คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เดือนเก้า
เดือน
9
“ทำไมต้องตามมาด้วย”เมื่ออีกคนเดินตามติดเป็นเหงาทำให้หมดความอดทนจนต้องหันไปต่อว่า
“แมวเหมียวจะกินอะไรดี”สกายเมินคำพูดของคนตัวเล็กแล้วถามออกไปแทน
“หึ้ยย”เดือนอ้ายทำได้แค่ส่งเสียงอย่างขัดใจเมื่ออีกคนเมินคำพูด
หายไปตั้งนานจะกลับมาทำไม
ถ้ากลับมาแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหอะ!
“กินร้านเดิมไหม”ให้ตายเถอะอย่ามาเอาใจมากได้ไหมไม่ชอบ
คนตัวเล็กไม่ตอบแต่เดินนำหน้าเจ้าของร่างสูงไป
เมื่อได้ข้าวแล้วจึงเดินกลับมาที่โต๊ะโดยมีเจ้าของตำแหน่งเดือนมหา’ลัยปีที่แล้วอย่างสกายเดินถือจานข้าวตามหลังมาและคนตัวเล็กข้างหน้าถือน้ำเปล่าสองขวด
เพื่อนของสกายที่เห็นเพื่อนเดินตามคนตัวเล็กต้อย ๆ ทำหน้าเหมือนเห็นผี
เหมือนพร้อมใจกันตะโกนในใจ ‘เชี่ย!!’ แล้วตบท้ายด้วยการมองหน้ากันเลิกลั่ก
“มองทำไมกินข้าวไปสิ”เห็นเพื่อนยังจ้องหน้าไม่ยอมกินข้าวกันจึงหันหน้าไปบอกด้วยเสียงนิ่ง ๆ
“ยัยหนูอ้ายกูจองห้องติวไว้แล้วนะ”ไม้ยอมไม่สนใจคนที่นั่งข้าง ๆ เพื่อนตัวเล็ก แต่เลือกที่จะคุยกันเรื่องที่จะติวเนื้อหาที่ต้องใช้ในการสอบ
ไม่เป็นไรเดี๋ยวนอกรอบกูไม่ปล่อยแน่!
เดือนอ้ายเป็นคนที่ฉลาดและเหมือนไหวพริบจะดีมากทีเดียวตอนปีหนึ่งที่รอดมาได้เพราะเพื่อนตัวเล็กนี่แหละที่ช่วยติวให้
เพราะทุกอย่างที่เดือนอ้ายติวให้ก็เป็นเนื้อหาที่อาจารย์สอนทั้งหมดแต่เพื่อนเลือกติวให้พวกเขาเฉพาะส่วนที่เจ้าตัวคิดว่าจะออกในส่วนที่อาจารย์สอนและเน้นย้ำในคาบเรียน
(แต่พวกเขาไม่สนใจฟัง) และต้องจับจุดให้ได้ว่าอันไหนสำคัญ และเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นออกตามที่ติวกันทั้งนั้นคะแนนพวกเขาถึงพุ่งกันเยอะขนาดนี้บวกกับฝนที่ก็เรียนเก่งเหมือนกันกลุ่มเขาจึงดูชิล
ๆ
“โอเคข้อตกลงเหมือนเดิมนะ”
ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรสำหรับข้อตกลงที่ทำกันตั้งแต่ปีหนึ่งคือการติวต้องแลกด้วยการเลี้ยงเค้กผมกับฝนนั้นเอง
ไม่ต้องเปลืองตังค์ตัวเองด้วย
คึคึ
“เออ
แม่งห่วงกินจริง ๆ แก้มแม่งออกอีกแล้วนะ”ตั้มว่าอย่างหมั่นไส้ดี๊ด๊าเข้าไปเรื่องเค้กเนี่ยแม่งกินแล้วเอาไปเก็บไว้ที่ไหนวะไม่เห็นอ้วนเลย
หรือจะเก็บไว้ที่แก้ม!
“เออใช่เรื่องที่คุยกันไว้พวกเฮียเขาตกลงนะ”ฝนว่าเพราะพึ่งนึกขึ้นได้สำหรับเรื่องไปเที่ยวที่บ้านของเดือนอ้ายในช่วยปิดเทอม
“โอเค”ย่าบัวต้องชอบแน่ ๆ เลยที่มีคนไปเที่ยวที่บ้านเราเยอะขนาดนี้
เพราะตั้งแต่มัธยมผมไม่เคยพาเพื่อนไปเที่ยวที่บ้านเลยสักครั้ง
“ติวกันที่ไหนงั้นเหรอ”ร่างสูงที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยปากถามขึ้นแล้วมองคนตัวเล็ก
“ไม่บอกหรอกนะแล้วก็ไม่ต้องคิดจะตามไปด้วย”
“แมวเหมียวไม่ใจร้ายสิ”
“เชี่ย”เพื่อนของสกายพร้อมใจกันร้องออกมาเบา ๆ มึงมีมุมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
ยอมเขาไปหมดแล้วเสียงน่ะเสียงเป็นเชี่ยไรอ่อนเชียว
“กูไม่ไหวแล้วนะ”ตั้มพูดขึ้น
“กูด้วย”ไม้เสริมแล้วมองหน้ากันสี่คนก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน
“นายจะจีบเพื่อนกูเหรอ!”
ถ้าจะกูขนาดนี้แล้วไม่ต้องเรียกนายแล้วมั้ย
“ถามอะไรกันแบบนั้นน่ะ!” เดือนอ้ายร้องขึ้นอย่างตกใจ
“ใช่”สกายตอบออกไปแล้วมองหน้าเพื่อนของเดือนอ้ายแบบไม่หลบสายตาที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเอาเรื่องมากทีเดียว
“นี่!
เงียบไปเลยนะ”หันไปว่าร่างสูงข้างตัวอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ให้จีบเว้ย!!”
และก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้เพื่อนของเดือนอ้ายก็ร้องขึ้นมาโดยพร้อมเพรียง
พวกเขาหวงเดือนอ้ายมากที่สุด
ที่เขารู้มาถึงคนที่จะจีบเพื่อนเขาจะไม่ใช่คนเจ้าชู้แต่ใช่ว่าจะไม่มีวันทำเพื่อนเขาเสียใจสักหน่อยเพราะคนคนนี้ก็มีเรื่องแบบนั้นเหมือน
ๆ กับผู้ชายทั่ว ๆ ไปเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยด้วย ถ้ามีวันไหนที่ได้คบกันแล้วเกิดว่าผู้ชายคนนี้เบื่อเพื่อนเขาขึ้นมาเขาแทบไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
ถึงมันจะยังไม่เกิดแต่กันไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรอ
แต่ต่อให้หวงหรือห่วงมากแค่ไหนพวกเขาก็แค่เพื่อน
คนที่จะตัดสินใจว่าจะให้เรื่องมันเป็นยังไงต่อไปคือเดือนอ้ายอยู่ดีไม่ว่าเพื่อนจะว่ายังไงพวกเขาก็ว่าตาม
(แต่ไม่รับปากว่าจะอยู่เฉย ๆ นะ)
“เพื่อนเขาไม่ยอมรับมึงวะ”ดิวพูดขึ้น
“งานหยาบก็มา”เต้ว่าลอย ๆ
“เป็นมึงมึงจะยอมเหรอวะสกายเพื่อนรักเป็นกูกูไม่ยอมนะ”ยูผู้ที่เห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องตลก
“ไม่ช่วยก็อยู่เงียบ
ๆ สัด”เบื่อพวกมึงก็ตอนนี้แหละ
“โทษทีนะแต่ยังยืนยันคำเดิม”หันไปพูดกับเพื่อนคนตัวเล็ก มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ก็เขาดันอยากได้คนตัวเล็กข้าง
ๆ มากซะด้วยสิจะให้ยอมถอยง่าย ๆ ก็ไม่ต้องเรียกว่าสกายแล้วมั้ง
เพราะคนตัวเล็กคือคำตอบของคำถามที่เขาต้องการ
“งั้นรู้ไว้เลยว่านายไม่มีทางจีบติด”หึไม่ยอมให้จีบติดง่าย ๆ หรอกกูเนี่ยแหละจะคอยขัดขว้างให้ถึงที่สุดเลยค่อยดู
เดือนอ้ายทำได้แค่หันมองเพื่อนทีคนร่างสูงข้าง
ๆ ที อยากบอกเพื่อนเหลือเกินว่าอย่าออกตัวแรงเพราะขนาดตัวเขายังไม่มั่นใจในตัวเองเลย
ฮืออ
“เวรแล้วมึงจะได้เวลาเรียนแล้ว”เพื่อนคนตัวสูงร้องขึ้น
“ฉิบหาไม่เจอ!”ก็ฉิบหายนั้นแหละ แค่นี้ยังจะเล่นอีก
“ลุกดิตอนนี้ปล่อยไว้ก่อนมึงต้องไปเรียนก่อนลุกเร็วสัดกาย”เพื่อนเร่งอย่างร้อนรนจะไม่ร้อนรนขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ว่าวิชาที่เรียนต่อไปนี้ไม่ใช่วิชาของพ่อ
“เออ”ตอบเพื่อนแล้วยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้าง ๆ ใบหูของคนตัวเล็กก่อนเดินออกไป
“ไว้เจอกันใหม่นะครับแมวเหมียว”
เมื่อสกายและกลุ่มเพื่อนเดินออกไปเพื่อนของเดือนอ้ายก็หันกลับมาจ้องหน้าเขม็งทันที
“ยัยหนูอ้ายห้ามใจอ่อนนะเว้ยไม่งั้นกูไม่ยอม”
“ลูกสาวแม่อย่าหลงกลหน้าหล่อ
ๆ นั้นนะ”
“กูเลี้ยงของกูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยกูไม่ยอมยกให้ใครหรอก”
เอาฮาป่ะถามจริง
มึงกับกูอายุเท่ากันตอนกูเกิดมึงก็พึ่งเกิดจะเอาความสามารถที่ไหนมาเลี้ยงกูเอาตัวเองให้รอดก่อนไหมเพื่อน
ขอยาแก้ปวดหัวหน่อยไม่ไหวแล้วเพื่อนเป็นบ้า
“ใช่ ๆ
กูก็ไม่ยอม”
“เดี๋ยวสิมึงเลี้ยงกูยังไงในเมื่อมึงก็อายุเท่ากู”
“มึงต้องโฟกัสที่ความรักของกูสิวะ”อ้าวเหรอโทษ ๆ
“ก็มึง”
“ไม่ต้องมามึงเลย
ห้ามแต่ด้วยมึงมีหน้าที่ฟังแล้วก็จำ”
“ทำตัวยิ่งกว่าพ่อ”เดือนอ้ายทำหน้าเบื่อหน่าย
“สัดอ้าย!”เต็มหูเลยเปิดฟาร์มได้
“พอ ๆ เตรียมตัวไปเรียนกันได้แล้วไหม”ตัดบทก่อนที่จะโดนไปมากกว่านี้ชอบบ่นกันซะจริง
“ลูกสาวเลือกดี
ๆ นะ”ฝนว่าทิ้งท้ายให้เพื่อนตัวเล็กได้เก็บไปคิด
อือ
สัญญาเลยว่าจะคิดอย่างดีและตัดสินใจอย่างมีสติแต่ตอนนี้ขอปล่อยเบลอก่อนนะ
“สอนเกินเวลาอีก”
“กูเห็นเกินทุกคาบเลือดตาแทบกระเด็น”
“สูตรเหี้ยอะไรกูลายตา”
“แล้วมึงวันนี้จะไปหาเขาหรือจะเข้าอู่”ดิวหันไปถามเพื่อน
“อู่ เข้าไปดูพวกมันหน่อยกูไม่ได้ไปนานแล้ว”
“รวยฉิบหายแต่ก็ยังทำงานตัวเป็นเกลียวนะมึง”
“หาเองกับขอมันต่างกันพวกมึงก็ทำไม่ไช่หรือไง”เหลือบตามองเพื่อนอย่างเอือม ๆ
“ก็ตามนั้น”
“เฮีย ๆ
หวัดดีครับ”เดินลงจากตึกเรียนก็เจอเข้ากับกลุ่มเด็กปีหนึ่งที่สนิทกัน
“เออดี ๆ”
“พึ่งเรียนเสร็จกันเหรอเฮีย”
“เออดิวะ
ว่าแต่นั่งทำอะไรกันวะ”
“นั่งเล่นครับเฮียเต้”
“ระวังตีนหน่อยละพวกมึง”แม่งเล่นนั่งแซวสาวกันมั่วขนาดนี้ไอ้เด็กเวร
“โหยเฮียไม่มีปัญหาแน่นอนค้าบบ”ให้มันจริงอย่างที่ปากว่าเถอะ
“เออเฮียผมถามหน่อยดิ”พูดซะกูเป็นเพื่อนเล่นมึงเลยนะ
“อะไรเงินกูไม่มีนะโว้ย”
“โถ่ไม่ใช่ดิเฮีย”
“เออ ๆ
ว่ามา ๆ”
“แบบว่าเฮียรู้จักพี่อ้ายปีสองภาคคอมฯไหมครับ”
จากที่ไม่ได้สนใจที่เพื่อนคุยกันแต่แค่ชื่อแมวเหมียวถูกเอ่ยออกมาก็ดึงความสนใจร่างสูงได้ทันที
ก็ชื่ออ้ายปีสองภาคคอมมีคนเดียวนี่หว่าถ้าไม่ใช่แมวเหมียวของเขาแล้วจะเป็นใครไปได้
เพื่อนต่างพากันปรายตามองสกายจากนั้นจึงหันไปถามเด็กปีหนึ่งต่อ
“ทำไมวะ”ยูเป็นคนถามออกไป
“พอดีเพื่อนผมมันชอบอะเฮียเพ้อกันฉิบหาย”ซวยแน่มึงพูดไม่ดูหน้าดูหลังได้ตายกันหมดแน่ ๆ
“เพื่อนมึงคนไหน”หลังจากนั่งเงียบอยู่นานพอรู้ว่ามีคนอื่นมาชอบคนตัวเล็กสกายก็ถามออกไปเสียงเยือกเย็นจนคนฟังขนลุกไปตาม
ๆ กัน
“เอ่อ คือ”เด็กตรงหน้าไปไม่เป็นเลยทีเดียวเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ตัวสูงไม่พอใจหรือเปล่า
“หึหึ
เอาเถอะคนไหนก็ช่างมันแต่ฝากบอกมันด้วยว่าคนที่มันชอบมีเจ้าของแล้ว เจ้าที่เขาแรงถ้าเพื่อนมึงอยากลองเชิญได้”ยูเอ่ยอย่างติดตลกแต่ก็แฝงไปด้วยการเตือนกลาย ๆ
“ว่าแต่มึงมีคอนแทคเขาไหมวะ”ที่ถามไม่ใช่ว่าอยากได้เองหรอกนะ ก็สัดกายแม่งจะจีบเขาแต่แม้แต่เบอร์โทร.เขามันยังไม่มีมันจีบยังไงของมัน
“เอ่อ
หมายถึงเพื่อนผมเหรอเฮีย”
“เอาของเพื่อนมึงมาทำซากอะไรเอาของคนชื่ออ้ายซิวะ”
“มะ มี
ครับ”
“เอามาให้กูดิ”
ว่าแต่มันได้มาจากไหนกันวะ
“แป๊บหนึ่งครับเฮีย”
“เออ ๆ”รอไม่นานนักก็ได้ช่องทางการติดต่อคนที่เพื่อนบอกจะจีบมาทั้งหมดยกเว้นก็แต่เบอร์โทร.ที่ไม่มีแต่แค่นี้ก็เกินพอแล้วนอกจากนั้นให้แม่งหาเอง
“ใจมากมึงงั้นพวกกูไปละ”
“สวัสดีครับ”เมื่อรุ่นพี่เดินจากไปเด็กปีหนึ่งทุกคนบนโต๊ะก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เฮียใจดีแต่อย่าเผลอไปทำให้โกรธหรือไม่พอใจเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นชีวิตคงเหมือนตกนรก
.........................................................................
เมื่อเดินออกมาจากกลุ่มของเด็กปีหนึ่งแล้วยูจึงหันไปถามเพื่อน
“อยากได้ไหมวะ”หมายถึงของที่พึ่งได้มาจากเด็กปีหนึ่งกลุ่มนั้น
“จะเอาอะไร”สกายถามเพื่อนด้วยใบหน้าที่ติดจะเฉยชา
“รู้ใจสมกับเป็นเพื่อนรักกูจริง
ๆ”ยูว่าแล้วหัวเราะเบา ๆ
“สัดยูอย่าลีลา”ก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาอยากได้มันยังจะเล่นไม่เลิก
“ตอนนี้กูยังนึกไม่ออกไว้นึกออกจะบอก”
“เออ”
“แล้ววันนี้ออกไหมวะ”เต้ถามเพื่อนก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ
“วันนี้กูไม่ว่าง”เสียงตอบจากคนที่ก้มหน้ากดโทรศัพท์อยู่ดังขึ้น
ปล่อยให้แม่งหาทางคุยกับเขาไปก่อน
“แล้วพวกมึงเอาไง”
“ไป!”
“ที่เดิม”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยก็แยกย้ายกันกลับ
ส่วนเขาไม่ได้กลับห้องหรอกต้องเข้าไปตรวจงานที่อู่
สกายเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถที่มีขนาดใหญ่พอสมควรและร้านของเขามีเครื่องมือครบวงจรไม่ว่าจะซ่อมรถ
แต่งรถ ชิ้นส่วนหรืออะไหล่รถนำเข้าจากต่างประเทศ ร้านที่ร่างสูงเรียกว่าอู่เป็นธุรกิจส่วนตัวที่สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
ส่วนบัญชีของร้านทั้งหมดเขาเป็นคนจัดการเองไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อของหรือรายรับทั้งหมด
“ไงเข้าร้านได้แล้วเหรอ”เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็ได้รับเสียงทักท้ายจากช่างในร้าน จริง ๆ
แล้วเขาพูดคุยกับช่างในร้านอย่างเป็นกันเองทุกคนเพราะบางคนอายุมากกว่าเขาหรือบางคนอายุน้อยกว่าเขาจึงเหมือนอยู่กันแบบพี่น้องมากกว่า
“พึ่งส่งงานเสร็จนะสิ”ว่าแล้วก็ถอนหายใจอาจารย์ชอบสั่งงานช่วงจะสอบพอส่งงานเสร็จก็ทวนเนื้อหาที่เรียนต่อเวลาว่างแทบไม่มี
“พวกลูกลิงมันบ่น
ๆ ถึงมึงฉิบหายกูคร้านจะฟังแล้ว”พวกลูกลิงที่พี่แกพูดถึงไม่ใช่ใครที่ไหนก็พวกช่างในร้านนี้แหละแกคงเหนื่อยใจมากทีเดียว
“ปล่อย ๆ
พวกมันบ้างก็ได้”คนคอยปรามเวลาที่ผมไม่เข้าร้านก็พี่แกนี่แหละ
“เฮ้อ”ถึงกับถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าโซนด้านในของร้านไปพร้อมกัน
“เฮียยยย”เสียงมาก่อนตัวอีกนะ
“เฮียหวัดดีค้าบบบบ”
“เฮียเข้าร้านเว้ย”
“ไม่เห็นรู้เลยว่าเฮียจะเข้าร้านพี่ศักดิ์รู้คนเดียวอีกแล้วโด่”น่าเหนื่อยใจแทนพี่แกจริง ๆ ที่ต้องคุมพวกช่างตัวแสบทั้งหลายแทนผม
“พวกมึงเป็นเจ้านายกูหรือไงกูถึงต้องคอยรายงานทุกอย่าง”ไอ้พวกเด็กเวร
“โหยยพี่อะ”
“เดี๋ยวมาก็เห็นเอง”
“พอ ๆ
พวกมึงนี่นะ แล้วเป็นไงกันบ้างวะ”เอ่ยถามเรื่องในร้านช่วงที่ผมไม่ค่อยได้เข้าร้านมาตรวจความเรียบร้อย
“เรียบร้อยดีครับเฮีย”ช่างฝ่ายซ่อมบอก
“ก็ดีแล้วขาดเหลืออะไรก็บอกแล้วกัน”
“แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับเฮีย”
“จริงด้วยสิเฮียเมื่อสองวันที่แล้วเจ้ส้มมาหาเฮียอีกแล้วพวกผมบอกว่าเฮียไม่เข้าร้านแกก็ยังจะรอ”
“แล้วไงกูไม่รู้จัก”ก็แค่ลูกค้า
“เฮียก็รู้ว่าเจ้เขาชอบเฮีย”
ก็เฮียของพวกเขาหล่อขนาดนี้หญิงจะชอบมันก็ไม่แปลก
แต่เฮียจะเอามั้ยนั้นอีกเรื่อง
“แล้วกูต้องชอบทุกคนที่เขาชอบกูไหม”ว่าแล้วก็ส่ายหัวเบา ๆ“เอาเป็นว่ามึงไม่ต้องสนใจเขาทำงานของมึงก็พอแล้ว”
“ครับเฮีย”
“เออก็แค่นั้น
แล้วงานใกล้เสร็จยังวะร้านจะปิดแล้วเดี๋ยวกูพาไปกินข้าวกัน”
“เฮียเลี้ยงใช่ป่ะ”
“กูเคยให้พวกมึงจ่ายหรือไง”
“ขอบคุณค้าบบบบ”
ผมได้แต่ส่ายหัวมองพวกลูกลิงทั้งหลายที่มันพากันรีบวิ่งไปทำงานให้เสร็จ
“อย่าตามใจพวกมันมาก”
“นาน ๆ
ทีไม่เป็นไรหรอกพี่ให้พวกมันมีกำลังใจทำงาน”
........................................................
“สวัสดีครับย่าบัว”เสียงสดใสเอ่ยผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยในเวลาสองทุ่ม
‘น้องเดือนของย่าโทร.หาย่ามีอะไรหรือเปล่าลูก’น้ำเสียงอบอุ่นที่ได้ฟังทีไรก็อบอุ่นหัวใจของย่าบัวเอ่ยถาม
“เดือนคิดถึงครับเลยโทร.หา”
‘ปากหวานจังเลยนะจ๊ะ’
“แน่นอนอยู่แล้วหลานย่าบัวนี่นา”นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากัน แค่คุยกันบางบ้างครั้งแต่ก็เป็นเวลาเพียงไม่นานไม่พอที่จะเยียวยาความคิดถึงได้เลย
‘จ๊ะแล้วสรุปว่าน้องเดือนมีอะไรถึงโทร.หาย่าได้ต้องไม่ใช่คิดถึงย่าอย่างเดียวแน่เลย’สมกับเลี้ยงมาเองกับมือจริง
ๆ
“เดือนรบกวนย่าบัวช่วยเตรียมที่พักให้เดือนหน่อยได้ไหมครับพอดีว่าหลังสอบเสร็จเดือนจะพาเพื่อนไปเที่ยวที่ไร่ของเราแล้วก็
..ไปสวัสดีคุณพ่อกับคุณแม่ด้วย”
‘หือ
น้องเดือนของย่าต้องการกี่ห้องคะ หรือจะใช้เรือนฝั่งซ้ายเอ่ย’ย่าบัวถาม
‘เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ย่าจะได้เจอเพื่อนน้องเดือน’
“ครับเดือนจะพาไปไหว้ย่าบัวด้วย”
‘ทุกอย่างไปได้ดีใช่ไหมคะน้องเดือนของย่าถึงมีความสุขขนาดนี้’
“มันดีมาก
ๆ เลยครับ เดือนโชคดี”โชคดีที่มีเพื่อนดี ๆ
‘ย่าดีใจที่น้องเดือนมีความสุข
เดี๋ยวเรื่องที่พักย่าจะจัดการให้นะคะ’
“ขอบคุณครับ”
‘เป็นเด็กดีนะคะ’..ปล่อยวางบ้างนะลูกย่าอยากให้หนูมีความสุข หญิงชราได้แต่พูดต่อในใจ
“รักย่าบัวนะครับ”
หลังจากวางสายจากย่าบัวร่างเล็กของเดือนอ้ายก็ยืนรับลมที่หน้าระเบียงห้องแล้วปล่อยความคิดให้ลอยไปกับสายลม
แสงแดดที่ส่องผ่านม่านเข้ามาทำให้คนที่กำลังหลับใหลบนเตียงนุ่ม
ๆ ขยับตัวยุกยิกแต่เปลือกตาสีสวยกลับไม่ยอมเปิดรับเช้าของวันใหม่ วันนี้เดือนอ้ายมีเรียนแค่ช่วงบ่ายเพราะฉะนั้นจึงมีเวลาให้ได้นอนกลิ้งไปมาบนเตียงได้อีกนานแต่คนตัวเล็กกลับไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าถึงจะไม่อยากลุกจากสิ่งที่เรียกได้ว่าคือความสุขแต่ก็ไม่อาจทำได้
เพราะการตื่นเช้าทำให้ทำอะไรได้หลายอย่าง และวันนี้เดือนอ้ายมีแพลนว่าจะทำขนมทานเองและจะทำไปฝากเพื่อนด้วย
เพราะยังไงก็ซื้อของมาเยอะอยู่แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กจึงลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะลงมือทำขนม
ส่วนอุปกรณ์และส่วนประกอบต่าง
ๆ เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเมนูที่จะทำในวันนี้คัพเค้กฟักทอง
เพราะเป็นเมนูที่ใช้เวลาไม่นานมากนักเดือนอ้ายจึงเลือกเมนูนี้
ครืดด ครืดด
‘เบอร์ที่ไม่รู้จัก’
เบอร์ไม่คุ้นใครกัน
เดือนอ้ายไม่ได้แจกเบอร์ใครมั่ว
ๆ คนที่มีเบอร์เขาก็มีแค่เพื่อนกับสายรหัสแล้วเบอร์ที่โทร.เข้าเป็นเบอร์ใครกัน
หรือมีใครเปลี่ยนเบอร์หรือเปล่านะ
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเลือกที่จะรับสาย
“สวัสดีครับ”
‘….’ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย
“ฮัลโหล
ใครครับ”
‘….’
“ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ”หรือว่าโทร.ผิด? กำลังจะกดวางแต่กลับได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมาก่อน
‘แมวเหมียว’
“นาย?
สกาย!!”เขาจะไปเอาเบอร์เรามาจากไหน
จำได้ว่าเขาไม่ได้ให้ไปและปลายสายก็ไม่เคยขอด้วย
‘เรียกชื่อได้สักทีนะ
วันนี้ไม่มีเรียนหรอทำไมไม่เจอ’
“นายไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหน”
‘หึหึ
แค่เบอร์ของแมวเหมียวมันไม่เกินความสามารถหรอกถ้าอยากได้’
“แค่นี้นะ”อันตรายเกินไปแล้ว
‘เดี๋ยวสิแมวเหมียวยังไม่ตอบเลยนะ’
“ไม่บอกหรอก”แล้วก็กดวางสายทันที ส่วนคนปลายสายที่โทร.เข้านะหรอได้แต่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไงล่ะก็ทั้งได้ยินเสียงก่อนจะขึ้นเรียนแล้วยังมั่นใจได้อีกว่านี้คือเบอร์ของคนตัวเล็ก
แต่สำหรับเดือนอ้ายนี่เป็นการบอกได้เลยว่าต่อจากนี้ชีวิตของเขาจะวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
ใครจะไปรู้กันละนอกจากตัวเขาเองว่าเพียงแค่เวลาไม่นานที่คนคนนั้นเข้ามาบทบาทในชีวิตมันทำให้เขาเสียระบบไปมากแค่ไหน
ก็ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่างพึ่งรีบชอบเขานะ
ต่อให้หัวใจไม่รักดีดวงนี้จะหวั่นไหวกับเขาแค่ไหนก็ตาม
ถ้าเพื่อนรู้เข้าคงหลั่งน้ำตากันทั้งกลุ่มแน่
ๆ
เขาหลีกเลี่ยงความรู้สึกแบบนี้มาแทบจะทั้งชีวิต
แต่พอเป็นคนคนนี้ทำไมมันดูยากเย็นขึ้นทุกวันในการควบคุมความรู้สึกของตัวเอง
#ฟ้าคลั่งรัก
ความคิดเห็น