ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dirge then Death

    ลำดับตอนที่ #2 : Op. 2 Sunrise Sunset

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 51


    Op. 2 :Sunrise Sunset
     
    อ๊ะ คุณนักสืบต่อ ทางนี้ครับ
    ตำรวจเอกโบกมือเพื่อที่จะให้นักสืบต่อมาทางนี้
    สวัสดีครับ คุณตำรวจเอก คดีเป็นมายังไงหรอ ต่อเดินสำรวจที่ทางแถวๆนั้น เพราะเป็นที่ที่เขาคุ้นเคย จึงง่ายสำหรับเขาที่จะสังเกตพบความผิดปกติแถวนั้นได้
    คดีฆาตกรรมเหมือนเดิมครับ แต่ว่า...ตำรวจเอกถอดหมวกแล้วเกาหัวแกรก แกรกก่อนที่จะใส่ใหม่เพราะมันแปลกๆ ผมจึงต้องให้คุณมาช่วย
    ครั้งนี้ก็คง ไม่ต่างกับครั้งที่แล้วละมั้งต่อยิ้มให้ เหมือนพยายามคิดในแง่ดี
    ไม่หรอกครับตำรวจเอกทำน้ำเสียงเสียใจครั้งนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
    ยังไงหรอต่อทำหน้าฉงน
    ปกติ ทุกๆคดี เรามักพบเบาะแสอย่างน้อย2อย่าง หรือไม่ก็อย่าเดียวแต่ใช้เพื่อไปหาอีกหลักฐานหนึ่งได้ครับ แต่ครั้งนี้...ตำรวจเอกทำหน้าเสียใจ
    ไม่มีหลักฐานเลยครับ
    เป็นไปไม่ได้หรอก ฆาตกรต้องเผลอทำหลักฐานตกหล่นบ้างสิ
    จากประสบการณ์ของผมก็ควรเป็นอย่างนั้นครับตำรวจเอกพยักหน้า
    แต่ว่า....เอ่อ...คุณนักสืบไปดูเองจะดีกว่าครับ
    พาชั้นไปเลย คุณตำรวจเอกต่อรคู้สึกได้ถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำคดีแรกๆจนถึงล่าสุดก็ดูไม่มีครั้งไหนที่ให้บรรยากาศแบบนี้ ปกติถ้าเป็นการฆาตกรรมธรรมดาก็จะไม่มีความรู้สึกแบบนี้ เพราะมันเกี่ยวกับจุดประสงค์ของฆาตกร หากต้องการแค่ปกปิดตัวตน ก็แค่ได้กลิ่นคาวเลือดธรรมดา แต่หากเป็นฆาตกรโรคจิตที่เข่นฆ่าเพื่อจุดประสงค์เดียวคือ โชว์ความสะใจของตนเองให้ผู้อื่นได้เห็นละก็ รังสีอำมหิตสามารถสัมผัสได้แม้แต่คนตาบอดก็ยังรู้ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันไม่ใช่การกระทำเพราะความอาฆาต แต่ความรู้สึกเหมือนตนเองเข้าโรงฆ่าสัตว์ แต่บุคคลที่เข้าไปเป็นหมูหรือวัวที่รู้ตัวว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะตายอย่างทรมาณได้ทุกเวลา ทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไป ทุกลมหายใจที่เข้าปอด แม้จะเป็นกลิ่นของดอกไม้ในสวนรอบๆบ้าน แต่สำหรับผู้มีประสบการณ์อย่างเขาและตำรวจเอกรู้ดี ไม่สิ แม้แต่คนที่ไม่เคยมีความรู้สึกก็อาจจะรับรู้ได้เช่นกัน
    ต่อเดินเข้าห้องรับแขกของบ้านที่เกิดเหตุ ภายในเป็นเจ้าหน้าที่กำลังทำงานของตนอยู่ ต่อมองไปยังหญิงสาวหน้าตาดี ดูราวๆเพิ่งยี่สิบกว่าๆ นั่งร้องไห้ เด็กสาวซึ่งคาดว่าเป็นลูกก็นั่งกอดตุ๊กตาหมีแน่น คงอยู่ในสภาวะช็อกอยู่
    สวัสดีครับ ผมนักสืบสิงห์ ต่อโชว์บัตรประจำตัวนักสืบหวังว่าคุณคงเข้าใจสาเหตุที่ผมมา
    แต่กลับไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวหรือเด็กหญิงคนนั้นเลย
    คุณผู้หญิง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี แต่ว่า
    อือ...อือ....หญิงคนนั้นพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
    ผมได้สอบถามข้อมูลมาแล้วครับตำรวจเอกตบไหล่ต่อรอให้พวกเขาทำใจให้ได้ก่อนแล้ว ถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม เราค่อยไปถามพวกเขานะครับ
    งั้น เราไปคุยกันในห้องที่เกิดเหตุ ดีมั้ยต่อชวนตำรวจเอกขึ้นไป
    ผมก็กะจะพาคุณนักสืบขึ้นไปอยู่แล้วตำรวจเอกโบกทางไปทางขึ้นไปยังห้องของผู้เคราะห์ร้าย
    เสียงตึกตึกของบันไดดังพอๆกับเสียงหัวใจที่เหมือนถูกบีบของต่อ ทั้งๆที่คดีหลายคดีก็เคยทำมาแล้ว แต่ความรู้สึกนี้ดันเกิดขึ้นมาในตอนนี้ ต่อและตำรวจเอกขึ้นมาถึงห้องนั้น วอลเปเปอร์สีเหลืองนวล แต่มีรอยเลือดกระเซ็นตามห้องเพียงข้างเดียว
    ผู้ตายชื่ออะไร
    วสันต์ครับ ชื่อวสันต์ทำให้ต่อรู้สึกตะหงิดเพราะดันไปคล้องคล้ายๆกับวัตสัน ชายหนุ่มกวนบาทาที่เขาเพิ่งเจอเมื่อกลางวันนี้ ตำรวจเอกก็จับสีหน้าไม่พอใจของต่อได้ แต่ก็นึกว่าเป็นเรื่องเครียดธรรมดา เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
    ห้องมีรอยเลือดกระเซ็นเพียงด้านซ้าย ของก็ไม่กระจัดกระจาย แสดงว่า ไม่มีร่องรอยการต่อสู้
    ต่อเริ่มบันทึกลงในโน้ตของเขา
    สภาพศพเหมือนถูกตีสองครั้ง ครั้งหนึ่งเบา ครั้งหนึ่งหนักกว่าต่อสังเกตเวลาตำรวจเอกพลิกศพให้ดูเพราะต่อไม่ได้ใส่ถุงมือ
    มีอาวุธที่ทำร้ายเขามั้ย คุณตำรวจ
    อย่างที่ผมบอกไปน่ะครับตำรวจเอกถอนหายใจว่าไม่มีหลักฐานว่าเขาใช้อะไรฟาดหัวคนนี้เลย
    อืม แล้วลองใช้ลูมินอลดูหรือยังต่อถามถึงสารที่ไว้ใช้ดูคราบเลือดที่ถูกลบออกไป เพราะมันจะเรืองแสงกับรังสีอัลตร้าไวโอเลต ไว้ใช้จับคนร้ายที่ทำลายหลักฐานโดยเอาไปเช็ดหรือล้างน้ำ
    ตรวจสอบหมดแล้ว แต่ว่าไม่มีร่องรอยนอกจากกองเลือดตรงนี้เลยครับตำรวจชี้ไปที่ศพคนนั้น
    คนร้ายนำหลักฐานไปด้วยน่ะสิต่อเริ่มรู้สึกว่าคดีนี้เริ่มยุ่งยากแล้ว
    ต่อคิดซักประเดี๋ยวก็หันมาถามตำรวจเอกคุณผู้หญิงและลูกเขาทำอะไรอยู่ช่วงนั้นหรอ
    เขาบอกว่า กำลังทำอาหารขณะที่ผู้ตายกำลังอาบน้ำอยู่ครับ และลูกก็ลงมาช่วยทำกับข้าวด้วย
    อืม ปกติ คำบอกจากปากผู้ต้องสงสัยในบ้าน ก็ยังเชื่อไม่ได้อยู่ดีต่อใช้มือกุมคางของตัวเอง
    ถ้างั้น...ต่อมองไปที่หน้าต่างถ้าหากคนร้ายจะหนีได้ เขาก็ต้องออกทางหน้าต่างนี้เท่านั้นน่ะสิ
    เราก็ตรวจดูที่หน้าต่างครับ แต่ว่า..
    แต่ว่าอะไร?”
    หน้าต่างนั้นถูกปิดไว้นานแล้ว ผมพยายามลองเปิดดูเหมือนกันครับ และมันก็ไม่สามารถเปิดได้จริงๆครับ
    แล้วคุณผู้หญิงกับลูกสาวรู้เรื่องนี้มั้ย
    ครับ เขาบอกว่าเขาก็กะว่าจะเรียกช่างมาซ่อมในวันนี้ พอช่างกดออดเขาเปิดประตูแล้วขึ้นไป จากนั้นช่างคนนั้นก็ร้องเลยทำให้คุณผู้หญิงเพิ่งรู้ว่าสามีตนเองได้เสียชีวิตครับ
    อืมต่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขามีเบอร์ของบริษัทที่ช่างคนนั้นอยู่มั้ย
    มีครับ ผมก็ถามเขาไว้แล้ว นี่ครับตำรวจเอกยื่นกระดาษที่มีเบอร์โทรของบริษัทนั้น
    ต่อกดไปที่เบอร์โทรนั้นทันที เพราะไม่อยากให้คดียืดเยื้อ อีกทั้งคดีเพิ่งเกิด ทุกอย่างน่าจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด
    สวัสดีครับ บริษัทโทนัสจำกัดครับ
    สวัสดีครับ ผมนักสืบสิงห์ครับ ต้องการความร่วมมือของคุณนิดหน่อย
    ว่ามาเลยครับเสียงจากสายดุเหมือนจะแอบสบถที่ตนต้องมาโชคร้ายจากคดีฆาตกรรม
    ได้ข่าวว่าเมื่อเช้ามีช่างจากบริษัทคุณมายังบ้านของคุณวสันต์ใช่มั้ยครับ
    อ่า ครับ
    ถ้างั้นผมขอสายช่างคนนั้นหน่อยได้มั้ยครับ
    ตอนนี้เขายังไม่กลับมาเลยครับ
    งั้น มีเบอร์มือถือของเขามั้ยครับ
    มีครับ เบอร์....รอเดี๋ยวนะครับ กำลังหาอยู่
    ครับ ผมรออยู่ครับ
    เบอร์xxx-xxxxครับ
    “xxx-xxxxนะครับ
    ครับผม
    ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ
    ครับ สวัสดีครับก่อนที่เสียงแกร็กของการวางสายจะสิ้นสุดลง ต่อแอบได้ยินเสียงถอนหายใจครึ่งเฮือกของผู้ที่คุยด้วย
    เป็นไงบ้างครับตำรวจเอกถาม
    ไม่ได้อะไรเท่าไหร่ คุณโทรไปเบอร์นี้ แล้วลองติดต่อเอาเองเถอะต่อยื่นเบอร์ให้ตำรวจเอก
    แล้วคดีจะเอาไงต่อล่ะครับตำรวจเอกถาม
    ตอนนี้ก็คงได้แต่....อืมต่อนึกคำพูดอยู่ขอเวลาไปพิจารณาอีกวันดีกว่า ตอนนี้ขอเอาข้อมูลไว้คิดก่อนนะ
    ขอบคุณมากครับ คุณนักสืบต่อตำรวจเอกยิ้มแต่ดูเหมือนไม่ค่อยมั่นใจว่าคดีนี้จะผ่านพ้นไปได้หรือไม่
    ต่อเดินออกมา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่มันคดีอะไรฟะนี่ แต่ดูคร่าวๆแล้วอาจคิดได้ว่า ฝ่ายภรรยาเป็นคนโกหกเอง เพราะถ้าหากมีคนอยู่ในห้องจริงๆ ก่อนหน้านี้และจัดการฆ่าผู้ตายตามเหตุการณ์ ถ้าไม่หนีลงหน้าต่างก้มีทางเดียวคือลงบันไดไปข้างล่าง ซึ่งก็ต้องเจอกับภรรยาอยู่ดี แต่ถ้าภรรยาเป็นคนฆ่าจริงๆ ลูกที่ทำอาหารอยู่ข้างล่างก็ไม่น่าจะปิดบังหรือโกหกเหมือนกับแม่เอง น่าจะมีข้อมูลที่ดูบิดเบือนกันบ้าง แต่ว่าตำรวจเอกก็ยืนยันว่าทั้งสองพูดเหมือนกัน ถ้างั้น มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ใครโกหกหรือเปล่า
    ต่อคิดไปพลางเดินไปตามฟุตบาท รอรถเมล์
    นี่ก็ใกล้5โมงแล้ว เฮ้อ~”เสียงท้องร้องจ๊อก จ๊อกดังรัวๆ
    ไปกินข้าวก่อนดีกว่า...เพล้ง!!!”ต่อหันไปตามต้นกำเนิดของเสียง
    วันนี้มันวันอะไรฟะเนี่ย” ด้วยสัญชาตญาณของต่อทำให้ขาของเขาก้าววิ่งไปตามเสียงนั้น
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×