ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dirge then Death

    ลำดับตอนที่ #9 : Op. 8 : My Confession

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 51


    Op. 8 : My Confession
     
    ณ คอนโดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากฟิตเนสนั้นประมาณ4กิโลเมตร
    สวัสดีครับ คุณเมธายามที่เฝ้าที่ล็อบบี้ทักวันนี้กลับดึกนะครับ
    ก็งานมันยุ่งนี่นา คุณนาคบาสยิ้มให้ อ้อ นี่คุณนักสืบสิงห์บาสเบี่ยงมือมาที่ต่อ
    ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับยามคนนั้นยิ้มให้ต่อ ต่อยิ้มและผงกหัวรับ ต่อรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยก็เพราะพ้นจากอันตรายที่เขาเกือบเอาตัวไม่รอดในคืนนี้ และอีกอย่างคือเขารู้ได้ว่ายามคนนี้อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นเกย์
    เชิญครับบาสยื่นบัตรไปที่เซ็นเซอร์รับ ดังปิ๊บ ก่อนที่ยามจะเปิประตูให้ โชคดีที่ลิฟต์ชั้นล่างเปิดอยู่พอดี บาสและต่อเข้าไปแล้วกดลิฟต์ขึ้นชั้น15
    ที่คุณไม่ปฏิเสธที่จะขอกลับไปคนเดียวตั้งแต่ตอนนั้นบาสพูดเพราะคุณอยากรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับผมสินะ
    ผมคงไม่ต้องให้คุณเดาใจผมหรอกต่อหันมาแต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมจำเป็นต้องรู้เหมือนกัน
    ถ้ารู้แล้วมันจะทำให้คุณสืบคดีได้ง่ายขึ้นงั้นหรอบาสถาม
    ก็อาจจะต่อยิ้มถ้าคุณรู้ฝีมือที่แท้จริงของคู่หูตัวเองล่ะนะ
    หึหึ ผมเถียงคุณไม่ไหวจริงๆบาสหัวเราะ ได้ ผมจะเล่าทุกอย่างที่คุณควรรู้ให้ฟัง เกี่ยวกับตัวผม
    แต่คุณคงต้องทดสอบผมก่อนใช่มั้ยต่อถามเหมือนรู้นิสัยของบาสดี
    ผมปิดคุณไม่ได้จริงๆบาสยิ้มตอนแรกผมคิดว่าคุณจะไม่เฉลียวฉลาดขนาดนี้ แต่ดูๆแล้ว เวลางานคุณท่าทางจะได้ใช้สมองอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด
    งั้นมาเริ่มกันเลยสิ ติ๊ง ลิฟต์จอดที่ชั้น15 ต่อเดินตามบาสไปยังห้องของเขา บาสหยิบกุญแจดอกเหลือง เสียบเข้าที่รูกุญแจแล้วบิดอย่างระมัดระวัง พลางบาสมองหน้าต่อแล้วก็ยิ้ม
    คุณคงจำครั้งที่เจอกันตอนคดีของเด็กสาวที่ถูกข่มขืนได้บาสเกริ่นนำ
    ผมจำได้ต่อพยักหน้า ต่อจำได้แม่นยำเพราะเป็นการสืบสวนที่ดูพิลึกที่สุดสำหรับเขา
    คุณคงจะให้คำตอบผมจากที่คุณเคยถามว่า ผมใช้วิธีการอะไรมัดตัวคนร้ายสินะบาสยิ้ม เช่นเดียวกับต่อ บาสเชิญต่อไปนั่งที่โซฟาสีน้ำเงินเข้ม
    ตอนแรกผมก็สงสัย แต่พอกลับมานอน ผมก็ได้คิดต่อยังคงพูดต่อไป
    ผมเลยนึกขึ้นได้จากคดีที่ผ่านๆมา เด็กที่โดนทารุณกรรมส่วนใหญ่จะช็อค และไม่กล้าที่จะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นี่เป็นปัญหาที่ตำรวจหนักใจเวลาจะจับคนร้าย เพราะว่าเด็กเห็นว่าเป็นเรื่องของตนเอง ยิ่งเด็กคิดถึง เด็กยิ่งเครียด ไม่มีความสุข
    แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น เด็กก็จะรู้สึกตรงนี้น้อยลง เพราะสมองเขาจะแปลผลเข้าข้างตนเองว่า นี่มันไม่ใช่ที่ชั้นเจอมาเมื่อกี๊ มันเป็นละครเรื่องหนึ่งเท่านั้น ละครที่ชั้นเกลียดผู้ชายคนนี้ และเด็กคนนั้นก็น่าสงสารเสียเหลือเกิน
    เด็กจึงสามารถที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆได้ แต่ว่าวิธีการนี้จริงๆก็ได้ผลเวลาสอบปากคำผู้เสียหายได้เหมือนกันบาสได้ฟังอย่างนั้นก็หัวเราะ และตบมือให้
    คุณนี่เยี่ยมจริงๆบาสชมเชยจากใจจริงผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถตอบได้ถูกต้องขนาดนี้
    ผมเคยอ่านเจอในวารสารการแพทย์ที่เผอิญมีคนส่งมาให้ผิดที่ต่อพูดแม้ว่ามันจะดูบังเอิญก็เถอะ
    เพราะฉะนั้น ผมคงไม่ต้องบอกแล้วละมั้งว่า ผมเป็นใคร มาจากไหนบาสยิ้ม
    คุณคงเป็นจิตแพทย์ของโรงพยาบาลที่ไหนซักแห่งต่อตอบแต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงออกมาทำงานแบบนี้
    ในฐานะที่คุณอยากรู้ และเราเป็นเพื่อนร่วมทีมบาสเดินไปหยิบน้ำส้มในตู้เย็นสองขวด แล้วยื่นมาให้ต่อและคุณสามารถเข้าใจความรู้สึกผมได้ ผมจะเล่าให้ฟังบาสเดินไปนั่งตรงข้าม
     
    ………………………………………………………………………….
     
    ผมไม่ได้เป็นจิตแพทย์ แต่เป็นเพียงแพทย์ทั่วไป หรือที่คนอื่นๆเรียกว่าGP ผมยังไม่ได้ต่อทางด้านไหน แต่ว่าผมมาขอสมัครงานไปอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ผมดีใจมากที่เขารับผมเข้ามาทำงานแม้ว่าผมไม่มีใบแสดงว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดก็ตาม แม้เกรดผมจะรอมร่อที่จะตกอยู่ก็ตาม ผมเข้ามาทำงานได้สิบวันก็เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ คนไข้ที่ผมรักษาต่างก็ชื่นชม
    แต่สิ่งที่ผมมองว่าสวยงาม ยิ่งผมมองมากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเห็นสิ่งหมองมัวมากขึ้นเท่านั้น
    ในช่วงพักกลางวันของผมนั้นเอง
    สวัสดีครับ คุณหมอปัญญาชายคนหนึ่งเข้ามาในชุดสูทสีเทาดูเรียบร้อยพร้อมเอกสารที่ซีลอย่างดี
    ครับ คุณเป็นอะไรถึงมาหรอครับบาสถาม ตอนนั้นผมใช้ชื่อว่า ปัญญา
    คือว่าคนไข้ของคุณมารักษาที่นี่น่ะครับ คุณเพชราเขาใช้บริการประกันสุขภาพของทางบริษัทเรา เมื่อได้ยินถึงคำว่าประกันสุขภาพ บวกกับที่พนักงานคนนี้ไม่ได้แนะนำตัวเสียก่อน ผมจึงรู้สึกถึงความหลอกลวงที่เขากำลังจะนำมาเล่นงานผม
    ครับ ผมจำคนไข้ได้ คุณจะมาขอประวัติการรักษาคนไข้ท่านนี้ใช่มั้ยดุเหมือนชายคนนั้นจะพยายามให้เรื่องจบเร็วๆ จึงส่งแบบฟอร์มเอกสารมาให้ผมอย่างรวดเร็ว
    ถ้างั้นต้องรบกวนคุณหมอเสียหน่อยนะครับ
    ไม่เป็นไรครับ แหม แต่ผมไม่ค่อยเจอคนไข้ใช้ประกันนี่นะ อาจจะตะกุกตะกักบ้าง ต้องขอโทษนะครับผมพูดไปตามน้ำทั้งที่จริงๆแล้ว ผมก็พอรู้ไส้พุงของบริษัทประกันบางบริษัทที่หากินจากลูกค้าไม่พอ ยังมาหาหมออีกต่างหาก ตรงนี้เซ็นเอ่อ…”ผมดูที่ชื่อของบริษัทของเขา บริษัทนี้ผมก็พอได้ยินชื่อแม้เขาโฆษณาเพียงไม่กี่ครั้งในทีวีก็ตาม คุณไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไหร่ โรคร้ายจะมาเยือนคุณหรือญาติคุณ เราเคยช่วยเหลือบุคคล(อะไรก็ตาม)มาแล้ว คุณเชื่อใจเราได้ หึ คำพูดนั้นผมฟังจนสามารถจะเลียนเสียงให้เหมือนในทีวีได้แล้วอีก
    เอกสารทุกอย่างมีเท่านี้ใช่มั้ยครับผมแกล้งทำเป็นเช็คทุกๆแผ่นของเขา จริงๆเพื่อจะดูสีหน้าของเขาเวลาผมทำอย่างนี้ เขายังคงยิ้ม แต่ผมก็สังเกตเห็นอาการเกร็งได้ อย่างไรก็ตาม เอกสารนี้ไม่ใช่เอกสารปลอม แต่ก้ไม่ใช่เอกสารที่ถูกต้องครบถ้วนซะทีเดียว
    เรียบร้อยแล้วนะครับผมยื่นให้เขา เขายกมือไหว้ขอบคุณด้วยรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งของผู้ที่คิดว่าหลอกคนอื่นสำเร็จแล้ว เขาซีลเอกสารไว้อย่างดี
    อ๊ะ จริงสิ ผมขอนามบัตรคุณไว้ด้วยได้มั้ยครับ
    อ๊ะ ได้สิครับเขายื่นมาให้ทันทีเหมือนว่าเขาถือมันไว้กับมือตั้งแต่เมื่อเขาเข้ามาในห้องแล้ว
    เรากล่าวอำลาไปซักพักก่อนที่เขาจะจากไป ผมโทรไปหาคนไข้ของผมทันที
    ฮัลโหล สวัสดีค่าเสียงของคุณเพชราซึ่งดูท่าเธอก็จะโดนหลอกเหมือนกัน
    สวัสดีครับ ผมนายแพทย์ปัญญานะครับ
    อ๋อ ค่ะ
    คือว่า มีบริษัทประกันมาขอใบประวัติสุขภาพผมมาน่ะครับ เลยมีเรื่องอยากรบกวนคุณซะหน่อย
    อ๋อ ไม่มีปัญหาค่ะ ดิชั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณหมอมาตลอดอยู่แล้วนี่คะ
    คือว่า เขาคงต้องยื่นเอกสารที่เขาเอามาให้ผมเซ็นให้คุณแน่นอน และถึงตอนนั้น คุณช่วยเช็คสองอย่างนี้นะครับ
    ค่ะ ว่ามาเลยค่ะเสียงคุณเพชราฟังแล้วพอรู้ได้ว่าเขาต้องการช่วยเหลือผมเต็มที่
    อย่างแรกนะครับ ซองเอกสารของเขาจะต้องถูกซีลไว้นะครับ ไม่ใช่ว่าเปิดอยู่
    ค่ะ ทราบดีค่ะ
    อย่างที่สองนะครับ ในนั้นจะต้องมีเช็คเงินเป็นค่าหมอซึ่งทางบริษัทจะเป็นผู้จ่ายนะครับ
    ค่ะ แล้วถ้าหากว่าไม่มีล่ะคะ
    คุณลองถามเขานะครับว่ามีหรือไม่ ส่วนมากเขาอาจจะตอบว่า คุณจะต้องเสียเงินเอง และถ้าหากยื่นให้แพทย์โดยตรง คุณก็จะไม่ต้องเสียเงินค่าหมอ
    หากว่า เขาพูดอย่างนั้น ช่วยติดต่อผมด่วนเลยนะครับ
    ค่ะดิชั้นทราบแล้วค่ะ
    ขอบคุณมากครับ
    ค่ะ สวัสดีค่ะ
    วันต่อมา ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณเพชราซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้จริงๆ ไม่มีเช็คค่าหมออย่างที่คิด
    สวัสดีครับเสียงชายผู้ขายประกันพูดผ่านมือถือ
    สวัสดีครับ ผมนายแพทย์ปัญญาที่คุณมาเมื่อวานนะครับ
    อ่ะ..เอ่อ..ครับเขาดูท่าทีลุกลี้ลุกลน
    คือว่าหัวหน้าผมเขาต้องการเช็คค่าหมอด้วยนะครับ เผอิญผมไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเช็คด้วย ผมจึงโทรมาหาคุณ
    อ๋อคือว่า…”เสียงเขายิ่งดูตะกุกตะกักกว่าเดิมคนไข้จะเป็นคนจ่ายน่ะครับ แต่ว่าถ้าเขามาเอง ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เหมือนกับค่าไปรษณีย์น่ะครับ
    อ๋อ ผมพอจะเข้าใจผมแสร้งตอบอย่างนั้นแต่ว่าตอนนี้หัวหน้าผมสั่งให้ผมโทรไปที่สำนักงานใหญ่ด้วยนี่สิ
    อะอะไรนะครับ
    คือผมจะต้องแจ้งให้สำนักงานใหญ่ทราบว่าคุณบริการได้ดีขนาดไหนผมหัวเราะเขาชื่นชมที่คุณอ่อนน้อม และก็ตรงไปตรงมาน่ะ
    อ่ะ..คือ..ผมเริ่มไม่แน่ใจเรื่องเช็คค่าหมอนะครับ ขอไปสอบถามทางหัวหน้างานอีกทีก่อนนะครับไม่ทันที่ผมจะเอ่ยคำว่าขอบคุณ เขาก็วางหูไปเสียแล้ว นั่นทำให้เย็นวันนั้น ทั้งหัวหน้าเขาและเขาก็มาขอโทษ อ้างว่า รุ่นพี่เขาสอนมาอย่างนี้ และก็คืนเช็คค่าหมอให้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ต้องแกล้งทำเป้ว่าคนเราผิดพลาดกันได้ และไม่เอาผิดกับพวกเขา แม้ว่าหลังจากนี้แล้วพวกเขาก็ยังคงอาจจะไปหาเหยื่อหมอที่น่าสงสารรายใหม่ก็ตาม
    นั่นมันจุดเริ่มต้นที่ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่า ชีวิตยังมีสิ่งเลวร้ายที่คอยหลอกลวงเรา
     
    แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องทิ้งความเป็นหมอไปไม่ใช่สิ่งนั้น
    แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่าความอิจฉาริษยาซะมากกว่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×