[FANFIC] HONKAI IMPACT 3 X MONSTERVERSE
เรื่องราวได้เริ่มขึ้นเมื่อ TITANUS GOJIRA ราชันย์แห่งสัตว์ประหลาดและผู้รักษาความสมดุลของธรรมชาติจากจักรวาล MONSTERVERSE ต้องมาอยู่ในโลกของ HONKAI IMPACT 3
ผู้เข้าชมรวม
13,674
ผู้เข้าชมเดือนนี้
727
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ความเย่อหยิ่งยะโสของมนุษย์คือ การคิดไปเองว่าธรรมชาติอยู่ในการควบคุมของพวกเรา แต่ไม่ใช่ในทางกลับกัน”
Dr. Ishiro Serizawa
เรื่องราวได้เริ่มขึ้นเมื่อ “TITANUS GOJIRA” หรือ “GODZILLA” ราชันแห่งสัตว์ประหลาดจากจักรวาล MONSTERVERSE ได้ปรากฏตัวขึ้นมาในโลกของ HONKAI IMPACT 3 มานานแสนนานจนถึงโลกยุคใหม่ที่กำลังถูกพลังงานลึกลับนามว่า “ฮงไก” เข้ารุกราน
โดยมีหน่วยต่อต้านที่เรียกว่า “วาลคีเรีย” ซึ่งเป็นเหล่าเด็กสาวผู้มีพลังต่อต้านฮงไกอยู่ในพันธุกรรมเข้าต่อสู้กับหายนะฮงไกและภัยคุกคามต่างๆที่แพร่กระจายทั่วโลก ไปพร้อมกับ GODZILLA เพื่อปกป้องสิ่งสวยงามทั้งหมดบนโลกใบนี้!
“ฮงไก” คือพลังงานชนิดหนึ่ง พลังงานปริศนาที่หากมีความเข้มข้นสูงจะก่อให้เกิดภัยพิบัติขึ้นเพื่อกำจัดอารยธรรมของมนุษย์
ซึ่งภัยพิบัตินั้นมีทั้ง ภัยธรรมชาติ และปีศาจ มนุษย์ที่สัมผัสกับพลังฮงไกเข้มข้นจะถูกเปลี่ยนให้เป็นซอมบี้และเข้าทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน
พลังฮงไกมาจากไหน?
เรื่องนี้ก็ง่ายๆ สิ่งเดียวที่ทำลายโลกได้คืออะไร? สิ่งนั้นก็คือ “มนุษย์”
มนุษย์เปรียบเสมือนปรสิตคืบคลานอยู่บนโลก และโลกก็จำเป็นจะต้องกำจัดปรสิตพวกนั้นด้วยการสร้างวัคซีนอย่าง “ฮงไก”ขึ้นมานั่นเอง
“แฮชเชอร์” เป็นตัวตนของมนุษย์ที่อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังมนุษย์ด้วยกันและเป็นศัตรูธรรมชาติของมนุษย์ แต่ความเกลียดชังไม่ได้สร้างแฮชเชอร์อย่างเดียว
พลังฮงไกเองก็เป็นส่วนที่ทำให้เกิดแฮชเชอร์ขึ้นมา เพราะหากมีพลังงานฮงไกเข้มข้นมากขึ้นจนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้มนุษย์ที่รับพลังนั้นและไม่กลายเป็นซอมบี้จะกลายเป็น “แฮชเชอร์”
ตัวตนที่มีพลังยิ่งใหญ่ สามารถทำลายล้างโลกได้อย่างง่ายดาย ในอารยะธรรมเก่ามีปรากฏแฮชเชอร์แค่ 14 คน ก่อนที่อารยธรรมจะล่มสลาย
“วาลคีเรีย” เป็นหน่วยต่อสู้ขององค์กร Schicksal ทำหน้าที่ในการต่อสู้กับซอมบี้และฮงไก
โดย Valkyria ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เนื่องจากความสามารถในการปรับตัวและความคล่องตัวที่มากกว่าผู้ชาย
นอกจากนี้ยังมีการจำแนก Valkyria แบ่งออกเป็นลำดับ ซึ่งสูงสุดคือ S, A, B, C และ D - Rank ตามลำดับจากมากไปน้อย
“ไททัน” คือสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์โบราณที่ศึกษาวิจัยโดยองค์กรวิทยาศาสตร์โมนาร์ช (Monarch)
แม้ในตอนแรกโมนาร์ชจะถือว่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าวที่ศึกษาวิจัยเป็น “Massive Unidentified Terrestrial Organism” ที่แปลว่า “สิ่งมีชีวิตบนบกที่ไม่ปรากฏชื่อขนาดมหึมา” หรือเรียกสั้นๆว่า MUTO (มูโตะ)
โดย MUTO จึงเป็นชื่อเรียกที่โมนาร์ชใช้เรียกสัตว์ประหลาดที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ คำนี้คิดขึ้นโดย “บิล แรนด้า” (Bill Randa) หนึ่งในผู้ที่ก่อตั้งโมนาร์ช
ในขณะที่ MUTO ส่วนใหญ่จะได้รับชื่อเฉพาะของตัวเองจากโมนาร์ช และต่อมาจึงถูกจัดประเภทเป็น “ไททัน” หรือ “ซูเปอร์สปีชีส์” แทน
ซึ่งไททันทั้งหมดจะได้รับการกำหนดให้มี “ชื่อสามัญ” และ “การจำแนกประเภท” ซึ่งเป็นชื่อทางการมากกว่า ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยคำว่า “ไททานัส” (Titanus)
ไททันนั้นถูกจัดอยู่ภายใต้กลุ่มซูเปอร์สปีชีส์ (Superspecies) ซึ่งอธิบายถึงสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนทั้งหมดที่โมนาร์ชค้นพบ
โดยไม่มีข้อกำหนดด้านขนาดที่เข้มงวดสำหรับ สิ่งมีชีวิตที่จะได้รับการยืนยันว่าเป็นไททันและดูเหมือนว่าปัจจัยต่างๆ เช่น ระยะการเดินทางและความต้านทานต่ออาวุธทั่วไปจะมีความสำคัญมากกว่า เพราะหากสิ่งมีชีวิตบางชนิดมีความทนทานน้อยกว่ามาก ทำให้พวกมันถือเป็นซูเปอร์สปีชีส์เท่านั้น ไม่ได้ถูกจัดเป็นไททันและนอกจากนี้สถานะของไททันไม่ได้ขยายไปถึงสายพันธุ์ทั้งหมด แต่สามารถจํากัดได้เฉพาะสมาชิกรายบุคคลของสายพันธุ์นั้นได้
โดยไททันจำนวนมากจะตอบสนองต่อ “อัลฟ่าไททัน” ซึ่งเป็นไททันที่ยืนหยัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งไททันทั่วไปสามารถเป็นอัลฟ่าได้โดยการเอาชนะอัลฟ่าตัวก่อนหน้า
ไททันส่วนใหญ่หายไปไหน?
แม้ว่าไททันจะมีหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดสามารถดำรงอยู่ได้ด้วยการแผ่รังสีและปล่อยรังสีรูปแบบหนึ่งที่มีผลในการฟื้นฟูระบบนิเวศ กล่าวกันว่าไททันเจริญเติบโตได้ดี ในอดีดเมื่อพื้นผิวโลกมีกัมมันตภาพรังสีมากกว่ายุคปัจจุบัน และพวกมันก็ถอยร่นไปใต้ดิน และเข้าสู่สภาวะจำศีลเมื่อรังสีลดลง
เรื่องราวต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อ เชิญไปติดตามรับชมได้เลย
[FANFIC] HONKAI IMPACT 3 X MONSTERVERSE
แนะนำตัวละครหลัก
GODZILLA (ゴジラ)
• การจำแนกประเภทและชื่อทางวิทยาศาสตร์ : ไททานัส โกจิร่า (TITANUS GOJIRA)
[ มันคือซูเปอร์สปีชีส์ที่ถูกจัดให้เป็น “ไททัน”]
• สายพันธุ์ : สัตว์เลื้อยคลานสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Giant prehistoric amphibious reptile)
• ฉายา : ราชันแห่งมอนสเตอร์ (King of Monsters), มอนสเตอร์ปรมาณู (Atomic Monster), ผู้พิทักษ์ที่น่ากลัวแห่งธรรมชาติ (Nature's Fearsome Guardian), สุดยอดไททัน (Ultimate Titan), ราชาแห่งธรรมชาติ (King of Nature), ไททันโบราณ (The Ancient Titan) และ ผู้พิทักษ์แห่งธรรมชาติ (Defender of Nature)
• ตำแหน่ง : อัลฟ่าไททัน (Alpha Titan)
• ธรรมชาติ : ไบโออะตอมมิค (Bio-Atomic)
• ประเภทพฤติกรรม : ไททันผู้พิทักษ์ (Protectors)
• ศูนย์วิจัย : ฐานแคสเซิลบราโว (Bravo Castle) หรือ Outpost 54 เขตน่านน้ำเบอร์มิวด้า
[หมายเหตุ : “แคสเซิลบราโว” (Bravo Castle) ที่ตั้งอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเบอร์มิวดา เพื่อศึกษาเกี่ยวกับ GODZILLA ซึ่งสถานที่แห่งนี้ได้ชื่อมาจากระเบิดปรมาณูที่ถูกนำไปใช้ในการสังหาร GODZILLA ในปี 1954 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ]
• เพศ : ผู้
• อายุ : ประมาณ 3 - 5 ล้านปี
• ส่วนสูง : 108.2 เมตร (355 ฟุต) ในปี 2014 - 2016
119.8 เมตร (393 ฟุต) ในปี 2019 - 2021
• ความยาว : 167.7 เมตร (550 ฟุต 4 นิ้ว) ในปี 2014 - 2016
177.3 เมตร (582 ฟุต) ในปี 2019 - 2021
• น้ำหนัก : 90,000 ตัน ในปี 2014 - 2016
99,634 ตัน ในปี 2019 - 2021
• สถานะ : ยังมีชีวิตอยู่
• อาหาร : ดูดซับสารกัมมันตภาพรังสีจากแกนโลก
พลัง/ความสามารถ
• ลมหายใจปรมาณู (Atomic Breath) หรือ ลมหายใจรังสีความร้อน (Breath Heat Radiation)
อาวุธหลักของ GODZILLA ซึ่งเป็นลำแสงที่เข้มข้นไปด้วยสารกัมมันตภาพรังสีที่พ่นออกจากปากเพื่อโจมตีใส่ศัตรูหรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในรูปแบบของเปลวไฟสีน้ำเงินซึ่งพลังการทำลายของมันนั้นรุนแรงมาก
นอกจากจะเป็นท่าไม้ตายในการต่อสู้แล้ว GODZILLA ก็ยังสามารถใช้เป็นการแสดงความเหนือกว่าได้อีกด้วย แต่การใช้ลมหายใจปรมาณูมากเกินไปจะส่งผลทำให้มันอ่อนกำลังลงในการใช้งานครั้งต่อไป
อุณหภูมิของลมหายใจปรมาณูที่ต่ำสุด คือ 20,000 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนกว่าพื้นผิวดวงอาทิตย์
• วิวัฒนาการ (Evolution)
การวิวัฒนาการนั้นมีในทุกสิ่งมีชีวิตอยู่แล้วแม้แต่ GODZILLA เองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นครีบหลังที่เป็นรูปร่างเหมือนใบเมเปิ้ล, กรงเล็บที่ยาวขึ้น, หางคู่, และขนาดร่างกายที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงโครงสร้างร่างกายที่ทำให้มันแข็งแกร่งและคล่องตัวมากขึ้น โดยทาง Monarch กล่าวว่า “GODZILLA ปรับตัวและวิวัฒนาการอยู่เสมอ”
• ความทนทานของร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือขีปนาวุธแบบไหนก็ไม่สามารถทำอันตรายต่อร่างของ GODZILLA ได้ ซึ่งมันก็สามารถเอาชีวิตรอดจากการระเบิดของ Bravo Castle ซึ่งเป็นระเบิดไฮโดรเจนได้ด้วย และมันสามารถทนต่ออุณหภูมิที่เย็นจัดและเยือกแข็งได้สูง แถมยังทนทานต่อความร้อนสูงอีกด้วย
• ความสามารถทางกายภาพ
GODZILLA สามารถใช้ขากรรไกรอันทรงพลังและกรงเล็บในการต่อสู้ได้แล้ว นอกจากนี้หางของ GODZILLA ก็เป็นอาวุธที่น่าเกรงขามเช่นกัน โดยสามารถแกว่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 89 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือประมาณ 143 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งการโจมตีนี้จะเรียกว่า “เทลแฮมเมอร์” (Tail Hammer) ซึ่งทรงพลังมากพอที่จะทำลายเรือรบสามลำได้อย่างง่ายดาย
GODZILLA สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง เมื่อมันพุ่งเข้าหาศัตรูตรงหน้า และตามที่ Monarch ระบุว่าครีบหลังของ GODZILLA มีหน้าที่ป้องกันหมายความว่า ครีบหลังของ GODZILLA อาจทำหน้าที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่คมกริบเพื่อทิ่มแทงใส่ศัตรูที่ได้สัมผัสและยังสามารถตัดผ่าเรือรบได้เมื่อมันว่ายน้ำผ่านได้
ซึ่งการโจมตีนี้จะเรียกว่า “ดอร์เซิล ฟิน คัดเตอร์”(Dorsal Fin Cutter) หรือ “ดอร์เซิล สไลซ์”(Dorsal Slice)
• ความสามารถในการเคลื่อนที่ได้ในน้ำ
GODZILLA มีเหงือกที่ปิดทุกครั้งเวลาที่มันขึ้นบก และมันก็ยังมีปอดจึงทำให้มันสามารถหายใจได้ทั้งใต้น้ำและบนบก
โดยความเร็วในการว่ายน้ำปกติของ GODZILLA คือ 40-50 น็อต (ประมาณ 74-92 กม./ชม.) แม้ว่าจะเคยพบว่ามันว่ายน้ำด้วยความเร็วเกิน 60 น็อตด้วย ซึ่งมันขับเคลื่อนร่างกายอันใหญ่โตของมันด้วยการกระดิกหางเหมือนกับจระเข้ ซึ่ง GODZILLA สามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วมากและหลบหนีกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้แม้จะมีขนาดใหญ่ก็ดามและทำให้ GODZILLA กลายเป็นนักสู้ใต้น้ำที่ทรงพลังอย่างมาก
• สติปัญญา (Intelligence)
GODZILLA แสดงให้เห็นถึงสติปัญญา โดยเรียนรู้ที่จะใช้จุดอ่อนและรูปแบบการโจมตีของศัตรูเผื่อใช้ในการต่อสู้ ด้วยนิสัยของ GODZILLA ที่มักจะเมินเฉยต่อการโจมตีต่างๆของกองทัพทหารโดยสิ้นเชิงและไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด แม้ว่า GODZILLA จะได้รับบาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัดจากขีปนาวุธที่ยิงเข้าใส่เหงือกของมันโดยตรงก็ตาม
แสดงให้เห็นถึงความฉลาดของ GODZILLA อย่างมาก ที่มักจะพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับมนุษย์โดยไม่จำเป็น
• การดูดซับพลังงาน (Energy Absorption)
GODZILLA สามารถกินและดูดซับรังสีได้หลายวิธี โดยโมนาร์ชบรรยายมันว่าเป็น “ชีวอะตอม” ในปัจจุบัน GODZILLA สามารถดูดซับรังสีได้จากแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์ GODZILLA สามารถอยู่รอดได้อย่างไม่มีกำหนดโดยการอยู่ในสถานะจำศีลโดยกินรังสีในถ้ำใต้น้ำของมัน ค่อยๆเติบโตและฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่มีอยู่
Kiana Kaslana
• อายุ : 16 ปี
• รูปแบบการต่อสู้
เธอมีความเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ในรูปแบบ Gun Kata ด้วยปืนพกคู่จากระยะไกล มีความสามารถตีลังกาหลบการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และการโจมตีศัตรูอย่างรุนแรงในระยะประชิด นอกจากการใช้ศิลปะการต่อสู้ด้วยปืนเป็นหลักแล้ว Kiana ยังมีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเพื่อนๆ ในทีมเดียวกันได้อีกด้วย เธอมีพลังที่ใช้ต่อต้านภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในโรงเรียน (เหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนติดเชื้ออย่างปริศนาก่อนกลายเป็นผีดิบนั้นไม่มีผลกับ kiana เพราะพลังเวทมนตร์ที่อยู่ในตัวนั่นเอง) เธอจึงตัดสินใจใช้พลังนั้นในการตามหาต้นตอหายนะเหล่านี้และกำจัดมันทิ้งไปให้หมดสิ้น
• ประวัติส่วนตัว
Kiana เป็นวาลคีเรียคนแรกที่กัปตันได้บัญชาการ แม้ว่าเธอจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่ไม่เลยที่จะเป็นรอยยิ้มและความอบอุ่นจริงๆของพ่อ ถึงสุดท้ายเธอจะทำให้ Seigfried ยอมรับได้และมีชิวิตปกติ แต่ความจริงมันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้นเลย kiana เป็นเด็กสาวที่มุ่งมั่น มีความตั้งใจ แน่วแน่ และไม่หวั่นเกรงต่ออันตรายใดๆทั้งสิ้น เธอสาบานว่าเธอจะต้องกำจัดต้นตอของหายนะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้จงได้
ในปี 2000 ช่วงเดือนพฤษภาคม (3 เดือนหลังสงครามครั้งที่ 2 จบลง) Seigfried พาเธอหนีออกจาก Schicksal (แต่พลาดที่พา Kiana ตัวจริงมาด้วยกันไม่ได้) ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลอะไร แต่เธอสูญเสียความทรงจำที่ผ่านมาก่อนจะอายุได้ 9 ปี ในปี 2007 เมื่ออายุ 9 ปี วันที่ 7 ธันวาคม ความทรงจำที่จำได้เธอคือตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ในปี 2008 เมื่ออายุ 10 ปี เข้าเรียนที่โรงเรียนประถม LAuielletta ประเทศอิตาลี Seigfried ให้คำสัญญากับเธอว่าจะปกป้องเธอตลอดไป ณ บ้านไม้เล็กๆของพวกเขา หลายปีที่ผ่านมา Seigfried ที่รับเลี้ยงเธอเป็นลูกสาวคนนึงโดยบอกให้รู้แค่ว่านามสกุล Kaslana และสอนวิชาต่อสู้ให้แต่ไม่เคยให้สู้จริงเลย เขาทำตัวเป็นพ่อที่ไม่ได้ดีนักจนกระทั่ง… ในปี 2009 เมื่ออายุ 11 ปี ในวันที่ 7 ธันวาคม เธอแอบหยิบปืน Shamash ออกไปสู้กับปีศาจฮงไกเพียงลำพังเพราะไม่อยากเห็น Seigfried ต้องบาดเจ็บกลับมาแบบทุกครั้ง เธอต้องการแบ่งเบาภาระบ้าง ต่อมาก็ได้รับการยอมรับจาก Seigfried พร้อมได้รับชื่อ Kiana Kaslana เธอและ Seigfried ร่วมต่อสู้ด้วยกันเป็นต้นมา เข้าเรียนที่โรงเรียน ม.ต้น Port-au-Prince ประเทศ เฮติ ในปี 2010 เมื่ออายุ 12 ปี พลัง Herrscher ตื่นขึ้นมาในตัวเธอ ทำให้ Seigfried ต้องปลดปล่อยพลังของ Judgement of Shamash เพื่อผนึก HOV ไว้แต่ก็แลกไปด้วยแขนซ้ายของเขา
ต่อมา Seigfried ก็หายตัวไป ทำให้เธอออกตามหาและต้องต่อสู้มาด้วยตัวเองโดยตลอด ในปี 2011 เมื่ออายุ 13 ปี โอนย้ายตัวเองไปเรียนต่อที่โรงเรียน ม.ต้น Cagayan ประเทศฟิลิปปินส์ ปี 2013 เมื่ออายุ 15 ปี ช่วงปลายปีเธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียน ม.ปลาย Senba เมือง Nagazora ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2014 เมื่ออายุ 16 ปี เดือนกุมภาพันธ์ฝ่าวงล้อมซอมบี้จาก Honkai Outbreak ที่เมือง Nagazora ประเทศญี่ปุ่น สู้กับผู้คุมกฎแห่งสายฟ้าจนผู้คุมกฎชอบเธอ ได้รู้จักและตกหลุมรักกับ Mei ผู้เป็นรุ่นพี่ ได้พบกับ Yae Sakura และคนอื่นๆอีก เช่น Sin Mal ก่อนเจอกับ Bronya, Theresa, Fu Hua และ Himeko เข้าเป็นนักเรียน Valkyrie ที่โรงเรียน ม.ปลาย St.Freya และผ่านภารกิจมาอย่างโชกโชนในช่วงปีนี้
Raiden Mei
• อายุ : 17 ปี
• รูปแบบการต่อสู้
ดาบ และ เธอจะใช้ศิลปะการต่อสู้แบบนินจาคู่กับดาบคาตานะเพื่อโจมตีในระยะประชิด วิชานินจาช่วยให้เธอสามารถหลบการโจมตีของศัตรูได้อย่างไร้ร่องรอย ท่าไม้ตายของเธอนั้นหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการแยกร่างเงา การใช้ดาบสายฟ้า รวมไปถึงการเพิ่มความเร็วและการหลบหลีกอย่างมหาศาล Mei เป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้เวทมนตร์ไฟฟ้าอยู่ในตัวอยู่แล้ว อาวุธคู่กายหลักของเธอจึงแสดงออกมาในลักษณะที่เข้ากับไฟฟ้าทั้งสิ้นในการต่อสู้
• ประวัติส่วนตัว
Mei เป็นลูกสาวของประธานบริษัท M บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นของญี่ปุ่น ที่สืบทอดตำแหน่งผู้บริหารโดยผู้คนในตระกูล Raiden มาทุกยุคสมัย ปัจจุบันมีสาขาย่อยมากถึง 15 สาขา แต่ปัจจุบันบริษัทนี้กำลังประสบปัญหาด้านเงินทุนและใกล้จะล้มละลาย แต่ก็ยังประคับประคองมาได้จนถึงตอนนี้เพราะพ่อของ Mei เป็นคนที่มีบุคลิกในการแก้ปัญหาอย่างใจเย็น และนิสัยนี้ก็ยังส่งผลกระทบมาถึงเมย์ด้วย บุคลิกของ Mei ที่แสดงออกมาจึงไปในแนวลักษณะดูสบายๆง่ายๆไปหมดทุกเรื่อง ตระกูล Raiden เป็นหนึ่งในตระกูลที่สืบทอดตำแหน่งผู้ถูกเลือกให้ต่อสู้กับ Apocalypse เช่นเดียวกับตระกูล Kaslana ของ Kiana โดยอาศัยงานของบริษัทมาบังหน้าเอาไว้
แต่ถึงกระนั้น Mei กลับเติบโตมาพร้อมกับการเรียนรู้การต่อสู้โดยที่ไม่รู้ความจริงในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย พ่อของเธอตั้งใจเข็มงวดกวดขัน เธอเป็นพิเศษเพื่อให้กลายเป็นสุดยอดมนุษย์ที่เพียบพร้อมทุกด้านแต่ด้วยความที่ถูกฝึกมาเข้มงวดเกินไปและเกิดความไม่เข้าใจกันขึ้น ทำให้ Mei พยายามหาทางหนีออกห่างจากพ่อของเธอและอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างเด็กสาวธรรมดาทั่วไป แต่เธอก็ไม่อาจจะหนีเงื้อมมือพ่อของเธอพ้น เธอสูญเสียการใช้ชีวิตช่วงชีวิตวัยเด็กอันสดใสไป รวมถึงเพื่อนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนทุกคน (แต่เพื่อนทุกคนที่เข้ามาใกล้ ต่างไม่ได้สนใจเธอจริงๆ ทุกคนหวังแต่อิทธิพลจากเธอที่เป็นลูกสาวของผู้มีอำนาจแค่นั้น)
ในแต่ละวัน Mei ก็ต้องอยู่กับการฝึกอันแสนหนักหนาสาหัสและโดดเดี่ยว นั่นจึงทำให้เธอเริ่มเข้าสู่ด้านมืดและความรู้สึกนั้นก็ตอบสนองต่อพลังงาน Apocalypse ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน Senba ทำให้เธอเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจที่ใช้ไฟฟ้าได้ เธอควบคุมตัวเองไม่ได้จนทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว แม้ว่าสำนึกด้านดีในส่วนลึกของเธอจะพยายามต่อต้านมากแค่ไหนก็ไม่อาจจะหยุดยั้งมันได้ เพราะในตอนนี้เธอถูกพันธนาการด้วยความรู้สึกด้านลบทั้งหมด
แต่สุดท้ายเธอก็ได้รับการปลดปล่อยจากความเจ็บปวดโดยการช่วยเหลือจาก Kiana ที่กลายมาเป็นเพื่อนรักคนแรกในชีวิตของเธอ และ Mei นั้นก็เป็นคนแรกที่มองเห็นคุณค่าในตัวของเธออย่างแท้จริง เธอจึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ Kiana เท่าที่เธอจะช่วยได้ ด้วยทักษะการต่อสู้ที่ตัวเองมีอยู่ทั้งหมด
Bronya Zaychik
• อายุ : 14 ปี
• รูปแบบการต่อสู้
Project Bunny 19C สามารถใช้ “Project Bunny 19C” ยิงลูกไฟจากระยะไกล สามารถควบคุมหุ่นยนต์มาป้องกันการโจมตีได้ สกิลที่เธอปล่อยออกมานั้นมีความสวยงาม และสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล เธอมีความสามารถในการควบคุมหลุมดำและมีพลังป้องกันที่สูงมาก
• ประวัติส่วนตัว
Bronya เป็นลูกสาวของนายทหารรัสเซีย พันเอก Alexei กับ Alexendra ผู้เป็นแม่ของเธอ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 2000 สงคราม Honkai ครั้งที่ 2 ที่กำลังดำเนินอยู่ได้สงผลกระทบหนักและทำลายพื้นที่ส่วนมากในเขต Siberia พ่อของเธอก็เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายเช่นกันเขาเสียชีวิตจากการอาละวาดของฮงไก ในวันนั้นมีผู้รอดชีวิตน้อยกว่า 100 และหนึ่งในนั้นคือ แม่ของเธอ
เธอลืมตาดูโลกในวันที่ 18 สิงหาคม ของปีเดียวกัน แต่ไม่รู้วันเวลาและด้วยเหตุใด เธอถูกจับเข้าร่วมกับกองกำลังทหารอิสระ โดยไม่ทราบชะตากรรมแม่ของเธอเลย ผ่านมาจนถึงเดือนมกราคมปี 2012 Bronya ที่ถูกเลี้ยงมาเป็นมือสังหาร ทั้งชีวิตมีแต่กลิ่นสนิมดินปืนและคาวเลือด เธอได้รับภารกิจลอบสังหารอดีตหน่วยรบพิเศษ SPETSNAZ ชื่อว่า Cocolia แต่ภารกิจนั้นล้มเหลวและถูกจับได้ เธอไม่ถูกสังหารแต่ได้รับชีวิตใหม่ในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าของ Cocolia เอง และได้พบกับ Seele พร้อมเพื่อนใหม่คนอื่นๆ 1 ปีผ่านไป ปี 2013 ในเดือนสิงหาคม มีการทดลองลับ X-10 ขึ้น มันทำให้เธอเสียขาทั้งสองข้าง, ประสาทรับรู้ทางอารมณ์ และคนสำคัญของเธอ Seele
อย่างไรก็ตามแผนการทั้งหมดนี้มันยังไม่จบและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่าง เธอและ Cocolia กำลังหาทางช่วย Seele ออกมาอีกครั้ง
จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 เกิด Honkai Impact ครั้งที่ 3 ขึ้น Bronya ถูกส่งมาที่โรงเรียนม.ปลาย Senba เมือง Nagazora ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่นั้นก็ทำให้รู้จักกับ Mei และ Kiana ตัวเธอและเพื่อนอีกคนสองจึงต้องหาทางเอาตัวรอดออกไปให้ได้ แต่สุดท้ายก็ได้รับการช่วยเหลือจาก Theresa Apocalypse และเข้าเป็น Valkyrie แห่ง St. Freya High School
Murata Himeko
• อายุ : 27 ปี
• รูปแบบการต่อสู้
Sunfire Greatsword ใข้โจมตีจะสร้างความเสียหาย และกระโดดใส่ศัตรูในระยะจะถูกเผาไหม้สร้างความเสียหายในการโจมตีให้ง่ายขึ้นและยังสร้างความเสียหายเสริมจากไฟช่วยโจมตีใส่ศัตรูให้ตายเร็วขึ้นอีกด้วย เรื่องทำลายเกราะไว้ใจได้เลย เธอเป็นพันตรีที่มีการโจมตีศัตรูที่หนักหน่วงและรุนแรง จนสามารถโจมตีทำลายเกราะศัตรูได้สบายและยังทำให้ศัตรูกระเด็นขึ้นฟ้าได้เลยทีเดียว
• ประวัติส่วนตัว
Himeko เป็นสาวญี่ปุ่นผมแดงคนนี้ที่เดิมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักผจญภัย, อยากถ่ายภาพสัตว์ทะเล และออกเดทกับผู้ชายดีๆ (ทั่วโลก!) แถมเธอยังวางแผนสำรองหลังเรียนจบไว้ด้วยว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์แบบคุณพ่อ Murata Ryusuke เพื่อช่วยเขา วิจัยการประยุกต์ใช้พลังงาน Honkai ด้วย แต่โชคร้ายในปี 2006 ขณะอายุ 19 ปี วันที่เธอกำลังจะจบการศึกษาชั้นม.ปลาย พ่อของเธอก็เสียชีวิตเพราะ Honkai กลายร่างเขาให้เป็นปีศาจทำให้เธอก็พลอยโดน Honkai กัดกินร่างกายไปด้วย หลังจากนั้นเพื่อที่จะตามหาความจริงเรื่องพ่อ เธอได้พบกับ Ragna Rodbrok คนที่พูดให้กำลังใจเธอถึงการเริ่มชีวิตใหม่ “ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับเรื่องที่อยากทำ สิ่งที่สำคัญคือเริ่มทำมัน” - Ragna และ Theresa Apocalypse ที่รู้จักกับ Ryusuke ก็ชวนให้ Himeko มาสมัครเป็น Valkyrie ที่ Schicksal แล้วรับการปลูกถ่าย Artificial STIGMA เพื่อชะลออาการจาก Honkai แต่ว่าข้อเสียมันก็ยังเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่เธอปลูกถ่ายไปมันก็กัดกินร่างกายเธออย่างช้าๆ เช่นกัน
ตอนแรกเธอเป็นคนของศูนย์ใหญ่ที่ยุโรป และจากการฝึกมาอย่างยาวนานจนขึ้นเป็นระดับ A เธอเลือกบรรจุเข้าหน่วยบุกทะลวง (Assault Squad) ของรุ่นพี่ Ragna Rodbrok ที่ใช้ดาบใหญ่เป็นอาวุธประจำหน่วย (หน่วยรบพิเศษเวลาเจออสูรระดับโหด ๆ เกราะหนา ๆ เอาไว้แท็งแนวหน้า) Himeko เคารพและสนิทกับ Ragna มาก ๆ ในปี 2009 หน่วยนี้เคยออกทำหน้าที่สอนเด็กๆ ตามบ้านเด็กกำพร้าด้วย (เจอ Bianka ตอนเด็ก)
แต่กระทั่งในปี 2010 ภารกิจหนึ่งทำให้คนทั้งหน่วยเสียชีวิต…มีเพียงแค่ Himeko ที่รอดกลับมาได้ และหน่วยบุกทะลวงก็ถูกยุบไป ในปีเดียวกันเธอย้ายตัวมาที่สาขาตะวันออกไกลแล้วกลายเป็นอาจารย์ประจำที่ St.Freya High School จึงได้มีโอกาสไปโปรโมทโรงเรียนจนไปพบกับ Bianka ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งอีกครั้ง หลายปีผ่านไป เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 เธอได้มีโอกาสได้พบกับ Kiana, Mei, และ Bronya ในเรื่องที่เมือง Nagazora และจากนั้นก็ตัวติดกันเป็นตังเมกับเด็กพวกนี้เรื่อยมาและพักอยู่ที่เดียวกัน
Fu hua
• อายุ : ทางปฏิทินแบบตัดเวลาจำศีล 5,000 ปีกว่า (ถ้ารวมก็แค่บวกไป 50,000 ปี) แต่อายุทางชีวภาพ คือ 17 ปี
• รูปแบบการต่อสู้
White Star Banishers สามารถสร้างกระแสลมสร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูพร้อมทำให้ลอยขึ้นเธอเป็นสายหมัดที่มีจุดเด่นอยู่ที่การเตะต่อยใส่ศัตรูด้วย ท่าการต่อสู้ที่เฉพาะตัวในแบบของเธอเองในระยะประชิดอย่างรวดเร็ว
• ประวัติส่วนตัว
ย้อนกลับไปถึง 50,000 ปี ในช่วงการล้มสลายของอารยธรรมสุดท้าย Fu hua เป็นสมาชิกของกลุ่ม “Fire Moth” หรือ “ผีเสื้อราตรีเพลิง” เธอเป็นผู้รอดชีวิตไม่กี่คนจากผลกระทบของปรากฏการ Herrscher ในตอนนั้น Dr.Mei นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของอารยธรรมเก่าได้รู้ว่าอารยธรรมของมนุษย์จะถูกทำลายลงจากผลกระทบของ Herrscher จึงได้ทำการคัดเลือกเด็กสาวแล้วบรรจุในแคปซูลพยุงชีพแล้วฝั่งสติกม่าพิเศษซึ่งถูกเรียกว่า “เมล็ดพันธุ์แห่งการชำระแค้น Honkai”
ในเวลาต่อมา 50,000 ปี Fu hua ได้ตื่นขึ้นมาในฐานะ “ผู้บุกเบิก” พร้อมๆกับเด็กสาวที่ชื่อ Fuxi และ Nuwa ในเวลานั้น ทุกคนจะรู้จัก Fu Hua แต่ชื่อนี้ไม่รู้แน่ชัดว่าเธอเริ่มใช้ชื่อนี้ตั้งแต่ตอนไหน แต่นี้คือชื่อที่ปรากฏในยุคสมัยใหม่ที่มีชื่อดั่งเดิมอย่าง Hua เข้ามาเกี่ยวด้วย และมันเป็นชื่อปัจจุบันที่ทุกคนรู้จักกันดี Fu hua ในชื่อ “Jingwei” ซึ่งต่อมานั้นเธอได้รู้จักกับ Ji Xuanyuan กับ Shennong และกลายเป็นเพื่อนกันร่วมปกป้องแผ่นดิน Shenzhou จนมาวันหนึ่งหลังจากที่ Ji Xuanyuan สู้กับ Chiyou ปีศาจ Honkai ระดับ Judgment และหายตัวไป แต่ Hua ก็ยังปกป้องแผ่นดิน Shenzhou ต่อไปเรื่อยมาในชื่อ Jingwei เรื่อยมาจนในยุคของราชวงศ์ถัง (ในมังงะ Spring Fest) และผู้คนยังเรียกเธอว่า “เซียนเหริน” หรือ “ท่านเซียน” ตามความเชื่อของลัทธิเต๋าที่หมายถึง “มนุษย์ผู้เป็นอมตะ” อีกด้วย ชื่อ Jingwei นั้นใช้ล่าสุดคือยันสมัยราชวงศ์หมิงเลยทีเดียว (สงครามกับ Schicksal และ VN 7 ดาบ) ในสมัย 500 ปีก่อน เธอได้อาศัยอยู่ในจีนนั้นเอง นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอได้เป็นเพื่อนกับ Ji Xuanyuan และ Shennong อีกด้วย ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 15 ได้เกิดสงคราม Schicksal กับ China ขึ้น ผลปรากฏว่า Schickasal ได้รับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน แม้แต่วาลคีเรียที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนั้นอย่าง Kallen Kaslana ก็มิอาจจะต้านทานพลังมหาศาลของหญิงสาวผู้กอบกู้มนุษยชาติอย่าง Fu hua ได้
ในปัจจุบันยังไม่ทราบว่า Fu hua สูญเสียพลังทั้งหมดของเธอไปได้ยังไง และอีกอย่างในตอนนี้เธอไม่ได้เป็นอมตะเสียแล้ว เธอจึงร่วมมือกับ Otto อย่างลับๆ เพื่อปกป้องประเทศจีน โดยอาศัยพลังอำนาจขององค์กร Schickasal ในปัจจุบันแทน ถึงจะสูญเสียพลังอมตะไปทั้งหมด สถานะของเธอในปัจจุบันก็ยังถูกจัดว่าเป็นวาลคิเรีย Rank A แต่ที่จริงแล้วเธอมีความสามารถเหนือกว่า Ran S ด้วยซ้ำ
Theresa Apocalypse
• อายุ : ทางปฏิทิน 48 ปี แต่อายุทางชีวภาพ 12 ปี (โตมากสุดที่ 12 ปี)
• รูปแบบการต่อสู้
เธอเป็นผู้ใช้ไม้กางเขนเป็นอาวุธในการรบ การโจมตีอยู่ในระยะกลางแบบวงกว้าง โดยเน้นธาตุไฟฟ้าในการโจมตีเป็นหลักและสร้างความเสียหายหนักให้กับศัตรู และมีการโจมตีระยะประชิดที่รวดเร็วได้ดีในระดับนึง เน้นการใช้อาวุธเป็นหลักช่วยเพิ่มความเสียหายธาตุไฟฟ้าให้แรงขึ้นทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
• ประวัติส่วนตัว
Theresa เกิดขึ้นจากการผสมผสาน DNA ของ Kallen Kaslana เข้ากับ Honkai “Vishnu” ภายใต้ชื่อร่างทดลอง “A-310” ซึ่ง Otto Apocalypse เป็นหัวหน้าโครงการ A-310 เป็นร่างทดลองที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถทนทานต่อคำสาปของปีศาจ Honkai ได้ดี และก็เธอได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 23 มีนาคม ปี 1972 การทดลองในซีรีย์ A - Z จำนวนมากกว่า 260 ตัวอย่าง ปรากฏว่า A-310 มีความรับรู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่เหมือนร่างทดลองตัวอื่นๆที่ผ่านมา ทำให้เหนือความคาดหมายของ Otto เป็นอย่างมาก
ในระหว่างการทดสอบความแข็งแกร่งกับร่างทดลอง A-303 เธอได้แสดงสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะที่ไม่เคยพบในร่างทดลองใดๆเลย นั้นคือ ”ความเมตตา” เธอไม่ต้องการที่จะฆ่า A-303 แต่กลับแสดงความเมตตาและอ่อนโยนออกมาแทน (นิสัยคล้ายกับ Kallen) นอกเหนือจากนั้น A - 310 ยังสามารถใช้อาวุธ “กุญแจแห่งพระเจ้าลำดับที่ 11” “Oath of Judah” ซึ่งเป็นอาวุธเก่าของ Kallen ได้อีกด้วย
ทำให้ตอนแรก Otto เชื่ออย่างแรงกล้าว่า ร่างทดลอง A-310 คือ Kallen ผู้หญิงที่เขารักได้กลับชาติมาเกิดแล้วนั้นเอง ซึ่งต่อมา Otto ก็ได้กล่าวว่า “การกลับชาติมาเกิด ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์” หลังจากนั้น ร่างทดลอง A-310 ก็ได้รับชื่อเป็น Theresa Apocalypse และมีฐานะเป็นหลานสาวของ Otto ในเวลาต่อมา แต่ร่างกายของ Theresa นั้นยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก จึงทำให้เธอจะอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กอายุ 12 ปีตลอดเวลา
ผลงานอื่นๆ ของ ONYX - BEETLEZILLA ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ONYX - BEETLEZILLA
ความคิดเห็น