+++ปลาทอง+++ - +++ปลาทอง+++ นิยาย +++ปลาทอง+++ : Dek-D.com - Writer

    +++ปลาทอง+++

    +++ วันนี้เอาใจเพื่อนๆที่ชอบปลาทองเราเอาประวัติปลาทองมาให้ดูกัน +++

    ผู้เข้าชมรวม

    1,172

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.17K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 เม.ย. 50 / 20:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    วันนี้เอาประวัติปลาทอง


    มาให้ดูและศึกษากันนะจ๊ะ


    หวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบ


    อย่างไรก็ช่วยเม้นให้หน่อยน้า.....




    ********ขอบคุณนะจ๊ะ********

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ปลาทอง

      ประวัติปลาทอง

      ทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าการเพาะพันธุ์ปลาทองมีมานานกว่าหนึ่งพันปีแล้ว หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง คือ รูปวาดปลาทองซึ่งมีเกล็ดสีแดงที่ลำตัวจำนวนมากกำลังว่ายน้ำอยู่ในบ่อ อายุรูปภาพกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ปลาทองเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ ไซไพร์นิดี้ (Family Cyprinidae) จัดเป็นปลาวงศ์ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีปลาอยู่เกือบ 2,000 ชนิด ซึ่งปลาในวงศ์นี้มีปลาที่เราพอรู้จักคือ ปลาทอง ปลาไน และปลาตะเพียน จากการศึกษาพบว่า ปลาเงินปลาทองเป็นปลาซึ่งเกิดจากการผ่าเหล่ามาจากปลาไน (Crucian carp) ปลาเงินปลาทองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carassius auratus linn. ประเทศแรกที่เพาะพันธุ์ปลาทองได้สำเร็จคือ ประเทศจีน แต่ประเทศที่พัฒนาพันธุ์ปลาทองให้มีสีและลวดลายสวยงามคือประเทศญี่ปุ่น และเพียงเวลาไม่นานนัก ญี่ปุ่นก็ครองความเป็นจ้าวในการส่งออกปลาทองไปขายต่างประเทศ ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้พันธุ์ปลาทองเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาในที่สุด

      ปลาทองพันธุ์สามัญ (Common fish) เป็นปลาต้นสายพันธุ์ ลำตัวค่อนข้างยาวและแบนด้านข้าง หัวสั้นกว้างและไม่มีเกล็ด เป็นปลาที่อดทน กินอาหารง่ายและลูกดก สีสันคล้ายปลาไนมาก ในประเทศไทย สัณนิฐานได้ว่ามีผู้นำปลาเงินปลาทองเข้ามาเลี้ยงครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง โดยนำเข้ามาจากประเทศจีนเนื่องจากมีการค้าติดต่อกันในช่วงนั้น ทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าการเพาะพันธุ์ปลาทองมีมานานกว่าหนึ่งพันปีแล้ว หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง คือ รูปวาดปลาทองซึ่งมีเกล็ดสีแดงที่ลำตัวจำนวนมากกำลังว่ายน้ำอยู่ในบ่อ อายุรูปภาพกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ปลาทองเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ ไซไพร์นิดี้ (Family Cyprinidae) จัดเป็นปลาวงศ์ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีปลาอยู่เกือบ 2,000 ชนิด ซึ่งปลาในวงศ์นี้มีปลาที่เราพอรู้จักคือ ปลาทอง ปลาไน และปลาตะเพียน

      จากการศึกษาพบว่า ปลาเงินปลาทองเป็นปลาซึ่งเกิดจากการผ่าเหล่ามาจากปลาไน (Crucian carp) ปลาเงินปลาทองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carassius auratus linn. ประเทศแรกที่เพาะพันธุ์ปลาทองได้สำเร็จคือ ประเทศจีน แต่ประเทศที่พัฒนาพันธุ์ปลาทองให้มีสีและลวดลายสวยงามคือประเทศญี่ปุ่น และเพียงเวลาไม่นานนัก ญี่ปุ่นก็ครองความเป็นจ้าวในการส่งออกปลาทองไปขายต่างประเทศ ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้พันธุ์ปลาทองเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาในที่สุด ปลาทองพันธุ์สามัญ (Common fish) เป็นปลาต้นสายพันธุ์ ลำตัวค่อนข้างยาวและแบนด้านข้าง หัวสั้นกว้างและไม่มีเกล็ด เป็นปลาที่อดทน กินอาหารง่ายและลูกดก สีสันคล้ายปลาไนมาก ในประเทศไทย สัณนิฐานได้ว่ามีผู้นำปลาเงินปลาทองเข้ามาเลี้ยงครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง โดยนำเข้ามาจากประเทศจีนเนื่องจากมีการค้าติดต่อกันในช่วงนั้น

      พันธุ์ปลาทองที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย

      เทคนิคการเลือกซื้อปลาทอง
      เทคนิคการเลี้ยงปลาทอง "เลี้ยงอย่างไรจึงสวย"
      เทคนิคการเพาะพันธุ์และการอนุบาลลูกปลาทอง

      การเลือกซื้อปลาทอง

      • มีส่วนหัว ลำตัว และหางที่สมส่วนกัน เวลาว่ายน้ำส่วนหัวไม่ทิ่มลงพื้นหรือว่ายหงายท้อง
      • สีสันสดใส เกล็ดเรียงเป็นระเบียบสวยงาม
      • สุขภาพดี ดูได้จากการว่ายน้ำไปมาตามธรรมชาติ ไม่ปล่อยตัวลอยไปตามน้ำหรือลอยคอผิวน้ำเกือบตลอดเวลา
      • สำหรับปลาหัวสิงห์ หลังของปลาจะต้องโค้งสวย ไม่มีปุ่มบนหลังหรือหลังปลาบุ๋มลงไป
      • ครีบและหางของปลาไม่พันงอหรือขาด ครีบมีลักษณะเท่ากัน เวลาว่ายน้ำ ครีบเบ่งบานสวยงาม ไม่ลู่
      • รูปทรงของปลาต้องมีลักษณะด่นเฉพาะปลาแต่ละชนิด เช่น ถ้าซื้อปลาสิงห์ต้องไม่มีครีบบนหลัง
      • ซื้อปลาจากร้านที่ขายประจำถาวร ไม่ใช่แผงลอย ดังรายละเอียดในภาพ

       

      ลักษณะที่ดีของปลาทองชนิดต่างๆ ไว้ดังนี้

      1. ลักษณะของปลาทองพันธุ์หัวสิงห์

      ลักษณะ หัวสิงห์ญี่ปุ่น หังสิงห์จีน หัวสิงห์สยาม หัวสิงห์ลูกผสม หัวสิงห์ตากลับ หัวสิงห์ตาลูกโป่ง
      หัวและนัยน์ตา - วุ้นเนื้อละเอียด ไม่แตก วุ้นบริเวณมุมปากมีลักษณะคล้ายเขี้ยว
      - มีวุ้นครบทั้ง 3 ส่วน คือส่วนบนของหัว กระพุ้งแก้มและบริเวณเหนือริมฝีปาก
      - วุ้นไม่ปิดตาจนมิด ตาสดใส 
      - หัววุ้นมีขนาดใหญ่กว่าลำตัว ลักษณะวุ้นเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ขนาดสม่ำเสมอ
      - วุ้นไม่ปิดตาจนมิด ตาสดใส
      - วุ้นมีทั้งแบบสิงห์จีน และสิงห์ญี่ปุ่น ลักษณะวุ้นเป็นเม็ดคล้ายสิงห์จีนแต่แน่นกว่า หรือวุ้นเป็นหลืบคล้ายมันสมอง
      - วุ้นต้องปิดตาจนมิด
      - ลักษณะวุ้นเป็นเม็ดคล้ายสิงห์จีนแต่แน่นกว่า หรือวุ้นเป็นหลืบคล้ายมันสมอง
      - วุ้นไม่ปิดตาจนมิด ตาสดใส
      - หัวไม่มีวุ้น หรือมีเคลือบวุ้นเล็กน้อย
      - ตาใหญ่ สดใส ตาทั้งสองข้างเสมอกัน และหงายแหงนมองฟ้าเสมอ
      - หัวไม่มีวุ้นหรือเคลือบวุ้นเล็กน้อย
      - มีถุงน้ำใต้ตาคล้ายลูกโป่ง ถุงน้ำโปร่งแสง
      - ตาและถุงน้ำใต้ตาทั้งสองข้างเสมอกัน
      ลำตัว - ไม่มีครีบหลัง หลังโค้งมนรูปไข่ไก่
      - ลำตัวขนาดใหญ่ หนา มองจากด้านบน ลำตัวไม่คดงอ
      -เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ
      - ไม่มีครีบหลัง หลังตรงหรือลาดโค้งเล็กน้อย
      - ลำตัวค่อนข้างกลม หนา ไม่คดงอ
      - เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ
      - ไม่มีครีบหลัง หลังโค้งมนรูปไข่ไก่
      - ลำตัวขนาดใหญ่ หนา มองจากด้านบนลำตัวไม่คดงอ
      - เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ
      - ไม่มีครีบหลัง หลังโค้งมนรูปไข่ไก่
      - ลำตัวขนาดใหญ่ หนา มองจากด้านบนลำตัวไม่คดงอ
      - เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ
      - ไม่มีครีบหลัง ลำตัวยาว หลังตรงหรือโค้งลาดเล็กน้อย
      - เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ
      - ลำตัวยาว หลังตรงหรือโค้งลาดเล็กน้อย
      เกล็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ
      ครีบหาง - ครีบหางสั้น ตั้ง ต่อกับลำตัว เป็นมุมแหลมประมาณ 45 องศา
      - ครีบหางหนา อาจมี 3 หรือ 4 แฉก
      - ครีบหางแผ่กว้าง
      - ครีบหางใหญ่
      - หางลาด ปลายหางเสมอ แนวเดียวกับสันหลัง
      - ครีบหางสั้น ตั้ง ต่อกับลำตัวเป็นมุมแหลมประมาณ 45 องศา
      - ครีบหางหนาอาจมี 3 หรือ 4 แฉก
      -  ครีบหางสั้น ตั้ง ต่อกับลำตัวเป็นมุมแหลมประมาณ 45 องศา
      - ครีบหางหนาอาจมี 3 หรือ 4 แฉก
      - ครีบหางยาว
      - หางลาด ปลายหางเสมอแนวเดียวกับสันหลัง หรือสูงกว่า
      - ครีบหางยาว
      - หางลาด ปลายหางเสมอแนวเดียวกับสันหลัง หรือสูงกว่า
      สี - สีเข้มสดใส
      - มีทุกสี
      - สีเข้มสดใส
      - มีทุกสี
      - สีดำปลอด - สีเข้มสดใส
      - มีทุกสี
      - สีเข้มสดใส
      - มีทุกสี
      - สีเข้มสดใส
      - มีทุกสี
      รูปทรงและการทรงตัว - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      - การทรงตัวดี
      - มองจากด้านบนเหมือน รูปเหรียญโคบัน (Koban)
      - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      - การทรงตัวดี
      - มองด้านบนสันหลังตรง
      - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      - การทรงตัวดี
      - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      - การทรงตัวดี
      - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      - การทรงตัวดี
      - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      - การทรงตัวดี
      ครีบทวาร - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ - ครีบคู่ หรือ ครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ
      ครีบอื่นๆ - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา - ครีบคู่เสมอกันทั้งซ้ายและขวา

      2. ลักษณะเด่นของปลาทองพันธุ์ออรันดา

      ลักษณะ ออรันดาหัววุ้น ออรันดาหัวแดง ออรันดาห้าสี ออรันดาหางพวง
      หัว - วุ้นมาก มองจากด้านบนเห็นเป็นก้อนกลมหรือเหลี่ยม วุ้นใสสีสด - วุ้นเป็นก้อนกลมสีแดง เหมือนสวมหมวกสีแดง วุ้นบริเวณข้างแก้มและใต้คางไม่มีหรือมีบ้างเล็กน้อย - วุ้นมาก ขนาดสม่ำเสมอ - วุ้นน้อย หรือ ไม่มีวุ้น
      ลำตัว - มองจากด้านข้างลำตัวแบนกว้างและไม่สั้นจนเกินไป - มองจากด้านข้างลำตัวแบนกว้างและไม่สั้นจนเกินไป
      - เกล็ดเรียงเป็นระเบียบ สม่ำเสมอ เป็นเงาสดใส
      - มองจากด้านข้างลำตัวแบนกว้าง ไม่สั้นจนเกินไป
      - เกล็ดเรียงเป็นระเบียบ สม่ำเสมอ เป็นเงาสดใส
      - ลำตัวค่อนข้างยาว
      ครีบหาง - ครีบหางค่อนข้างหนา แผ่กว้าง ไม่สั้นจนเกินไป - ครีบหางค่อนข้างหนา แผ่กว้าง ไม่สั้นจนเกินไป - ครีบหางค่อนข้างหนา แผ่กว้าง ไม่สั้นจนเกินไป - หางยาวเป็นพวง
      สี - สีเข้มสดใส มีทุกสี - ลำตัวสีขาวเงิน วุ้นบนหัวสีแดงเข้ม - มีครบทั้ง 5 สี (ฟ้า ดำ แดง ขาว ส้ม) สีกระจายสม่ำเสมอ - มีทุกสี
      ครีบหลัง - ครีบหลังตั้ง ไม่พับทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง -ครีบหลังตั้ง ไม่พับทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง -ครีบหลังตั้ง ไม่พับทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง - ตรีบหลังพลิ้วยาว
      ครีบทวาร - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ  - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ  - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ  - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ 
      รูปทรงและการทรงตัว - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี - สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ดี
      ครีบอื่นๆ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ

      3. ลักษณะเด่นของปลาทองพันธุ์ริวกิ้น และ ปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้ว

      ลักษณะ ริวกิ้น เกล็ดแก้วหน้าหนู เกล็ดแก้วหัววุ้น เกล็ดแก้วหัวมงกุฏ
      หัว - หัวสั้น ปากแหลม ไม่มีวุ้น - ปากแหลม หน้าสั้น ไม่มีวุ้น - มีวุ้น - มีวุ้นเป็นก้อนกลมเดี่ยว
      เกล็ด

      -

      - เกล็ดพองโตขนาดสม่ำเสมอ - เกล็ดพองโต เรียงไล่ขนาดเป็นระเบียบ เกล็ดบริเวณกลางลำตัวขนาดใหญ่กว่าส่วนหัว ส่วนท้าย หลัง และท้อง - เกล็ดพองโต เรียงไล่ขนาดเป็นระเบียบ เกล็ดบริเวณกลางลำตัวขนาดใหญ่กว่า ส่วนหัว ส่วนท้าย หลังและท้อง
      ลำตัว - มองจากด้านข้างลำตัวค่อนข้างกว้าง ส่วนท้องอ้วนกลม มองจากด้านหน้าโหนกหลังสูงเท่ากันส่วนโค้งของคอและท้อง เกล็ดเรียงเป็นระเบียบ เป็นเงาสดใส - มองจากด้านบนลำตัว กลมสั้น หัวท้ายแหลม ท้องอูมเป่ง หลังตรง ท้องอูมเป่ง หลังตรง ท้องอูมเป่ง
      ครีบหลัง - ครีบหลังสูง ตั้งตรงทั้งขณะว่ายน้ำและหยุดนิ่ง - ตั้งตรง - ตั้งตรง - ตั้งตรง
      ครีบหาง - ครีบหาง 3 แฉก หรือ 4 แฉก ไม่สั้นจนเกินไป หางไม่พับ - หางยาวปานกลาง ครีบหางมี 3 หรือ 4 แฉก ไม่พับ - หางสั้น ครีบหางมี 3 หรือ 4 แฉก ไม่พับ - หางสั้น ครีบหางมี 3 หรือ 4 แฉก ไม่พับ
      สี - สีเข้ม ขาว-แดง ส้ม ห้าสี (ฟ้า แดง ดำ ขาว ส้ม) สีสมดุลย์ทั้ง 2 ข้าง - มีทุกสี - มีทุกสี - มีทุกสี
      ครีบทวาร - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวที่เกิดโดยธรรมชาติ      
      รูปทรงและการทรงตัว - ซ้ายและขวาเสมอกัน ว่ายน้ำทรงตัวดี - ซ้ายและขวาเสมอกัน 
      - การทรงตัวดี
      - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      - การทรงตัวดื
      - ซ้ายและขวาเสมอกัน
      -  การทรงตัวดี
      ครีบอื่นๆ - ครีบคู่เสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ

      4. ลักษณะเด่นของปลาทองพันธุ์ตาโปน

      ลักษณะ เล่ห์กระโปรง เล่ห์ตุ๊กตา ตาโปนห้าสี ตาโปนญี่ปุ่น เล่ห์ควาย ผีเสื้อ (หลังอูฐ)
      นัยน์ตา - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน - ตามีขนาดใหญ่เสมอกัน ตาโปนออกนอกเบ้าตา มองไปด้านหน้าหรือด้านข้างเสมอกัน
      ลำตัว - กลมสั้น - กลมสั้น - กลมสั้น - กลมสั้น - ขนาดใหญ่ ค่อนข้างยาว - กลมสั้น หลังยกสูง ท้องอ้วนกลม
      ครีบหลัง - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ - ตั้งตรงสูง ไม่พับ
      ครีบหาง - หางยาวคล้ายกระโปรงสุ่ม - หาง 3 หรือ 4 แฉก และเว้าลึก ค่อนข้างหนา ยาวปานกลาง หางไม่ตก - หาง 3 หรือ 4 แฉก และเว้าลึก - หาง 3 หรือ 4 แฉก และเว้าลึก - หางยาวเป็นพวง - หาง 3 หรือ 4 แฉก สั้น บานออกคล้ายผีเสื้อ
      สี - ดำสนิท - ดำสนิท - ห้าสี (ฟ้า แดง ดำ ขาว ส้ม) ขาวแดง ขาวส้ม ส้ม หรือ ขาวดำ - ดำ หรือ นาก - ดำ หรือ นาก
      รูปทรงและการทรงตัว - เวลาหยุดจะนิ่งสนิท ว่ายน้ำทรงตัวดี - ไม่หยุดนิ่งเป็นเวลานาน ว่ายน้ำทรงตัวดี - การทรงตัวดี - การทรงตัวดี - การทรงตัวดี - การทรงตัวดี
      ครีบทวาร - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ - ครีบคู่หรือครีบเดี่ยวโดยธรรมชาติ
      ครีบอื่นๆ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ - ครีบคู่ยาวเสมอกัน ไม่พับ


      วิธีเลี้ยงปลาทอง

      น้ำที่ใช้เลี้ยงปลา น้ำถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงปลา เพราะปลาอาศัยอยู่ในน้ำ ถ้าสภาพน้ำไม่ดี มีเชื้อโรคมากเกินไป หรือมีสารเคมีต่างๆเจือปนอยู่ในน้ำ หรือน้ำสะอาดไม่เพียงพอ การเลี้ยงปลาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
      • น้ำประปา ต้องรองใส่ภาชนะที่ไม่ปิดฝา ทิ้งไว้เกินกว่า 24 ชม. เพื่อให้สารคลอรีนที่มีอยู่ในน้ำระเหยไปให้หมด หรืออย่างน้อยต้องทิ้งไว้ 12 ชม. เป็นอย่างต่ำ ถ้าจำเป็นต้องรีบใช้น้ำในการเลี้ยงปลาหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำให้ปลา ควรรองน้ำใส่ภาชนะและใส่น้ำยากำจัดคลอรีนลงในภาชนะนั้นๆ และในกรณีใช้น้ำยาลดคลอรีนชนิดเข้มข้นควรทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หรือ 1-2 ชม. สำหรับน้ำยาชนิดธรรมดาทั่วไป น้ำที่ใส่น้ำยานี้สามารถใช้เลี้ยงปลาได้
      • น้ำบาดาล ต้องใส่ยาฆ่าเชื้อโรคหรือใส่น้ำยาปรับสมดุลน้ำ ควรใส่ให้สีของน้ำออกสีน้ำเงินเล็กน้อย เมื่อน้ำเริ่มใสสามารถนำมาเลี้ยงปลาได้ ถ้าใช้น้ำบาดาลที่สูบขึ้นมาใหม่ควรตรวจดูอุณหภูมิของน้ำด้วย คือต้องไม่ร้อนหรือเย็นมากจนเกินไป
      • น้ำคลองหรือบ่อ ห้ามใช้สารส้มเพื่อทำให้น้ำใส ควรรองน้ำใส่ภาชนะทิ้งไว้ 2-3 วันเพื่อรอให้น้ำตกตะกอนเอง จึงสามารถตักส่วนบนที่ใสมาใช้เลี้ยงปลาได้ และควรใส่ยาฆ่าเชื้อโรคหรือใส่ยาปรับสมดุลน้ำเล็กน้อย
      • น้ำฝน ปัจจุบันเนื่องจากมลภาวะแวดล้อมเป็นพิษ น้ำฝนที่ตกลงมาจะมีสารเคมีเจือปน จึงไม่เหมาะแก่การเลี้ยงปลา และในน้ำฝนจะมีแต่ไฮโดรเจนไม่มีอ๊อกซิเจนเจือปนอยู่เลย แต่ที่ปลาสามารถอาศัยอยู่ได้เพราะผู้เลี้ยงได้ใช้เครื่องเพิ่มออกซิเจนให้ปลา ปลาจึงสามารถอยู่ได้แต่ปลาจะโตช้า หรือเลี้ยงแล้วแทบจะไม่โตเลย จะทำให้ปลาเป็นปลาแกรนในที่สุด
      • น้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำ ควรเติมน้ำยาลดคลอรีน ถ้าใช้ชนิดเข้มข้นทิ้งไว้ 10-15 นาที ชนิดธรรมดาทิ้งไว้ 1-2 ชม. เหมือนกับใช้น้ำประปา แต่น้ำผ่านเครื่องกรองจะสะอาดและมีเชื้อโรคเจือปนอยู่ในน้ำน้อยกว่ามาก
      • น้ำกลั่น ไม่เหมาะแก่การเลี้ยงปลา เพราะจะไม่มีค่าสารละลายออกซิเจน (โอ ทู) ในน้ำเหลืออยู่เลย เนื่องจากโดนเครื่องกรองน้ำกรองออกจนหมด
      อาหาร อาหารที่เราให้ปลากินมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ
      • อาหารสำเร็จรูป มีหลายชนิดคือ แบบเป็นเม็ด แบบเป็นแผ่น แบบเป็นก้อน แบบเป็นผง และมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ บางยี่ห้อสินค้าไม่มีคุณภาพ และมีหลายยี่ห้อที่โฆษณาเกินจริง ผู้เลี้ยงควรสอบถามและขอคำแนะนำในเรื่องการเลือกซื้ออาหารปลาจากร้านปลาที่ขายสินค้าเป็นประจำ (ไม่ใช่ร้านแผงลอยหรือตามตลาดนัดแนะนำ) ควรเลือกซื้ออาหารปลาตามขนาดของปลาที่เลี้ยงอยู่ และไม่ควรให้อาหารเหลือในน้ำ
      • อาหารสด มีดังนี้คือ ลูกน้ำ ไรน้ำจืด ไรทะเล ใส้เดือนน้ำ หนอนแดง ไม่ควรใส่อาหารสดทุกชนิดในตู้ปลามาก เพราะอาหารสดเป็นสัตว์ที่มีชีวิต จะแย่งออกซิเจนในตู้ ควรใส่น้อยๆ แต่ใส่บ่อยๆ และไม่ควรเอาอาหารสดที่ตายแล้วใส่ให้ปลากินเพราะจะทำให้ปลาถ่ายท้องได้
      อุณหภูมิ อุณหภูมิที่เหมาะกับการเลี้ยงปลาทองคือ 20-25 องศาเซลเซียส

      ความหนาแน่นของปลาในตู้ ไม่ควรเลี้ยงปลาทองจำนวนมากในตู้ ควรเลี้ยงปลาให้พอเหมาะ ไม่แน่นจนเกินไป แสงแดด ควรเลี้ยงปลาทองให้ถูกแสงแดดบ้าง หรือถ้าเลี้ยงอยู่ในบ้าน ควรใช้หลอดไฟเทียมแสงอาทิตย์และเปิดไฟไว้ในเวลากลางวัน

      อากาศ ถ้าน้ำที่ใช้เลี้ยงปลามีออกซิเจนเพียงพอต่อความต้องการของปลา จะช่วยให้ปลาสดชื่น แข็งแรง และโตเร็ว


      ถ้าอยากรู้เรื่องปลาก็เข้าไปได้ที่เวปhttp://www.rachaplathong.com/eng/info_th5.html
      นี้นะจ๊ะ


      ****วันนี้เราไปก่อนนะ บายจ้า......

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×