บทที่0
ผมมีนัดที่คาเฟ่ชื่อดังในกรุงเทพฯเพื่อคุยธุระในหนังสือพิมพ์ ให้ตาย กรุงเทพฯมันไกลมากเลยนะ แต่เอาเถอะ ยังไงผมก็ต้องไปล่ะนะ..
ผู้เข้าชมรวม
55
ผู้เข้าชมเดือนนี้
15
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่0
“น้ำสักแก้วไหมครับ?”
ชายหนุ่มชุดสูทสีดำพร้อมโบว์สีขาวตัดกับชุดอย่างสิ้นเชิงแต่แลดูเข้ากันอย่างไม่น่า
เชื่อเอ่ยปากถามผม แน่นอนว่าตอนนี้ผมกำลังคอแห้งและต้องการน้ำดื่มสักแก้ว
“ครับ”
ผมผยักหน้าเป็นเชิงให้หนุ่มเสริฟคนนั้น “ผมขอลาเต้ร้อนครับ”
“ครับ สักครู่นะครับ”
หนุ่มเสริฟหยิบปากกาและสมุดจดพร้อมเขียนยิกๆบนกระดาษก่อนจะนำไปให้เคาท์เตอร์ที่อยู่ไกลจากผมไม่มากนัก
สักพักเสียงไลน์ของผมก็ดังขึ้นพร้อมข้อความที่ถูกส่งมา
“ฉันกำลังไปนะ รอแป็ปนึง”
คนส่งคือSWEDEN
ครับ
ผมถูกนัดมาที่นี่ ณ.ใจกลางเมืองที่แห่งนี้ ณ. คาเฟ่ชื่อดัง ผมว่าในGOOGLE MAP ก็น่าจะมีบอกนะว่ามาทางไหน เป็นคาเฟ่แพงที่สุดในย่านเลยล่ะ ผมก็คิดไม่ออกทำไมคุณสวีเดนถึงนัดมาที่นี่
แต่ก็นะ คนรวยทำอะไรมักถูกเสมอ
“ฉันมาแล้ว~รอนานรึเปล่าคะ~?”
เสียงแหลมลอยมาแต่ไกลตั้งแต่หน้าประตูร้านและลากเสียงยาวมายันโต๊ะผม จะเป็นใครไม่ได้นอกจากคุณสวีเดนที่นัดผมมาที่นี่แต่ดันมาช้าซะเอง
“ไม่นานครับ ผมพึ่งมาถึงเอง”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อไม่ให้คุณสวีเดนรู้ว่าผมน่ะมารอเธอนานแล้ว
“คุณมานานแล้วสินะคะ
สงสัยว่าคุณต้องโกหกให้เนียนกว่านี้หน่อยนะคะ”
คุณสวีเด็นคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจราวกับผู้มีเวทย์มนต์ชนะศึกอย่างง่ายดาย
ผมก็สงสัยว่าเธอรู้ได้ยังไง สงสัยผมต้องโกหกให้เนียนกว่านี้หน่อย
“ผมก็มารอคุณนั่นแหละครับ
ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรถึงนัดผมมาที่นี่หรอครับ”
“พอดีว่าเห็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับคดีคนหายน่ะ
เลยอยากรู้ว่าคุณได้สืบสวนเรื่องนี้บ้างรึเปล่า รู้สึกว่าจะมีชื่อของคุณอยู่ในเนื้อหาข่าวด้วยนะ”
คุณสวีเด็นสะบัดผ้าพันคอขนมิงค์
อาจเพราะมันเกะกะ ‘ทำไมคนรวยชอบใส่กันนัก’ ผมคิดพลางจิบลาเต้ที่มาตอนไหนก็ไม่รู้
“คุณคงคิดว่าทำไมฉันถึงชอบใส่สินะคะ
มันเป็นรสนิยมน่ะค่ะ
มันแยกแยะได้ระหว่างคนรวยอย่างฉันกับคนธรรมดาๆอย่างสามัญชนทั่วไป แต่ก็นะ
มันเกะกะจริงๆแหล่ะค่ะ”
ผมนี่สะดุ้งเลย
‘เธอรู้ได้ยังไง เธออ่านใจคนออกหรอ’
“เห?
ฉันเปล่าซะหน่อย ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ตกใจ”
หรา ถ้าอ่านใจคนไม่ออกแล้วบอกทำไมมิทราบครับมาดาม เธอหยิบหนังสือพิมพ์ในกระเป๋าออกมาคลี่หน้าที่หนึ่งให้ผมดู
“นี่ไง อ่านสิ”
คุณสวีเด็นเชิญชวนผมให้อ่าน ผมก็อ่านไปตามน้ำ
“คดีคนหายได้เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งในขณะที่ตำรวจยังหาเบาะแสไม่ได้
คนหายไปอีกหนึ่งคนทำให้รวมยอดทั้งหมดเป็น11คนแล้ว
ตำรวจยังหาหลักฐานไม่ได้และกำลังพึ่งนักสืบผู้เก่งกาจในเมือง วุติสวะ ณาทิศักดิ์ (วุท) ”
ผมอ่านออกเสียงดังฟังชัดทำเอาคนในร้านหันมามอง
ชื่อในหนังสือพิมพ์ที่ผมอ่านน่ะชื่อของผมเองครับ
ผมชื่อวุท ทายาทของตระกูล ณาทิศักดิ์
TO BE CONTINUE.
PTCRCH
ผลงานอื่นๆ ของ PTCRCH ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ PTCRCH
ความคิดเห็น