แฟนคนโปรด - แฟนคนโปรด นิยาย แฟนคนโปรด : Dek-D.com - Writer

    แฟนคนโปรด

    โดย Nokfha

    จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอเชือกสีแดงมาแขวนคอเจ้า ขอเจ้าจงเป็นแค่เพียงของเรา จะคอยเป็นเงาติดตามตัวไป เรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาที่ไปตั้งแคมป์ผักผ่อนกันแต่ต้องเจอกับเรื่องราวสุดหลอน

    ผู้เข้าชมรวม

    92

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    92

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.ย. 66 / 09:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    หลายๆคนบอกว่าช่วงชีวิตในมหาลัยเป็นช่วงชีวิตที่น่าจดจำที่สุด เจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ คนรู้ใจใหม่ และ จะมีหนึ่งเรื่องที่ผมจะจำไปจนวันตาย…………………..

    ช่วงปี4 ที่หนักหนาสาหัสกำลังจะจบลง ผมและกลุ่มเพื่อนที่ช่วยกันฟันฝ่าสิ่งต่างๆร่วมกันมา 4 ปี ก็เริ่มที่จะหาที่เที่ยวเพื่อพักผ่อนและเฉลิมฉลองให้กับความยากลำบากและความเหน็ดเหนื่อยที่กำลังจะสิ้นสุดลง กลุ่มผมมีกัน 6 คน หญิง3 ชาย 3 ซึ่งประกอบไปด้วย พิม พลอย ฝาแฝดสาวสวยที่หนุ่มๆในคณะต่างหมายปอง ธาร หนุ่มสุดฮอตที่บ้านรวยดีกรีลูกนักการเมือง นิคหนุ่มหน้าคมเข้มสไตล์ไทยๆลุคเจ้าชู้นิดๆ กับแฟนสาวต่างคณะ เจน และสุดท้าย ผม ต้นครับ เด็กต่างจังหวัดหน้าตาบ้านๆที่แสนจะธรรมดา กลุ่มของพวกเราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่บ้านของนิค ซึ่งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี โดยจะอยู่เที่ยวกัน 5 วัน เมื่อตกลงเรื่องที่เที่ยว ที่พัก และวันเวลาได้แล้วก็แยกย้ายกันกลับเพื่อเตรียมตัวและเตรียมสัมภาระและแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ทุกคนตื่นกันแต่เช้าตรู่ มาที่นัดหมาย และขนของขึ้นรถของธาร ขับไปได้สักพักทุกคนก็เริ่มหลับ คงเหลือแค่ผม กับธารซึ่งเป็นคนขับรถที่ยังนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย รถเริ่มแล่นเข้าเขตชลบุรีซึ่งบ้านของนิคนั้นห่างจากตัวเมืองออกไปเล็กน้อย บรรยากาศรอบข้างเริ่มรายล้อมไปด้วยป่าและต้นไม้สีเขียวขจี ผมเหม่อลอยออกไปนอกรถ พลันสายตาของผมก็ไปสะดุดกับสิ่งหนึ่งที่อยู่ในป่า เป็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองรถของพวกเราที่ขี่ผ่านไป ผมเห็นหน้าเธอไม่ค่อยชัดเพราะรถค่อนข้างที่จะวิ่งเร็ว เธอใส่ชุดสีขาวลายสีแดงและผมยาวประบ่า ผมเอะใจนิดหน่อยเพราะแถวนั้นไม่มีบ้านคน แต่ก็ยังคิดในแง่ดีว่าอาจเป็นชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่ามากินมาขาย เพราะแถวบ้านผมที่ต่างจังหวัดผู้คนในหมู่บ้านก็จะชอบเข้าป่าหาของป่ามากินมาขายกันเป็นปกติ ขับไปได้สักพักก็ถึงบ้านของนิค เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ติดป่าเขา บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย นิคบอกว่าคืนนี้พักที่บ้านของนิคก่อนวันพรุ่งนี้จะพาไปตั้งแคมป์ซึ่งเป็นสถานที่ลับ จะมีแค่คนในพื้นที่เท่านั้นถึงจะรู้จัก คืนนั้นทุกคนนอนรวมกันในห้องโถงผมนอนริมสุดฝั่งซ้าย แล้วต่อด้วยธาร นิค เจน พลอย และพิม ตกกลางดึกผมได้ยินเสียงเหมือนคนเดินวนรอบที่นอนที่พวกผมนอน เดินวนอยู่อย่างนั้น3-4 รอบ ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาในความมืด เสียงเดินก็หายไป ได้ยินเป็นเสียงบ่นพึมพำแทน ผมหันไปตามที่มาของเสียง ก็เห็นนิค นั่งก้มหน้าบ่นพึมพำอยู่ ทีแรกผมรู้สึกตกใจ แต่ก็คิดว่าเพื่อนคงละเมอ ผมจึงลุกขึ้นจับตัวนิคเขย่าพร้อมกับเรียกชื่อ นิคหยุดบ่นพึมพำ แล้วเงยหน้าขึ้นหันหน้ามาหาผมพร้อมกับยิ้มที่มุมปากแล้วเอนตัวลงนอน ตอนนั้นผมรู้สึกขนลุกกับใบหน้าแสยะยิ้มอ่อนๆของนิคมาก ตั้งแต่ผมรู้จักนิคมา 4 ปี ยังไม่เคยเห็นนิคยิ้มหลอนแบบนี้เลย ผมล้มตัวลงนอนแล้วหลับจนถึงเช้า พอรุ่งเช้าทุกคนเตรียมของและสัมภาระที่จำเป็นต่างๆ เพื่อที่จะไปตั้งแคมป์ในสถานที่ลับที่นิคบอกสวยนักสวยหนา ทุกคนเตรียมของเสร็จแล้ว ก็มีลุงชม ลุงของนิคที่จะนำทางไป เพราะต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าหลายกิโลจึงต้องมีผู้เชี่ยวชาญและชำนาญพื้นที่เข้าไปด้วย วันนี้ระหว่างเดินทางผมไม่ได้ยินเสียงนิคพูดเลยปกตินิคจะเป็นคนพูดมากและชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ แต่วันนี้กลับเงียบ ถามคำตอบคำ ขนาดเจนแฟนของนิคยังต้องเดินมาถามพวกผมว่านิคเป็นอะไร เมื่อเดินไปได้สักพัก ลุงชมก็บอกว่าให้นั่งพักดื่มน้ำกันก่อน เพราะอีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว ผมสังเกตเห็นว่านิคนั้นแปลกไป เขาเงียบนิ่ง และหน้าตาดูโทรม ใต้ตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอน และระหว่างเดินมานิคมีอาการพะอืดพะอมเหมือนจะอาเจียนตลอดทาง ทุกคนเป็นห่วงกลัวว่านิคจะไม่สบายรึป่าวแต่นิคก็ตอบว่าสบายดีและยังไหว เมื่อพักจนพอหายเหนื่อยแล้วทุกคนจึงออกเดินทางต่อ พอถึงที่หมายแล้วก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง บรรยากาศร่มรื่น พื้นที่โล่งและเป็นหน้าผา ด้านล่างมีแม่น้ำสีเขียวมรกต มีลมพัดโชยให้ความเย็นตลอดเวลา คุ้มค่ากับการแบกเป้เดินเข้ามาหลายกิโล ในขณะที่ทุกคนกำลังกางเต็นท์กันอยู่นั้น นิคเดินหายเข้าไปในป่าสักพัก นิคกลับออกมาพร้อมกับดอกไม้ป่า1 ดอก เดินไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้ววางดอกไม้นั้นลง พร้อมกับพูดพึมพำอะไรบางอย่าง  ตกกลางคืนทุกคนก่อไฟแล้วมานั่งร่วมวงกันพร้อมกับดื่มกันนิดหน่อยอย่างสนุกสนาน ทุกอย่างก็ปกติดี รวมถึงนิคที่ตอนนี้ก็กลับมาสร้างสีสันให้กับกลุ่มเพื่อนแล้ว  สังสรรค์กันจนเมาได้ที่แล้วทุกคนก็เข้าเต็นท์ของตัว โดยจะมี 4 เต็นท์ เต็นท์เเรกของลุงชม ต่อมาเป็นของสองสาวฝาแฝด ของนิคและเจน และผมกับธารเป็นเต็นท์สุดท้าย ตกกลางดึกผมรู้สึกว่าธารสะกิดผม ผมจึงลืมตาขึ้นแล้วถามว่าเป็นอะไร ธารตอบผมด้วยอาการเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง หน้าซีด น้ำเสียงสั่นเครือ แล้วบอกกับผมว่าเมื่อกี๊มันได้ยินเสียงคนเดินรอบเต็นท์มันก็นึกว่าเป็นเพื่อนๆที่อาจจะไปทำธุระส่วนตัว มันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็เริ่มมีเสียงผู้หญิงร้องไห้อยู่ข้างๆหู พอหันไปตามเสียงสิ่งที่เจอคือ เหมือนมีหน้าใครบางคนแนบกับเต็นท์ ธารตกใจมากจึงรีบปลุกผมขึ้นมา ผมได้แต่ปลอบใจว่าอาจจะเป็นไอ้นิคมาแกล้งก็ได้ ผมพูดปลอบใจจนธารเริ่มสงบลงและนอนต่อ แต่พอกำลังจะเคลิ้มหลับ เจนก็มาเรียกผมที่เต็นท์บอกให้ผมไปดูนิคหน่อย นิคอาการแย่แล้ว ผมกับธารจึงลุกออกไปดูนิคภาพที่เห็นคือนิคนอนตะแคงขดตัว ตัวสั่นพร้อมกับส่งเสียงครางฮือๆ ทุกคนช่วยกันรีบเข้าไปเขย่านิค แต่นิคก็ยังนอนครางอยู่อย่างนั้นเหมือนคนไร้สติ แต่แล้วก็มีเสียงกรี๊ดออกมาจากเต็นท์ของสองสาวฝาแฝด ผมจึงให้ธารไปดู ทุกอย่างชลมุนวุ่นวายไปหมด ลุงชมเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย แกเดินออกมาพร้อมกับบอกให้ทุกคนมารวมกลุ่มกันที่หน้าเต็นท์ของนิคและเจน ส่วนลุงชมเดินเข้าไปหานิคพร้อมกับสร้อยพระลุงชมยกพระขึ้นไหว้พร้อมกับท่องคาถา แล้วใส่ให้นิค นิคสะดุ้งสุดตัวแล้วสลบไป ลุงชมบอกให้ทุกคนรีบเข้านอนและถ้าหากได้ยินเสียงอะไรห้ามออกมาดูหรือพูดอะไรเด็ดขาด และที่สำคัญก่อนนอนให้ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาด้วย ทุกคนทำตามที่ลุงชมบอก ทุกอย่างเริ่มเงียบสงบลง เงียบจนได้ยินใบไม้กระทบกัน เสียงของลมที่ดังหวีดหวิวเสมือนกับเสียงร้องโหยหวนของหญิงสาว ทำให้ต้นและเพื่อนๆต่างรู้สึกขนลุกไปตามๆกัน รุ่งเช้าทุกคนเตรียมที่จะเก็บของเพื่อกลับเข้าหมู่บ้าน แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นใจ ฟ้ามืดครึ้ม ฝนเริ่มตกลงมาทั้งที่ไม่ใช่หน้าฝน ทำให้ต้องทุกคนต้องมารวมตัวกันที่เต็นท์ของนิคเพื่อรอฝนหยุด นิคเองก็มีอาการจับไข้หนัก ตัวสั่น มีอาการเพ้อพูดไม่เป็นภาษา ทำให้ทุกคนเป็นห่วงมาก ผ่านไปจนครึ่งวันแล้วฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลุงชมบอกว่าเห็นทีจะได้ค้างอีก 1 คืน ทุกคนเริ่มหน้าเสีย ทั้งกลัวกับเหตุการณ์เมื่อคืน และเป็นห่วงนิคว่าจะทนพิษไข้ไม่ไหว พลบค่ำฝนก็หยุดตก ทุกคนมานั่งรวมตัวกันที่กองไฟ มีเพียงแต่นิคที่ทานอาหารและกินยาแล้วนอนอยู่ในเต็นท์เพียงลำพัง คืนนี้บรรยากาศดูเยือกเย็นกว่าคืนแรก อาจจะเพราะฝนที่พึ่งจะหยุดตกไป ทุกคนนั่งคุยกันไม่มีใครกล้าแยกตัวไปนอนที่เต็นท์ของตน พลันสายตาของผม ที่มองไปที่เต็นท์ของนิคก็เห็นเป็นเงาคนนั่งอยู่ แวบแรกผมคิดว่าเป็นนิค แต่พอมองดีๆแล้วนั่นเป็นเงาของผู้หญิงแน่นอน ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากพูดอะไร ก็มีเสียงผู้หญิงตะโกนดังออกมาจากเต็นท์ของนิคว่า “กูจะเอามึงไปอยู่ด้วย!!” ผมคิดว่าทุกคนได้ยินแน่เพราะทุกคนมีอาการตกใจและหันไปทางเต็นท์ของนิคพร้อมกัน ลุงชมลุกขึ้นและรีบตรงไปหานิคที่เต็นท์ทันที พอเปิดเต็นท์ออกกลับไม่เจอนิค ลุงชมรีบบอกให้ทุกคนรีบตามหานิค ผมและเพื่อนๆรีบหยิบไฟฉายและสอดส่องหานิคตามบริเวณใกล้เคียง แล้วใจผมก็หล่นไปที่ตาตุ่ม นิคกำลังผูกคอตัวเองที่ต้นไม้ต้นที่นิคเอาดอกไม้ไปวางไว้เมื่อกลางวัน ผมรีบตะโกนเรียกทุกคน และเข้าไปช่วยนิคไว้ทัน นิคเหมือนคนเหม่อไม่ได้สติ พูดไม่รู้เรื่องแววตาเลื่อนลอย ผมแปลกใจมากว่านิคออกมาจากเต็นท์ตอนไหน ทั้งๆที่ผมนั่งหันหน้าเข้าเต็นท์ของนิคตลอด และเชือกผมสงสัยว่านิคเอามาจากไหน ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ยังไม่ถามอะไรในตอนนี้ เจนร้องไห้หนักไม่หยุด ลุงชมรีบนำพระมาร่ายคาถาและนำพระมาวนๆใส่ในขันน้ำ แล้วจับกรอกปากนิคพร้อมกับเทราดหัวให้นิค จนนิคหลับไป ลุงชมบอกว่าคืนนี้ให้รวมตัวกันในเต็นท์เดียวกันทั้งคืนห้ามออกไปไหนคนเดียวเด็ดขาด ทุกคนนั่งรวมกันทั้งคืนโดยไม่มีใครหลับลงหรือกล้าออกไปไหน ตลอดทั้งคืนจะได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของผู้หญิงลอยมากับสายลมเป็นระยะๆ สลับกับเสียงเดินรอบเต็นท์ เป็นแบบนี้ทั้งคืน พอรุ่งเช้าลุงชมจึงรีบพาทุกคนเก็บของรีบกลับหมู่บ้านทันที เมื่อถึงหมู่บ้านลุงชมรีบพานิคและพวกผมไปที่วัดป่าในหมู่บ้าน เมื่อไปถึงวัดลุงชมและพวกผมยังไม่ทันจะเอ่ยปากพูดอะไร หลวงพ่อก็พูดขึ้นทันทีว่า ให้รีบเข้าไปในโบสถ์เดี๋ยวนี้เลย ทุกคนรีบเข้าไปในโบสถ์ทันทีโดยไม่มีใครคัดค้านอะไร พอไปถึงหลวงพ่อก็พรมน้ำมนต์ให้ลุงชม ผมและเพื่อนๆ เว้นแต่นิคที่หลวงพ่อใช้สายสิญจน์มาคล้องที่ศีรษะ พร้อมกับหยิบมีดเล่มเล็กออกมาจากในย่าม บริกรรมคาถาแล้วจี้ไปที่หน้าผากของนิค นิคมีอาการตัวสั่นเล็กน้อย เมื่อหลวงพ่อบริกรรมคาถาเสร็จก็ใช้มีดตัดสายสิญจน์ เมื่อเสร็จแล้วหลวงพ่อก็มองออกไปที่หน้าประตูโบสถ์แล้วพูดว่า “มึงตายไปแล้วก็ต่างคนต่างอยู่อย่าสร้างเวรสร้างกรรมอีก ใครมันทำอะไรไว้ก็ให้กฎแห่งกรรมลงโทษมันเอง” พูดจบหลวงพ่อก็บอกก็หยิบพระให้ลุงชมใส่ให้นิคแล้วบอกว่าอย่าให้มันถอดพระนี้ออกเด็ดขาด แล้วหันมาบอกพวกผมว่าช่วงนี้ให้ทำบุญตักบาตรเยอะๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็พากันมาที่บ้านของนิค นิคยังคงหลับไม่ได้สติโดยมีแม่ของนิคและเจนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ผมและเพื่อนๆอีก 3 คน และลุงชมนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน ทุกคนเริ่มเล่าสิ่งที่ตัวเองเจอ สองสาวฝาแฝด เล่าว่าคืนแรกที่พวกเธอร้องกรี๊ดกันนั้น พวกเธอกำลังนอนหลับ แต่จู่ๆพลอยก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่ปลายเท้า พลอยค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นเป็นพิมนั่งก้มหน้าใส่ชุดสีขาวที่เปื้อนด้วยคราบสีแดงซึ่งก่อนนอนพิมไม่ได้ชุดนี้ นั่งก้มหน้าร้องไห้ที่ปลายเท้า พลอยจึงถามว่า พิมเป็นอะไรร้องไห้ทำไม แต่พิมไม่ตอบพลอยเลยจะลุกขึ้นไปหา แต่ในจังหวะที่กำลังจะลุกสายตาก็เหลือบไปเห็นว่าพิมก็ยังนอนข้างๆตนอยู่ แล้วคนที่นั่งร้องไห้เป็นใครกัน พลอยปิดตาแล้วกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง พิมเองก็เล่าว่าตอนที่เธอหลับเธอฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งก้มหน้าร้องไห้ที่ปลายเท้า และใส่ชุดสีขาวเปื้อนคราบสีแดงเหมือนที่พลอยเห็น แล้วก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรี๊ดของพลอย ลุงชมได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจออกมา แล้วเริ่มเล่าเรื่องในอดีตของนิคให้พวกผมฟัง

    เมื่อ 5 ปีที่แล้ว สมัยที่นิคยังอยู่ที่นี่ เขามีแฟนสาวชื่อส้มเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าตาสะสวยผิวพรรณดี ได้มาชอบพอกันกับนิค และได้คบกัน ทั้งคู่รักกันมาก ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ แต่ช่วงหลังๆก่อนที่นิคจะไปเรียนต่อที่มหาลัยในกทม.ไม่กี่เดือนทั้งคู่เริ่มมีปัญหากัน แต่แม่ของนิคและลุงชมก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกันแล้วนิคก็ได้ไปเรียนต่อที่ กทม. ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ส้มก็หายตัวไปจากบ้าน จนวันหนึ่งก็มีชาวบ้านไปเจอศพของส้มผูกคอตายที่หน้าผาที่เราไปตั้งแคมป์กัน ตรงต้นไม้ที่นิคจะไปผูกคอตัวเองเมื่อคืนนี้ เมื่อพาศพกลับมาชันสูตรก็พบว่าส้มตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน ชุดที่ส้มใส่วันตายก็คือชุดคลุมท้องสีขาว และมีคราบน้ำเลือดน้ำหนองเปรอะที่ชุด เพราะกว่าจะมีชาวบ้านไปพบศพก็หลายวันแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็พอที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ว่าผีผู้หญิงที่ทุกคนเจอคงจะเป็นส้มที่จะมาล้างแค้นนิคที่ทำเธอท้องแล้วทิ้งเธอไป

    ผ่านไปได้ 3 วัน อาการของนิคก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และวันนี้ก็เป็นวันที่จะต้องกลับไปที่ กทม. ทุกคนเก็บของและร่ำลาแม่ของนิคและลุงชม แล้วเดินทางกลับ เมื่อถึงกทม.ธารได้แวะไปส่งนิคและเจนที่คอนโดก่อน ผมลงมาช่วยหยิบของให้นิคและเจน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าตึกไป เจนก็หันกลับมาหาผมและพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ขอบคุณนะที่มาส่ง” พร้อมกับยิ้มกว้างจนดูน่ากลัวดวงตาแข็งทื่อไร้แววตาไร้ความรู้สึก พูดเสร็จเธอก็หันหลังกลับไปคล้องแขนของนิคแล้วเดินเข้าตึกไป…………………………

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×