คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2
ดีค่าาาาาาา ไรต์กลับมาแล้วววววว หายไปนานแหละ รู้ตัว เพราะพยายามให้สองคนนี้ได้พบกันภายในตอนนี้ให้ได้ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เลน่าฝ่าฟันเส้นทางหัวใจที่นางก็รู้ตัวแหละว่าเป็นได้แค่ไหนในใจของพี่จ๋า งือออออออ
อ้อ ขอเปลี่ยนจากมัมเป็นแม่นะคะ เนื่องจากพิมพ์ไม่ถนัดจริงๆ
“แน่ใจนะเลน่า” ขุ่นแม่ซานดร้าถามอีกครั้งเหมือนรอบที่ล้านในความรู้สึกของเลน่า เธอส่ายหัวและกลอกตามองบนไปพร้อมกัน พร้อมบอกว่า
“เอาเถอะค่ะ ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าหนูอยู่ตรงนี้ มองเค้าอยู่ไกลๆ แต่สถานการณ์ที่แม่เล่าให้ฟังมันจะทำให้แม่ benefit เข้าไปด้วย win-win ชัดๆ แม่ได้ความร่วมมือทางธุรกิจที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม หนูได้อยู่ใกล้คนที่หนู….ติ่งมานาน แถมมีข้ออ้างให้อยู่ใกล้ๆ ได้ดูแลเค้า แม้จะแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลยนะคะ บอกตามตรง หนูกำลังจะเป็นนกที่แต้มบุญสูงที่สุดในโลกแล้วนะคะแม่”
“อืม งั้น เราไปบ้านเค้ากัน กิลาร์ด เอารถออก ไปทุกคน” แม่สั่งพ่อบ้านอาวุโสผ่านอินเตอร์คอม รอเพียงไม่นานนัก กิลาร์ดก็ออกมาและพูดว่า “พร้อมแล้วครับ”
“พร้อมมั้ย” แม่มองเหมือนจะไม่ได้มองฉันอีกแล้ว สายตาอันภาคภูมิใจแต่ก็กังวลสไตล์แม่ๆ แต่เสียงของพ่อนั้นหยุดเอาไว้
“เฮ้ ลูกโตแล้ว และเค้ามั่นใจด้วยว่าเค้าจะผ่านไปได้ ผมมั่นใจว่าเลน่าน่ะ ไม่มีทางทำให้ตัวเองหมดหนทางหรอก”
“จริงครับแม่ อีกอย่าง ยัยตัวเล็กอ่ะ ฤทธิ์เยอะจะตาย พรสวรรค์ก็หลากหลาย เผลอๆ ลูกชายบ้านนั้นจะตกหลุมรักน้องสาวผมก่อนจะครบปี เชื่อผมซี่” คอลินพูด พลางกอดไหล่แน่นขึ้น รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความเข้าใจที่อีกฝ่ายมีให้ พลางยิ้มและเอนหัวซบไหล่เบาๆ
“อืม จริงครับแม่ หุ่นสวยเซียะอย่างเนี้ย ถ้าไม่รู้สึกอะไรก็พระอิฐพระปูนแล้ว” พี่ชายคนโตพูดพลางยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ เดินมาคล้องเอวคอดอย่างหวงแหน ทำให้ทั้งสองด้านของเลน่ามีแต่ผู้ชาย (ฮิ้ววววววววววววววว) เฮ้ย พี่ชายหุ่นล่ำและหล่อลากไส้ อยู่กันคนละข้าง แค่คิดก็ขำ ถ้าเธอไม่มาเป็นลูกสาวบ้านนี้ เธอคงโดนข้อหาจับปลาสองมือ หรือไม่ก็พี่น้องแย่งกันจีบเธอเป็นแน่
“ขำอะไร/เออ ขำอะไร” พี่ชายทั้งสองถามเธอ
“ก็……แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะ” บอกก็กินหญ้าสิคะ แหม ให้งงกันต่อไปดีก่า อิอิ
นั่งรถมาประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงอาณาบริเวณบ้านต้วนที่คุ้นตาจากรูปภาพหลายภาพในสื่อโซเชียล เลน่าที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างรถมองเก็บรายละเอียด มือแตะหนังใต้กระจกรถเหมือนว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน สายตาพลันเป็นประกาย จากที่พูดคุย หยอกล้อ แกล้งพี่ และโดนพี่แกล้งมาตลอดทาง ตอนนี้เธอนิ่งสงบไปเลย จนแม้แต่คอลินก็สังเกตได้
“เน่ จะนิ่งไปไหน เฮ้ย ยู ยังอยู่เปล่า” คอลินพยายามเรียก แต่เธอไม่สนใจ ความฝันของเธอที่จะได้เห็นบ้านของเค้าโดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆนั้นเป็นความจริงแล้ว ความรู้สึกเต็มไปด้วยความเต็มตื้นจากภายใน หากแต่ก็กลัวแสนกลัวว่าเค้าจะไม่ชอบเธอเลย และหาว่าเธอแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
“นี่ ให้เลน่าเค้าได้อยู่กับตัวเองเถอะ เวลาแบบนี้ เค้ามีอะไรให้คิดเยอะ” พี่ชายคนโตสุดหล่อบอกคอลินพลางลูบแขนเบาๆอย่างอ่อนโยน เพียงครู่เดียว กิลาร์ดก็เดินออกมาจากที่นั่งตอนหน้าของรถ ตู้อเนกประสงค์คันหรู และเปิดประตูไฟฟ้า ทุกคนค่อยๆเดินลงมา แม่ยังอยู่ในชุดเดิม แต่เพิ่มแว่นกันแดดและหมวกสานเข้าไป พ่อก็ใส่แว่นกันแดด สองคนนี้จะใส่ทำไมทั้งๆที่ไม่มีแดดซะหน่อย ส่วนพี่แซมเปลี่ยนโหมดเป็นประธานบริษัทสุดฮอตด้วยเสื้อฮาวายแขนสั้นและกางเกงสแล็คลำลองขายาวพร้อมรองเท้าแตะ Havaianas สีดำรุ่น Tradi Zori BAPE Flip Flops ส่วนคอลินเปลี่ยนเป็นเสื้อฮาวายแขนสั้นและกางเกงขาสั้น ส่วนเลน่า เธอใส่ชุดเดิม แต่ไม่ใส่แจ็คเก็ตหนัง พร้อมรองเท้าบู้ท Dr. Martens DEVON HEART LEATHER PLATFORM BOOTS สีช็อกกิ้งพิงค์ ดูราวกับเป็นชาวป๊อบร็อกในหมู่ชาวเขตร้อนยังไงยังงั้น สายตาของเธอมองไปที่คุณดอรีน หรือที่แฟนคลับเรียกว่า มาม๊าต้วน เดินเร็วๆมาหาแม่ของเธอและกอดเอาไว้
“ไง ไม่ได้เจอกันนานนะ ซินดี้” เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นมาม๊าต้วนในร่างเสียงสองแบบนี้! แค่คิดก็ขำแล้ว พลันสายตาของม๊าต้วนมาหยุดที่เธอ มองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ผมยาวสีน้ำตาลแดง ดัดลอนใหญ่ มีสไตล์นะ คิ้วโก่งเป็นคันศร ลักษณะมงคล ดวงตาสีน้ำตาลออกส้มเหมือน…….”
“สนิมเหล็ก ใช่ แต่เฉพาะตอนออกแดดเท่านั้น ตอนนี้สีจะเข้มกว่านิดหน่อย สีตาเลน่าสวยอย่าบอกใคร เสียดายมืดไปหน่อย” แม่ชั้นผู้รักในดวงตาของฉันมองมาอย่างภูมิใจและชอบดวงตาสุดๆ
“ตาหงส์ ตวัดชี้ขึ้นกำลังดี ตาโตดีนะ จมูกสวย ปากเล็ก” แค่ฟังเล่าแม่ๆวิเคราะห์ฮวงซุ้ย เอ้ย ฮวงจุ้ยบนใบหน้าของฉัน ฉันก็เขินแย่ พอดีที่ปาป๊าต้วนเดินออกมา ด้วยความประหม่า ฉันเผลอกัดริมฝีปากล่างโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาหรี่ขึ้นนิดๆเหมือนจะปรับโฟกัส เหล่าแม่ๆก็มองมาที่ฉัน ฉันรับรู้แต่ไม่ใส่ใจ สายตาของฉันมองแต่ปาป๊าต้วน ผู้ยิ้มใจดีให้ฉันคลายความอึดอัดลงฉันลืมตาขึ้นนิดๆ ค่อยๆปล่อยริมฝีปากล่างจนหมด ปากของฉันเป็นสีเหมือนลูกเชอร์รี่จากการถูกกัด คอลินถองแซมเข้าให้
“เน่ แกคิดว่าเลน่าจะเอาตัวรอดกับว่าที่สามีได้มั้ย”
“แล้วอะไรที่ทำให้แกคิดว่าเอาไม่อยู่”
“ก็ขนาดแค่เจอพ่อตา ยังกัดปากไม่เลิก แล้วเจอกับสุดที่เลิฟของตัวเอง จะไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าไม่ไหว เราก็ต้องช่วย” แซมพูดพลางมองคอลินด้วยสายตาเข้มจัดเหมือนบังคับ สายตาตวัดไปดูเลน่าเป็นพักๆ
“โอ้ย เลน่ายังไหวค่ะ” เมื่อเสียงโต้เถียงของสองพี่ชายเริ่มดัง เธอจึงเริ่มตัดบท
“หึๆ ดูท่าน้องจะรำคาญพี่แล้วนะ เข้าบ้านเถอะ กับข้าวรออยู่” ปาป๊าต้วนผายมือไปทางประตูบ้าน
การเดินเข้าบ้านดูยาวนานสำหรับเธอ หัวใจเต้นแรงจนได้ยินก้องในหู และแล้วเธอก็เข้ามาในตัวบ้าน ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว หากแต่อยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆทุกคน แต่สายตาของเธอมองไปที่ชายหนุ่มผู้ที่เธอได้มอบหัวใจไปตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว เขานั่งมองเธอ สายตาเบิกกว้างเหมือนตะลึง มองไล้ไปทุกส่วนแต่หยุดนิ่งที่รอยสักครอบครัวที่ข้างไหล่ข้างซ้ายนานที่สุด จากที่เธอพยายามข่มความตื่นเต้น กลับข่มไว้ไม่อยู่ หน้าแดงระเรื่อไปทั้งหน้า ปากเผยอนิดๆด้วยพยายามหายใจทางปากแทน เธอนั่งลงในที่นั่งตรงข้ามกับเขา พอรู้สึกตัว ก็ก้มหน้ามองจาน ไล้นิ้วไปตามขอบจานอย่างทะนุถนอม พลางกดโทรศัพท์หาโจอี้ หวังว่าจะอยู่ที่นี่ มาร์คขมวดคิ้ว แหงสิ เขาต้องไม่เคยโดนคนเมินมาก่อนสินะ แต่เอาไว้ก่อน ตอนนี้เธอตื่นเต้นจะแย่ ขืนไม่มีอีตาโจอี้ เธอเสร็จแน่ๆ แค่คิดก็เหมือนรู้ โผล่มาทันที
“ไงคร้าบบบบบบบ คุณหมอเลน่าคนจ๋วย โทรเรียกผมมีไรเปล่า” เดินมายิ้มแฉ่ง เธอมองไปที่เภสัชกรในทีมรุ่นน้อง เค้าคือรุ่นน้องที่เธอนับถือว่าทำงานดีและเป็นเพื่อนเธอในหลายๆโอกาส
“กว่าจะมานะ” แม้จะพูดแค่นี้ ดวงตาโตถลึงกลับแบบนางสิงห์จนโจอี้คอย่นไปตามๆกัน
“แง่ มาถลึงตาใส่ทำไมง่ะ พี่ก็รู้ ว่าถลึงตาทีไร ผมขนลุกทู๊กกกกกกกที” พูดไปพลางถูแขนไป
“หึ ทีหลังออกมาให้มันเร็วๆหน่อย ขอร้องหล่ะ” คำสุดท้ายกลับอ่อนหวานไม่น่าเชื่อ
ปาป๊าต้วน ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะด้านซ้าย ต่อด้วยมาม๊าต้วน มาร์ค โจอี้ ส่วนทางด้านขวาเป็นพ่อ ตามด้วยแม่ ฉัน แซม และคอลินต่างนั่งคุยเรื่องการหมั้นหมาย……ของฉัน เฮ้ออออออออออออ อยากจะบ้าตาย ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่างานเรามันหนักจนทำไม่ไหว แต่ตอนนี้อยากให้โทรศัพท์ดังขึ้นมาแล้วสิ แต่สิ่งที่เป็นคือ มันนิ่งสนิทเลย เหมือนมาร์คจะจับสังเกตได้ เลยชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เธอ…..รอใครโทรมาเหรอ” เสียงของเค้าขาดห้วงเหมือนไม่แน่ใจ แลหยั่งเชิงไปด้วย งืออออ แค่นี้ก็ใบ้รับประทานอยู่แล้ว ยังจะพูดออกมาอีก หน้าฉันเลยแดงเข้าไปอีก
“ปะ-เปล่า ผะ-เผื่อ ที่ทำงานโทรมาหน่ะ” ฉันพูดเสียงเบา แม้จะมีลมโชยมาเรื่อย ๆ แต่ทำไมเราเหงื่อแตกพลั่กขนาดนั้นเนี่ยยยยยย
“ร้อนเหรอ ไม่สบายหรือเปล่า ไอ้โจ แกไปเอาน้ำเก๊กฮวยมาหน่อยดิ นางร้อนจะแย่แล้ว” มาร์คขมวดคิ้วเรียว ที่ดูยังไงก็ยังดูดีนั้น นี่คนหรือลูกรักเทพเจ้าเนี่ย หล่อจนใจเจ็บจริงๆ
“เน่ เลน่าไม่ร้อนหรอก นางตื่นเต้นที่ได้เจอพี่เพราะ…..”
“โจเซฟ ต้วน เงียบปาก” ฉันพูดห้วนๆด้วยเสียงเด็ดขาดไปทีนึง เล่นเอาทั้งโต๊ะหันมามอง
“เอ่อ ทุกคนครับ เลน่าก็เป็นแบบนี้เนี่ยแหละครับ สวย ดุ เด็ดขาด ไม่งั้นเอาผมเวลาทำงานไม่อยู่หรอกครับ”
“แล้วหนูเลน่า ทำงานอะไรหล่ะ” ปาป๊าต้วนพูดขึ้นมา ทุกคนฟังอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะมาร์ค ที่มองฉันไม่หยุดไม่หย่อนอยู่นั่นแหละ โอ้ยยยยยย เขินนะคะแด้ดดี้
“ทะ….”
“เป็นหัวหน้าแผนกฉุกเฉินที่เด็กที่สุดในรอบหลายปี จำไม่ได้ว่ากี่ปี แต่เกิน 5 ปีแน่นอน หมอเวชศาสตร์ฉุกเฉินด้านศัลยกรรมหัวใจและกระดูก โรงพยาบาลเซนต์แองเจเลสคร้าบบบบบ”
“ไอ้โจอี้ ชั้นยังไม่ได้พูดเลยนะ”
“ก็เลน่าพูดก็ธรรมดาๆเหมือนเดิมแหละ แบบเนี้ย ละเอียดกว่าเยอะ” พูดพลางยักคิ้ว ไอ้นี่มันกวนบาทาเสียจน ฮึ่ม สงสารมาร์คจริงๆนะเนี่ย
“แล้วหนูเลน่า ชอบงานที่ทำมั้ย”
“ไม่ชอบ จะทำเหรอคะ” พูดพลางยิ้มสบายๆ
“อืม งั้นหนูก็สามารถวินิจฉัยทุกคนในขั้นเบื้องต้นได้สินะ”
“ได้สิคะ แต่ต้องบอกก่อนว่าหนูไม่ใช่อายุรแพทย์หรือหมอกายภาพบำบัดนะคะ เพราะฉะนั้นหนูทำได้แค่วินิจฉัยเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ”
“ไม่มีปัญหา ขอรายคนนะ”
เอาแล้วววววววว เมื่อคุณหมอเลน่าเริ่มแสดงฝีมือ แถมต้องตรวจรายคนอีก คนอื่นไม่กลัวหรอก กลัวแต่ใจตัวเองที่ลอยไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอ่ะดิ โอย มาเอาใจช่วยเลน่าด้วยน้าาาาาาา
ความคิดเห็น