ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Op. 9 : All by Myself
Op. 9 : All by Myself
ผมยังคงทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนั้นอย่างมีความสุข จนเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้รับการยกย่องจากคนไข้มากมาย แต่ก็อย่างที่คนโบราณได้กล่าวไว้ เมื่อมีคนยกย่องสรรเสริญ ก็ย่อมมีคนที่อิจฉาเราเป็นธรรมดา แม้ผมตอนนันจะมุ่งแต่งาน ผมก็ยังคงรู้ว่ากลุ่มไหนที่ดูท่าจะคิดร้ายต่อผม ไม่พ้นหมอที่เข้ามาพร้อมๆกันและหมอรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า2ปีคนหนึ่ง ถ้าให้เดาก็คงเพราะว่า พวกเขาซึ่งได้ถึงเกียรตินิยมอันดับ1 และมีความรู้มากกว่าผมเสียอีก กลับไม่ได้รับการยกย่องเยี่ยงผม ผมรู้ว่ามันก็เพราะสาเหตุของความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเขาเองโดยไม่ใส่ใจหัวอกของคนรอบข้าง คนที่ดูยกย่องคนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นแพทย์ผู้อาวุโสที่ไม่ค่อยจะมีเวลาจะมาลงหวอด
“คุณพยาบาลครับ ผมเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะรีบมาตรวจคนไข้ต่อ”ผมพูดอย่างนั้น
“ค่ะ รีบมานะคะ คิวรอยาวพอสมควรเลย”พยาบาลบอกอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วตามโรงพยาบาลก็ย่อมมีแพทย์คนอื่นๆที่ตรวจคนไข้อยู่แล้ว นึกถึงเวลาไปฝากธนาคารสิ ถ้าคนในบล็อกที่5ไปเข้าห้องน้ำก็ยังมีบล็อก4หรือ6ทำงานอยู่ดี ผมเข้าห้องน้ำ และเข้าไปในห้องในสุด หลังจากทำธุระเสร็จ ขณะที่กำลังจะออกมานั้น ก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา
“ชิ งานวันนี้ยุ่งจริงๆ คนไข้ก็บ่นกันเข้าไป”เสียงหนึ่งทำให้ผมรู้แน่นอนว่าเขาคือชายคนที่ผมได้เอ่ยถึงไปแล้ว
“ช่วยไม่ได้ คนไข้พวกนั้นมันไม่เข้าใจหรอกว่าหมอมันน่าสงสารขนาดไหน” หึ ผมคิดในใจ คนไข้ก็น่าสงสารที่มาเจอหมอแบบพวกแกน่ะแหละ
“นี่ ข้าไปปรึกษารุ่นพี่ก๊กเรามาว่ะ พวกเราจะวางแผนกำจัดไอ้หมอนั่นให้ได้”
“หมอนั่น?? เจ้าหมอปัญญางี่เง่านั่นน่ะหรอ”
“หึ ใช่ เรียนก็อ่อนแต่กลับมีแต่คนเอาใจ ชิ แค่คิดก็อยากจะอ้วก”
“งั้นนายจะทำอะไร” ผมฟังอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าพวกเขาจะต้องเขี่ยผมออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้แน่ อย่างน้อยพอมีวิธีที่จะจัดการบ้าง
“พรุ่งนี้ ดูตารางแล้วในหวอดจะมีหมออยู่แค่สามคนในหวอดMed คือ ข้า เอ็ง ละก็ไอ้ปัญญา พวกเราจะแกล้งทำเป็นขอลาป่วยกัน เมื่อเป็นอย่างนั้น เจ้านั่นก็ต้องทำงานคนเดียว”
“พรุ่งนี้ ดูตารางแล้วในหวอดจะมีหมออยู่แค่สามคนในหวอดMed คือ ข้า เอ็ง ละก็ไอ้ปัญญา พวกเราจะแกล้งทำเป็นขอลาป่วยกัน เมื่อเป็นอย่างนั้น เจ้านั่นก็ต้องทำงานคนเดียว”
“แกกะจะให้เจ้านั่นมันทำงานหนักเจียนตายหรือไง มันไม่ใช่แผนอะไรนะเฟ้ย”
“แค่นั้นไม่พอ ข้าตรวจคนไข้วันนี้มา ปวดท้องที่ตำแหน่งนั้นพอดี ไส้ติ่งอักเสบชัวร์”
“แล้วนายจะทำไง”
“ข้าให้คำวินิจฉัยว่าปวดท้องธรรมดา และบอกกับคนไข้ว่าให้ไปหาหมอปัญญาในวันนั้น”
“แล้วไงต่อ”
“รายนี้ดูท่าจะถึงขั้นอันตรายวัน ถ้าหากคนไข้คนนี้ตาย เจ้านั่นจะต้องโดนสอบสวน และเราต้องไปปั่นหัวญาติให้ฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายให้แพงๆ”
“เข้าท่าดีนี่”
“ชื่อเสียงมันต้องดับลง แล้วมันก็จะอาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ฮ่าฮ่าฮ่า”
“แกนี่เลวได้ดีจริง ไปตรวจคนไข้ต่อ”เสียงประตูห้องน้ำปิด ผมรีบออกมาโดยไม่ให้สองคนนั้นเห้นว่าผมมาจากห้องน้ำ ผมดูท่าจะตกระกำลำบากเสียแล้ว ผมต้องชั่งใจ ถ้าผมทำงานต่อไป จะเข้าแผนการณ์ของพวกนั้นทันที แต่ถ้าผมไม่ทำงาน ผมก็จะถูกพิจารณาว่าไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่และผิดจรรยาบรรณที่จะช่วยเหลือผู้อื่น วันนั้นผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ได้แต่นั่งคิด แล้วก็คิด ผมควรจะทำยังไงดี ถ้าหากใช้แผนที่ผมเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ มันคงจะเสี่ยงมากต่องานของผม
วันถัดมา
“คุณหมอปัญญาใช่มั้ยคะ”อดีตคนไข้คนหนึ่งทักผมขณะผมกำลังทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง
“อ่า ครับ ขอโทษจริงที่ผมจำคุณไม่ได้”
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ คือว่าชั้นอยากจะปรึกษางานของดิชั้นหน่อย”หญิงคนนั้นดูคุ้นตาผมเหมือนกันคงเพราะเคยเป็นคนไข้ของผมมาก่อน
“ว่ามาครับ”
“คือว่า ในบริษัทนักสืบของเรามีนโยบายจะให้มีผู้ช่วยน่ะค่ะ”หญิงคนนั้นพูด“เราเรียกพวกเขาว่าวัตสัน” นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้จักคำว่านักสืบกับวัตสัน
“แล้วไงต่อครับ”
“คือว่าเราอยากเชิญคุณไปเป็นกรรมการการคัดเลือกวัตสันเข้าทำงานในบริษัทของเรา”
“คัดตัวงั้นสิ”ผมถาม
“จากคนกว่าร้อย เหลือเก้าคน”หญิงคนนั้นตอบ“เราต้องการระดับที่หัวกะทิหน่อยน่ะค่ะ”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมสามารถทำงานระดับสูงและรับผิดชอบสูงขนาดนี้ แต่ว่าผมคงต้องปฏิเสธ”
“ถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจเรื่องเงินแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ แต่ว่าผมมีคนฉุกเฉินที่ผมต้องเผชิญอยู่เท่านั้นเอง”ผมยิ้ม“ซึ่งความเป็นความตายอยู่เพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น”
“หึ ชั้นนับถือคุณจริงๆ”หญิงคนนั้นหัวเราะ“การกระทำของคุณยิ่งทำให้ชั้นศรัทธาในตัวคุณมากขึ้นไปอีก”
“ไม่หรอกครับ เป็นเกียรติของผมที่คุณยอมรับผมซึ่งไม่ได้เก่งกาจมาทำงานที่รับผิดชอบสูงมากกว่า”
“คุณเหมาะที่จะเป็นนักสืบนะคะ เสียดายที่ประธานให้เลือกบรรจุเพียงวัตสันเท่านั้น”
“ต้องขอโทษจริงๆครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ดิชั้นต้องขอบคุณคุณมากกว่า”เราทั้งสองยิ้มให้กันก่อนที่จะกลับไปทำงาน ยังไงซะ ผมเลือกที่จะช่วยเหลือคนไข้มากกว่าที่จะหนีจากกลุ่มที่คิดร้ายต่อเขา
..
“คุณหมอคะ วันนี้ คุณสันติกับเกษมขอลาหยุดงานน่ะค่ะ คุณหมอคงต้องตรวจนเดียวแล้วล่ะค่ะ”
“คุณพยาบาลครับ คุณมีห้องตรวจที่ใหญ่กว่าห้องผมหน่อยมั้ยครับ”
“เอ่อ
.คงต้องเป็นห้องของคุณสันติ”
“งั้นเยี่ยมเลยครับ ช่วยเรียกคนไข้ตามอาการเป็นลำดับตามนี้เลยนะครับ”ผมยื่นรายการของอาการในหวอดที่ผมอยู่ ถ้าหากเคยอ่านหนังสือการตรวจซักประวัติร่างกายและได้ทำงานมาซักสองสามครั้งคงจะรู้ว่า คนไข้มาด้วยอาการอะไร แล้วเราจะวินิจฉัยอย่างไร รักษาอย่างไร
“คนไข้เบอร์1เชิญเข้าห้องค่ะ”เมื่อคนไข้เบอร์หนึ่งเข้าห้อง ตอนนี้พยาบาลก็ดูจะรีบร้อนจัดไฟล์คนไข้เหมือนกัน
“นี่ เจน แอน มาช่วยดูตรงนี้หน่อยสิ”
“คุณหมอสั่งอะไรมาหรอ”เจนกับแอนถาม
“คุณหมอบอกว่า ให้ช่วยกันดูcomplainของคนไข้น่ะว่า ถ้าเหมือนกันก็เรียกเข้าพร้อมกันไปเลย อ๊ะ แต่ดูแค่10คนแรกนะ เนช่วยกับชั้นตรงนี้หน่อยนะ”
“จ้ะ แหม คุณหมอทำงานคนเดียววันนี้ ขืนตรวจแบบธรรมดา 4วันคงยังไม่เสร็จ อิอิ”
“แอน เวลาเจออาการที่ดูเข้าข่ายว่าจะต้องไปอีกหวอดนึง ช่วยประกาศเรียกคนไข้ให้ไปหวอดอื่นทีนะ”
“ทราบแล้วจ้ะ”
“คนไข้หมายเลข 3 5 6 9 เชิญข้างในเลยค่ะ”ผมเชื่อว่าจากการวางแผนของผมนั้น ดูเหมือนถ้าจะลดเวลาลงบ้าง เพราะการตรวจแต่ละครั้งใช้เวลาอย่างมากไม่เกิน2นาที หากตรวจร่างกายอาจใช้เวลานานกว่านั้น แต่ผมก็คิดไว้แล้ว ผมเขียนไว้ว่า ถ้าเป็นคนไข้ที่ต้องตรวจร่างกายโดยการต้องถอดเสื้อผ้า ให้เรียกเข้ามาทีละคน แม้ดูเหมือนจะเป็นแผนที่ดี แต่ว่าผมก็ต้องตรวจให้ถูกต้องแม่นยำเหมือนเดิม และผมกลับเห็นว่าเวลาที่เรามีเพื่อนร่วมอาการเดียวกัน จะทำให้ลดความกังวลต่อโรคนั้นๆได้บ้าง จากพยาบาลสามคนทำงาน ต่อมา เมื่อเรื่องไปถึงหูของพนักงานหลายคนเข้ เขาก็มาช่วยงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นภารโรงที่ทำความสะอาดเสร็จแม้ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ ก็มาประกาศเรียกคนไข้ ตรวจคนไข้ไปคิว20กว่า คนไข้บางคนบอกว่าตนเองว่างอยู่(เพราะลางานทั้งวันและไม่นึกว่าตรวจเร็วขนาดนี้)ก็มาช่วยจัดแถวคนไข้ที่มีกลุ่มอาการ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง เหมือนกันมาอยู่โซนหนึ่ง เมื่อคนไข้คุยกันเองว่าปวดแบบจี๊ดๆ หรือบีบๆ หรือแปล๊บๆ ต่างก็เหมือนรู้หน้าที่ จัดแถวเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อพยาบาลที่จะเรียกขานกลุ่ม หลายคนต่างให้ความร่วมมือกันอย่างดี แม้บางคนจะไม่ทำตาม แต่ก็น้อย มีคนไข้บางคนพอตรวจเสร็จก็ลงไปซื้อน้ำมาฝากผมบ้าง ฝากพยาบาลบ้าง ตอนหลัง ลูกสาวของร้านขายเครื่องดื่ม นำกระเป่าสะพายแบกน้กระป๋องมาขายบนหวอดกันเลยทีเดียว บรรยากาศที่ดูทึมๆและน่าเบื่อในสมัยก่อนตอนนี้ดูครึกครื้น คนไข้บางคนตอนแรกดูเศร้า กลับกลายเป็นยิ้มร่าเริงเมื่อร่วมกิจกรรมกับคนไข้รายอื่น คนที่ปวดหัวมาจากสาเหตุเป็นโรคเครียดก็หายจากโรค เมื่อนั้นแล้ว ก็กลับบ้านได้ ไม่ต้องมารักษา บางคนคุยกันว่าปวดหลัง พออีกคนได้ยินก็บอกว่าตนก็เคยเป็น หมอแนะนำให้ทำอย่านั้นอย่างนี้ ไม่ต้องทานยา เขาก็ดีใจ ไม่ต้องมารักษากลับบ้าน เหตุการณ์ณ์เหล่านี้ผมได้ฟังมาจากปากของพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ผมกลับมองว่ามันได้ผลเกินกว่าที่คาดไว้มาก ผมควรจะตรวจคนไข้รวมทั้งหมด300กว่าคน แต่เอาเข้าจริงเหมือนตรวจแค่100คน เพราะคนไข้ที่ไม่ได้ป่วยหนักต่างก็พากันกลับหมด
“คุณหมอวันนี้ เยี่ยมมากค่ะ”พยาบาลดาวยิ้มให้ผม ขณะที่ผมกำลังสลบเหมือดกับการตรวจตลอดทั้งวัน
“วันนี้เหนื่อยจริงๆ”
“แต่มันก็ไม่เป็นแบบนี้ทุกๆวันนี่คะ”พยาบาลเจนพูดเสริม
“ถึงเวลาจริงๆ เราก็ต้องรักษาความเป็นโรงพยาบาลไว้ก่อน เพียงแต่วันนี้มันเหตุฉุกเฉินจริงๆ ผมเลยต้องใช้แผนนี้”
“นั่นสิ น่าเสียดายนะคะ อย่างงี้ให้สองคนนั้นหยุดงานตลอดสัปดาห์ดีมั้ยคะ”พยาบาลเจนแซว
“เดี๋ยวเหอะ ยัยเจน แค่นี้หมอก็จะตายอยู่แล้ว”ผมหัวเราะ เฮ้อ แต่เหมือนผมลืมอะไรไปอย่างนึง
“คุณหมอครับ”บุรุษพยาบาลเข้าห้องผม“มีคนไข้ไส้ติ่งแตกเข้าERแล้วครับ”
“ไม่มีหมอดูแลเลยหรอไง”
“ทุกคนต่างต้องไปประชุมครับ” ผมนึกขึ้นได้ว่ารุ่นพี่ที่เกลียดผมเป็นหัวหน้าหน่วย เขาคงจะแกล้งจัดประชุม พอมีคนไข้คงคิดจะปัดมาทางผมเป็นแน่แท้
“เดี๋ยวผมไป”ผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะไปตามแผนของพวกนั้น แต่เพื่อจรรยาบรรณของแพทย์ที่มีต่อคนไข้ ผมต้องไป
“นายแพทย์ปัญญา เจ้าของคนไข้นางสาว ดุษฎี ถูกตัดสินให้พักงานเป็นเวลา1ปี ฮ่าฮ่า สมน้ำหน้ามัน”ชายในกลุ่มนั้นคุยกับเพื่อนและรุ่นพี่อีกคน ผมไม่โผล่ไปให้มันเห็นหน้าในโรงพยาบาลหรอก แม้ว่าพยาบาลและพนักงานหลายคนมองว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย แต่กฎหมายก็ยังเป็นกฎหมาย ตราบเท่าที่ทนายสามารถใช้ตรงนี้ในการเอาผิดหมอได้ แค่บอกว่า ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือเวลาเกิดเหตุผิดพลาดตามที่แพทย์พึงกระทำ แค่นี้แพทย์ก็ผิดเต็มกระทง ไม่มีข้อแก้ตัวนอกจากบอกว่า โอกาสน้อยมากที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แม้แต่ในตำรา แพทย์ก็ต้องเตรียมยาฉีดเผื่อกรณีที่ความดันตกไปมาก หรือเกิดสภาวะช็อกก็ตาม แต่ว่าโอกาสแทบจะไม่ค่อยเจอ และยาฉีดนั้นไม่สามารถจะเก็บไว้นั่นคือต้องทิ้งไป โรงพยาบาลหลายแห่งจึงมักจะไม่ค่อยเตรียมยาฉีดนี้ เพราะราคาก็แพง ถ้าไม่ใช้ก้เหมือนโยนเงินทิ้งไปเล่นๆ
“ชีวิตมันก็อย่างนี้ล่ะนะ”ผมหัวเราะให้กับเหตุการณ์ทั้งหมด“แต่ว่าผมไม่ตายเปล่าหรอก”
วันต่อมา มีข่าวแจ้งมาว่า มีคนโพสเสียงอัดของแพทย์โรงพยาบาลดังเกี่ยวกับการกำจัดแพทย์คนหนึ่งออกไป นอกจากนั้น ยังมีคนไปโพสด่าแพทย์คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของเสียงนั้น รวมทั้งรุ่นพี่ก็ดุเหมือนจะติดสอยห้อยตามไปด้วย ไม่พอ นักโพาบางคนถึงขั้นนำประวัติของแพทย์สามคนนั้นออกมาแฉรวมถึงเรื่องฉาวโฉ่ไม่ว่าจะด้านการโกง การเส้น รวมถึง เรื่องผู้หญิงอีกด้วย ผลจากข่าวนี้ทำให้หลายๆฝ่ายของโรงพยาบาลก็เสียหายไปด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบ ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกมา
ผมได้ฟังเช่นนั้น พยาบาลที่โทรหาผมก็บอกผมว่า ให้ลองสู้คดีซักที จะได้เอาตัวรอดได้
ผมก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่ว่า นึกถึงหัวอกของญาติผู้ตาย มันดูจะเป็นการที่ไปซ้ำเติมเขาเสียมากกว่า รวมถึงตอนนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์อยากจะทำงานให่โรงพยาบาลนี้อีกแล้ว นั่นคือเมื่อผมรู้ว่า ผมรอดพ้นผิดจากแพทย์สภาแต่ว่าเส้นของสามคนนั้นทำให้ฝ่ายผู้จัดการโรงพยาบาลต้องเอาผิดผมให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ไม่มีความตั้งใจที่จะทำงานให้เขาต่อไป
ผมจึงตัดสินใจที่จะทำงานที่ผมถนัดรองลงมา งานที่ผมสามารถใช่ศักยภาพของผมได้เต็มกำลัง งานที่ผมไม่ต้องพึ่งพาใคร แม้คนนั้นจะเป็นนายของผมก็ตาม
“ผู้สมัครคนที่305 คุณชื่อะไร”
“ผมชื่อ เมธาครับ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น