ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Durarara] My special Human (Izaya Orihara x Oc)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chess piece 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 281
      40
      21 ก.ย. 64

     



         



         "งั้นเรามาต่อเรื่องของเรากันเถอะครับ มิริมิริจัง ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องเป็น จิโรอิ มิกิวะ คุณคือคนที่ทำลายชีวิตของผม"

     

     

         ร่างของหญิงสาวในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูที่ถูกพันธนาการไว้กับเก้าอี้ ใบหน้าของเธอดูหวาดกลัวแต่ ทว่า สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเธอกับทำตัวไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวกับสถาณการณ์ตรงหน้าแถมยังกินขนมหน้าตาเฉยได้อีก

         "นี้คุณอาราตะ มิริมิริน่ะไม่เคยไปทำอะไรไม่ดีกับใครเลยนะ คุณจำคนผิดรึเปล่า" หญิงสาวพูดเสียงหวานใสพยายามยิ้มแย้มร่าเริง

         "จำผิดงั้นหรอน่าขันสิ้นดี" อาราตะแสยะยิ้ม เขาหยิบรูปใบเดิมขึ้นมานิ้วจิ้มไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มบนรูป

         "สำหรับชายที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปแล้วผมจำไม่ผิดหรอกมิริมิริจัง งั้นเรามาเริ่มเลยดีกว่า" เขาหยิบรูปอีกใบขึ้นมามันเป็นรูปครอบครัว ผู้หญิงที่ดูเหมือนแม่เธอมีรอยเหี่ยวย่นที่อายุราวๆ 30ต้นๆกับลูกชายตัวเล็กที่กำลังจูงมือเธอวัยราวๆ6-8ขวบได้แต่ที่สะดุดตามากที่สุดอาจจะเป็นผู้ชายที่ยื่นอยู่ข้างๆแม่ลูกคู่นั้น

         เขาใส่ชุดติ่งโอตะคล้ายกับคุณอาราตะแต่มีใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าเยอะ มันเป็นรูปเดียวกันกับรูปของผู้ชายในหนังสือพิมพ์แต่แค่เขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่และยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของผู้เป็นแม่กับชายคนนั้นกลับดูเศร้าหมองเห็นได้ชัด

         "จะให้มิริมิริต้องพูดกี่ครั้ง มิริมิริไม่รู้จักคนพวกนี้เลยสักนิด" มิริมิริปฎิเสธเสียงแข็ง

         "โอะ อย่าบอกนะว่า เด็กตัวเล็กๆคนนั้นคือคุณอาราตะน่ะครับ" อิซายะชะเง้อมองรูปภาพ มองสลับรูปสองใบไปมา อาราตะเลิกคิ้วพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเป็นคำตอบ เขาเอาเศษหนังสือพิมพ์และรูปต่างๆออกจากกระเป๋าเป้ใบโตวางตามลำดับโดยจะมี

    1) รูปของชายหนุ่มมอต้น

    2) เศษหนังสือพิมพ์ของข่าวสโตรค์เกอร์

    3) รูปวัยเด็กของของอาราตะกับครอบครัว เขาเอาออกมาเรียงกันตามลำดับ ชิยูกิไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษพลางหยิบขนมคุ้กกี้ขึ้นมาทาน

         แต่ทว่ากลับมีรูปภาพนึงที่เธอดันไปสะดุดตาเข้า เธอหยิบรูปภาพครอบครัวของอาราตะกับเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ข่าวของสโตคเกอร์ไอดอลสาวที่มีรูปชายผู้ต้องหาอยู่ เธอนำสองรูปมาเทียบกัน

         หน้าตาของอาราตะกับสโตรค์เกอร์ พวกเขาทั้งสองดูคล้ายกันมากแทบจะเป็นคนเดียวกัน ต่างกันตรงที่คนในรูปไม่ใส่แว่นและมีรูปร่างที่ผอมมากว่า พี่น้อง งั้นหรอ เธอไล่ดูลักษณะจนมาเจอกับปีพิมพ์ เมื่อเทียบกันดีๆแล้วปีที่ตีพิมพ์กับปีปัจจุบันและเรียงลำดับจากสิ่งที่มีอยู่

         ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้าง น่าตกใจจริงๆไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามนุษย์เราจะมีอะไรแบบนี่

         "เจออะไรแล้วสินะ~" อิซายะยื่นหน้ามาใกล้เด็กสาว เขารู้ว่าชิยูกิเป็นคนหัวไวแค่เอารูป วันเดือนปีไล่ทามไลน์ เธอก็น่าจะรู้อะไรบางอย่างแล้ว

         ชิยูกิดันหน้าอิซายะออกอย่างรำคาญพร้อมกับโยนรูปลงบนโต๊ะ ระหว่างนั้นชายร่างท้วมได้หยิบของบางสิ่งจากกระเป๋าเป้ออกมา

         "งั้นผมจะเตือนสติคุณด้วยสิ่งนี้" เขาหยิบของสิ่งนั้นวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าไอดอลสาวทว่าปฎิกิริยาแรกที่เธอเห็นนั้นเรียกได้ว่าคนละคนกับที่เป็นอยู่

         "ม่ายยยยยยยยยย ไม่นะ ไม่ ไม่" เสียงกรี้ดร้องก่องดังไปทั่วห้อง ร้องเท้าส้นสูงกระแทกกับพื้นพยายามดันตัวให้ห่างสิ่งของปริศนา สายตาของหญิงสาวสั่นเทาหน้าของเธอซีดเผือกยิ่งกว่ากระดาษ กล่องรูปหัวใจสีแดงซีดมีรอยยับบุบเหมือนกับตกลงมาจากที่สูงไม่ก็โดนกระทืบมา

         ดูเหมือนว่ามิริมิริจะกลัวกล่องนี่ขึ้นสมอง กลัวชนิดที่ว่าเธอพยายามจะดิ้นจากเชือกที่รัดไว้จนไม่สนรอยถลอกหนังเปิดจนมีเลือดซิบเสียด้วยซ้ำ

         อาราตะได้ดึงริบบิ้นและเปิดมันออก สิ่งของที่อยู่ด้านในถึงกับทำให้คนทุกคนเงียบเป็นเสียงเดียวกัน ชิยูกิหยุดทานคุ้กกี้ชิ้นที่จะเข้าปากทันที 

    สิ่งของที่อยู่ในไม่ใช่ลูกอม ไม่ใช้สร้อย น้ำหอมหรือกิฟวอชเชอร์ มันไม่ใช่ของที่จะเป็นของขวัญเลยเสียด้วยซ้ำแต่มันเป็น เส้นผม เล็บ เศษเนื้อเล็กที่แห้งที่ไม่รู้ว่ามาจากส่วนไหนจนกลายเป็นสีน้ำตาล และมีของเหลวสีน้ำตาลเข้มออกไปทางแดงที่มีก้อนแข็งตัวจนดูไม่ออกว่าของเหลวในนั้นเป็นอะไร 

    สีหน้าของชิยูกิค่อนไปทางขยะแขยงแทนกลัวมากกว่าผิดกับอิซายะที่ดูตาวาวสนอกสนใจ

         "เอาไอ้กล่องบ้านี้ไปไกลๆ ฉันไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว เอามันออกไป" เสียงสะอื้นร่ำไห้ร้องออกมาจากหญิงสาว เธอก้มหน้าส่ายหัวไปมาพยายามไม่มองกับสิ่งของตรงหน้า ท่าทางของไอดอลสาวตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นบ้าได้ในทุกวินาที

         

    จากประโยคเมื่อกี้แสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้ว มิริมิริคนนี้รู้เรื่องในสิ่งที่อาราตะพูดไม่มากก็น้อย อ่า พอเดาทางออกแล้วมาแบบนี่ทีไนก็มุกเดิมตลอด ชิยูกินั่งพิงพนักใบหน้าแสดงให้เห็นความเบื่อหน่าย


    "นี่อ่ะนะที่นายอยากให้ฉันดู ไม่จบซ้ำซากไปหน่อยรึไง" ชิยูกิยกมือปิดปากอ้าปากหาว


    "อย่าเพิ่งรีบคิดไปเองสิ ดูต่อไปเรื่อยๆ" อิซายะยังคงนั่งกอดอกเชยชมสิ่งไม่วางตา มันจะมีอะไรให้ดูอีกละ สองคนนี้จะเอาเก้าอี้ฟาดใส่กันรึไง ชิยูกิกลอกตาเป็นวงกลมแต่ก็ยังมองตัวแสดงหลักทั้งสองหน่ายๆ


         "นี้มันบ้าไปแล้ววว"เธอตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำเสียงที่เล็กและหวานราวกับเด็กถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงของผู้ใหญ่วัยกลางคนแทน ดูท่าจะถึงขีดจำกัดความอดทนและการแสดงต่อหน้าแล้ว 

    "ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยก็พี่ชายของนาย มันเป็นไอ้โรคจิต wanna be ตามฉันไปทุกที่ที่ไปจนฉันจะเป็นบ้าไปแล้ว ทั้งของขวัญทุเรศนั้น เส้นผม น้ำลายน่าขยะแขยงสิ้นดี ใช้หัวอะไรคิดว่ะ" เธอพูดตะโกนสบทใส่อาราตะ ไม่สนภาพลักษณ์แม้แต่น้อย

         "ฉันไม่ผิดสักหน่อย คนที่ผิดน่ะมันเป็น พี่ชายของนายต่างหาก ถ้าจะมาแค้นฉันที่ทำลายชีวิตนายป่นปี้ก็ไปโทษพี่ของนายซะสิ"

          "พี่ชาย แก้แค้น? พูดเรื่องอะไรของคุณน่ะ มิริมิริจัง" อาราตะเอียงคอสงสัยแต่ทว่าประโยคหลังก็กลับทำให้คนในไอดอลสาวตาเบิกกว้างรวมไปถึงชิยูกิและอิซายะเหมือนกัน

    "ก็จริงอยู่ที่พ่อของผมหน้าเด็กนะแต่ไม่คิดว่าจะทำให้คุณเข้าใจผิดได้ขนาดนี้" อาราตะมองรูปครอบครัวตัวเองพลางเกาหัวแกรกๆอย่างสงสัย

         "พ่องั้นหรอ?" มิริมิริมองไปรูปครอบครัวบนโต๊ะที่ดูยังไงก็ดูเหมือนรูปแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสองเสียมากกว่า "งั้นก็หมายความว่า แกก็คือ" คำตอบที่ไม่อยากได้ยิน ราวกับว่ามันเป็นฟังร้ายแต่นี่คือความจริง ความจริงที่ต้องยอมรับว่ามันเป็นจริงทุกอย่าง

         "ครับ ผมเป็นลูกของชายที่น่าขยะแขยงที่คุณเกลียดนักเกลียดหนานั้นแหละครับ" ดวงตาของไอดอลสาวเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน

         "ส่วนเรื่องแก้แค้นอะไรนั้นก็กลับกันเลยต่างหาก" เขามานั่งข้างๆมิริมิริจัง มือพลางลูบใบหน้าสวย มิริมิริหายใจสั่นติดขัด ความรู้สึกรังเกียจขนลุกขนพองจนอยากจะอ้วกเต็มแก่ 

    "เพราะพ่อของผมที่ทำให้มาเจอคุณ ผมจึงได้รู้ว่าผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบยังไงละะ" อิซายะที่นั่งดูอยู่เงียบๆกลับตบมือราวกับว่าเป็นฉากที่น่าประทับใจในหนัง ชิยูกิที่กำลังจะหยิบคุ้กกี้เข้าปากชิ้นถัดไปกลับหยุดชะงักลงเมื่อกี้ฟังไม่ผิดใช่ไหม เธอนั่งทบทวนสิ่งที่อาราตะพูด ตกหลุมอะไรนะ

    ชิยูกิวางคุ้กกี้ลงก่อนจะจัดท่าทางกลับมานั่งฟังอีกอย่างตั้งใจ อิซายะที่นั่งข้างแสดงใบหน้ายิ้มอย่างพอใจ เขาไม่มีทางเอาตอนจบที่เดาง่ายมาให้เธอดูหรอก

         "คุณอาราตะคุณนี่ทำให้ผมตกใจจริงๆ ตอนที่คุณติดต่อมาหา ผมนึกว่าจะมาแก้แค้นอะไรซะอีกแต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นสารภาพรักซะงั้น" อิซายะหัวเราะร่าผิดกับสถาณการณ์ทำยังกะดูหนังตลก ชิยูกิส่ายหัวให้กับความเป็นเล่นของผู้ใหญ่คนนี่จริงๆ

       ที่จริงอาราตะก็เป็นเด็กปกติทั่วไปนั้นแหละ มีพ่อมีแม่อยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก ไม่มีอะไรพิเศษเท่าไรอาจจะมีนิดหน่อยที่ว่า ครอบครัวคงไม่ได้อบอุ่นอะไรขนาดนั้นและจู่ๆวันนึงเขาก็ได้ไปเจอสมบัติลับของพ่อโดยบังเอิญ

     

         ย้อนกลับไปเมื่อ10ปีก่อน

         ความสัมพันธ์ในครอบครัวของอาราตะเรียกได้ว่าไม่ราบรื่นดีนัก เพราะพ่อกับแม่ของเขาได้ถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชน 

         คุณพ่อของคุณอาราตะในตอนนั้นได้แต่งกับผู้หญิงที่ถูกหมั้นหมายไว้แล้วตอนอายุ25ปี ส่วนผู้หญิงคนนั้นผู้เป็นแม่ของคุณอาราตะนั้นแก่กว่าพ่อของเขาหลายปี ในวัย32ปี 

         ถึงพ่อของเขาจะมีเรื่องสโตคเกอร์เข้ามาแต่ทว่าข่าวนั้นกลับถูกกลบไปเพียงไม่กี่วันเพราะทางบ้านฝังพ่อนั้นเป็นคนมีฐานะจึงเอาเงินปิดปากฟาดเรียบทุกสำนักข่าวเท่าที่จะเป็นไปได้ที่สุด

         และผู้หญิงคนนี้ที่ยอมมาแต่งกับพ่อของเขาได้ก็เพราะฐานะทางบ้านของฝั่งผู้เป็นพ่อนั้นและแม่เองก็แก่ที่จะหาสามีด้วยเช่นกันแต่ช่างมันปะไรก็นั้นมันเรื่องพ่อแม่ เรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ได้เกี่ยวกับเขาสักนิด

         เรื่องที่สำคัญมันต่อจากนี้ต่างหากละ 

         เหตุการณ์ชีวิตครอบครัวของคุณอาราตะ ก็ได้ดำเนินมาเรื่อยจนทั้งสองได้ให้กำเนิดเด็กชายตัวน้อยหรือก็คือเขา สามีภรรยาอยู่ด้วยกันแต่ก็ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่อยู่ด้วยกันคงเพราะอ้างคำว่าหน้าที่ของพ่อแม่นั้นแหละ  

         และมีอยู่วันนึงในวันที่ฝนตกนั้นเอง เป็นวันที่เด็กน้อยต้องอยู่ในบ้านหลังใหญ่ตัวคนเดียว ด้วยความที่เป็นเด็กและกำลังเบื่อ เขาจึงเดินสำรวจทั่วบ้านเล่นๆจนไปถึงห้องใต้หลังคาของบ้าน หวังจะหาของแปลกๆมาแหงะแกะดูเล่นๆ 

    ทว่าสายตาของเด็กน้อยได้ไปสะดุดเขากับกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาดใหญ่ที่ถูกพันด้วยเทปหนานับสิบชั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเด็กน้อยจึงได้เปิดกล่องผนึกแพนโดร่านั้นออก กล่องที่ไม่ควรถูกเปิด

         เขาได้พบของต่างๆมากมาย รูปของหญิงสาวในชุดฟู่ฟ่องน่ารักๆ ซีดีอัลบั้มเพลงและรูปแอบถ่ายต่างๆนับร้อยมุมภายในกล่อง ของที่เด็กตัวเล็กๆไม่ควรดูได้มาปรากฏตรงหน้าเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา

         ยังไม่หมดแค่นั้นภายในนั้นมีเครื่องเล่นซีดีที่ด้านในยังมีแผ่นคาอยู่ด้านใน เมื่อลองทดลองเล่นดูว่าเครื่องมันยังทำงานได้อยู่ อาราตะตัวน้อยจึงได้หยิบหูฟังขึ้นสวม มันเป็นเพลงที่น่ารักกุ๊งกิ้งหวานๆ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจดวงน้อยๆของเขากลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้ยินเสียงหวานใสของเธอคนนั้น เขาฟังทุกเพลงในแผ่นซีดีนั้นทุกเพลงโดยไม่กดหยุด ฟังมาเรื่อยๆจนไม่สังเกตแล้วว่าฝนด้านนอกได้หยุดตก 

    ทุกเพลงในแผ่นซีดีล้วนพูดถึงความรักแสนหวาน ความรักของคนร้องที่มอบให้ส่งผ่านมายังผู้ฟังและแล้วจนมาถึงเพลงประโยคสุดท้ายที่ทำให้ดวงใจน้อยของอาราตะพองโตขึ้น

         "ฉันรักคุณไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร" 

    เมื่อเพลงนั้นได้เล่นจบ ใบหน้าของเด็กชายร้อนผาวมือไม้สั่นไปหมดเสียงหวานพริ้มของเธอคำพูดของเธอ ทั้งที่เป็นเนื้อเพลงรักธรรมดาแต่สามารถ กลับเติมเต็มความรู้สึกภายในใจ น้ำตาค่อยๆไหลรินอาบแก้มทั้งสอง เขากอดแผ่นซีดีไว้ในอ้อมอก

         ความรักที่ขาดหายตั้งแต่ที่เกิดมายังไม่เคยได้ยินใครบอกรักเขาเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่ ไม่มีเลยสักครั้งที่จะกล่าวคำง่ายๆเหล่านั้นออกจากปาก แต่ว่าเธอคนนี่ เธอกำลังบอกรักเขาอยู่ บอกรักผ่านบทเพลงแสนหวานนี่ อาราตะเปิดแผ่นเสียงนั้นออก มีปากกาเขียนซีดีเขียนชื่อของใครบางคนไว้

         ดวงตาน้อยๆเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเปี่ยมสุข เขาลูบชื่อนั้นอย่างแผ่วเบาหวังว่าเขาจะสัมผัสถึงตัวเธอได้สักครั้ง นี่แหละคือสิ่งที่เขาขาดไป ความรักยังไงละ เขาต้องการความรัก เขาต้องการเธอ จิโรอิ มิงิวะ

         อาราตะในวัยเพียง11ปีได้รู้จักสัมผัสกับความรักครั้งแรกในชีวิต

     

     

    ----------------------------------------------

     

          ท่ามกลางร้านอาหารฟาสฟูต์ มีชายหนุ่มสองคนได้นั่งมุมโต๊ะที่ลึกที่สุดของร้าน คนนึงคือชายวัยทำงานอย่างอาราตะกับชายในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิท

         "นี่คือข้อมูลทั้งหมดแล้วใช่ไหม"

         "ครับ มีแค่นี่ ไม่มีกั้กไม่ปกปิกแต่อย่างใด" ชายในชุดเสื้อฮูดสีดำพูดสายตาของเขาวอกแวกทุกครั้งเหมือนกับว่ามีใครกำลังจ้องจับผิดเขา อาราตะอ่านข้อมูลก่อนจะหยิบเงินปึกนึงส่งให้ชายตรงหน้า เขาหยิบขึ้นมานับดูจำนวนเงินก่อนเก็บเข้าเสื้อโค้ท

         "ส่วนการเตรียมการที่คุณต้องการ ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว" ชายหนุ่มยื่นตั๋วคอนเสริต์ให้ ใบหน้าของอาราตะในตอนนี้กำลังยิ้มให้กับฝันหวานที่กำลังจะเป็นจริง

         ตลอดระยะเวลาที่ผ่านเขาได้ติดตามเสาะหาตัวของเธอซึ่งใช้เวลานานพอสมควรอยู่เนื่องจากเธอได้เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนที่อยู่และได้ทำศัลยกรรมตกแต่งหน้าให้ดูเด็กลง จนกลายมาเป็นไอดอลสาวหูกระต่ายชื่อดังในย่านอิเคบุคุโระ

         รอก่อนนะ มิริมิริจัง ผมกำลังไปหาคุณ

     

     

    ----------------------------------------------

         "เดี๋ยวนะ ติดต่องั้นหรอ พวกนายเป็นคนที่จัดฉากเรื่องนี้งั้นหรอ" หญิงสาวในตอนนี้สภาพของเธอเรียกได้ว่าหมดภาพลักษณ์ไอดอลไปหมดแล้ว เครื่องสำอางเปื้อนใบหน้ากับผมสีชมพูที่หลุดจนยุ่งเยิงราวกับไปฟัดกับหมามายังงั้นแหละ

         ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใดแต่นั้นก็คงจะเป็นคำตอบให้กับเธอได้แล้ว ความเงียบที่ถูกปกคลุมกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะแทนซะอย่างงั้น

         คนทั้งสามคนต่างหันสายตาไปยังไอดอลสาว เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับถูกแทนที่โดยเครื่องสำอางที่ไหลเยิ้มจากการร้องไห้ ไร้ความน่ารักแต่อย่างใด

           "ฉันจะฟ้องพวกแกให้หมด ฉันจะเอาเรื่องพวกแกให้หมดทุกคนเลยคอยดูเถอะ แกจะต้องล่มจมแบบพ่อของแกไม่มีผิด" มิริมิริหัวเราะราวกับคนเสียสติ นี่เธออุตสาห์หนีเจ้านั้นได้มาแล้วแท้ๆแต่ตอนนี่กลับต้องมาเจอตัวลูกของมันแทนเนี้ยนะ ให้ตายเหอะ เวรจริงๆ เวรกรรมของเธอเสียจริง

         เธอกระทืบเท้าลงกับพื้นเสียงดัง สะบัดตัวหัวเราะร่ากับชัยชนะ ใช่แล้วในนี้นะติดตั้งกล่องไว้หมดแล้ว มันบันทึกจับภาพการกระทำของพวกเขาไว้หมด ถ้าขึ้นศาลละก็ยังไงซะเจ้าพวกนี้ก็ต้องโดนติดคุกเข้าตามระเบียบแน่นอน 

         "แล้วคุณจะทำยังไงกับการจดทะเบียบการทำงานผิดกฎหมายของคุณละ" อาราตะพูดเสียงเรียบและนั้นทำให้มิริมิริจังหยุดชะงัก เธอเงยหน้ามองมายังเขา อาราตะหยิบกองเอกสารออกจากระเป๋าปึกนึง ออกมาอ่านเสียงดังให้ฟังก่อนจะหันกระดาษนั้นไปทางหญิงสาว 

    "คุณลงทะเบียนในสังกัดว่าคุณอายุ19ปีแต่ว่าหลังจากคุณศัลย์กรรมนับปีโดยรวมแล้ว" อาราตะทำท่านับนิ้วคำนวนไป

         "คุณอายุ40ปีแล้วนะครับ ซึ่งมันผิดสัญญาณในสังกัดที่คุณรับไม่ใช่รึครับ ถ้ามาคำนวนเงินค่าเสียหายไม่ต่ำกว่าล้านเยนเลยนะครับ" 

         ชิยูกิตาโตเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ไม่ใช่เธอตกใจกับจำนวนเงินค่าปรับหรอกนะแต่ตกใจที่ว่า ผู้หญิงไอดอลสาวที่ดูอายุแก่กว่าเธอไม่กี่ปีในตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอดันมีอายุรุ่นแม่เธอได้แล้ว

         ตอนที่ดูปีพิมพ์ของข่าวก็คิดอยู่ว่าไม่น่าจะเกินสามสิบหรือน้อยกว่านั้นที่ไหนได้ 40ปีแล้วหรอแม่คุณ หลอกผู้บริโภคชัดๆ เธอที่มีฝีมือหมอจากพ่อและพี่มาบ้างยังนับถือฝีมือหมอศัลย์กรรมคนนี่จริงๆ ผ่าตัดแต่งยังไงให้เนียนได้ขนาดนี่

         แถมเกมกลับพลิกซะงั้น คนที่เหนือกว่าตอนนี้ไม่ใช่ไอดอลสาวสวยมากเสน่ห์แต่อย่างใดแต่กลับกลายเป็นหนุ่มโอตะคุแทนซะอย่างงั้น

         "ผมไม่เหมือนกับพ่อที่น่าสมเพศของผมหรอกนะครับ มิริมิริจัง" เขาเท้าคางมองไอดอลสาวอย่างเอ็นดู "ผมรักคุณจริงๆและจะไม่ยอมปล่อยคุณไปอีกแล้วครับ"

     

     

     

     

     

     

     


         ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจากโคมไฟข้างทางกับแสงไฟหน้ารถที่แล่นผ่านไปมาน้อยคันพอส่องให้เห็นทาง

         คนสามคนได้มายื่นหลังรถตู้คันนึง รถตู้ขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างจัดเตรียมมาครบเครื่องดูนั่งสบายไม่ว่าจะเบาะหรือทางท้ายรถที่ดูเหมือนที่นอนดูน่าสบาย ภายในนั้นมีร่างของไอดอลสาวนั่งอยู่ในรถเบาะข้างคนขับเธอมีสีหน้าเศร้าสลด ผมสีชมพูที่เป็นวิกได้ถูกถอดออกเผยให้เห้นผมสีดำที่มีผมขาวแซมเล็กน้อยกับดวงตาสีฟ้าใสในตอนนี้เป็นเพียงแค่คอนเทคเลนส์ที่ถูกถอดออก เผยให้เห้นดวงตาสีนิลที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย

         "ผมแปลกใจจริงๆนะ ที่พวกคุณมาเจออะไรแบบนี้แต่กลับไม่กลัวหรือแจ้งตำรวจอะไรเลย" คุณอาราตะได้ยื่นมือไปจับกับอิซายะเป็นการขอบคุณก่อนจะยื่นซองเงินขนาดหนาให้ "แต่ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณ คุณนาคุระมากๆ" 

         "ไม่หรอกครับ ต้องขอบคุณ คุณอาราตะที่ทำให้พวกเราสองคนได้มาดูอะไรสนุกมากๆในคืนนี่" อิซายะพูดก่อนจะถามคำถามต่อ "ว่าแต่คุณจะทำอะไรกับเธอต่อจากนี้"

         "ผมคงจะพาเธอไปเที่ยวเล่นแล้วค่อยทำความรู้จักกันไปก่อน" ดูเหมือนอาราตะจะเห็นสายตาคู่สวยจากชิยูกิกำลังจับจ้องเขาอย่างไม่วางตา อาราตะพอจะเดาได้แหละว่าสิ่งที่เด็กสาวกำลังจะสื่อคืออะไร

         "ไม่ต้องเป็นกังวลครับ ผมไม่ทำเรื่องมิดีมิร้ายคุณมิกิวะหรอกครับ" เขาหันมาตอบกับชิยูกิอย่างอ่อนโยน "อย่างที่พูดไปผมจะค่อยทำความรู้จักกับเธอไปเรื่อยๆจนกว่าเธอจะเปิดใจให้กับผมนั้นแหละ"

         "แล้วถ้าไม่ละ" ชิยูกิเอ่ยถามสั้นๆ คำถามที่คำตอบไม่มีทางไปในทางที่ดีเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั้นทำให้อาราตะเผยยิ้มพลางมองไปหาคนที่รักบนรถ

         "ถึงตอนนั้นผมคงจำเป็นต้องปล่อยเธอไป" ประโยคท้ายที่เขาเอยออกมานั้นอย่างแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความเศร้า "และคงจะหายไปเงียบๆ ละมั่งครับ" 

         

     

     

     

     

         "ดูเหมือนเธอจะเป็นห่วงอยู่นะ ไม่ไปช่วยจะดีงั้นหรอ" อิซายะพูดไปพลางมองรถตู้ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวขับห่างออกไปเรื่อยๆ ถ้าวิ่งไปห้ามตอนนี้อาจจะยังทันอยู่ก็ได้

         "มันไม่ใช่เรื่องของฉันที่จะไปวุ่นวาย" ชิยูกิกล่าวเสียงเรียบ ยื่นกอดอกมองรถที่จากไปเช่นเดียวกันกับอิซายะ เธอไม่ใช่แม่พระคนดีที่จะคอยไปช่วยใครง่ายๆเหมือนกับตัวเอกในละครที่ชอบผดุงความยุติธรรมพวกนั้น เรื่องของใครเรื่องของมัน ใครสร้างเรื่องไว้ก็จัดการเอาเอง 

    ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หนก็ตามชิยูกิก็ทำให้เขาละความสนใจไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อิซายะค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เด็กสาว ถึงที่พูดมาจะฟังเหมือนคนใจดำแต่ก็จริงอย่างที่ว่า มันไม่ใช่เรื่องของเธอและของเขาแม้แต่น้อย

    เขาชอบความซื่อตรง ชอบที่คิดอะไรก็พูดออกมาไม่เสแสร้งเหมือนมนุษย์คนอื่นคนแบบนี้น่ะหายากเป็นของหายากที่ควรค่าแกการดูแลอย่างดี

         "แล้ว..เป็นยังไงบ้าง" อิซายะหันมาหาคุยสนถนาพร้อมกับรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ

         "อะไร?" ชิยูกิตอบกลับพร้อมกับเลิกคิ้วข้างขวาขึ้น อิซายะถอนหายใจ ทำไมถึงชอบทำตัวเย็นชาใส่เขาเสมอเลยนะ

         "ก็เรื่องวันนี้ไง สนุกไหม ที่นั่งพรีเมี่ยมแบบนี้ไม่มีอีกแล้วนะ เรื่องราวคุณพ่อของคุณอาราตะที่เป็นสโตคเกอร์และไม่กี่ปีถัดมาเจ้าตัวก็มีลูกชาย แถมลูกชายของเขาก็ได้หลงรักไอดอลสาวซึ่งก็คือคนที่พ่อของตัวเองรัก น่าตื่นเต้นไปเลยไม่ใช่รึไง" ชายหนุ่มพูดไปด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนานแต่มันผิดกับเด็กสาวที่มองเขาอย่างเหนื่อยหน่าย

         "ก็งั้นๆ" เธอส่ายหน้าปฎิเสธ ชายหนุ่มที่ได้ยินได้เดินเข้าไปไกลเด็กสาวยิ่งขึ้น

    "ตอนแรกเธอยังคิดว่าตอนจบคุณอาราตะจะมาฆ่ามิริมิริจังเลยนะ"

    "นั้นก็จริง" เธอยอมรับตรงจุดนั้น "แต่ว่าเรื่องราวของคนขาดความรักแล้วได้อะไรมาเติมเต็มจากบางสิ่งนี่ มันก็เรื่องธรรมดาของคนเราไม่ใช่รึไง" 

    "นั้นก็จริงของเธอ" อิซายะนำตัวเองมาขว้างทางชิยูกิไม่ให้เดินต่อ ใบหน้าเบื้องบนมองมายังเธอสายตาสีชาตสบกับดวงตาสีครามนภาอย่างหลงไหล

         เขาใช้มือบีบแตะไปที่จมูกของเด็กสาวด้วยความมั่นเขี้ยวจนชิยูกิหน้ายู่ไปชอบใจ นั้นทำให้อิซายะหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ เขาค่อยๆเลื่อนมือทั้งสองกอบกุมใบหน้าสวย กอบกุมของหายากชิ้นนี่อย่างทะนุทะนอม 

         "ถึงเธอจะพูดว่างั้นๆ แต่ว่าสายตาของเธอก็ดูเรื่องราวทั้งหมดไม่กระพริบเลยไม่ใช่รึไง" นิ้วโป้งที่สวมแหวนค่อยๆเกลี่ยรอบดวงตานั้นราวกับไข่มุขเพรชเม็ดงามในมือ สวยจริงๆ เจ้าดวงตาคู่นี่มองกี่ทีกี่ทีก็ละสายตาไม่ได้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนมาถึงวันนี้ 

         "เธออาจจะไม่รู้ตัวแต่เวลาที่เธอเจอเรื่องน่าสนใจขึ้นมาทีไร แววตาคู่นภาคู่นี้มักฉายแววเป็นประกายมีชีวิตชีวาขึ้นมาซะทุกครั้ง" ใบหน้าของคนทั้งคู่ค่อยๆเข้าใกล้ทีละเล็กละน้อย ชิยูกิไม่หลบหน้าหนีไม่แสดงทีท่าเขินอายมีเพียงแค่มองสบตากับอีกฝ่ายตอบกลับ 

    เขาสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองผ่านสายตาของชิยูกิได้ พวกเขาทั้งสองอยู่ในระยะที่สามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันและระยะห่างก็ได้หยุดลงเมื่อชิยูกิอ้าปากพูด

         "ที่พูดจะมีแค่นี้ใช่ไหม" เธอพ่นลมหายใจออกทางจมูกพร้อมกับปัดมือใหญ่ออกอย่างรำคาญ ชิยูกิเดินเบี่ยงตัวไปหลบเดินนำหน้าไม่สนใจ 

         "ฉันไม่สนใจนิยายรักน้ำเน่าของนายสักนิด เลิกพล่ามเรื่องไร้สาระแล้วพาฉันกลับบ้านได้แล้ว"อิซายะส่ายหน้าเอ็นดูให้กับความหัวดื้อที่มีมาแต่ไหนแต่ไรก่อนจะเดินตามขนาบคู่ ผมสีน้ำตาลเฮเซลนัทที่พริ้วไหวไปตามแรงลมเผยให้เห็นใบของชิยูกิที่เรียบนิ่งเช่นเคย 

    ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ยังคงมีรูปหน้าที่จิ้มลิ้มน่ารักกับเรียวกับปากที่เชิดอยู่ตลอดเวลาเสมอและดวงตาคู่สวยที่น่าหลงใหลนั้นด้วย ปฎิกิริยาของเธอบางทีอาจทำให้อิซายะแปลกใจไปบ้างอย่างเช่นครั้งนี่เป็นต้น

    อุตส่าห์นึกว่าจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งน่ารักๆของเธอแท้ๆ น่าเสียดายจังเขาคำนวนผิดพลาดไปหน่อยแต่นั้นแหละที่น่าสนใจ ยิ่งค้นหายากเท่าไรยิ่งน่าดึงดูดมากเท่านั้น ไม่งั้นก็คงหมดสนุกแย่เลย

         เขารู้ดีว่าคนตัวเล็กคนนี้ยังไงก็ชอบโชว์ที่เขาพามาดูอยู่ดีแต่เธอแค่ไม่พูดออกมาตรงๆเท่านั้น

         นี่แหละ คิโนมิยะ ชิยูกิ เธอคือคนที่ทำให้เขาหลงรักในตัวมนุษย์และตัวเขาเองก็หลงรักเธอเหมือนกัน อย่าเข้าใจผิดละเขารักมนุษย์ทุกคนเท่ากันหมดนั้นแหละแต่แค่เธอคนนี่ที่ชอบเป็นพิเศษกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็แค่นั้น     



         "ปากแข็งจริงๆเด็กคนนี้" 



     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×