( OS ) Beach or mountain? | Minhyuk x Kihyun
หนึ่งในโปรเจค #ฟิควิ่งผลัด
ผู้เข้าชมรวม
422
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
#ฟิควิ่งผลัด
Keyword : Choice
#กี้กี
เปิดเพลงที่อยู่ตรงท้ายหน้าฟังเพื่อเพิ่มอรรถรสด้วยนะคะ :))
‘ เป็นยังไงบ้าง? ’
‘ ทำใจได้รึยัง? ’
ประโยคคำถามเหล่านั้นยังคงหลั่งไหลมาไม่หยุดหย่อน แม้ว่าเราจะแสดงสีหน้าไม่พึงพอใจออกไปก็ตาม
ท่าทีเป็นห่วงและสายตาอยากรู้อยากเห็นนั้นช่างน่ารังเกียจ
คนที่เป็นห่วงคนอื่นจริงๆจะถามคำถามจี้ใจดำแบบนี้อย่างนั้นหรอ ถ้านายได้มาเห็นแบบเราก็คงรู้สึกเหมือนกัน
แต่เพราะเราไม่มีตัวเลือก เราไม่สามารถเดินหนีคำถามพวกนี้ได้เหมือนที่เรากำลังหนีความจริงอยู่
เราทำได้แค่ส่งยิ้มโง่เง่าออกไปเพื่อบอกคนพวกนั้นว่าเราไม่เป็นไร
ถ้านายยืนอยู่ตรงนี้ นายคงยื่นมือใหญ่ๆของนายมาดึงมือของเราไว้
แล้วพาออกไปจากที่บ้าๆนี่
..
“ ทำไมไม่รู้จักปฏิเสธคนอื่นบ้าง หรือแค่พูดออกไปตรงๆว่านายรู้สึกยังไงอยู่
”
นายดุเรา ราวกับว่าเราเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่นายเป็นผู้ปกครอง
นายขมวดคิ้วพร้อมกับแสดงท่าทีไม่พอใจแทนเรา
ภาพเหล่านั้นมันทำให้เรายิ้มได้แม้จะเจอสิ่งที่เลวร้ายมาก็ตาม นายยังคงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเราเสมอ
..
“ ขอโทษนะครับ ”
หนึ่งเสียงที่แทรกฝ่าวงล้อมจากผู้คนที่น่ารังเกียจเข้ามาหาเราและคว้าแขนของเราเอาไว้
“ ผมกับพี่กีฮยอนมีธุระด่วน ต้องขอตัวก่อนนะครับ ”
เราเดินออกมาจากที่ตรงนั้นแล้ว และที่นี่ก็ดูจะเงียบสงบดี นายคงสบายใจได้แล้วที่เราจะพ้นจากคำถามพวกนั้นเสียที
“ ถ้าพี่ไม่ชอบก็แค่เดินออกมา จะไปตอบคำถามคนพวกนั้นทำไม ”
“ ก็ไม่รู้จะทำยังไง.. นี่ อย่ามาหงุดหงิดใส่ฉันนะ จูฮอน ”
หมอนั่นยืนขมวดคิ้วมุ่นท่าทีหงุดหงิดไม่พอใจ เหมือนกับนายเมื่อตอนนั้นไม่มีผิด
“ มีสิทธิ์อะไรจะไปหงุดหงิดล่ะ ”
“ ..หงุดหงิดตัวเองมากกว่า ” บุหรี่มวนเล็กถูกจุดขึ้นพร้อมกับควันสีเทาคลุ้งลอยละล่องไปในอากาศ
จูฮอนพ่นควันไปอีกทางที่เรายืนอยู่ เพราะรู้ว่าเราไม่ชอบกลิ่นของมัน
แต่ถ้านายอยู่ตรงนี้ หมอนี่คงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะหยิบมันขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ
“ หงุดหงิดทำไม? ”
“ ที่พาพี่มางานเลี้ยงรุ่นบ้าๆนี่ ทั้งทีรู้ว่าพี่จะต้องเจอคำถามพวกนั้นไง ”
หมอนี่ยังคงเป็นเด็กที่เอาแต่ใจและขี้หงุดหงิดเหมือนแต่ก่อนไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่าอายุจะราวยี่สิบเจ็ดแล้วก็ตาม
ใช่.. เด็กคนนี้เหมือนนายไปเสียทุกอย่าง
“ ถ้าพี่ไม่อยากกลับเข้าไปก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมจะอยู่รับหน้าเอง ”
เจ้าเด็กขี้หงุดหงิดโยนบุหรี่ในมือที่เหลือเพียงก้นไว้ก่อนจะใช้เท้าบี้ให้ไฟที่ก้นบุหรี่ดับลง
“ แต่ขอแค่อยู่ใกล้ๆแถวนี้ก็พอ มันดึกแล้ว ”
“ อื้อ ”
“ ขอบคุณนะ ”
จูฮอนพยักหน้าให้เราก่อนที่เด็กคนนั้นจะถูกผู้คนในงานเลี้ยงกลืนหายไป
..เหมือนนายทุกอย่างจริงๆ
..
ยังดีที่งานเลี้ยงคราวนี้จัดใกล้ชายหาด
อย่างน้อยก็มีที่ให้เรามาอยู่คนเดียวได้บ้าง
ไม่เหมือนงานเลี้ยงจบคราวที่แล้วที่เรามากับนาย ในตอนนั้นไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง คนไม่ครบ
สถานที่ก็แคบ แต่ก็แปลกดีที่เรากับนายสนุกมากๆจนเมาหัวราน้ำ กลับบ้านแทบไม่ถูก
..ไม่สิ นายไม่ได้เมา เพราะนายรอส่งเรากลับหอพัก
นายไม่แตะเครื่องดื่มอะไรเลยนอกจากน้ำอัดลม
จนเพื่อนๆคนอื่นในกลุ่มล้อนายว่านายไม่กล้าพอ แต่เรารู้..
เรารู้ว่านายกำลังทำหน้าที่แฟนที่ดีให้กับเราอยู่
พึ่งเคยได้มายืนมองทะเลในเวลากลางคืนครั้งแรก มันสวยมากๆอย่างที่นายเคยโม้ให้เราฟังจริงๆ
ภาพตรงหน้ามันทำให้เรานึกถึงวันนั้น วันที่นายชวนเราเล่นเกมส์ถามคำถามแบบเลือกตอบ เพราะเราบ่นว่าเราขี้เกียจอ่านหนังสือ
ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจนัก เพราะไม่มีอารมณ์จะเล่นอะไรกับใคร
“ เล่นเถอะ ฉันอยากรู้จักนายให้มากขึ้น ”
นายบอกกับเราแบบนี้ เราถึงได้ยอม
เพราะเราก็อยากรู้จักนายให้มากขึ้นเหมือนกัน
..
“ สีขาว กับ สีดำ ? ” นายเป็นฝ่ายถามเราก่อน
“ สีขาว ” เราตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล
“ ทำไมล่ะ? ”
“ รู้สึกว่ามันสะอาดดีอ่ะ เห็นแล้วสบายตา แล้วก็เอามาแมทกับสีได้หลายสีด้วย
”
“ เฮ้ย เหมือนกันเลย ฉันก็ชอบเพราะมันสบายตาดี ”
“ จริงดิ? บังเอิญจัง ”
แล้วคำตอบของเราก็ดันตรงกันไปเกือบทุกข้อจนทำให้เราอดขำกับความบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อนี้ไม่ได้
แม้ว่าจะได้ยินเพียงแค่เสียงของนาย แต่เราก็พอจะรู้ได้ว่าแววตาของเรากับนายคงกำลังส่องประกายไม่ต่างกัน
“ ข้อสุดท้ายแล้วนะ ” นายบอกกับเรา
ในตอนนั้นเราอยากจะบอกกับนายมากๆเลยว่าขออีกข้อนึงได้ไหม แต่เราก็ไม่เอ่ยออกไป
เพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่านายจะรู้สึกเหมือนกับเรารึเปล่า
“ ทะเล กับ ภูเขา ”
“ โหย ใช้คำถามจิตวิทยาเลยหรอ ”
นายหัวเราะ “ แค่อยากรู้เฉยๆ ไม่มีจิตวิทยาอะไรหรอก ”
เราเงียบไปสักพักนึง เพราะในหัวกำลังคิดว่าตัวเลือกไหนกัน
ที่จะทำให้คำตอบของเราตรงกันอีกครั้ง มันบ้ามากใช่ไหมล่ะ..
ในตอนนั้นเราก็คิดแบบนั้น
“ ภูเขา ”
“ เกินคาดแฮะ ”
ทำไมถึงทำเสียงแบบนั้นล่ะ นั่นคือความคิดแรกหลังจากเราได้ยินเสียงพูดแผ่วเบาเหมือนกำลังบ่นกับตัวเองของนาย
“ นายเลือกอะไร? ”
“ ทะเล ”
“ อ่า.. ” รู้แบบนี้น่าจะเลือกทะเล... “ ทำไมมินฮยอกถึงเลือกทะเลอ่ะ? ”
“ ฉันรู้สึกว่าเวลาที่เท้าของฉันสัมผัสกับน้ำทะเล
มันเหมือนได้ทิ้งความเครียดทั้งหมดที่มีอยู่ ให้อารมณ์แบบที่ๆอยู่แล้วสบายใจน่ะ ”
“ พูดแล้วเห็นภาพเลย ” สิ้นเสียงของเรานายก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่านายรู้ตัวรึเปล่า
แต่ว่าการที่นายมีปฏิกิริยาตอบรับผู้ฟังแบบนี้มันมีเสน่ห์มากเลยนะ
“ ทำไมถึงเลือกภูเขาล่ะ? นึกว่าแบบกีฮยอนน่าจะชอบที่สบายๆซะอีก ”
“ จริงๆเราก็ไม่ได้ชอบภูเขาหรอก แต่เพราะเรากลัวทะเลอ่ะ ”
“ หืม .. ทำไมล่ะ บอกได้รึเปล่า ? ” การถามแบบที่ถนอมน้ำใจอีกฝ่ายนี่ก็ด้วย
“ มันกว้างใหญ่ แล้วก็ลึก.. เวลาเห็นแล้วหัวของเราจะคิดตลอดเลยว่าข้างใต้นั้นจะมีอะไรอยู่บ้าง
แล้วมันก็ดูเงียบเหงามากๆด้วย ถ้าให้ต้องไปยืนที่ทะเลคนเดียวเราคงเป็นบ้าแน่ๆ ”
ทั้งที่เราพูดเยอะมากๆ และมันเป็นสิ่งที่นายชอบด้วย แต่นายก็ยังรับฟังเป็นผู้ฟังที่ดี
“ งั้นก็อย่าไปคนเดียวสิ ” นายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เหมือนกำลังจะเล่นมุกกวนประสาทเราอยู่
แต่กลับไม่ใช่
“ ไปกับฉัน ฉันจะเป็นคนดูแลกีฮยอนเอง ”
เลี่ยนชะมัด.. แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรายิ้มให้กับประโยคเลี่ยนๆนี่จนเมื่อยแก้มไปหมด
นายทำให้เรากลายเป็นคนบ้าอย่างเต็มตัว เพราะเราดันตกหลุมรักนายจากการเล่นเกมส์ถามตอบในระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
..
หลังจากนั้นไม่นานเราก็ตกลงคบกัน ในหนึ่งวันเราใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ด้วยกัน
ทำอะไรเหมือนกับที่คนเป็นแฟนทั่วไปทำกัน แต่น่าแปลก
ที่เราไม่เคยมีเรื่องให้ทะเลาะกันเลยสักครั้งเดียว
อาจเพราะเรามีหลายสิ่งที่เหมือนกัน
และอาจเพราะทุกครั้งที่เราต้องเลือกอะไรสักอย่าง
เราจะสร้างคำถามขึ้นมาเหมือนในวันนั้น
“ ก๋วยเตี๋ยว หรือ ข้าวผัด ”
ถ้าคำตอบของเราไม่ตรงกัน เราจะเป่ายิ้งฉุบกันราวกับเด็กประถม
แต่มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นได้ด้วยดี จนใครๆก็ต่างบอกว่าคู่ของเราน่ะน่าอิจฉา
อืม.. เราเองก็คิดแบบนั้นนะ เพราะเราก็ยังอิจฉาตัวเองในตอนนั้นเลย
..
ท้องทะเลด้านหน้านั้นช่างดูแสนไกล คลื่นลูกเล็กเคลื่อนตัวเข้าหาฝั่ง ความเย็นเฉียบสัมผัสที่ปลายเท้าจนรู้สึกจั้กจี้
เหมือนมือของเราที่สัมผัสกันครั้งแรก นายเป็นฝ่ายจับมือของเราก่อน
ก่อนที่นิ้วมือของเราจะค่อยๆสอดประสานกันเหมือนคลื่นที่ค่อยๆจับตัวกันแล้วเคลื่อนเข้าหาชายฝั่ง ท้องฟ้าที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำ เหมือนกับเงาสะท้อนของเราในแววตาของนาย
เมื่อพระอาทิตย์บอกลาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ผืนน้ำ ท้องฟ้าที่โอบอุ้มท้องทะเลเอาไว้ก็ค่อยๆมืดลง
กลายเป็นความมืดมิดพร้อมกับอากาศรอบกายที่เริ่มเย็นเฉียบผิดกับสัมผัสอุ่นที่ริมฝีปาก
ในตอนที่อากาศในร่างกายแทบถูกช่วงชิงไปทั้งหมดพร้อมกับสัมผัสวาบหวิวที่นายมอบให้
มันราวกับว่าเราทั้งสองกำลังจมดิ่งลงไปในมหาสมุทร
แต่เราไม่กลัวหรอก
เพราะนายคือเหตุผลที่ทำให้ครั้งนึงเราเคยชอบทะเล
..
“ ถ้าวันนึงฉันไม่อยู่ นายจะอยู่ได้ไหม? ”
เราละจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หันสบนัยน์ดวงตาที่นายชอบใช้มองเราอยู่เสมอ
อยู่ๆทุกอย่างรอบตัวก็เงียบสงัด บรรยากาศรอบตัวน่าอึดอัดจนรู้สึกหายใจติดขัด
ไม่รู้ว่าเรากำลังแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปนายถึงใช้นิ้วชี้จิ้มที่ระหว่างคิ้วของเราตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
“ ทำไมต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นด้วยล่ะ ”
“ ไม่มีตัวเลือกหรอ ? ” เราถามกลับ
นายส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ นั่นทำให้เราเงียบไปอีกครั้ง
“ ฉันอยู่ไม่ได้หรอก ” เราพูดออกไปตามตรง
“ อะไรกัน ต้องอยู่ได้สิ ”
“ ก็เรานึกภาพตอนที่เราไม่มีนายอยู่ไม่ออก ”
“ แล้วก่อนหน้านี้นายอยู่ยังไงล่ะ? ”
“ นี่ เลิกพูดเหมือนว่านายกำลังจะบอกเลิกเราได้ไหม เราไม่ชอบ ”
นั่นเป็นครั้งแรกที่เราหงุดหงิดใส่นาย เราหันกลับมาสนใจอย่างอื่น
พยายามทำหูทวนลมไม่ฟังคำพูดของนายหลังจากนั้น และพยายามสะกดกลั้นก้อนน้ำที่เอ่ออยู่ในดวงตาไม่ให้มันไหลออกมาเหมือนเด็ก
“ กีฮยอน .. ขอโทษ ฉันแค่อยากลองถามเฉยๆ ”
นายเข้ามากอดเราจากด้านหลัง ซุกหน้าของนายลงที่ไหล่ของเราพร้อมกับประโยคขอโทษหลายต่อหลายครั้ง
ใช้นิ้วมือที่เรียวยาวกว่าเราเกือบหนึ่งเท่าเช็ดน้ำตาของเรา
พร่ำบอกกับเราว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดมาก จนเรายอมเชื่อและปล่อยให้คำพูดในวันนั้นจางหายไปกับกาลเวลา
..
“ พี่กีฮยอน.. ”
น้ำเสียงของปลายสายสั่นเครือจนแทบฟังไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังพูดว่าอะไร
“ มีอะไรรึเปล่าจูฮอน ”
“ พี่.. ” ปลายสายเงียบไปสักครู่หนึ่งเหมือนกำลังพยายามกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้
“ พี่เขาเสียแล้ว ฮึก.. พี่.. พี่เขาจากไปแล้ว ”
“ ห้ะ? หมายความว่ายังไง? ” ความเย็นเฉียบเริ่มเกาะที่ปลายนิ้วมือ
รู้สึกชาทั่วกรอบหน้า
“ พี่เขาโดนรถชน แถวๆหน้าที่ทำงาน ฮึก.. ตอนแรกอาการโคม่า แต่.. ”
ภาพทุกอย่างพร่ามัวพร้อมกับสมองที่ไม่รับรู้อะไรได้อีก ร่างกายเหมือนกับคนแรงที่หมดแรงจะยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง เข่าสองข้างทรุดลงกับพื้นพร้อมเค้กวันครบรอบเจ็ดปีในมือที่พึ่งได้รับมากระแทกลงอย่างไม่สนว่าสภาพข้างในจะเป็นอย่างไร ไม่มีน้ำตา ไม่มีเสียงสะอื้นหรือร่ำไห้ มีเพียงความเจ็บปวดในหัวใจเหมือนโดนแทงเข้าไปลึกจนทะลุถึงอีกฝั่ง
วันที่คนบนฟ้ามาพานายไป เราไม่มีสิทธิ์ได้เลือกเลยด้วยซ้ำ
เราไม่มีสิทธิ์เลือกให้กลายเป็นชีวิตของเราแทน
เราไม่มีสิทธ์แม้กระทั่งการกล่าวคำบอกลาครั้งสุดท้าย
..
ถ้าครั้งนึงนายเคยเป็นท้องทะเลของเรา วันนี้ขอได้ไหม
ขอให้นายโอบอุ้มเราไว้ แล้วพาเราไปยังที่ๆนายอยู่
ให้น้ำทะเลเย็นเฉียบเหล่านี้เช็ดน้ำตาของเราเหมือนกับนิ้วมือของนายในวันนั้น
ให้มันโอบกอดเราและสัมผัสเราเหมือนกับที่นายเคยทำ
ครั้งนี้เราจะยอมให้นายมาแย่งชิงอากาศของเราไปให้หมด
ช่วยพาเราดำดิ่งลงไปในท้องทะเลลึกกับนาย
เราไม่กลัวหรอก.. เราไม่กลัวมันอีกต่อไปแล้ว
เพราะสิ่งที่เรากลัวที่สุดในตอนนี้
คือการใช้ชีวิตต่อไปโดยที่ไม่มีนาย
..
“ ถ้าวันนึงฉันไม่อยู่ นายจะอยู่ได้ไหม? ”
ไม่..
“ ฉันอยากให้นายอยู่ต่อไปนะ ”
เราอยู่ไม่ได้ นายจะให้เราอยู่ต่อไปยังไง
“ มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย ”
ไม่หรอก ไม่เลย..
“ แต่ฉันอยากให้นายอยู่ต่อไป เพื่อพบว่ายังมีใครที่รักและดูแลนายได้ดีไม่แพ้กับฉัน
”
แต่เรารักนาย
“ กีฮยอน .. ความรักน่ะ มันไม่ได้เกิดขึ้นได้กับแค่คนๆเดียวหรอกนะ ก็เหมือนกับความสุขนั่นแหละ
”
มันไม่เหมือนกันหรอก นายจะไปรู้อะไร
“ นายมีความสุขได้โดยที่ไม่มีฉัน เชื่อฉันสิ ”
..
..
เพดานสีขาวสะอาดปรากฏสู่สายตา
พร้อมกับแสงจากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามาจนต้องหลี่ตาลง กลิ่นแปลกๆและความเย็นของเครื่องปรับอากาศ
สายยางเส้นยาวที่ถูกต่อเข้าที่แขนกับถุงน้ำเกลือ
โรงพยาบาล ?
“ พี่กีฮยอน ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากทางด้านซ้ายมือ
“ จูฮอน.. ” จูฮอนรีบลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาหาเราอย่างรีบร้อน
“ พี่อย่าพึ่งขยับตัวนะ ” หมอนี่สั่งกับเราก่อนที่จะหันไปกดปุ่มเรียกพยายบาลที่หัวหัวเตียงของเรา
ไม่นานพยาบาลหนึ่งคนก็เข้ามาพร้อมกับหมอ
พวกเขาถามอาการของเรานิดหน่อยและบอกกับเราว่าอย่าพึ่งขยับตัวมากนัก
หลังจากนั้นก็หันไปคุยกับจูฮอนแทน
คงจะเป็นเรื่องรายละเอียดที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ล่ะมั้ง
“ พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ” เราถามทันทีที่จูฮอนเดินกลับมายืนข้างเตียงของเรา
แต่น้องของนายกลับนิ่งเงียบไม่พูดจาใดๆ
“ นี่ ฟังที่พี่พูดรึเปล่า? พี่ถามว่า.. ”
คำพูดทุกอย่างถูกกลืนหายไปทันทีที่เด็กคนนี้เข้ามากอดเราอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
สัมผัสเปียกชื้นที่ไหล่ของเรามันทำให้เราตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเด็กคนนี้ร้องไห้
ครั้งล่าสุดก็คงจะเป็นตอนที่เราไปหานายที่โรงพยาบาล เด็กคนนี้ปล่อยน้ำตาออกมาและโผเข้ากอดเราทันทีที่เห็นหน้าของเรา
แล้วเราก็ลูบหลังของน้องเบาๆเหมือนกับที่ทำอยู่ตอนนี้
“ อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม.. ” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงอู้อี้ข้างใบหู
“ อย่าจากผมไปอีกคนได้ไหม ฮึก.. ”
“ จูฮอน.. ” คำขอนั้นทำให้เรารู้สึกจุกจนพูดไม่ออก
“ ผมไม่อยากเสียคนที่ผมรักไปอีกคนแล้ว ”
ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาของเราถึงไหลออกมาเพียงเพราะคำพูดของเด็กคนนี้
ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองขนาดนี้
ตอนนั้นเราคิดแค่เราต้องการจะไปหานาย เพราะเราไม่มีความสุขเลยในตอนที่ไม่มีนายอยู่ข้างๆ
“ พี่ขอโทษ ”
เด็กคนนี้ก็คงจะไม่อยากเสียความสุขไปเหมือนกัน
“ แต่ฉันอยากให้นายอยู่ต่อไป เพื่อพบว่ายังมีใครที่รักและดูแลนายได้ดีไม่แพ้กับฉัน
”
“ กีฮยอน ..
ความรักน่ะ มันไม่ได้เกิดขึ้นได้กับแค่คนๆเดียวหรอกนะ ก็เหมือนกับความสุขนั่นแหละ ”
“ นายมีความสุขได้โดยที่ไม่มีฉัน เชื่อฉันสิ ”
:)
♡ #ฟิควิ่งผลัด ♡
กี๊ดดดดดดดดด ฮืออออ เกือบส่งงานไม่ทันเดดไลน์เลยค้าบบบบ;-;
เป็นฟิคที่งงๆหน่อย แล้วก็หน่วงๆนิดนึง หวังว่าจะถูกใจนะคะ ฮวือ
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทำแบบบรรยายอย่างจริงจัง แล้วก็ครั้งแรกกับบทบรรยายของคู่กี้กี้ด้วย
ต้องขอบคูมผู้ใหญ่ใจดีที่ชวนเข้าร่วมโปรเจคครั้งนี้จริงๆคับ แงงงง เยิ้บๆค้าบ♡♡♡ //กราบคูมเข็มหมุดและคูมโฮป
ผลงานอื่นๆ ของ Nibbles-s ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Nibbles-s
ความคิดเห็น