บั้งไฟพญานาคกับพลุ
เราเอามาให้เพื่นอได้ดูกันน้าว่าบั้งไฟพญานาคกับพลุแตกต่างกันอย่างไรหว่างๆว่าเพื่อนๆจะชอบกันนะจ๊ะ
ผู้เข้าชมรวม
372
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
อะจร้าหวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบกันนะจ๊ะ
พักนี้ใกล้จะเปิดเทอมก็รักษาสุขภาพกันด้วยน้า
***ขอบคุณนะจ๊ะที่เข้ามาในไดของเรา***
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ข้อ |
จุดสังเกต |
ลักษณะลูกบั้งไฟพญานาค |
ลักษณะลูกไฟที่จุดจากพลุ |
1. |
สีแดง |
แดงอมชมพูออกสีบานเย็น (สีพลอยทับทิมที่มีราคาแพงประดับหัวแหวน) |
แดงผสมหลายแบบ บางครั้งออกส้ม บางครั้งออกเหลือง |
2. |
ความกลมกลืนของสีดวงไฟ |
สีเรียบสม่ำเสมอกลมกลืนกันทั้งลูกไฟ |
ลูกไฟสีจะไม่เรียบกลมกลืนกัน ใจกลางอาจจะออกสีน้ำเงินอ่อน ถัดมาสีส้มมักจะออกแดงเรื่อๆ |
3. |
ความสว่าง |
ไม่ส่องแสงสว่างเท่าใดนัก คือไม่ให้เกิดความสว่างอย่างแสงไฟฟืนที่กำลังลุกโชน แต่จะสว่างเท่ากันตลอดเวลาจนกระทั้งดับ |
ส่องแสงสว่างจ้า ในขาขึ้น |
4 |
แรงดันให้ลอย |
ไม่มีการพ้นเปลวไฟลงด้านล่าง เพื่อขับผลักตัวเองให้ลอย |
มีเปลวพ่นลงด้านล่างเพื่อผลักดันลูกไฟให้ลอยขึ้น แตกต่างกันชัดเจน |
5 |
เห็นลูกไฟได้ที่ความสูงใด |
ถ้าลูกไฟลอยขึ้นด้วยความเร็วต่ำๆ จะเกิดลูกไฟที่ความสูงจากพื้นน้ำไม่เกิน 1 เมตร แล้วลอยขึ้นไป ลูกไฟจะเล็กลง ถ้าพุ่งขึ้นด้วยความเร็วสูงมากจะเกิดที่ความสูง 30-40 เมตร และจะเป็นดวงไฟที่ลูกโตตามมาก พุ่งไปเร็วมาก และสูงมาก เช่น ปี 2542 |
ลูกไฟพุ่งออกจากที่สำหรับบรรจุพลุ ทันทีที่พ้นปากกระบอกภาชนะ |
6. |
การเห็นสีลูกบั้งไฟบางลูกสีแปรเปลี่ยนไปจากสีแดงบานเย็นได้ |
บั้งไฟบางลูกพุ่งขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็วมากจนมีน้ำกระจาย ละอองน้ำบางส่วนเกาะติดกลุ่มบั้งไฟขึ้นไปด้วยถ้าเกิดการลุกไหม้ตั้งแต่ระยะต่ำ ที่ความสูงประมาณ 1 เมตร ขณะที่มีน้ำเกาะติด จะเกิดแสงเป็นสีฟ้าสุกใส เมื่อลูกไฟพุ่งขึ้นสูงไประยะหนึ่งละอองน้ำที่เกาะจะหลุดจากบั้งไฟหมด สีของลูกไฟจะกลับคืนสู่สีปกติ คือ สีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น ซึ่งปี 2542 เกิดบั้งไฟสีลักษณะนี้ ที่เขตเทศบาล อ. โพนพิสัย จำนวน 40-50 ลูก แต่ถ้าเกิดการลุกไหม้ที่ระยะสูงประมาร 15 เมตรขึ้นไปที่ไม่มีน้ำเกาะติด จะเกิดแสงสีแดงทับทิม |
ลูกไฟพลุจะมีการเปลี่ยนสีได้เนื่องจาก
|
7. |
การลอย |
จะลอยขึ้นในแนวดิ่งตั้งฉากกับพื้นโลก บางลูกลอยขึ้นในแนวเฉียง แต่ต้องเฉียงเป็นแนวเส้นตรง |
จะพุ่งขึ้นหลายแนว แล้วแต่ผู้จุดจะถือพลุชี้ไปทางใด แนวดิ่งก็ได้ หรือแนวเอียงแต่จะเฉียงเป็นเส้นโค้งไม่เป็นเส้นตรง |
8. |
เปลวไฟหมุนได้ |
ถ้าสังเกตให้ชัดๆ การลุกไหม้ของเปลวไฟ เปลวไฟจะหมุน คล้ายกงจักรของพระนารายณ์ และต้องไม่มีควัน |
พลุตะไลจะหมุนได้ แต่จะหมุนในลักษณะไม่เหมือนบั้งไฟพญานาค และจะเกิดควันขึ้นมาก |
9. |
การตก |
เมื่อลอยขึ้นแนวดิ่งแล้วจะดับกลางอากาศไม่มีการตกลงมา |
พุ่งขึ้นเมื่อหมดพลังแรงขับพ่น แล้วจะเลี้ยวตกลงมาเอง เห็นการตกได้ชัดเจน |
10. |
พุ่งขึ้นฟ้าสูงเท่าใด |
ลูกไฟจะลอยตัวสูงประมาณ 50-150 เมตรแล้วจะดับ |
จะลอยตัวสูงเท่าไหร่แล้วแต่การอัดดินปืนเมื่อหมดแรงขับจะเลี้ยวตกลงมาลูกไฟก็จะยังติดไฟก็จะยังติดไฟอยู่จนกว่าเศษดินปืนหมดก็จะดับ บางลูกตกลงมาถึงพื้นยังติดไฟอยู่เลย |
11. |
ขนาดดวงไฟ |
เคยเห็นในระยะห่าง 5 เมตร โตประมาณเท่าไข่ห่าน ถ้ามองเห็นไกลๆลูกไฟจะโตขนาดเท่าก้นบุหรี่ สีแดงกร่ำ เข้มมาก |
ขาดเท่ากันที่เราเคยเห็นกันทั่วไป |
12. |
จำนวนลูกบั้งไฟแต่ละชุด |
ไม่แน่นอน บางครั้งมีลูกเดียว บางครั้ง 2-3 ลูก บางครั้ง 5-7 ลูก บางครั้งมากถึง 19 ลูก |
แล้วแต่ผู้สร้าง |
13. |
จุดที่ลูกไฟจะลอยขึ้น |
ไม่ได้ขึ้นจากพื้นที่จุด จุดเดียว และจะขึ้นที่ จุดใดก็ได้ไม่แน่นอน |
ในวันชมบั้งไฟพญานาคจะมีคนจุดพลุนับพันลูกตกอยู่ตลอดเวลา จะเห็นพลุขึ้นทั่ว |
14. |
เสียง/ควัน |
เงียบไม่มีเสียง ไม่มีควัน |
อยู่ใกล้จะได้ยินเสียงดินปืน ลุกไหม้และมีควัน |
15. |
สิ่งทีทำให้ลูกไฟลุกไหม้ |
คาดว่าเป็นก๊าซ เพราะเห็นเป็นไฟดวงใสไม่มีควัน |
เป็นดินปืน ที่มีส่วนผสมของดินประสิว กำมะถัน ถ่าน และอื่นๆมีควัน |
ผลงานอื่นๆ ของ +++ทั่นหมอแดจังกรึม+++ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ +++ทั่นหมอแดจังกรึม+++
ความคิดเห็น