นายท่าน.. ตราเกตรกรเขาไม่ได้ใช้กันแบบนี้?
ตราสัญลักษณ์แห่งเกตรกรที่ตกต่ำ... ไลค์เด็กชายผู้ที่กำเนิดจากตัวตนอันยิ่งใหญ่ แต่ทว่าเขากลับถูกหลบซ่อนจากโลกนอกไว้เพราะเหตุผลบางอย่าง และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรม.. เอาใจช่วยไลค์หนุ่มน้อยไปด้วยกัน
ผู้เข้าชมรวม
606
ผู้เข้าชมเดือนนี้
79
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"อุแว้ๆ" เสียงร้องของเด็กทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลกดังก้องไม่หยุด เสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจนทำให้หญิงชราที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เผลอยิ้มออกมาอย่างยินดี
"เด็กผู้ชาย อลิสเบล ลูกของเจ้าเป็นเด็กผู้ชาย และดูเหมือนจะแข็งแรงนัก" หญิงชรากล่าวขึ้น ก่อนจะหยิบมีดเล็กข้างลำตัวขึ้นมาตัดสายสะดือ แล้วอุ้มเด็กน้อยไปล้างตัวในภาชนะดินเผาทรงกลมที่บรรจุน้ำสะอาดอยู่ภายใน
หลังจากล้างตัวเด็กน้อยเสร็จ หญิงชราก็ค่อย ๆ หยิบผ้าห่มขึ้นมาห่อตัวเขาอย่างทะนุถนอม
"ข้าขออุ้มเขาหน่อยได้ไหมคะ ท่านแม่" หญิงสาวที่นอนบนเตียงไม้เอ่ยขึ้น ใบหน้างดงามราวกับภูตเอลฟ์ เธอยิ้มแย้มอย่างร่าเริง แต่สีหน้ากลับดูอิดโรย ร่างกายอ่อนแรง มือที่เอื้อมไปหาลูกน้อยสั่นเทา หญิงชราจึงยื่นเด็กให้เธออย่างเบามือ
"ใบหน้าเขาช่างเหมือนกันเสียจริง ท่านแม่คิดว่าอย่างไร" เธอมองหน้าลูกตัวน้อยไปพลาง อมยิ้มไปพลาง ราวกับเขาเป็นของขวัญจากพระเจ้า
แต่ความสุขอยู่ได้ไม่นานนัก เธอกระอักเลือดสีดำออกมาระลอกหนึ่งไปทางอีกด้านของเตียง ด้วยความกลัวว่าลูกน้อยของเธอจะโดนเลือดสีผิดปกตินั้น
"อลิสเบล!!! เจ้าไหวไหม ให้ข้าร่ายเวทรักษาให้เจ้าอีกครั้งเถอะ!" หญิงชราทำท่าจะยกมือขึ้นพร้อมวงเวทสีเขียวสว่างไสวห้าวงปรากฏขึ้นรอบฝ่ามือ
แต่การกระทำนั้นกลับชะงักลง เมื่อหญิงสาวบนเตียงส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะยกแขนที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นแตะมือของเธอ
"ท่านแม่... อย่าเลย... ข้ารู้ตัวดีว่าเวลาของข้าคงสิ้นสุดลงแล้ว... ไม่สิ ตอนนี้ข้าอาจจะกำลังฝืนอยู่ก็ได้" เธอพูดอย่างอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้ม
อลิสเบลค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นมาในท่านั่งพิงกับกำแพง ก่อนจะวางลูกน้อยไว้ในอ้อมแขน ทำให้หญิงชรายอมล่าถอยไปโดยดี
ความจริงแล้ว หญิงชราอาจจะรู้มาก่อนแล้วว่าลูกสาวของเธอไม่มีทางรอดผ่านวันนี้ไปได้ แต่การยอมรับความจริงนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
"เขามีตาและจมูกเหมือนพ่อของเขานะคะ ท่านว่าไหม ไหนจะตราสัญลักษณ์นี้อีก" อลิสเบลมองไปที่หลังฝ่ามือของลูกน้อย ก็พบกับตราสัญลักษณ์บางอย่างที่มี มงกุฎอยู่ด้านหลัง และมีดาบและคทาไขว้กันอยู่ด้านหน้า
"ลูกชายของเจ้าอาจจะมีชะตาที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันก็ได้... ถึงข้าจะไม่ชอบเจ้าคนนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่เลว.. แต่ว่า." หญิงชรากล่าวเสียงเบา เธอยังคงยากที่จะยอมรับ
"ใช่แล้ว... ตรานี้อาจจะนำพาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้าอยากให้เขาเป็นอิสระเหลือเกิน ท่านแม่... ข้าวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่ทุกวัน หวังว่าเขาจะมีตราอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ตรานี้" อลิสเบลกล่าว ก่อนจะยกแขนที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นชี้ไปที่หน้าอกของลูกน้อย
ทันทีที่เธอยกมือขึ้น วงเวทมนตร์สิบวงก็ปรากฏขึ้นเป็นชั้นเรียงราย ส่องประกายงดงามราวกับงานศิลปะ หญิงชราพยายามจะห้าม แต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้น เพราะบางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเด็กคนนี้ สำหรับทายาททางสายเลือดของเธอ
"ถ้าเจ้าแน่ใจแล้ว ข้าจะไม่ห้ามเจ้า... แต่เด็กคนนี้อาจจะไม่ได้รับสิ่งที่พวกเจ้าทิ้งไว้.." หญิงชรากล่าวไม่ทันจบ อลิสเบลก็ยิ้มและส่ายหน้า
"ไม่หรอก... แบบนี้แหละดีที่สุด ข้าไม่ได้หวังให้ลูกของข้าต้องกอบกู้สิ่งใด และสิ่งที่ทิ้งไว้ก็มีแต่จะรั้งเขาไว้ ถ้าหากบารอสยืนอยู่ตรงนี้ ข้าว่าเขาก็คงให้ข้าทำเช่นนี้เหมือนกัน"
เมื่อสิ้นคำ แสงสว่างจากวงเวทมนตร์ก็สาดลงบนร่างของเด็กน้อย ก่อนที่ตราสัญลักษณ์จากเดิมของเด็กน้อยจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีจอบและเคียวไขว้กันแทน
"อย่างน้อยก็ยังดีกว่าตรานั้นนะ.."เธอมองผลลัพธ์อย่างไม่ค่อยพึ่งพอใจนัก ขณะที่หญิงชรายังคงเงียบงัน
"ข้าขอฝากเขาไว้กับท่านด้วยนะ ท่านแม่" อลิสเบลหอมแก้มลูกน้อย ก่อนจะส่งให้หญิงชราที่ยืนอยู่ข้างเตียง
หญิงชราโอบรับเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะโน้มตัวลงไปหอมหน้าผากของอลิสเบล เธอรู้ว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งแต่สมัยอดีตเธอไม่เคยแสดงความอ่อนแอแบบนี้มาก่อน เพราะเธอมักวางตัวเข้มงวดและเข้มแข็งอยู่เสมอ
"ข้าสัญญา ข้าจะเลี้ยงดูเขาให้แข็งแกร่งเช่นเดียวกับเจ้า เพราะงั้น อลิสเบล เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงสิ่งใด เจ้านอนพักเถอะ"
"คิคิ อย่าเข้มงวดจนเกินไปนะคะท่านแม่"อลิสเบลหัวเราะคิก เมื่อเธอนึกย้อนไปถึงสมัยที่ยังเป็นเด็ก ภาพเหมือนยังคงชัดเจนในตอนที่โดนเข้มงวดกับการฝึกวงเวทมนตร์ของท่านแม่ แม้ว่าจะผ่านมาได้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
อาจจะเพราะเป็นสูตรการสอนแบบสมัยโบราณด้วยก็ได้มั่ง แต่เมื่อภาพความทางจำเหล่านั้นย้อนกลับมา เธอกับนึกถึงอย่างน่าใจหายและอยากกลับไปช่วงเวลาเหล่านั้นอีกครั้งนึง ถึงแม้จะแค่ในความทรงจำก็เถอะ
รอยยิ้มของเธอค่อย ๆ คลายลง พร้อมกับเรี่ยวแรงที่หมดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุด... ทุกอย่างก็เงียบสนิท
หญิงชรามองภาพนั้นด้วยความหดหู่ ไม่มีแม่คนใดอยากเห็นลูกจากไปก่อนตนเอง แต่ว่า..
"จริงสิ! เจ้าอยากให้เขามีชื่อว่าอะไร?" หญิงชราถามขึ้นอย่างร้อนรน ราวกับกลัวว่าเวลาที่เหลืออยู่กำลังจะหมดลง
อลิสเบลยังคงหลับตา แต่เสียงของเธอยังคงชัดเจนในวินาทีสุดท้าย
"ให้... เขาชื่อ... ไลค์... ไลค์ เบลรอส..."
เมื่อสิ้นคำ ลมหายใจของเธอก็หยุดลง พร้อมกับตัวเลขสีแดงบนแขนที่แสดง
[00:00:64:34:07:03]
หญิงชรากอดเด็กน้อยแน่นขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา
"ข้าสัญญา ข้าจะดูแลเขาแทนเจ้าเอง... เพราะงั้น จงหลับให้สบายเถอะ อย่าได้เป็นห่วงสิ่งใด"
แล้วเธอก็อุ้มเด็กน้อยเดินออกจากกระท่อม โดยมีโกเลมดินหกตัวยืนรออยู่ด้านนอก...
เมื่อหญิงชราออกมาด้านนอกกระท่อมไม้ เธอก็เห็นเหล่าบรรดาโกเลมดินที่มีขนาดเท่ากับชายร่างใหญ่ สูงราว 4 ฟุต ผิวของมันแวววาวเสมือนเครื่องดินเผาที่ผ่านการอบมาเป็นอย่างดี รูปร่างของมันคล้ายต้นกระบองเพชรที่พบได้ในแถบเมืองร้อนก็ว่าไม่ผิดนัก แต่สิ่งที่น่าแปลกตาคือ มันไม่มีปาก มีเพียงดวงตากลมโตเพียงดวงเดียวอยู่กลางใบหน้า และดูเหมือนว่าโกเลมเหล่านี้จะยืนรอเธออยู่ถึงหกตัว
"เจ้า...ตัวหนึ่ง เข้าไปนำลูกสาวข้าออกมา ข้าจะเอาไปฝัง...ที่บ้าน..." หญิงชรากล่าวไม่ทันจบก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเหลือบสายตามองต้นไม้ใหญ่ที่มีใบสีชมพูปลิวหล่นตามแรงลมอยู่ไม่ไกลนัก และหากมองบริเวณโคนต้นไม้นั้น จะเห็นแผ่นหินที่มีดาบเหล็กปักอยู่
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกล่าวต่อ
"เฮ้อ! ให้ตายสิ ถึงข้าจะเกลียดเจ้าแค่ไหน... แต่เจ้าก็ดันเป็นคนที่ลูกข้ารัก" เธอพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองโกเลมดินตัวแรกที่เธอเพิ่งออกคำสั่งไปเมื่อครู่
"ข้าเปลี่ยนใจแล้ว... นำลูกสาวข้าไปฝังไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังกระท่อม" หญิงชรากล่าวจบก็เดินเข้าไปในป่าด้านหน้า โดยมีโกเลมดินอีกห้าตัวเดินตามไปไม่ห่าง...
____
ห้าปีต่อมา
เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยคนหนึ่งค่อย ๆ ย่องไปอย่างเงียบเชียบ ขณะที่ข้างกายมีโกเลมดินขนาดเท่าลูกหมีป่าพยายามเดินตามนายของมันอย่างเงียบที่สุด
"...เจ้าดิน เจ้าต้องเดินให้เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้นะ ไม่งั้นข้าต้องอดกินซี่โครงหมูป่าอบน้ำผึ้งแน่ ๆ เหลือเวลาอีกแค่สองนาที ขอเพียงแค่ท่านยายจับข้าไม่ได้..." เด็กน้อยกระซิบเบา ๆ กับโกเลมดินพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเล็ก ๆ อย่างน่าเอ็นดู
ดูเหมือนโกเลมดินจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด มันพยักหน้าตอบรับอย่างออกรส ค่อย ๆ วางขาอวบอ้วนลงบนพื้นอย่างใจเย็น
"รอบนี้เจ้าทำได้ดี ลบกลิ่นอาย ทั้งยังเคลื่อนไหวได้เงียบเชียบ และยังร่ายเวทย์ดินกลมกลืนเข้ากับตัวเองเพื่อให้ข้าไม่สังเกตเห็น"
เสียงของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของเธอ
หญิงชราอยู่ในชุดผ้าสีน้ำตาลคลุมร่างเกือบทั้งตัว มีเพียงใบหน้าและผมสีดำที่โผล่พ้นออกมา ใบหน้าที่ผ่านโลกมามากบ่งบอกถึงอายุที่ไม่น้อย แม้สีหน้าจะดูสงบนิ่ง แต่บางครั้งก็แฝงความเคร่งขรึมคล้ายปีศาจร้ายแห่งหุบเขา
มือขวาของเธอถือไม้เรียวยาว ด้านหนึ่งเคาะกับมือซ้ายเป็นจังหวะเบา ๆ
"แต่..."
เธอกล่าวพลางชำเลืองมองไปยังจุดที่เด็กน้อยและโกเลมนั่งย่องซ่อนตัว และในพริบตา เธอพุ่งหลาวไม้เรียวในมือออกไปด้วยแรงมากพอจะปักดินตรงระหว่างกลางของทั้งคู่ได้อย่างแม่นยำ
"อ๊าย! ท่านยาย!! ท่านเกือบฆ่าข้าแล้วนะ!" เด็กน้อยร้องลั่นทันทีที่รู้ว่าจุดซ่อนของตนถูกเปิดเผย
"กัส ๆ!" โกเลมดินร้องออกมาเห็นด้วย ทั้งยังพยักหน้ากึก ๆ
"แต่เจ้าใส่พลังเวทย์น้อยไป ทางที่ดีเจ้าควรใส่พลังอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง" หญิงชราพูดต่อด้วยสีหน้านิ่งขรึม
"ถ้าข้าใส่ไปขนาดนั้น ข้าคงเสียดายพลังเวทย์แย่ รู้งี้ข้าใส่ซักสามสิบนาทีก็คงดีกว่านี้... ว่าแต่ท่านยาย ข้าหลบซ่อนท่านได้ตั้งยี่สิบแปดนาทีเลยนะ นั่นมากกว่าทุกครั้งในช่วงสองปีนี้เลย ท่านคงไม่ใจร้ายกับหลานที่น่ารักเช่นข้าใช่ไหม?"
เด็กน้อยส่งเสียงอ้อน พร้อมวิ่งเข้าไปโอบกอดขาหญิงชรา
"หึ อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วเจ้าจะได้กินซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งของข้านะ... แต่ถ้าไม่นับเรื่องพลังเวทย์ ก็ถือว่าเจ้าทำได้ดีกว่าแม่ของเจ้านัก"
หญิงชรากล่าวพลางนึกถึงอลิสเบล ลูกสาวของเธอ เด็กดื้อที่ทั้งซนและสอนยาก หากเล่าเรื่องของนางคงไม่จบง่ายๆ
แต่ทันทีที่กล่าวจบ เด็กน้อยที่ยิ้มร่าเมื่อครู่กลับทำหน้าละห้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
"ท่านแม่ของข้า... ท่านยาย ท่านแม่ข้าไปไหน?"
หญิงชรามองหลานด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะใช้มือขยี้ศีรษะเล็ก ๆ นั้นเบา ๆ
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่านางรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เพียงแต่ตอนนี้นางกลับไปอยู่กับพ่อเจ้าเท่านั้น"
เธอเข้าใจดีว่ามันยากเพียงใดหากต้องบอกความจริงว่าแม่ของเด็กน้อยได้ตายไปแล้ว เธอไม่ต้องการให้หลานของเธอต้องจมอยู่กับความเศร้า
"แล้วอีกนานไหม ท่านแม่ถึงจะมารับข้าไปอยู่ด้วย?"
"ให้ตายสิ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ข้าบอกเจ้าหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า..."
ไม่ทันที่หญิงชราจะพูดจบ เด็กน้อยก็รีบพูดแทรกขึ้นมา
"ข้ารู้ว่า เมื่อข้าเก่งขึ้น มีเวลามากขึ้น ข้าจะสามารถไปเจอท่านแม่กับท่านพ่อได้"
เด็กน้อยกล่าวพลางยกแขนขึ้นมองตัวเลขที่สลักอยู่บนแขนขวาของตน
[10:03:22:23:43:02]
"เวลาของเจ้ามีมากกว่าสิบปีแล้ว โลกภายนอก หากเจ้าไม่สะสมเวลาให้ได้มากกว่ายี่สิบปี เจ้าจะเอาชีวิตรอดได้ยากนัก สำหรับตราเกษตรกรเช่นเจ้า"
หญิงชรากล่าวพลางจับมือน้อย ๆ นั้น
"เช่นนั้น เจ้าจงกินให้มากเพื่อสะสมเวลา ฝึกฝนให้มากเพื่อขัดเกลาพลังเวทย์"เธอกล่าวก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
"เอาเถอะ ครั้งนี้ข้าจะยอมยกซี่โครงหมูแสนอร่อยให้เจ้าก็ได้ แต่ไม่มีครั้งหน้าแล้วนะ ข้ายอมแค่ครั้งนี้เท่านั้น"
เพียงได้ยินคำว่า 'ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง' เด็กน้อยก็เหมือนลืมเรื่องเศร้าไปจนหมดสิ้น
"เย้! เจ้าดิน ข้ากับเจ้าทำสำเร็จแล้ว!"
เด็กน้อยจับมือโกเลมดินด้วยความดีใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับไปยังบ้านต้นไม้กลางป่าลึก...
'ให้ตายสิ ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์นัก ได้มาทั้งพ่อและแม่เลย เจ้าดูอยู่ไหม อลิสเบล... บารอส' หญิงชรานึกในใจก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินบนเชิงเขา เธอคิดในใจว่าอยากให้เวลาเช่นนี้อยู่ตลอดไปนัก
___
ที่แห่งนี้คือเกาะแห่งแสง ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านของผู้พิทักษ์แห่งต้นไม้โลก แม้มันจะเต็มไปด้วยทรัพยากรมีค่า แต่ด้วยทะเลอันโหดร้ายและอันตราย ที่มีทั้งสัตว์อสูรและปีศาจนั้นทำให้นานาประเทศใกล้เคียงต่างยากที่จะมารุกราน และในบางครั้งบางคราวผู้คนที่แล่นเรือผ่านก็มักจะมีข่าวลือถึงเรื่อง มังกร กะลาสีเรือบางคนกลับไปเล่าต่อๆกัน จนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับนักแล่นเรือ
[มังกร] คำกล่าวนี้มาจากสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่มีปีก ลมหายใจของมันว่ากันว่าพ่นลมออกมาเพียงครั้งเดียวเมืองใหญ่หนึ่งเมืองก็ถึงคราวพินาศในพริบตา
ในครั้งก่อนประวัติศาสตร์ได้จดบันทึก ครั้งหนึ่งพวกมันต่างเคยอาศัยร่วมกันกับทุกเผ่าพันธุ์บนโลก แต่แล้ววันหนึ่งมังกรต่างคำรามพ่นลมหายใจแห่งหายนะออกมา มันร้องกังวานและกระพือปีกจนก่อให้เกิดพายุ
และแล้วการกระทำที่น่าพิศวงก็ได้ก่อให้เกิดไฟแห่งสงครามในที่สุด ผู้คนที่เหลือรอดในสงครามครั้งนั้นต่างเข้าจับมือและห่ำหั่นกับมังกร จนในที่สุดเมื่อชัยชนะมาถึงมังกรก็ได้หายไปจากโลกเสมือนไม่เคยมีมาก่อน
และในบางครั้งที่เรือแล่นผ่านแม่น้ำเขตอันตราย ก็จะมีลูกเรือหายไปอย่างปริศนาและทันทีที่พวกเขาตรวจตราเรือ
เขากลับพบว่าใต้ท้องเรือจะมีรอยกัด และรอยคมเขี้ยวนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับรอยฟันของมังกรในครั้งอดีต กะลาสีเรือต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่านั้นคือ รอยกัดของมังกร ที่มักจะปรากฏตัวในวันที่ฟ้าคะนอง และ วันที่พายุในทะเลคลั่ง
"หากพวกเจ้าอยากรอดเพื่อไปอยู่กับลูกเมียของเจ้า จงอย่าแล่นเรือผ่านแม่น้ำที่เคยมีป่าผู้พิทักษ์และวันฟ้าคะนองเด็ดขาด" นั้นคือคำให้การของกัปตันเจ้าของเรือที่มีรอยกัดมังกรที่กลางลำเรือ
รีวิวจากนักอ่าน
นิยายเรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว
มาเป็นคนแรกที่เขียนรีวิวนิยายให้กับนิยายเรื่องนี้กันรีวิวถึงตอนที่ 0
รีวิวถึงตอนที่ 0
ผลงานอื่นๆ ของ Otakuman777 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Otakuman777
ความคิดเห็น