ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic DC] Just a Normal girl (Damian Wayne x Oc)

    ลำดับตอนที่ #5 : 05: Surprise!!!

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 63



     

    Surprise!!!


     


     

         "ปัง" เสียงปิดล็อคเกอร์กระแทกอย่างแรงโดยไม่สนใจใยดีว่าประตูล็อคเกอร์สีแดงนั้นจะยุบพังหรือไม่ มิลลี่ ตอนนี้เธอกำลังหงุดหงิด


         "มิล" เสียงใสเรียกเธอ มิลลี่หันไปตามเสียงที่เรียก พบกับเพื่อนๆของเธออาริกับวิลเลี่ยมที่มองเธอแอบกลัวๆ 


         "ไงอาริ ไงวิล" เธอพูดเสียงเรียบ


         "ปิดล็อคเกอร์ซะเสียงดังไปโกรธใครมาจากไหนละนั้น" วิลเลี่ยมถามเพื่อนสาว


         "ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องสนใจ" เธอถอนหายใจสงบสติกับตัวเอง


         "ถ้าเธอว่างั้นก็โอเค" วิลพูดไปพลางดูโซเชียลในมือถือ "แต่ว่าโชคดีนะที่เธอไม่โดนทำโทษบำเพ็ญประโยชน์แบบเจ้าพวกนั้น รู้ไหมว่ามีคนที่ปล่อยคลิปลงเน็ตแล้วยอดวิวเป็นแสนน่ะ" เหตุการณ์เมื่อวานถือว่าเป็นเรื่องดังพอสมควร ขนาดขึ้นวันใหม่แล้วผู้คนยังคงพูดถึงไม่ก็เปิดคลิปที่แพร่กระจายลงโซเชียลบ้าง

         เมื่อมานึกดีๆจะเรียกว่าโชคดีก็ไม่ใช่โชคร้ายก็ไม่เชิงที่เธอไม่โดนกักบริเวรด้วยคน เธอคิดในใจ





         ทั้งสามหยิบชุดพละ เดินไปตามทางเดินโรงเรียนพร้อมกับเสียงบ่นของเด็กหนุ่มพูดมาตามทาง     

         "คาบต่อไปเราต้องเรียนพละรวมกับชั้นปีสามหรอเนี้ยให้ตายเหอะ ฉันเกลียดวิชาพละชะมัด" วิลกอดอกบ่นเสียงละห้อย

         

         "อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า"อาริพูดอย่างรำคาญใส่เพื่อนชาย


         พวกเค้าทั้งสามเดินออกจากตึกเพื่อไปเรียนพละที่เรียนรวมกัน ทั้งห้องของมิลลี่กับอาริและวิลจะต้องเรียนรวมกันกับชั้นปีสาม ซึ่งต้องผ่านสนามฟุตบอลของโรงเรียน


         "ดูนั้นสิ เจ้าพวกนั้นใช่ไหม" เหมือนวิลจะสังเกตเห็นกลุ่มคนที่คุ้นๆตาอยู่กลางสนามบอล เค้าชี้ไปที่กลุ่มคนพวกนั้น


         มิลลี่หันไปตามที่วิลชี้ กลางสนามฟุตบอลที่เต็มไปด้วยแดดร้อนแรงช่วงเที่ยงกว่าๆไร้ ตอนนี้มีกลุ่มเด็กผู้ชายห้าคนในชุดพละกำลังก้มเด็ดวัชพืชตามพื้นสนามหญ้าไร้ซึ่งที่กำบังใดๆ กับครูพละชายคนนึงที่ถือร่มยืนเฝ้าพวกเค้าไว้อยู่ เห็นได้ชัดเลยว่านี้คือบทลงโทษของพวกเค้า


         "ตั้งใจทำกันหน่อยนี้ยังไม่ถึงครึ่งสนามเลย ทีเรื่องชกต่อยหาเรื่องคนอื่นเค้าไม่เหนื่อยกันพอทำบำเพ็ญหน่อยทำมาเป็นบ่น" อาจารย์หนุ่มผมทองพูดกับเหล่านักเรียนที่โดนลงโทษ


         เดเมี่ยนที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อมือเปื้อนดินแต่ทว่าใบหน้าของเค้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ มิลลี่มองเด็กหนุ่มคนนั้นและได้นึกถึงเหตุการณ์ตรงทางเดินเมื่อตอนนั้น


         'แล้วครั้งต่อไปอย่ามาเรียกชื่อต้นฉันอีก เราไม่ได้เป็นเพื่อนหรือคนรู้จักกันขนาดนั้น ถ้าเธอเข้าใจที่ฉันพูดงั้นก็ขอตัวละแอมเมอร์สัน

        

          คำของเค้าก็ผุดขึ้นมาในหัว หลังจากวันนั้นเธอและเค้าก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย ถึงเจอหน้าก็ทำเป็นไม่รู้จัก อันที่จริงแล้วไม่เคยรู้จักเลยต่างหาก ไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ จากนี้ไปก็คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป จะไม่มาให้เห็นหน้าสมใจเลย









         จักรยานสีแดงขึ้นสนิ้มตามตัวโครงเหล็ก ได้ถูกปั่นไปตามถนนฟุตบาตที่มีผู้คนประปราย เด็กสาวผมสีทองสยายเบาๆไปตามแรงลม ดวงตาสีฟ้านภามองไปยังทางถนนตรงหน้า

        

     แดดสีส้มอ่อนๆฉายไปตามพื้นถนน มิลลี่ขี่จักรยานคู่ใจมุ่งตรงกลับบ้านจนมาจอดอยู่หน้าร้านเบเกอรี่สีน้ำตาลเข้มตัดกับสีเทา ป้ายที่ปักไว้บนตัวบ้านเขียนไว้ว่า "Emerson's Bekery 1942s


         มันเป็นร้านที่ผสมกับร้านสไตล์วินเทจแบบอังกฤษสองชั้น ขนาบไปด้วยตึกแถวสูงสองข้าง ด้านหน้าร้านเต็มไปด้วยโต๊ะกับเก้าอี้สำหรับนั่งร้าน


         เธอขี่จักรยานเข้าซอยตรอกเล็กๆข้างร้านเพื่อที่จะเข้าไปจอดไว้ด้านหลัง เธอถอดหมวกกันน็อคหยิบกระเป๋าเป้หนังสีดำขึ้นมาสะพายไว้บนบ่า เดินเข้าตัวบ้านไปจนถึงห้องครัว


         

         กลิ่นของขนมปังเนยสดเพิ่งอบสดๆร้อนๆส่งกลิ่นหอมออกจากเตา ร่างของชายวัยกลางคนร่างท้วมเครายาว เฮนรี่ แอมเมอร์สัน ที่ดูเหมือนกับซานต้าครอสในฤดูร้อน ท่าทางใจดีแต่ว่าผมกับเครานั้นมีสีทองบลอนด์เหมือนกับตัวของเด็กสาว เค้ากำลังยืนนวดแป้งที่อยู่ในชามอย่างตั้งใจ

          เสียงฝีเท้าเตือนให้ชายวัยกลางคนรู้ตัวว่าผู้มาเยือน เค้าเงยหน้าจากงานที่ทำงานพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น


         "กลับมาแล้ว" มิลลี่วางกระเป๋าไว้แถวๆโต๊ะแถวนั้นพลางหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมไว้

         

         "ยินดีต้อนรับกลับ เอ่อนี้ ช่วยพ่อเอาขนมปังออกจากเตาหน่อยสิ" เสียงชายวัยกลางเรียกลูกสาวของตัวเอง


         เด็กสาวที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียน เธอสวมถุงมือกันความร้อนก่อนจะเปิดเตา ไอความร้อนพัดผ่านถุงมือและประปรายตามใบหน้าบ้าง เธอหยิบขนมปังสีน้ำตาลสุกสดใหม่ออกมาวางไว้บนโต๊ะเคาเตอร์ พักให้เย็นสักพัก

         

         "วันนี้ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง" ผู้เป็นพ่อถาม

         

         "ก็ดีค่ะ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" โกหก เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เธอเกือบไปมีเรื่องกับทีมนักฟุตบอลบ้าเลือดเมื่อไม่นานมานี้ แต่ในเมื่อไม่ได้มีเรื่องอะไร เธอจึงไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ของเธอต้องเป็นห่วง


         "ไม่มีงั้นหรอ แน่ใจนะ" พ่อของเธอเลิกคิ้วขึ้นมามองลูกสาวของตน

         

         "ค่ะปกติดี ไม่มีอะไรพิเศษทำไมหรอค่ะ" หรือว่าพ่อจะรู้ เด็กสาวมองตาพ่อของเธอตรงๆไม่เบี่ยงสายตาภายในใจภาวนาไม่ให้พ่อของเธอรู้


         "เปล่าหรอก เมื่อไม่กี่วันก่อนลูกดูเหนื่อยมากเลย พ่อเลยสงสัยว่าลูกมีเรื่องอะไรรึเปล่า แต่ถ้าลูกบอกว่าไม่มีอะไร ก็ดีแล้วละ" เด็กสาวถอนหายใจโล่งอกเบาๆแล้วยิ้มตอบพ่อของเธอ

         

         "งั้น เดี๋ยวลูกไปช่วยแม่ของลูกปิดร้านนะ วันนี้เราจะปิดร้านเร็วกันพอดีวันนี้มีงานใหญ่หนะ ต้องส่งให้ทันพรุ่งนี้ภายในห้าโมงเย็น เลยต้องเตรียมวัตถุดิบกับสวนผสมรอไว้ เราเลยต้องปิดร้านเร็ว"

         

         "เข้าใจแล้วค่ะ"

         

         มิลเดินทะลุจากห้องครัวไปยังตัวหน้าร้าน บ้านของเธอกับร้านเบเกอรี่นั้นอยู่ติดกันหน้าบ้านเป็นร้านเบเกอร์รี่หลังร้านเป็นห้องครัวกับห้องนั่งเล่นส่วนนึง ส่วนชั้นบนเป็นที่พักของครอบครัวของเธอ มันเป็นบ้านที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กมาก


         กลิ่นหอมของขนมปังและขนมหวานลอยเต็มไปทั่วร้าน หญิงสาววัยกลางคนยืนอยู่หลังเคาเตอร์คิดเงินกำลังคุยกับลูกค้าก่อนจะหันมาหาเด็กสาวที่พึ่งมาเยือน

         

         "หวัดดีค่ะม้า ป๋าบอกว่าวันนี้ปิดร้านเร็ววันนี้" มิลลี่ทักทายแม่


         "หวัดดีจ่ะที่รัก" ผู้เป็นแม่หอมแก้มลูก "ใช่จ่ะเดี๋ยวแม่ฝากลูกเก็บโต๊ะกับถาดขนมปังหน่อยนะ" แม่ของมิลลี่ นิโคล แอนเมอร์สัน เป็นคนตัวเล็กผิดจากพ่อของเธอที่เป็นคนตัวสูงมีผมสีน้ำตาลช็อคโกแล็ตคาราเมลหน้าตาใจดียิ้มแย้มเป็นมิตร

         

         ภายในร้านตกแต่งสไตล์โมเดิลผสมวินเทจพนังถูกตกแต่งไปด้วยแผ่นไม้มะฮอกกานีสีน้ำตาลขัดเงาสวย อารมณ์เหมือนร้านขายของเวตมนต์ของแฮร์รี่พอตเตอร์ก็ไม่ปาน มีโคมไฟแบบสมัยก่อนประดับอยู่ทั่วร้านมันคอยส่องแสงสีเหลืออ่อนๆให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา

         

         ผู้คนเริ่มบางตาลงกว่าตอนที่เธอกลับมาบ้านใหม่ๆ ป้ายตรงกระจกถูกพลิกเป็นคำว่า Close แทน Open มีโต๊ะนั่งจิบชาอยู่สี่ถึงห้าตัวเพื่อที่ลูกค้าจะได้สามารถพักผ่อนชื่นชมบรรยากาศของร้านไปในตัว มิลลี่ได้หยิบถาดขนมปังที่ว่างมาเก็บ เธอคอยเช็ดและเก็บเก้าอี่ขึ้นบนโต๊ะจนครบทุกตัว

         

         เวลาผ่านไปได้สักพักจากคนที่เต็มร้านก็ได้ถยอยออกจนไม่เหลือใคร มิลและแม่ของเธอกำลังเช็ด ปัดกวาดร้านที่หลงเหลืออยู่ส่วนพ่อของเธอคงจะกำลังจัดการหลังร้านอยู่


         'กริ้ง' เสียงกระดิ่งห้อยประตูเตือนถึงผู้มาเยือน


         "ขอโทษด้วยนะคะ ร้านเราปะ- คุณกอร์ดอน" มิลที่หันหลังให้กับพูดมาเยือนก็ต้องเปลี่ยนคำพูดเพราะมีร่างของชายวัยสูงอายุ ผมสีขาวหงอกในชุดเครื่องแบบตำรวจ จิม กอร์ดอน หัวหน้านายตำรวจก็อตแทม ผู้ที่มีความสามารถในการปราบอาชญากรรมและเป็นลูกค้าประจำร้านเธอ

         

         "สวัสดีมิลลี่ นิโคล" เค้าทักทายสองแม่ลูก มิลลี่โค้งทักทายตามมารยาท


         

         "สวัสดีค่ะจิม วันนี้คุณเลิกกะงานแล้วรึคะ" แม่ของมิลลี่ถาม


         

         "กำลังจะเข้าน่ะ กะว่าจะมากินกาแฟร้านอร่อยให้ตาสว่างซะหน่อยแต่วันนี้คงจะมาไม่ทัน"

         

         "แค่กาแฟแก้วเดียวสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปกป้องประชาชนอย่างคุณแค่นี้สบายมาก" แม่ของมิลลี่ละจากไม้กวาด มุ่งตรงไปยังเครื่องทำกาแฟ


         

         "จะดีหรอนิโคล"


         

          "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เครื่องชงกาแฟเองยังไม่ได้เก็บล้างแล้วก็พวกก้นกาแฟมักจะอร่อยที่สุดด้วยค่ะ เอาเหมือนเดิมใช่ไหมค่ะ" นิโคลพูด 

         

         

         "อ่าใช่แล้ว ขอบคุณมากเลยนะพวกคุณช่วยทำให้ผมตื่นตลอดคืนวันนี้" เมื่อได้รับออร์เดอร์นิโคลจึงนำเมล็ดกาแฟในโหลแก้วใสมาคั่วสดๆใหม่


         

         มิลลี่เก็บกวาดหน้าร้านต่อจนเสร็จ กลิ่นเมล็ดกาแฟที่คั่วสดๆใหม่ๆถูกชงผสมกับน้ำร้อน มันส่งกลิ่นหอมกรุนมากกว่าแต่ก่อน นิโคลบรรจงชงอย่างพิถีพิถัน เธอหยิบนมสดขึ้นมาตีจนเป็นฟองพลางยอดลงบนแก้วกาแฟจัดรูปทรงให้เหมือนกับใบไม้กลีบสวย


          

         "เสร็จแล้วค่ะจิม กาแฟใส่นมสดร้อนๆ"


          

         เมื่อจิมรับกาแฟของตนก็ขอตัวเพื่อที่จะไปเข้ากะเวรต่อ เค้าเดินออกจากร้านก็ได้พบกับเด็กสาวที่กำลังเก็บข้าวของอยู่


         

         "ยังขยันเหมือนเดิมเลยนะ"



         "คุณเองก็เหมือนกัน" เธอตอบกลับ


        

         "จริงสิเมื่อไม่กี่วันก่อนฉันเห็นคลิปโรงเรียนเธอทะเลาะกันด้วย" คำพูดของจิมทำให้เธอชะงัก "ระวังตัวอยู่ให้ห่างเรื่องอันตรายแบบนั้นด้วยนะมิลลี่แต่ว่าเด็กดีอย่างเธอยังไงก็ไม่ไปยุ่งอยู่แล้ว" จิมหัวเราะในลำคอซึ่งนั้นทำให้มิลลี่ขำแห้งเลยทีเดียว คำชมนั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีตามเลย


         

         "ฉันต้องไปแล้วละ ระวังตัวด้วยละ" จิมโบกมือลาเด็กสาวก่อนจะขึ้นรถตำรวจ


        

         "คุณก็เหมือนกันค่ะ"




         มิลและแม่ของเธอก็จัดการทำความสะอาดร้านจนเสร็จ พวกเธอทั้งสองเลยไปต่อกันที่หลังร้านที่พ่อของเธอรับผิดชอบ


         

          ร่างของชายร่างท้วมกำลังจัดเตรียมภาชนะกับวัตถุดิบที่เยอะซื้อมาเป็นกองภูเขาไว้บนโต๊ะสแตนเลส มีทั้งแป้งสาลี แป้งข้าวโพด เบกิงโซดา สีผสมอาหาร ไข่ไก่เป็นโหล กับดอกไม้ต่างนาๆชนิด


         

          "งานใหญ่จริงๆด้วย" มิลลี่พูด นี้บ้านเธอจะทำให้กินทั้งตำบลหรือยังไงกัน


          

         "ใช่แล้ว งานใหญ่เท่าไร เงินยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น" พ่อของมิลพูดเสริม


         

         "แล้วเราต้องทำอะไรบ้างคะ"


        

          "ก็มีคัฟเค้ก 500ชิ้น คานาเป้ 500ชิ้น น้ำพัช5แกลลอน วานิลาพุดดิ้ง500ชิ้น แล้วก็เค้กช็อคโกแลตสี่ชั้น3ก้อน" แม่ของมิลลี่ร่ายชื่อเมนูเป็นหางว่าวแค่ฟังก็ชวนเหนื่อยแล้ว 


          

         "เราจะเริ่มทำกันตอนตีสาม ตอนนี้ทุกคนพักผ่อนกันให้เต็มที่สำหรับสมรภูมิที่จะมาถึง" มิลหัวเราะกับคำเปรียบเทียบของพ่อ พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์เธอไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียน จึงไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับเธอที่จะช่วยพ่อกับแม่







     


     

         3:20 A.M.

         ติ๊ดๆๆๆๆๆๆ เสียงนาฬิกา ร่างใต้ผ้าห่มยืนมือมากดปิดเสียงนาฬิกาปลุก ท้องฟ้ายังคงเป็นสีดำ เสียงรถแล่นไปมามีอยู่น้อยนิดผิดจากเมื่อช่วงตอนกลางวัน มีแสงจากไฟข้างทางสอดส่องพอให้เห็นทางอยู่รำไร


         
         "ฮ้าววววว" มิลลี่บิดยืดตัวไปมา ผมกระเสิงจากการหลับ เธอค่อยลุกจากเตียงมุ่งไปยังห้องน้ำเพื่อที่จะแต่งตัว เธอล้างหน้าแปรงฟันพอให้ตาสว่าง สวมเสื้อยืดสีเหลืองสด กับกางเกงยืดขายาวใส่สบาย เมื่อเสร็จกิจ เธอเดินลงมายังชั้นล่าง 


         "ดิฉันลูอิส เลน รายงานถ่ายทอดสดจาก News 52 มีการโจรกรรมของกลุ่มวายร้ายที่แบงค์...." เสียงโทรทัศน์บรรยายข่าวถ่ายทอดสดดังไปทั่วห้องครัว เธอเห็นพ่อกับแม่ของเธอกำลังจัดการงานชิ้นใหญ่ของตนอยู่ เธอเดินไปที่ตู้เย็นพลางรินนมสดใส่แก้วใหญ่


         "อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อ อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่" มิลลี่ทักทายพ่อแม่ 


         "ดีจ่ะมิล เดี๋ยวลูกช่วยจัดการคานาเป้หน่อยนะ พ่อเตรียมแบบกับวัตถุดิบไว้แล้ว ลูกดูตามแบบได้เลย" พวกท่านเองก็ทักทายตอบกลับพร้อมกับให้งานกับ เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนจะลงดื่มนมจนหมดแก้วภายในครั้งเดียวแล้วเริ่มงานของตน


         ตอนนี้พ่อของเธอกำลังละลายน้ำตาลทรายแดงในหม้อใหญ่ สงสัยคงจะทำพุดดิ้งเธอคิด ในอีกด้านนึงแม่ของเธอกำลังผสมแป้งสำหรับคัพเค้กถาดใหญ่


         คานาเป้เป็นอาหารคาวชิ้นเล็กกินง่ายภายในคำเดียว สามรถเดินทานนั่งทานไปพลาง ทานพร้อมกับแชมป์เปนหรูก็ดีไม่น้อยและเป็นขนมที่ทำง่ายและรวดเร็ว มิลลี่หยิบขนมแครกเกอร์แผ่นกลมมาเป็นฐาน ก่อนจะราดซอสครีมผักแคลรอต มะเขือเทศราชินีหั่นครึ่งตามด้วยเห็ดหั่นบางประกบลงไป เธอทำมันอย่างชำนาญ โดยไม่หยุดมือ มือทำไปพลางหูเองก็ฟังข่าวไปด้วย
     


         "ดูนั้นสิคะนั้นมัน แบทแมนกับโรบิ้นพวกเค้ากำลังบุกเข้าโจมตี..." เสียงผู้ประกาศสาวกล่าวชื่อของฮีโร่ใต้หน้ากากที่ชอบปราบปรามเหล่าร้ายยามรัฐติกาลบวกกับเสียงระเบิดและปืนอย่างกะสนามรบขนาดย่อม

         

          เธอเหล่สายตามองข่าว เห็นร่างของชายร่างใหญ่ในชุดสีดำที่ผู้คนรู้จักกันดี แบทแมน บุรุษค้างคาวยามรัติกาลกับคู่หูของเค้า หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ โรบิ้น เด็กชายในชุดสีแดงเขียวสดจี้ดจ้าด 



         'โรบินนี้จะอายุเท่าไรกัน เท่าฉันรึเปล่าหรือแก่กว่านั้นแล้วพ่อแม่ของเด็กคนนี้ไม่ห่วงลูกเลยรึไงที่ต้องมาสู้กับวายร้ายแบบนี้หรือพ่อของเค้าคือแบทแมน ไม่ม้างไม่หรอกไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะปล่อยลูกไปที่อันตรายแบบนั้นหรอก' เธอคิดในใจเพลินๆ



         เวลาผ่านไปจนกระทั้งตีห้า คานาเป้จำนวน150กว่าชิ้นได้ถูกจัดเรียงบนถาดอย่างสวยงาม ร่างของเด็กสาวเต็มไปด้วยครีมกับแป้งสาลีเต็มตัว สภาพของผู้ปกครองเธอเองก็คงจะไม่ต่างกันสักเท่าไรนัก พุดดิ้งกับมัฟฟินที่ตกแต่งอย่างสวยงามดูโมเดินร์ไฮโซ ฟ้าค่อยๆเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย ในห้องครัวเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจากหวานจากเตาอบและเหล่าขนมหวานต่างๆนาๆ 

        


        "มิลฝากเอาไอ้นี้ไปทิ้งไว้ข้างร้านหน่อยสิ" นิโคลหยิบถุงพลาสติกสีดำถุงใหญ่ยื่นให้กับเธอ 



         "ค่าาาา" เธอรับถุงนั้นมาก่อนจะเดินไปข้างร้าง


         

         เด็กสาวเดินออกมานอกบ้านพร้อมกับถุงขยะใบใหญ่ อากาศในช่วงเช้าไม่เย็นมากไม่ร้อนมากสำหรับฤดูร้อนช่วงนี้ เธอเดินมุ่งตรงไปยังถังขยะใบใหญ่สีเขียว ก่อนจะโยนถุงนั้นลงไป



         'กึกๆ' เสียงปริศนาดังขึ้น เธอหันไปตามเสียงปริศนาที่ดังมาจากด้านหลังของเธอแต่กลับว่างเปล่า 'นั้นมันเสียงอะไรหนะ' เธอคิดในใจ ในหัวเธอตอนนี้ต่างจินตนาการไปต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะโจรห้าร้อยจนไปถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ



         "เมี้ยววววว~" เสียงร้องของแมวสีดำกระโดดลงมาจากกำแพงเดินมุ่งมาที่เธอ สงสัยมันคงได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากห้องครัวเลยตามมา มิลลี่ก้มตัวลงก่อนจะยื่นมือมารับแมวสีดำตัวนั้น และเจ้าแมวตัวนี้ดูเหมือนจะเข้าใจกับสิ่งที่เด็กสาวทำเลยเดินมาเธอ มันคลอเคลียที่มือของเธอออดอ้อน ครางในคอ


         "ไงเจ้าหนู แกทำฉันตกใจแทบแย่" มิลลี่ทักทายเจ้าสัตว์ขนฟูตรงหน้าที่มองเธอตาแป๋ว 



         "มาหาขนมกินหรอ เดี๋ยวรอตรงนี้แปปนะ" เธอเดินเข้าไปในบ้านสักพักก่อนจะหยิบชามใบเล็กกับขวดนมขวดนึง เธอรินนมใส่ชามใบเล็กจนเกือบเต็ม เมื่อมันเห็นมันก็รีบวิ่งกรู่มาพันแข็งพันขาของเธอ 



         มิลลี่วางชามใส่นมให้เจ้าเมี้ยวหิวโซ มันจ้องชามนั้นสักพัก ดมกลิ่นนมนั้นอยู่นาน ดูเหมือนมันจะเป็นแมวฉลาดที่คอยระแวงระวังว่าในนมนั้นจะมียาพิษรึเปล่า



         "ไม่ต้องห่วง นั้นน่ะนมแพะไม่ใช้นมวัว กินเข้าไปไม่ท้องอืดหรอก" มิลลี่รู้ดีว่านมวัวนั้นสำหรับสัตว์มันย่อยยากอาจจะทำให้ท้องอืดแต่ถ้าเป็นนมแพะนั้นจะเป็นอาหารที่ดีสำหรับลูกแมวลูกหมา 



         เหมือนมันเข้าใจในสิ่งที่เด็กสาวพูดมันจึงลงมือดื่มนมอย่างกระหาย เธอลูบไล้ขนสั้นสองชั้นสีดำเงา มันทั้งนุ่มและไม่สากเหมือนแมวจรจัดทั่วไป แต่ที่คอของมันกลับไม่มีปลอกคอไว้ มันดื่มนมจนหยดสุดท้ายในชามและหันมามองมิลลี่ มันมีดวงตาสีเขียวมรกต ขนสีดำเงาเหมือนกับหมอนั้นไม่มีผิด



         "ขนสีดำ ตาสีเขียว แกเหมือนเพื่อนที่โรงเรียนฉันคนนึงเลย" เธอเว้นระยะพูด "แต่ดีหน่อยที่นิสัยไม่เหมือน" 'โป้ก' อยู่ดีๆกลับมีเศษเล็กๆบางอย่างโยนมาที่หัวของเธอ มันไม่เจ็บมากจนเลือดออกแต่ก็พอที่จะทำให้ปวดเล่นๆได้



         "โอ้ย อะไรเนี้ย ใครปามา" เธอหันไปมองรอบตัวเองมองดูว่าจะเป็นฝีมือของใครบางคนแต่ก็ไร้ซึ่งผู้ใด คงจะเป็นเศษที่ปลิวมาละมั้ง

     








         15:30 P.M. 

         มือของเฮนรี่ที่กำลังถือสตอร์เบอรี่สี่แดงสดชิ้นใหญ่ มือของเค้ากำลังสั่น นิโคลเองก็ทำนิ้วไขว้กันไว้ทั้งสองข้าง มิลลี่ที่มองอยู่ก็แทบจะกลั้นหายใจ เฮนรี่ค่อยๆวางสตอร์เบอรี่บนยอกสุดของเค้กได้สำเร็จ


         "เสร็จแล้ววววววว" เค้าตะโกนชูมือทั้งสองข้างขึ้นฟ้า


         "เย้ยยยยยยยยยยย" สองแม่ลูกร้องตะโกนดีใจไปด้วยกัน สภาพตอนนี้พวกเค้าคงเหมือนกับตุ๊กตาหิมะก็ไม่ปาน ทั้งไอซิ่งแป้ง สีผสมอาหารต่างเลาะตัวของพวกเค้าอย่างกะงานศิลปะชิ้นโบว์แดง


         ในที่สุดการห่ามรุ่งห่ามค่ำทำออร์เดอร์1,500ชิ้น กับเค้กอีกสามก้อนใหญ่ๆ ก็เสร็จสักที พ่อของมิลลี่มองนาฬิกายังเหลือเวลาเหลือเฟือ พวกเค้าขนขนมพวกนั้นขึ้นรถบรรทุกก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะไปส่งของกัน ถึงจะเหนื่อยแต่ว่าเงินทองยังรออยู่ข้างหน้าอดทนอีกหน่อยก็จะสบายแล้ว


     

     

         รถบรรทุกขนาดเล็กสีน้ำตาลแดงสไตล์วินเทจโลดแล่นไปตามท้องถนน เด็กสาวเกศาสีทองเท้าคางอยู่ทางเบาะหลังมองวิวภายนอกที่รถขับผ่าน เพลงคันทรี่คลอมาจากเทปคอตเซตเอื่อๆ พ่อกับแม่ของเธอนั่งพูดคุยสัพเพเหระอยู่ด้านหน้าเธอ



         "ดีจังเลยที่มีลูกมาช่วยด้วยค่อยสบายขึ้นหน่อย" เสียงชายวัยกลางคนที่กำลังขับรถเริ่มบทสนถนา



         "หนูดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะคะ"



         "ถ้างานนี้เสร็จแล้วแม่จะให้เงินค่าขนมเพิ่มเป็นพิเศษเลยละ ดีจริงๆเลยที่คนๆนั้นจ้างเราน่ะ จะได้เอาไปโปรโมทร้านเราด้วยเนอะ" แม่ของเธอเอนตัวหันมาบอกเธอ



         "นั้นเยี่ยมไปเลยค่ะแม่" เธอยิ้มตอบจนนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ถามผู้ว่าจ้างงานครั้งนี้ดูถ้าจะเป็นคนทรัพย์หนาพอสมควร ใครกันที่มาจ้างเรา ดารางั้นหรอคนใหญ่คนโตที่ไหนกัน



         "ว่าแต่ว่า บริษัทอะไรค่ะที่จ้างเราทำเค้กจำนวนตั้งพันกว่าชิ้นกันคะ"



         "นี้พวกเรายังไม่ได้บอกลูกเลยงั้นหรอ บริษัทที่ว่าจ้างเรา" เด็กสาวส่ายหน้าปฎิเสธ



         "เวนย์เอนเตอร์ไพร์" เพียงแค่ได้ยินชื่อครั้งแรกก็ต้องทำให้เด็กสาวสะอึกต้องทวนประโยคอีกครั้ง



         "เมื่อกี้พ่อว่าอะไรนะคะ"



         "เวนย์เอนเตอร์ไพร์ ตกใจเลยใช่ไหมละ เมื่อวานนี้เค้าโทรมาติดต่อเราเรื่องงานเลี้ยงของเค้าแถมยังให้เงินมัดจำเยอะซะยิ่งกว่าค่าวัตถุดิบที่เราทำกันวันนี้ซะอีก ลูกว่าไงละมิล"




         "ค่ะตกใจมากๆเลยค่ะพ่อ" ถึงปากจะบอกว่าตกใจ แต่ใบหน้าของเธอกลับยิ้มแห้งแทน ขอถอนคำพูดที่ว่าจะไม่มาเจอให้สมใจยังทันไหมเนี้ย


     


     






    "Yeah Dad I'm really Surprise"




     





    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×