกับทำหน้าทะเล้น แน่อยู่แล้วล่ะก็เธอน่ะเป็นหัวโจกประจำกลุ่มนี่การปรากฎตัวของ


      เธอจึงเป็นเรื่องตื่นเต้นน้อยอยู่เมื่อไร

                เมื่อฟังเจน  ดาว ส้มและหมิว เพื่อนสนิททั้งสี่ของเธอเล่าแล้วก็มีความสุขกับเพื่อนไปด้วย เจนเป็นแอร์
      โฮสเตสของสายการบินญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในประเทศไทยดังนั้นเธอจึงซื้อของคิขุอาโนเนะมาฝากเพื่อน ๆ เพียบด้วย
      เหตุผลที่ว่า

      "เงินก้อนแรกที่หามาได้ในชีวิตน่ะมันต้องฟาดให้เรียบเว้ยจะได้มีแรงหาต่อ"เจนพูดพร้อมกับยักคิ้วข้างเดียวตาม
      แบบฉบับสาวเจ้าเล่ห์อย่างเธอ

      "ไอ้บ้าฉันเคยได้ยินแต่ต้องเอาไปทดแทนบุญคุณพ่อแม่นี่แกเล่นช็อปแหลกเลยนี่หว่า"ปากของลิตาน่ะท้วงแต่มือ
      น่ะหยิบของที่เพื่อนซื้อมาฝากแล้วก็เอาขึ้นมากอดอย่างอีอกดีใจก็มันดันเป็นลายโดราเอม่อนสุดที่รักของเธอนี่นา

      "ขอบใจมากนะจ๊ะเจนเพื่อนรัก"เธอทำท่าราวกับจะเข้าไปหอมแก้มเจ้าของกล่องแว่น  ผ้าขนหนู  หมวกคลุมผม 
      เสื้อกันฝน ร่ม และกระเป๋าที่ทุกอย่างล้วนแต่เป็นลายโดราเอม่อนทั้งสิ้น

             ส่วนดาวสัตวแพทย์ที่เรียบร้อยที่สุดในประเทศไทย(ตามความคิดของเพื่อน ๆ)เธอก็ดูจะมีความสุขดีอยู่กับ
      น้องหมาน้องแมวที่เธอเพียรพยายามรักษาทุกตัว

              ส้มสาวเปรี้ยวสุดขั้วตามชื่อของเธอก็ไปทำหน้าที่แม่ศรีเรือนของสตีฟตั้งแต่เรียนจบทันที ก็เพราะเธอดันท้อง
      ขึ้นมาดีนะที่ตอนรับปริญญายังไม่มีใครรู้   ตอนนี้ส้มอยู่ที่อเมริกากลับมาเที่ยวเมืองไทยทั้งทีและสิ่งที่เธอทำเป็น
      อันดับแรกก็คือนัดมาเที่ยวกับเพื่อนนี่แหละ ตอนนี้ท้องของเธอยังไม่ใหญ่เพราะเพิ่งจะสามเดือนเท่านั้น

               หมิวพยาบาลมาดนิ่งที่เธอเป็นพยาบาลก็เพราะ 'คุณแม่ขอร้อง'แต่เธอก็มีความสุขกับอาชีพนี้เป็นอย่างยิ่ง
      เมื่อฟังทุก ๆ คนเล่าจบลิตาจึงเล่าเรื่องของเธอบ้าง

              ลิตาหรือเอมลิตาที่ตัวเธอเองสงสัยอย่างยิ่งว่าทำไมพ่อ-แม่ของเธอจึงไม่ให้เธอเชื่อว่าเอม ทั้ง ๆ ที่ลูกออกจะ
      เป็นสาวห้าวแต่ชื่อสุดจะหวานแหวว   เมื่อเธอเรียนจบเธอก็เริ่มทำงานในสายที่เธอเรียนมาเธอไปสมัครเป็นไกด์
      ของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งและบริษัทนั้นก็รับเธอเข้าทำงานอย่างง่ายดายด้วยความสามารถและบุคลิกที่พร้อมจะ
      'ลุย'ด้วยทุกเมื่อของเธอและนี่ก็เป็นงานแรกที่เธอได้รับมอบหมายพาลูกทัวร์'ไฮโซ'ไปทัวร์ถึงเจ็ดประเทศภายใน
      เวลาสิบห้าวัน


             เมื่อเธอเล่าจบก็เป็นเวลาที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยกันพอดีเธอจึงสั่งเช็คบิลและเดินออกมานอกร้านพร้อม
      เพื่อน ๆ แต่ยังไม่ทันที่จะถึงรถ

      "ว๊ายยยยยย"ดาวร้องอย่างตกใจหลังจากที่เดินไปชนหนุ่มร่างใหญ่เข้าอย่างจังทำเอาสาวร่างเล็กอย่างดาว
      กระเด็นลงอยู่ที่พื้นแต่เขากลับไม่ได้ขยับไปจากจุดที่ยืนอยู่เลยแต่ที่สำคัญก็คือน้ำส้มที่ดาวถือออกมากลับกระฉอก
      เต็มเสื้อของเขานี่สิ

      "ขอโทษค่ะ คือฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ "ดาวละล่ำละลักของโทษเขาทันทีที่ลุกมาได้

      "ไม่เป็นไรครับแต่ทีหลังก็เดินให้ระวังมากกว่านี้แล้วกัน"เขาพูดเสียงดุไม่เพียงแต่เสียงเท่านั้นสิที่ดุทั้งหน้าตาท่าทาง
      ก็อย่างกับว่าไม่เคยยิ้มมาก่อนในชีวิตนี้ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านั้นแหละที่กระตุ้นต่อม'วีน'ของคนจุดเดือดต่ำอย่าง
      ลิตาได้ดีนัก

      "เพื่อนฉันก็ขอโทษคุณแล้วไงยังจะเอาอะไรอีก"เธอพูดเสียงดังสีหน้าเอาเรื่องทำเอาเขาหันหลังกลับมาดูคนที่วีน
      ทั้ง ๆ ที่เพื่อนของเธอเป็นคนผิด

      "ผมไม่ได้ต้องการอะไรแต่ผมเตือนเพื่อนคุณเฉย ๆ ว่าทีหน้าทีหลังควรระวังให้มากกว่านี้"เขาหันมาย้ำกับเธออย่าง
      ชัดเจนและสีหน้าก็ทวีความดุเข้าไปอีกหนึ่งเท่าทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะดุเลยแต่ว่าหน้าตาของเขามันเป็น
      อย่างนี้เองนี่นา….ทำยังไงได้ล่ะ

      "แต่หน้าคุณน่ะมะ…."ยังไม่ทันที่เธอจะวีนเขาต่อเพื่อนสาวของเธอก็เอามืออุดปากแล้วขอโทษขอโพยเขาเป็นการ
      ใหญ่

      "ขอโทษอีกครั้งนะคะคือลิตาเขาเพิ่งทำงานมาเหนื่อย ๆ น่ะค่ะก็เลยอารมณ์เสียง่ายไปหน่อย"ดาวขอโทษชายคน
      นั้นเป็นรอบที่สองของวัน

      "เหรอครับ แต่ผมว่าทีหลังควรหัดให้เธอระงับอารมณ์ให้มากกว่านี้นะครับ"เขายังพูดเสียงดุเหมือนเดิมซึ่งก็ทำให้

      ลิตายิ่งหมั่นไส้หนักเข้าไปใหญ่เลยเธอสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของเพื่อนแล้วมาวีนเขาต่อ


      "คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงมาออกคำสั่งกับใครต่อใครก็ได้"เธอถามเสียงห้วนท่าทางเอาเรื่องและโดยที่เธอกำลัง
      โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นั้นเขากลับคิดว่าผู้หญิงตรงหน้านี้ 'น่ารักแบบแปลก ๆ'ดีแฮะ

      "ไปกันเถอะลิตา"เพื่อน ๆ ของเธอต้องออกแรงฉุดกระชากถูดเธอจนแทบจะหมดแรงถึงลากแม่สาวอารมณ์ร้อนคน

      นี้ให้ขึ้นรถไปได้แต่เธอก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นให้เขาแทนการ 'บอกลา' แต่ถ้าจะเรียกให้ถูกควรพูดว่า 'ด่าลา'  ซะ
      มากกว่า

               เมื่อขึ้นรถมาได้ซักพักอารมณ์ของลิตาก็เริ่มเย็นขึ้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอต้องโทรศัพท์ไปคอนเฟิร์มกับน้องชายว่าพรุ่งนี้จะไปรับกลับมาจากโรงเรียนเตรียมนายร้อยด้วยตัวเอง แต่เธอก็หาโทรศัพท์ไม่เจอร้อนถึงเพื่อน ๆ ต้องพาเธอไปโรงพัก
       
       เมื่อเธอขึ้นไปแจ้งความนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นชายร่างใหญ่ท่าทางคุ้น ๆ ไป ๆ มา ๆ สรุปว่าเขาเป็นผู้หมวดอยู่
      ที่โรงพักนี้ความจริงข้อนี้เล่นเอาเธอหน้าเหวอไปเหมือนกันยิ่งเขาบอกว่าจะรับแจ้งความของเธอด้วยตัวเองแล้วยิ่ง
      ทำให้เธอ เหวอ+เอ๋อไปได้อีกพักใหญ่รู้ตัวอีกทีเขาก็ตั้งคำถามพร้อมกับทำหน้าดุใส่เธอแล้ว

      "คุณทำหายที่ไหน"

      "ถ้ารู้แล้วฉันจะมาแจ้งความทำไมล่ะ"

      "แล้วทำหายเมื่อไหร่"

      "ไม่รู้"

      "นี่คุณโทรศัพท์ทั้งเครื่องหายไปไม่รู้ตัวเลยหรือไงเนี่ย"

      "ใช่"เธอตอบหน้าตาเฉยแถมจ้องตาเขากลับด้วยสิเล่นเอาคนแถวนั้นร้อน ๆ หนาว ๆ กันเป็นแถวที่อยู่ ๆ ก็มีคน
      กล้ามาต่อกรกับผู้หมวดจอมดุของพวกเขาแถมเป็นผู้หญิงซะด้วยสิ


      "งั้นเบอร์โทรที่ผมพอจะติดต่อคุณได้ระหว่างนี้ล่ะเผื่อหาโทรศัพท์เจอจะได้แจ้งไป"เขาพูดพร้อมกับส่งกระดาษและ

      ปากกามาให้แปลกที่เธอสังเกตว่าเขาไม่เห็นจะพิมพ์คำให้การของเธอลงไปในคอมพิวเตอร์เลยแต่ก็ยอมจดเบอร์
      โทรศัพท์ที่คอนโดฯให้แต่โดยดี     
                 
          คืนนั้นเขาโทรมาหาเธอตอนสามทุ่มและบอกว่าเจอโทรศัพท์แล้วให้ไปรับพรุ่งนี้ตอนเที่ยงที่ร้านเดิมและตั้งแต่นั้น
      เป็นต้นมาเขาก็โทรมาทุกวันจนกระทั่งวันนี้เป็นเวลาสามปีแล้วที่เขายังเสมอต้นเสมอปลายกับเธอ

      "คิดอะไรอยู่ครับ"เสียงของสองทวีปทำให้เธอหลุดจากภวังค์

      "ก็คิดถึงวันแรกที่เราเจอกันน่ะค่ะ"

      "คิดว่าอะไรเอ่ย"

      "ก็คิดถึงร้านอาหาร คิดถึงโทรศัพท์มือถือ   แล้วก็คิดถึงผู้หมวดจอมเจ้าเล่ห์ด้วยที่เอาโทรศัพท์ลิตาไปแล้วปล่อยให้

      ลิตาหาแทบตาย"น้ำเสียงเธอบอกความหมั่นไส้เล็ก ๆ

      "ผู้หมวดจอมเจ้าเล่ห์ที่ไหนไม่เห็นมีเลยตรงนี้มีแต่สารวัตรครับ"ใช่แล้วเขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานมากจนได้เลื่อน
      ขั้นอย่างรวดเร็ว

      "ไหนคะไม่เห็นมีเลยสงสัยจะไม่ได้อยู่ในสายตาเลยมองไม่เห็น"เธอแกล้งเขาอีกด้วยความหมั่นไส้ในดวงตาและน้ำ
      เสียงขี้อ้อนของเขา

      "หึ งอนแล้วด้วย"คนตัวใหญ่ไม่พูดเปล่าเขาหันหลังให้เธอเสียด้วย

      "โอ๋ ๆ ๆ ลิตาผิดไปแล้วทีหลังลิตาจะไม่แกล้งสองอีกแล้วน๊าาาาาาาาาาา"เธอเดินอ้อมตัวเขาไปปลอบเหมือน
      ปลอบเด็กน้อยห้าขวบ

      "ไม่รู้ล่ะผมโกรธลิตาจริง ๆ ด้วย"เขายังทำท่างอนเหมือนเด็ก ๆ อยู่เธอหมั่นไส้จึงหยิกเข้าที่แก้มเสียหนึ่งที


      "โอ๊ยยยย เจ็บนะลิตา"ไม่บอกก็รู้ว่าเจ็บก็เห็นเอามือลูบแก้มป้อย ๆ

      "สมน้ำหน้าคนขี้งอน"เธอพูดให้เขาพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

      "ไม่รู้ล่ะลิตาต้องรับผิดชอบผมด้วย"

      "ยังไงล่ะ"

      "ลิตาก็ต้องมาขอผมแต่งงานน่ะสิ"

      "บ้า ไม่มีทางหรอก"พูดจบก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา ก็เธอเป็นผู้หญิงนะจะให้ไปขอผู้ชายแต่งงานได้ยังไงกันล่ะ

      "ลิตาใจร้าย"

      "ก็ลิตาเป็นผู้หญิงนะจะให้ไปขอสองแต่งงานได้ยังไงล่ะ"เธอพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา

      "ผมก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ลิตามาขอซักหน่อยผมจะขอเองต่างหาก"คำพูดนี้เล่นเอาคนฟังหน้าแดง

      "ว่าไงล่ะพร้อมรึยัง"เขาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่หน้าแดงตลอดทางที่มาร้านอาหาร

      "รับอะไรดีครับ"พนักงานถือเมนูมาให้

      "ลิตาอยากทานอะไรครับ"

      "แล้วแต่สองค่ะ"เขาจึงสั่งอาหารไปสองสามอย่างแล้วหันกลับมาถามเธอด้วยคำถามเดิม

      "ว่าไงล่ะครับลิตาพร้อมหรือยัง"

      "พร้อมอะไรคะ"เธอแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นี่ก็เป็นอีกวิธีหลบหลีกของเธอที่ใช้กับเขามาตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา


      "ถ้าลิตายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมอยากบอกลิตาว่าตลอดสามปีที่เราคบกันมาผมมีความสุขมากแล้วผมก็

      ต้องการให้ลิตามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมในอนาคตด้วย ผมจะไม่เร่งรัดอะไรลิตาหรอกนะ ผมรอได้"พูดจบ

      เขาก็ยิ้มอีกแล้วมันเป็นยิ้มที่เขามอบให้เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเห็นแก่ตัวเข้าไปใหญ่ที่ทำให้เขารอ
      มาตลอดทั้ง ๆ ที่เขาควรได้เจอคนที่ดีกว่าเธออีกล้านเท่า

      "สองคะ"

      "ครับ"

      "ถ้าลิตาบอกว่าสองไม่ต้องรอลิตาแล้วล่ะคะ"

      "ทำไม"เสียงเขาเข้มขึ้นมาทันที

      "ลิตาเป็นคนเห็นแก่ตัวค่ะสอง คุณควรได้เจอคนที่ดีกว่าลิตาอนาคตคุณยังอีกไกลแต่ลิตากลับทำให้คุณต้องจมอยู่

      กับลิตาคนเดียว   ถ้าคุณจะไปลิตาก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณหรอกนะคะ"

      "ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่มีคุณ"เสียงของเด็ดเดี่ยวแต่ก็แหบแห้งจนเธอตกใจ

      "สอง"เธอพูดได้แค่นั้นก็เห็นตาของรื้นขึ้นมา

      "อย่าไล่ผมไปไหนอีกได้ไหมลิตา"มันไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นคำขอร้องเสียมากกว่า

      "ลิตาขอโทษค่ะสอง"
           
           แล้วอาหารมื้อนั้นก็ผ่านไปด้วยดีและสองทวีปก็มาส่งเธอที่คอนโดฯเช่นเคย


      "บายค่ะ ฝันดีนะ"

      "คนใจร้าย  ชวนขึ้นไปทานกาแฟซักนิดก็ไม่มี"เขาทำเสียงออดอ้อนแบบเด็ก ๆเช่นเคย

      "ไม่ให้ทานค่ะเพราะลิตาใจร้าย"เธอแกล้งเขากลับ

      "ไม่สน"ไม่พูดเปล่าเขาเดินลงอ้อมรถไปแล้วเปิดประตูให้เธออีกฝั่งจากนั้นก็จูงเธอขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นแปด ห้อง 837
      ที่เขาจำได้ขึ้นใจ

      "กาแฟมาแล้วค่ะ"เธอยกกาแฟให้เขาหนึ่งแก้วและโกโก้สำหรับตัวเองอีกหนึ่งแก้ว

      "ไม่อยากทานกาแฟแล้วล่ะ"

      "อ้าวไหนบอกว่าจะขึ้นมาดื่มกาแฟไง"เธอทำหน้างงสุดขีด

      "ก็…………"เขาทอดเสียงไว้นิดหนึ่งแล้วเดินไปยังโซฟาที่เธอนั่งพร้อมกับเบียดตัวลงไปนั่งข้าง ๆ เธอ"อยากทาน
      อย่างอื่นมากกว่าไง"เขากระซิบข้างหูเล่นเอาคนฟังหน้าแดงเขินจนต้องยกแก้วโกโก้ขึ้นมาจิบ

      "สองคุณกลับไปนั่งที่เดิมเถอะลิตาอึดอัดนะ"เธอพูดเบาซะจนเขาต้องเงี่ยหูฟัง

      "คุณพูดว่าอะไรนะลิตาผมไม่ค่อยได้ยินน่ะ"เขารู้แล้วล่ะว่าเธออายแต่ขอแกล้งต่ออีกหน่อย  จึงยื่นหน้าไปจนแทบ
      ติดกับหญิงสาว

      "ลิตาบอกให้คุณกลับไปนั่งที่เดิมค่ะ"

      "ก็ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ คุณบ้างไม่ได้เหรอลิตา"ไม่พูดเปล่าเขายังเอามือไปจับมือเธออีกต่างหาก

      "สอง"เธออายจนพูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะก็เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนมากเท่านี้มาก่อนเลยนี่นา

      "คร้าบบบบบ"คนแกล้งยังไม่เลิกก็เธอน่ะเวลาอายน่ารักจะตาย "โอเคผมจะกลับไปนั่งที่เดิมก็ได้แต่ลิตาต้อง
      สัญญาก่อนนะว่าจะไม่ไล่ผมให้ออกไปจากชีวิตลิตาอีก"

      "ทำไมเหรอ"

      "เพราะแค่ผมคิดว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีลิตาอีกผมก็ทนไม่ได้แล้วล่ะ"ทีนี้คนอายกลับเป็นเขาเอง

      "ค่ะลิตาสัญญา"

      "งั้นลิตาก็ต้องโดนทำโทษ"

      "หา"

      "ลิตาเป็นคนผิดลิตาก็ต้องโดนทำโทษสิ  มีแฟนเป็นตำรวจนะ"เขายิ้มที่มุมปากซึ่งรอยยิ้มนี้แหละที่เธอกลัวนักหนา
      เพราะนั่นหมายความว่าเขากำลังคิดอะไรเจ้าเล่ห์ ๆ ออกอีกแล้ว

      "อะไรล่ะถ้าให้ได้ลิตาก็จะให้"เธอพยายามต่อรอง

      "หลับตาก่อนสิ"

      "ลิตายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะให้"ทีนี้เธอไม่รอช้าฉวยโอกาสที่เขาปล่อยมือลุกขึ้นยืนทันทีแต่ความซุ่มซ่ามของเธอ

      ทำเอาแขนไปปัดแก้วโกโก้ที่วางไว้หกใส่เขาเต็ม ๆ

      "ลิตาขอโทษ"เธอทำหน้าแหยจนเขาต้องหัวเราะออกมา

      "ไม่เป็นไรหรอกลิตาแต่เดี๋ยวสองขอไปล้างออกก่อนนะ"พูดจบเขาก็เดินไปห้องน้ำอย่างคุ้นเคย

      "ถอดเสื้อออกสิสองลิตาจะได้เอาไปซัก"หญิงสาวเดินตามมาจนถึงหน้าห้องน้ำ จากนั้นชายหนุ่มจึงถอดเสื้อออก
      เผยให้เห็นถึงหุ่นล่ำสันแบบนายตำรวจ ทำเอาคนมองอายจนหน้าแดง

      "หน้าแดงทำไมครับลิตา คิดอะไรทะลึ่งอยู่ล่ะสิ"ชายหนุ่มไม่วายแกล้งยั่ว


      "สองจะบ้าเหรอ"คนตัวเล็กแหวเข้าให้แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมอง ชายหนุ่มจึงแกล้งต่อด้วยการใช้มือทั้งสอง
      ข้างโอบเอวหญิงสาวไว้ 

      "สอง" ด้วยความตกใจเธอจึงเงยหน้าขึ้นมา ขึ้นมามองบุรุษเบื้องหน้าที่กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที

      "อย่าสอง  หยุดค่….."ยังไม่ทันพูดจบประโยคริมฝีปากอุ่นจัดก็ทาบลงบนริมฝีปากบาง แล้วสรรพสิ่งรอบกายก็
      พลันหยุดนิ่ง   ราวกับโลกทั้งโลกหยุดหมุนชั่วขณะ   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร  แต่ในความนึกคิดของหญิงสาว
      มันช่างยาวนานเหลือเกิน   นานจนเธอขาดอากาศหายใจ

      "แต่งงานกับผมนะลิตา"ชายหนุ่มกระซิบข้างใบหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นมั่นคงเพื่อให้ความมั่นใจ
      หลังจากถอนริมฝีปากออกมา

      "แต่ลิตายัง……….."สาวสวยพยายามหาข้ออ้าง  จะให้ตกลงเลยเขินเกินกว่าจะพูดออกมาได้  แต่ร่างล่ำสันก็จูง
      เธอมานั่งยังโซฟาตัวเก่า

      "ฟังผมนะลิตา" ชายหนุ่มพูดอย่างมุ่งมั่งทั้งน้ำเสียงและท่าทาง " ผมไม่รู้ว่าเรื่องของเรามันเริ่มต้นขึ้นได้ยังไงนะ ผม
      รู้เพียงแต่ว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนที่อยู่ข้าง ๆ ผมคนนี้ เป็นคนที่ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยมากที่สุด  ผมอยาก
      ฝากชีวิตทั้งชีวิตของผมไว้ที่เธอ  ผมไม่เคยคิดว่าถ้าวันนึงผมไม่มีคุณแล้วผมจะเป็นยังไงต่อไป ผมจะใช้ชีวิตอยู่ต่อ
      ไปได้มั๊ย  ผมคิดเพียงแต่ว่าถ้าเรามีลูกเราจะตั้งชื่อลูกเราว่าอะไร  คุณชอบบ้านสไตล์ไหน………."

      "สอง"หญิงสาวถึงกับอึ้งกับชายหนุ่มมาดดุ  ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพูดอะไรทำนองนี้ออกมาได้

      "ผมไม่รู้ว่ารักคืออะไร  ก่อนเจอคุณผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมต้องการมัน  แต่คุณทำให้มุมมองชีวิตผมเปลี่ยนไป
      คุณทำให้ผมอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า  คุณทำให้ผมหัดฟังเพลงป๊อบ  คุณทำให้ผมเป็นห่วงตัวเองมากขึ้น 
      คุณทำให้ผมคิดถึงอนาคต  คุณทำให้ผมร้อนใจแทบแย่เวลาติดต่อคุณไม่ได้  คุณสอนให้ผมหัดเป็นห่วงคนอื่นมาก
      ขึ้น  คุณสอนให้ผมรู้ถึงคุณค่าชีวิต  คุณสอนให้ผมถอยหลังออกมาจากปัญหาเมื่อรู้ว่าถ้าเข้าไปแล้วเสียมากกว่าได้
      คุณสอนให้ผมรัก…..รักที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป…………บอกผมหน่อยสิลิตาว่านี่เค้าเรียกว่าความรักใช่รึเปล่า" พูด
      จบตำรวจหนุ่มก็จับมือบอบบางของหญิงสาวแนบไว้ที่หน้าอกด้านซ้าย ตำแหน่งที่หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
      อยู่ข้างใน   "แต่งงานกับผมนะลิตา"


      "ค่ะ ลิตาจะแต่งงานกับคุณ^----^" เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นระคนตื้นตัน


      ……………………แล้วคณล่ะ เจอคน ๆ นั้นของคุณรึยัง…………..คนที่ทำให้คุณอยาก

      ตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตอนเช้าด้วยกัน……….คนที่ทำให้คุณคิดถึงคุณค่าของชีวิต

      มากขึ้น………….คนที่จะก้าวเดินไปพร้อม ๆ กับคุณ แม้ทางนั้นจะไม่ได้โรยไปด้วย

      กลีบกุหลาบ………..คน…ที่เกิดมาเพื่อนคุณ~


      + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + -

      แหะ ๆ เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากเพลง is this love  ของลิเดียค่า ^-^V


      Ps.รักคนอ่านว่ะ 55+

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×