ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MARKXYOU] GOT7 เขยซุปตาร์ปะทะสะใภ้คุณหมอ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 65


    เอาแล้วววววว จากตอนที่แล้วที่นางเอกสาวของเราต้องตรวจร่างกาย งานนี้ นางจะเอาตัวรอดกับการถึงเนื้อถึงตัว เอ้ย แตะเนื้อต้องตัวไอดอลอย่างมาร์คได้มั้ย และขอย้ำว่าศัพท์ทางการแพทย์อาจไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ไปอ่านกันต่อเนอะ


     

    “ไม่มีปัญหา ขอรายคนนะ”

    อร้ายยยยยยย แค่คิดสายตาเลน่าก็ตวัดไปที่มาร์คทันที เขามองมาที่ฉัน ยิ้มสบายๆให้แบบที่เจ้าตัวคงอยากให้สบายใจ แต่ใจเจ้ากรรมกลับเต้นรัวเป็นกลองเสียนี่ ฉันอมยิ้มที่มุมปากไปนิดๆ หน้าเป็นสีจัดจ้านจากความเขินก่อนหยิกตัวเองทีนึงก่อนจะเดินไปหาปาป๊าต้วนก่อน พลางขออนุญาติ

    “ขออนุญาตินะคะ”

    “ตามสบาย”

    “อืมมมมมม” ฉันไล่จับแนวกระดูกสันหลังและคอแค่เพียงจับก็รู้ว่าปาป๊าต้วนผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะมีวันนี้ แค่คิดสายตาก็อ่อนลง รักลูกเค้าเข้าไปใหญ่ สัญญาเลยค่ะว่าจะดูแลลูกชายให้อย่างดี

    “ว่าไง หนูยังไม่พูดอะไรเลยนะ” อาการของฉันมันฟ้องอีกแล้วเหรอ แง้ เอาอีกแล้ว อีความคิดเจ้ากรรม

    “เอ่อ ขอโทษทีค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ แค่กระดูกสันหลังเคลื่อนหน่อยๆตามช่วงวัย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” ฉันย้ายมาดูตรงส่วนคอ “แต่ส่วนคอพยายามอย่าก้มมากนะคะ เดี๋ยวจะมีปัญหาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้นะคะ”

    “อืม ขอบคุณนะ หนูเลน่า”

    “ถัดมา คุณนาย…”

    “หยุด…..เรียกม๊าซิ”

    “แหะๆ….ค่ะ คุณม๊า” ฉันยิ้มหน้าเจื่อน เห้อ ผู้หญิงคนนี้เฟรนลี่เกินไป๊ “หนูขอตรวจนะคะ” ฉันทวนแพทเทิร์นเดิมกับปาป๊าต้วนอย่างรวดเร็ว พลางคลำไขข้อที่สำคัญทั้งหมด “ม๊าก็สภาพกระดูกดีมากเลยนะคะ ไม่มีการเคลื่อน แต่แนะนำให้ไปตรวจเรื่องมวลกระดูกเพราะผู้หญิงวัยนี้มักเริ่มมีปัญหากระดูกพรุนและความหนามวลกระดูกลดลงนะคะ”

    “โห หนูเลน่า”

    “เรียกหนูว่าอันนาเถอะค่ะ” ครอบครัวของฉันตาเบิกกว้างทุกคน มีเพียงคอลินที่ยิ้มกริ่ม  “จ้า หนูอันนา”

    “ขอไม่ตรวจไอ้โจนะคะ มันมีคนตรวจประจำปีอยู่แล้ว เลน่าไม่ต้องไปตรวจให้เลย” 

    “โอ้ย เจ็บนะครับหัวหน้า”

    “ก็มันจริง เราก็มีคนตรวจให้เหมือนกัน สวัสดิการมีทุกปี จะตรวจให้ทำไม” ฉันพูดพลางเดินไปหามาร์ค สายตาจดจ้องหลังคอมาร์ค เขามีช่วงคอแข็งแรงหากแต่ดูบอบบาง มือของฉันยื่นไปพลางขออนุญาติ ก่อนจะแตะหลังคอเบาๆ

    “ขออนุญาตินะคะ”

    “อืม ตามสบาย บอกได้นะ ว่าเป็นอะไรมั่ง ผมจะไม่เหมือนพ่อกับแม่หรอก” เสียงในประโยคท้ายกลับแผ่วเบาจนได้ยินอยู่แค่สองคน มือของฉันสั่นนิดๆ เมื่อนึกถึงว่า 10ปีที่เกาหลีเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง สิ่งนั้นทำสาวน้อยสติแตกซ่าน ดวงตาเบิกกว้าง มือที่แตะที่หลังคอนั้นเหมือนชาไม่รู้สึกเนื่องจากต้นคอที่เธอจับนั้นมันบอบบางหากแต่แข็งแรง แต่สิ่งที่เธอเป็นกังวลคือการที่ข้อกระดูกเคลื่อนแบบผิดรูป แม้ไม่มากนัก แต่ก็มากพอให้เธอรู้สึกได้ มือที่ไล่ลงมา ยิ่งทำให้รู้ว่าหลังของเขาใช้งานมาหนักแค่ไหนก่อนไปหยุดอยู่ที่กลางหลังพร้อมตาเบิกกว้าง

    “ว่าไง ทำไมเงียบไป” เสียงของเขาเรียกเธอหลุดจากภวังค์ ก่อนที่เธอจะถามคำถามสำคัญออกไป

    “เอ่อ ช่วงนี้ มีปวดหลัง หรือชาตามปลายมือปลายเท้ามั้ยคะ”

    “อืม มีปวดหลังนะ แต่ไม่มาก เฮ่ จะไปไหน” ฉันรีบโทรศัพท์เรียกเพื่อนสนิทนักกายภาพบำบัดทันที ด้วยต้องการความเห็นที่ 2 และการวินิจฉัยที่ละเอียดกว่านี้

    “เฮ่ เซลิน เราเอง”

    (ว่าไง โทรมาค่ำเชียว แกลาไม่ใช่เหรอ)

    “เออ แค่ต้องการ second opinion* หน่อย” *second opinion = ความเห็นที่ 2

    (เออ ว่ามา)

    “แก เคส yellow พบการเคลื่อนของกระดูกสันหลังส่วนคอช่วงล่างและกระดูกสันหลังส่วนหลังช่วงกลาง เริ่มมีอาการปวดหลังแล้ว แกช่วย…..analyze ขั้นละเอียดหน่อยได้มั้ย”

    (ได้สิ แกเปิดกล้องได้เลย เคสนี้ค่อนข้างอันตรายนะแก)

    “อืม เค้าใส่เสื้ออยู่ให้เลิกเสื้อขึ้นมั้ย”

    (ดีกว่า ถ้าจะเลิก จะได้ดูการปูดและแนวกระดูกชัดๆ) ฉันรีบเดินกลับไปพร้อมกับสายตาซีเรียส รู้เลยว่าเพื่อนคนนี้ทำสายตายังไง สายตาองค์ลงต้องมาแล้วแน่ๆ  ทุกคนมองเป็นตาเดียว โอ้ยยยยยย จะมองอะไรกันเนี่ย

    “เออ เห็นด้วย เอิ่ม มาร์คคะ ช่วย….เลิกเสื้อด้านหลังขึ้นได้มั้ยคะ” ฉันถามเสียงจริงจังหากแต่อ่อนลงไปมาก โอ้ยยยยย นี่ฉันจะพร้อมสำหรับสิ่งนี้จริงๆเหรอเนี่ยยยยยย

    “อึม” เค้าไม่เลิก แต่ถอดเลยจ้าาาา โอ้ยยยยย จิเป็นลม แม้ว่าสายตาพยายามมองไปแค่หลัง แต่ยังไงก็เก็บทรงไม่อยู่อยู่ดี คนอะไร แค่หลังก็ดึงดูดขนาดนี้ หลังของเขาขาวจั๊วะ ชนิดที่เธอละสายตาไม่ได้ เธอพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนเปิดกล้องให้โจเซลินดู

    (แก เปิดกล้องได้มั้ยอ่ะ ฉันอยากเห็นหน้าแกด้วย)

    “อืม ได้สิ แต่แก ขอเตือนนะ รู้แล้วเหยียบ แล้วเงียบไว้ เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง”

    (เออๆๆ ยังไงแกคงไม่เล่าตอนนี้ใช่มั้ยหล่ะ)

    “อืม” ฉันเปิดกล้อง โจเซลิน (Joselyn) ก็เปิดตาม สีหน้าเคร่งเครียดแบบองค์ลงดังที่คาดไว้ ฉันกลับกล้องไปที่หลังอีกฝ่าย อีกฝ่ายตาเบิกกว้าง

    (แก ว่างๆให้เค้ามาเช็กที่โรงบาลหน่อยดิ เราอยากพาลอดอุโมงค์)

    “เอาจริงเดะ ขนาดนั้นเลยเหรอ”

    (อืม เพราะแนวกระดูกชัดเจนนะว่าคดผิดรูป แต่ไม่รู้ว่าภายในจะเป็นยังไง กดทับแค่ไหน ให้เค้ามาเช็กได้มั้ย)

    “ได้สิ เดี๋ยวขอให้ ขอบคุณนะ”

    (เออๆๆ แกค้างชั้นเรื่องนึงนะ) เธอค้างเอาไว้ แล้วส่งสายตาแบบ ‘แกก็รู้ว่าเรื่องอะไร’ ก่อนวางสายไป เฮ้อออออ ตายแน่ๆ

    “ใส่เสื้อได้ยัง” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมายังสถานการณ์ตรงหน้า พยายามทำหน้าให้เหมือนเดิม

    “ได้แล้วค่ะ” เสียงเลน่าดูมั่นใจ แต่มีร่องรอยความแหบนิดๆตามอารมณ์ที่ยังเก็บไม่อยู่

    “อืม”

    “หนูเลน่า เอิ้นเอิ้นเป็นอะไร” สายตาป๊าต้วนดูเป็นกังวลและเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

    “เอ่ออออ….คือว่า……มาร์คมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทค่ะ….” แง้ >< ไม่เอาๆๆๆ ไม่เอาซีนแบบนี้นะ แบบนี้ตายคาที่กันพอดี

    “อะไรที่ทำให้เธอคิดอย่างนั้น ห้ะ” เสียงเกรี้ยวกราดของมาร์ค ทำให้ฉันคอย่นและไม่กล้าพูดอะไร ด้วยหน้าที่หมอที่ค้ำคอ กับหน้าที่ของหัวใจที่อยากจะทำไม่แพ้กัน แต่เมื่อได้ยินเสียงอันเกรี้ยวกราดของเขาแล้ว คุณหมอเลน่าต้องใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีไม่ให้ร้องไห้ออกมาตอนนี้

    “ไม่ว่าเธอคิดว่าฉันจะเป็นอะไร ฉันจะไม่ไปโรงพยาบาล ไม่แต่งงานกับเธอ และเธอ….ก็บังคับฉันไม่ได้ด้วย” พูดแค่นั้นก็เดินออกไปแบบให้หันกลับมามองอีกเลย สิ่งเดียวที่เลน่ารับรู้คือ ดวงตาคู่สวยที่มีน้ำตารื้นขึ้นมา พร้อมกับไหล่ที่ลู่ตกลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×